วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 05:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 50, 51, 52, 53, 54, 55, 56 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 13:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
ใครสนใจอยากเรียนรู้จริงๆก็โทรคุยโดยตรงได้เลยนะครับ
ไม่ทราบท่านผู้รักษาลานจะอนุญาตให้โพสต์เบอร์โทรหรือเปล่ารัเพราะไม่ค่อยเห็นมีใครโพสต์กัน

หรือจะถามไปทางหลังไมค์ผ่านบริการเมล์ของลานธรรมจักรก็น่าจะได้นะครับ
tongue


ดูตัวด้วยนะ...ว่า...ที่พูดออกมานี้.....มันอยากมากมั้ย?...อยากเป็นครูอาจารย์....อยากบอกผู้คน

ถ้าอยากอยู่......พ่อแม่ครูบาอาจารย์บอกว่านั่น..มันยังเลวอยู่

อวิชชานี้มันเนียนมากนะ.....หลายๆครั้งมันก็ใช้คำธรรมะนี้แหละ...มีเหตุมีผลดีนัก....

เพียงเข้าใจเรื่องบุญกรรมแบบง่ายๆ....เข้าใจเหตุปัจจัยตามธรรมดา..ๆ....ก็จะไม่พยายามทำอะไรตามกิเลส..ตามอวิชชา..เป็นแน่

ผู้หมดกิเลสแล้วถึงไม่ดิ้นรนขวนขวายหาลูกศิกษ์...

แนต่ก็เอาเถอะ.....ทุกสิ่งที่ทำทั้งถูกผิด...จะเป็นประสพการณ์เป็นครูสอนตนเองได้ทุกอย่าง...จะเป็นอริยะได้มันต้องผ่านตรงนคั้เกือบมืกคน...(อยากจะพูดว่า..ทุกคนเสียด้วยซ่ำ...เพราะกิเลสมันก็ตัวเดียวกันทั้งนั้น)....คนอิ่มกับกิเลสตัวนี้ก็ผ่านได้ง่าย....ใครยังไม่อิ่มก็ต้องดูดดื่มมันอยู่ต่อไป...จนกว่าจะมีปัญญาที่ฝะเอียดแหลมคมพอที่จะเห็น

:b16:
การพูดด้วยเมตตา กรุณา ปารถนาดี กับการพูดด้วยตัณหาความทะยานอยาก ดูภายนอกคล้ายกัน แต่เจตนาข้างในต่างกันเยอะนะครับ โปรดพิจารณา
Kiss


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 13:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
wink
ฌาณ แปลว่า เพ่ง ก็ได้

แต่ถ้าแปลตามรากเกิดของภาษา มีความหมายว่า "ระดับแห่งความสงบตั้งมั่นของจิต"ก็ได้นะครับ

สังเกตดูให้ดีว่าท่านจำแนกระดับของฌาณไว้ถึง 8 ระดับ ( รูป 4 อรูป 4 )



ไหว้ครูอยู่นั่นแหละ ชกสะทีเถอะอโศก ทำยังไงฌานน่ะ บอกวิธีทำเขาไปเลย ยังงี้ซี่เขาเรียกว่าชก แหมๆๆรำซ้ายทีขวาทีอยู่นั่นแหละ :b32: เดี๋ยวไล่ลงเวทีเลยแบบนี้

:b12:

กรัชกายเข้าไปที่กูเกิ้ลเซิร์จ นะ แล้วพิมพ์คำว่า "วิธีเจริญสมาธิให้ถึงฌาณ 4" นะ เดี๋ยวหลวงพ่อกูเกิ้ล จะค้นมาให้อ่านหลายสำนวน

อโศกะไม่สะดวกพิมพ์บอกด้วยแทบเลท ข้อความมันเยอะหน่อยครับกว่าจะอธิบายให้เข้าใจ

ใครสนใจอยากเรียนรู้จริงๆก็โทรคุยโดยตรงได้เลยนะครับ
ไม่ทราบท่านผู้รักษาลานจะอนุญาตให้โพสต์เบอร์โทรหรือเปล่ารัเพราะไม่ค่อยเห็นมีใครโพสต์กัน

หรือจะถามไปทางหลังไมค์ผ่านบริการเมล์ของลานธรรมจักรก็น่าจะได้นะครับ


อ้างคำพูด:
กรัชกายเข้าไปที่กูเกิ้ลเซิร์จ นะ แล้วพิมพ์คำว่า "วิธีเจริญสมาธิให้ถึงฌาณ 4" นะ เดี๋ยวหลวงพ่อกูเกิ้ล จะค้นมาให้อ่านหลายสำนวน


นั่นๆว่าแล้ว เห็นก็รู้ :b32: อโศกไม่มีประสบการณ์ตรงเรื่องการปฏิบัติธรรม เรื่องกรรมฐาน หรือจะชื่ออะไรอีกก็ตั้งเอา เลย ตัวเองยังเอาไม่รอดเลยขอรับ

เรื่องเบอร์โทร ก็เห็นเคยลงทีแล้วนี่ กรัชกายยังแซวๆเลยจำไม่ได้หรอ ทำเป็นลืม :b1: จริงๆน่ะ ถ้าใครให้อโศกสอนภาวนา ได้บ้ากันทั้งเมือง อ้าวจริงๆ บอกไม่เชื่อ :b32:

เอาระดับนี้เถอะขอรับ ทำวัตรเช้า-เย็น สวดมนต์เจ็ดตำนาน สวดอิติโส พาหุง มหากา เอาเถอะ ที่พูดนี่หวังดีนะขอรับ เข้าใจจุดประสงค์ด้วย

Onion_L
เหตุผลเพียงแค่นี้ก็ตัดสินว่าอะไรเป็นอะไรไปแล้วหรือกรัชกาย ใจเร็ว ด่วนได้ ใช้ตัวเองเป็นมาตรฐานตัดสินโลก จะทุกข์โศก ระกำช้ำดวงใจในภายหลังนะ
:b7:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
wink
ฌาณ แปลว่า เพ่ง ก็ได้

แต่ถ้าแปลตามรากเกิดของภาษา มีความหมายว่า "ระดับแห่งความสงบตั้งมั่นของจิต"ก็ได้นะครับ

สังเกตดูให้ดีว่าท่านจำแนกระดับของฌาณไว้ถึง 8 ระดับ ( รูป 4 อรูป 4 )



ไหว้ครูอยู่นั่นแหละ ชกสะทีเถอะอโศก ทำยังไงฌานน่ะ บอกวิธีทำเขาไปเลย ยังงี้ซี่เขาเรียกว่าชก แหมๆๆรำซ้ายทีขวาทีอยู่นั่นแหละ :b32: เดี๋ยวไล่ลงเวทีเลยแบบนี้

:b12:

กรัชกายเข้าไปที่กูเกิ้ลเซิร์จ นะ แล้วพิมพ์คำว่า "วิธีเจริญสมาธิให้ถึงฌาณ 4" นะ เดี๋ยวหลวงพ่อกูเกิ้ล จะค้นมาให้อ่านหลายสำนวน

อโศกะไม่สะดวกพิมพ์บอกด้วยแทบเลท ข้อความมันเยอะหน่อยครับกว่าจะอธิบายให้เข้าใจ

ใครสนใจอยากเรียนรู้จริงๆก็โทรคุยโดยตรงได้เลยนะครับ
ไม่ทราบท่านผู้รักษาลานจะอนุญาตให้โพสต์เบอร์โทรหรือเปล่ารัเพราะไม่ค่อยเห็นมีใครโพสต์กัน

หรือจะถามไปทางหลังไมค์ผ่านบริการเมล์ของลานธรรมจักรก็น่าจะได้นะครับ


อ้างคำพูด:
กรัชกายเข้าไปที่กูเกิ้ลเซิร์จ นะ แล้วพิมพ์คำว่า "วิธีเจริญสมาธิให้ถึงฌาณ 4" นะ เดี๋ยวหลวงพ่อกูเกิ้ล จะค้นมาให้อ่านหลายสำนวน


นั่นๆว่าแล้ว เห็นก็รู้ :b32: อโศกไม่มีประสบการณ์ตรงเรื่องการปฏิบัติธรรม เรื่องกรรมฐาน หรือจะชื่ออะไรอีกก็ตั้งเอา เลย ตัวเองยังเอาไม่รอดเลยขอรับ

เรื่องเบอร์โทร ก็เห็นเคยลงทีแล้วนี่ กรัชกายยังแซวๆเลยจำไม่ได้หรอ ทำเป็นลืม :b1: จริงๆน่ะ ถ้าใครให้อโศกสอนภาวนา ได้บ้ากันทั้งเมือง อ้าวจริงๆ บอกไม่เชื่อ :b32:

เอาระดับนี้เถอะขอรับ ทำวัตรเช้า-เย็น สวดมนต์เจ็ดตำนาน สวดอิติโส พาหุง มหากา เอาเถอะ ที่พูดนี่หวังดีนะขอรับ เข้าใจจุดประสงค์ด้วย

Onion_L
เหตุผลเพียงแค่นี้ก็ตัดสินว่าอะไรเป็นอะไรไปแล้วหรือกรัชกาย ใจเร็ว ด่วนได้ ใช้ตัวเองเป็นมาตรฐานตัดสินโลก จะทุกข์โศก ระกำช้ำดวงใจในภายหลังนะ
:b7:


บอกให้หาอ่านเอาเอง มีหลายสำนวน เพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้วล่ะ เพราะบอกได้ว่า ที่อโศกพูดๆมา ก็พูดตามสำนวนที่ค้นจากเจ้าพ่อกูรู :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2014, 11:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......

งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์"

จนละความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


[b]หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดูนิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับไปจากใจ[/b
]

:b8:
:b27:


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2014, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์"

จนละความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดูนิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับไปจากใจ



สรุปวิธีปฏิบัติของอโศก ก็ตามนี้นะ ยืนยันด้วย :b1: ตะบอยตะงอยเนี่ยนะ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2014, 12:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......




ภูมิใจมากๆ....อยากให้เขารู้....เป็นกิเลส

ผู้รู้....ย่อมไม่ทุกข์....ไม่กังวลว่าใครจะเข้าใจตนผิด....

รู้เท่า..รู้ทัน..รู้ปัจจุบัน...คือ..รู้ทันกิเลสตัว..ที่เป็นตัวผลักดันให้..คิด...พูด...ทำ...นี้แหละ....จึงเป็นมรรค...


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2014, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์"

จนละความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดูนิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับไปจากใจ



ไหนลองวิธีปฏิบัติหน่อยสิ

อ้างคำพูด:
เมื่อคืนนี้ ผมนั่งสมาธิประมาณ 2 ชม. ก็ออกจากสมาธิตามปกติ และก็ไปนอน ในขณะที่

กำลังนอนก็ยังกำหนดภาวนา พุท โธ และวางสติกำหนดไว้ที่กลางหน้าอก ประมาณ 5-10 นาที

เห็นจะได้ อยู่ ๆ ก็มีเสียงลึกลับ เป็นเสียงผู้ชาย มาแนะนำผมในการวางสติ โดยที่ผมยังมีสติรู้อยู่

ทุกอย่าง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงนี้ด้วย โดยเสียงลึกลับนั้นกล่าวว่า "หากวางสติไว้ที่กลางหน้า

อกแล้วยังไม่สงบ ก็ลองเปลี่ยนฐานในการวางสติดูบ้างซิ" ผมก็ฟังและรับรู้ ในตอนแรกลองย้าย

ฐานไปตรงบริเวณท้องไปดูพองยุบ แต่ก็เปลี่ยนใจกลับมาไว้ที่กลางอกเหมือนเดิม กลัวว่าจิตจะ

สับสน เหมือนว่าเราไม่ยึดแนวปฏิบัติหลักของเรา เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อาจจะทำให้จิตสงบช้าลง ก็เลย

วางสติไว้ที่เดิมที่กลางหน้าอก และกำหนดไปเรื่อย ๆ

อยากจะถามว่า เวลาปฏิบัติหากมีเสียงลึกลับมาแนะนำให้เราปฏิบัติอย่างนั้น อย่างนี้ เราควรทำตามไหม หรือว่าอย่างไร


อโศก เขาเป็นอะไร อโศกจะแนะนำเขาอย่าไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั่น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ค. 2014, 22:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์"

จนละความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดูนิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับไปจากใจ



สรุปวิธีปฏิบัติของอโศก ก็ตามนี้นะ ยืนยันด้วย :b1: ตะบอยตะงอยเนี่ยนะ คิกๆๆ

:b12: :b12: :b12:
นั่งยัน นอนยันก็ได้ด้วยซ้ำไป
:b11: :b11:


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ค. 2014, 22:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์"

จนละความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดูนิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับไปจากใจ



ไหนลองวิธีปฏิบัติหน่อยสิ

อ้างคำพูด:
เมื่อคืนนี้ ผมนั่งสมาธิประมาณ 2 ชม. ก็ออกจากสมาธิตามปกติ และก็ไปนอน ในขณะที่

กำลังนอนก็ยังกำหนดภาวนา พุท โธ และวางสติกำหนดไว้ที่กลางหน้าอก ประมาณ 5-10 นาที

เห็นจะได้ อยู่ ๆ ก็มีเสียงลึกลับ เป็นเสียงผู้ชาย มาแนะนำผมในการวางสติ โดยที่ผมยังมีสติรู้อยู่

ทุกอย่าง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงนี้ด้วย โดยเสียงลึกลับนั้นกล่าวว่า "หากวางสติไว้ที่กลางหน้า

อกแล้วยังไม่สงบ ก็ลองเปลี่ยนฐานในการวางสติดูบ้างซิ" ผมก็ฟังและรับรู้ ในตอนแรกลองย้าย

ฐานไปตรงบริเวณท้องไปดูพองยุบ แต่ก็เปลี่ยนใจกลับมาไว้ที่กลางอกเหมือนเดิม กลัวว่าจิตจะ

สับสน เหมือนว่าเราไม่ยึดแนวปฏิบัติหลักของเรา เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อาจจะทำให้จิตสงบช้าลง ก็เลย

วางสติไว้ที่เดิมที่กลางหน้าอก และกำหนดไปเรื่อย ๆ

อยากจะถามว่า เวลาปฏิบัติหากมีเสียงลึกลับมาแนะนำให้เราปฏิบัติอย่างนั้น อย่างนี้ เราควรทำตามไหม หรือว่าอย่างไร


อโศก เขาเป็นอะไร อโศกจะแนะนำเขาอย่าไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั่น :b1:

:b38:
เขาเกิดนิมิตด้วยอำนาจสมาธิแล้วสติรู้ไม่ทันจึงปรุงแต่งเป็นเรื่องเป็นราวไปตามนิมิตนั้นยิ่งไปเชื่อตามเสียงกระซิบ ทำตามคำบอกก็ยิ่งจะฟุ้งออกนอกทางไปใหญ่

ให้ดึงสติกลับมาอยู่กับพุทโธ เอาพุทโธช่วยตัดอารมณ์นิมิตต่างๆลงให้ได้ จนจิตสงบเจริญขึ่นเป็นฌาณตามลำดับถึงจะเรียกว่ากลับมาอยู่ในทาง

ที่เรียนหนอมานั้นก็ใช้ได้ เห็นนิมิต ก็ เห็นหนอๆๆๆๆ จิตคิดนึกก็คิดหนอๆๆๆ จิตฟุ้งก็ ฟุ้งหนอๆๆๆ ฯลฯ

สำหรับผู้ที่ฝึกนิ่งรู้นิ่งสังเกตอารมณ์ ก็ให้รู้นิมิตที่เกิด สังเกตความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อนิมิต จนนิมิตและลูกหลานอารมณ์ที่เกิดจากนิมิตนั้นดับไป เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นอะไรก็ให้รู้ทันไปเรื่อยๆ จนเมื่อหมดกำลังแห่งเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดนิมิตนั้น นิมิตนั้นก็จะดับไปหมดไปหยุดไปเอง เปลี่ยนเป็นอารมณ์ใหม่ไปเรื่อยๆจนหมดอารมณ์ที่จะฟุ้งปรุงจิตก็จะเข้าถึงภาวะหมดงานและสงบของเขาเอง ดังนี้เป็นต้น
:b44:


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2014, 05:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์"

จนละความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดูนิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับไปจากใจ



สรุปวิธีปฏิบัติของอโศก ก็ตามนี้นะ ยืนยันด้วย :b1: ตะบอยตะงอยเนี่ยนะ คิกๆๆ


นั่งยัน นอนยันก็ได้ด้วยซ้ำไป


ถ้ายังงั้น ตีลังกายัน ด้วยวิธีของอโศกหน่อยเนี่ยเอ้า

อ้างคำพูด:
เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา
ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้น ความกลัวผุดขึ้น
จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น



ทำยังไง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2014, 13:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......




ภูมิใจมากๆ....อยากให้เขารู้....เป็นกิเลส

ผู้รู้....ย่อมไม่ทุกข์....ไม่กังวลว่าใครจะเข้าใจตนผิด....

รู้เท่า..รู้ทัน..รู้ปัจจุบัน...คือ..รู้ทันกิเลสตัว..ที่เป็นตัวผลักดันให้..คิด...พูด...ทำ...นี้แหละ....จึงเป็นมรรค...

smiley
ขอบใจกบที่คอยให้สติด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และยังเข้าใจไม่คลายว่าอโศกะสนทนาธรรมะด้วยความอยากดัง ทั้งๆที่เคยบอกไปหลายครั้งว่าเข้ามาสนทนาธรรมด้วยเมตตา กรุณาและปารถนาดี (ต่อชาวโลก)

ในส่วนกรณีของกรัชกายนี่เคยมีเวรมีกรรมอุปถัมภ์ค้ำจุน หนุนและฉุดรั้งกันมาก่อน จึงมีวาทะต่อกันมากคลัายกับโฮฮับซึ่งก็บายไปพักชั่วคราวแล้ว การสนทนาก็อาจมีทั้งไม่นวมและไม้แข็งปะปนกันไป คุณกบจึงได้เจออะไรที่ดูอาจจะขัดหูขัดตาไปบ้าง ก็ไม่เป็นไรให้ถือเป็นธรรมทัศนะ เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่มีบอกและไม่มีเมือนในตำรา

มีกรณีตัวอย่างอย่างเรื่องหลวงปู่เจี๊ยะ ที่อโศกะเคยนำมาเล่าให้ฟังนานแล้วไม่ทราบคุณกบเคยผ่านตาหรือยังนะ

เรื่องสำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์นี่ก็เพราะกรัชกายคอยแต่สบประมาทว่า อโศกะไม่เคยปฏิบัติ เอาแต่คัดลอกผู้อื่น จึงยื่นตัวอย่างและเหตุผลมาให้เขาพิสูจน์ ว่าพูดอย่างนี้ สอนแนะอย่างนี้มีใครที่ไหนทำมาก่อนจนอโศกะต้องไปคัดลอกคำพูดเขามา ให้กรัชกายหาหลักฐานมาแสดง แต่นี่ก็เห็นเงียบไปทุกที เมื่อเจอของดีหรือของแข็งที่มันเป็นความจริง

ส่วนเรื่อง

อ้างคำพูด:
ภูมิใจมากๆ....อยากให้เขารู้....เป็นกิเลส

ผู้รู้....ย่อมไม่ทุกข์....ไม่กังวลว่าใครจะเข้าใจตนผิด....

รู้เท่า..รู้ทัน..รู้ปัจจุบัน...คือ..รู้ทันกิเลสตัว..ที่เป็นตัวผลักดันให้..คิด...พูด...ทำ...นี้แหละ....จึงเป็นมรรค.


ดังอ้างอิงมานี้ เป็นคำแนะนำที่ดี ที่กบก็ควรนำไปใส่ใจสำเหนียกไว้สอนตนเช่นกันนะครับ อนุโมทนา
tongue


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2014, 15:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์"

จนละความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดูนิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับไปจากใจ



สรุปวิธีปฏิบัติของอโศก ก็ตามนี้นะ ยืนยันด้วย :b1: ตะบอยตะงอยเนี่ยนะ คิกๆๆ


นั่งยัน นอนยันก็ได้ด้วยซ้ำไป


ถ้ายังงั้น ตีลังกายัน ด้วยวิธีของอโศกหน่อยเนี่ยเอ้า

อ้างคำพูด:
เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา
ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้น ความกลัวผุดขึ้น
จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น



ทำยังไง :b1:



ไปพร่ำพรรณากับ กบ โน่น ที่ถามนี่ไม่ตอบ ปวดตับจริงๆ :b1:

บอกไม่เชื่อ ว่าจะแบกจักรยานกลับสำนัก ๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2014, 17:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์"

จนละความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดูนิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับไปจากใจ



สรุปวิธีปฏิบัติของอโศก ก็ตามนี้นะ ยืนยันด้วย :b1: ตะบอยตะงอยเนี่ยนะ คิกๆๆ


นั่งยัน นอนยันก็ได้ด้วยซ้ำไป


ถ้ายังงั้น ตีลังกายัน ด้วยวิธีของอโศกหน่อยเนี่ยเอ้า

อ้างคำพูด:
เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา
ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้น ความกลัวผุดขึ้น
จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น



ทำยังไง :b1:



ไปพร่ำพรรณากับ กบ โน่น ที่ถามนี่ไม่ตอบ ปวดตับจริงๆ :b1:

บอกไม่เชื่อ ว่าจะแบกจักรยานกลับสำนัก ๆ :b32:

:b16: :b16:
เห็นหนอ....กลัวหนอ...รูสึกหนอ

เห็นก็รู้ว่าเห็น....กลัวก็รู้ว่ากลัว...รู้สึกก็รู้ว่ารู้สึก...คิดปรุงก็รู้ว่าคิด

จิตถอยก็รู้ว่าจิตถอย

:b51:


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2014, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
สำนวนคำสอนของอโศกะไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เตือนให้กลับไปค้นดู ไม่ได้ลอกกุรูมาอย่างกรัชกาย น่าไม่อายขี้ตู่ เป็นปู่เฒ่าเฝ้าตำรา

ดูดีๆมีที่ไหนใครเขียนมาก่อน ไปเอาหลักฐานมา......
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์"

จนละความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดูนิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับไปจากใจ



สรุปวิธีปฏิบัติของอโศก ก็ตามนี้นะ ยืนยันด้วย :b1: ตะบอยตะงอยเนี่ยนะ คิกๆๆ


นั่งยัน นอนยันก็ได้ด้วยซ้ำไป


ถ้ายังงั้น ตีลังกายัน ด้วยวิธีของอโศกหน่อยเนี่ยเอ้า

อ้างคำพูด:
เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา
ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้น ความกลัวผุดขึ้น
จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น



ทำยังไง :b1:



ไปพร่ำพรรณากับ กบ โน่น ที่ถามนี่ไม่ตอบ ปวดตับจริงๆ :b1:

บอกไม่เชื่อ ว่าจะแบกจักรยานกลับสำนัก ๆ :b32:

:b16: :b16:
เห็นหนอ....กลัวหนอ...รูสึกหนอ

เห็นก็รู้ว่าเห็น....กลัวก็รู้ว่ากลัว...รู้สึกก็รู้ว่ารู้สึก...คิดปรุงก็รู้ว่าคิด

จิตถอยก็รู้ว่าจิตถอย

:b51:


ใช้วิธีของใครอีกล่ะคราวนี้ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2014, 18:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
อ้างคำพูด:
1.เห็นหนอ....กลัวหนอ...รู้สึกหนอ

2.เห็นก็รู้ว่าเห็น....กลัวก็รู้ว่ากลัว...รู้สึกก็รู้ว่ารู้สึก...คิดปรุงก็รู้ว่าคิด

จิตถอยก็รู้ว่าจิตถอย



ใช้วิธีของใครอีกล่ะคราวนี้

:b32: :b32: :b32:
ใช้วิธีสากล ที่ไม่เป็นของใคร ตามข้อ 2

ส่วนข้อ 1. นั้นยกตัวอย่างตามวิธีที่กรัชกายถนัด

:b4: :b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 50, 51, 52, 53, 54, 55, 56 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร