วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 194 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 12:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น พระพุทธเจ้าเป็นคนนะ :b32:

พระพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้า
แต่ กรัชกาย ไม่ใช่คน :b32:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น พระพุทธเจ้าเป็นคนนะ :b32:

พระพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้า
แต่ กรัชกาย ไม่ใช่คน :b32:



ว่าแล้ว เช่นนั้นมองพระพุทธเจ้าไม่ใช่คน เห็นไหม พระพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้า ทำนองที่ตัวเองว่านิพพานคือนิพพาน นามรูป คือนามรูป เด๊ะเลย คิกๆๆ

ัชัดเจนเช่นนั้นเห็นศาสนาพุทธเป็นศาสนาทำนองผีสาง :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวิ่นเว้อ..ไปเรื่อย กรัชกาย
แถไปไหนไม่เป็นแล้วนะ
เสียเวลาน่ากรัชกาย
ไปเป่าลูกโป่งเล่นตุ๊กตา
หรือให้ดี ไปศึกษาพระสูตร นะกรัชกาย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เวิ่นเว้อ..ไปเรื่อย กรัชกาย
แถไปไหนไม่เป็นแล้วนะ
เสียเวลาน่ากรัชกาย
ไปเป่าลูกโป่งเล่นตุ๊กตา
หรือให้ดี ไปศึกษาพระสูตร นะกรัชกาย



ไปไม่เป็น ที่กรัชกายพูดมาผิดตรงไหน :b10: :b1: เช่นนั้นวันนี้ ไม่ใช่เช่นนั้น เมื่อสามพันปีที่แล้ว คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนวคิดภาคปฏิบัติของเช่นนั้น :b1:

อ้างคำพูด:

เช่นนั้นเขียน

แนวทางหลักการของบางบุคคล ใช้ไม่ได้ครับ เพราะเราไม่อาจทราบได้ว่าให้ผลบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่
ไม่พึงใส่ใจต่อสิ่งอื่น เรื่องของบุคคลอื่น นอกจาก การนำเอาหลักการที่ให้ผลดี นำไปปฏิบัติและเห็นได้เอง.
ตนเองจะเป็นพยานในตนเอง.

พระสุปฏิปันโนทุกรูป ก่อนจะให้ผู้ปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนาอบรมจิต ต่างก็ให้ฟังธรรมนำการปฏิบัติเสมอครับ.

คำแสดงของพระสารีบุตรเถระบ่งบอกวิธีการที่ชัดเจน สำเร็จในตนเอง
ด้วยสติสัมปชัญญะ เกื้อหนุนให้จิตมั่นคง นิวรณ์ก็หายไปเร็วพลัน


viewtopic.php?f=2&p=355703#p355703



แทบทุกตัวอักษร เลื่อนลอย นำไปปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาชีวิตของตนๆ ในปัจจุบันชาตินี้ ไม่ได้เลย

ตัวอย่าง

อ้างคำพูด:
พระสุปฏิปันโนทุกรูป


ท่านเป็นใคร ก่อนไปปฏิบัติธรรม ได้ฟังธรรมอะไรจากใคร?


นิวรณ์เป็นกิเลสที่ในจิตในใจของมนุษย์ปุถุชนในปัจจุบันนี่ แต่เช่นนั้นพูดถึงพระสารีบุตร....

อ้างคำพูด:
คำแสดงของพระสารีบุตรเถระบ่งบอกวิธีการที่ชัดเจน สำเร็จในตนเอง
ด้วยสติสัมปชัญญะ เกื้อหนุนให้จิตมั่นคง นิวรณ์ก็หายไปเร็วพลัน



ก็บอกไม่ชัดว่าวิธีของพระสารีบุตรทำยังไง

คำพูดของเช่นนั้นทุกประโยคล้วนเลื่อนลอย อ้างถึงครั้งสารีบุตรยังเดินบิณฑบาตได้ ยังฉันอาหารได้อยู่

อ้อ หรือเช่นนั้น จะให้ผู้ต้องการกำจัดนิวรณ์ ตายตามหาพระสารีบุตรให้พบแล้วถามท่านเอาเอง กระนั่นหรืออย่างไร :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สติปัญญามืดบอดอย่างกรัชกายจึงมองไม่เห็นล่ะครับ
เช่นนั้น แสดงไว้ชัดเจนแล้วครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สามเณรนี่ อยู่ไหน (คงสึกแล้วเพราะบวชภาคฤดูร้อน) ถูกนิวรณ์ครอบงำจิตอยู่




ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มแล้วนะ หากบังเอิญมาเห็น คห.ข้างบน อยากกำจัดนิวรณ์

ช่วยถามเช่นนั้นทีว่า ต้องตายตามหาพระสารีบุตรใช่ไหม :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รายนี้ก็ถูกนิวรณ์ครอบงำ เช่นนั้นว่า ต้องไปถามพระสารีบุตรไหม :b12:


อ้างคำพูด:
ลองแก้หลายวิธีไม่หาย เดินจงกรมจะง่วงแต่พอหันมาทำอย่างอื่นอย่างเข้าเว้ปลานธรรมตอนนี้ มันหายทันที เป็นนอารณ์ที่แพ้มานานแล้ว ทำอย่างไรดี
ขอบคุณค่ะ



.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2014, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นมะ เอาเข้าจริงๆ แบบปัญหาต่อหน้าต่อตา ซึ่งจะต้องกำจัดให้หมดสั้นไป ไม่ฝันๆเพ้อๆ เช่นนั้น ก็ไม่เยี่ยมกราย :b32:

เช่นนั้นจะต้องไปถามพระสารีบุตรก่อน :b9: ปาดดด :b32: ออกจากพระสูตรหกกะล้ม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2014, 05:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




fb7b1850ba96e427e01404c3ed805cc2.jpg
fb7b1850ba96e427e01404c3ed805cc2.jpg [ 37.29 KiB | เปิดดู 4217 ครั้ง ]
ในการฝึกฝนพัฒนาจิตนั้น ควรจงกรมควบคู่กับการนั่งด้วย :b1:


อานิสงส์การเดินจงกรม ๕ อย่าง คือ

๑. เป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล
๒. เป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร
๓. เป็นผู้มีอาพาธน้อย
๔. อาหารที่กินดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้ว ย่อยง่าย
๕. สมาธิที่ได้เพราะการเดินจงกรม ตั้งอยู่ได้นาน


ปล. ต้องเดินอย่างมีสติสัมปชัญญะ พูดชัดๆก็ใช้การเดินฝึกสตินั่นเอง เดินอย่างไรเดินอย่างมีสติอยู่กับการเดิน จะว่ากันต่อไป :b32: ตอนนี้รอเช่นนั้นร่วมแจมก่อน คือว่า พูดคนเดียวไม่สนุก :b9:

อ้อ แต่ก็ไม่ใช่เดินจงกรมยังงี้นะ :b13:

http://www.youtube.com/watch?v=rcUflP9p7Jw

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2014, 07:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ในการฝึกฝนพัฒนาจิตนั้น ควรจงกรมควบคู่กับการนั่งด้วย :b1:


อานิสงส์การเดินจงกรม ๕ อย่าง คือ

๑. เป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล
๒. เป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร
๓. เป็นผู้มีอาพาธน้อย
๔. อาหารที่กินดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้ว ย่อยง่าย
๕. สมาธิที่ได้เพราะการเดินจงกรม ตั้งอยู่ได้นาน


ปล. ต้องเดินอย่างมีสติสัมปชัญญะ พูดชัดๆก็ใช้การเดินฝึกสตินั่นเอง เดินอย่างไรเดินอย่างมีสติอยู่กับการเดิน จะว่ากันต่อไป :b32: ตอนนี้รอเช่นนั้นร่วมแจมก่อน คือว่า พูดคนเดียวไม่สนุก :b9:

อ้อ แต่ก็ไม่ใช่เดินจงกรมยังงี้นะ :b13:

http://www.youtube.com/watch?v=rcUflP9p7Jw

คุนน้องมองว่าพระอาจารย์เกษมท่านสอนวิธีเดินเพื่อให้เกิดสติสัมปชัญญะ คือรู้สึกตัวทุกๆขณะ ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ ที่ท่านแสดงออกมาท่าทางแบบนั้น ก็เพราะท่านจะชี้ให้เห็นว่า การเดินตามธรรมชาติไม่ได้มีรูปแบบในการเดินว่าจะเดินอะไรยังไง หรือมีพระสูตรไหนที่พระพุทธองค์สอนวิธีเดินจงกรม เอามายืนยันดิ ยังไงคุนน้องก็จะยืนข้างพระปฏิบัติรูปนี้ ถ้าใครกล้าวิจารณ์พระอาจารย์เกษมได้เห็นดีกะคุนน้องแน่ กรัชกายอย่าทำตัวเก่งเกินสาวกของพระศาสดา บารมีไม่ได้เศษขี้....อุแหม่กล้าเอาลากเอาท่านมาเกี่ยวเนื่องในกระทู้ของตน
ปล.ถ้ากรัชกายพูดคนเดียวแล้วกลัวไม่หนุก กลัวไม่มีคนติดตามกระทู้ เด่วคุนน้องจะแจมร่วมด้วยอีกคน ที่นี้ละกระทู้กรรมฐานของกรัชกายจะได้แซ่บเวอร์ ออกรสออกชาติ ถึงพริกถึงขิงเลยนะ :b32:
เพลงนี้มันช่างเข้ากับกระทู้นี้จริงๆ :b32:
http://www.youtube.com/watch?v=YiW1qBlK2TI :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2014, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ในการฝึกฝนพัฒนาจิตนั้น ควรจงกรมควบคู่กับการนั่งด้วย :b1:


อานิสงส์การเดินจงกรม ๕ อย่าง คือ

๑. เป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล
๒. เป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร
๓. เป็นผู้มีอาพาธน้อย
๔. อาหารที่กินดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้ว ย่อยง่าย
๕. สมาธิที่ได้เพราะการเดินจงกรม ตั้งอยู่ได้นาน


ปล. ต้องเดินอย่างมีสติสัมปชัญญะ พูดชัดๆก็ใช้การเดินฝึกสตินั่นเอง เดินอย่างไรเดินอย่างมีสติอยู่กับการเดิน จะว่ากันต่อไป :b32: ตอนนี้รอเช่นนั้นร่วมแจมก่อน คือว่า พูดคนเดียวไม่สนุก :b9:

อ้อ แต่ก็ไม่ใช่เดินจงกรมยังงี้นะ :b13:

คุนน้องมองว่าพระอาจารย์เกษมท่านสอนวิธีเดินเพื่อให้เกิดสติสัมปชัญญะ คือรู้สึกตัวทุกๆขณะ ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ ที่ท่านแสดงออกมาท่าทางแบบนั้น ก็เพราะท่านจะชี้ให้เห็นว่า การเดินตามธรรมชาติไม่ได้มีรูปแบบในการเดินว่าจะเดินอะไรยังไง หรือมีพระสูตรไหนที่พระพุทธองค์สอนวิธีเดินจงกรม เอามายืนยันดิ ยังไงคุนน้องก็จะยืนข้างพระปฏิบัติรูปนี้ ถ้าใครกล้าวิจารณ์พระอาจารย์เกษมได้เห็นดีกะคุนน้องแน่ กรัชกายอย่าทำตัวเก่งเกินสาวกของพระศาสดา บารมีไม่ได้เศษขี้....อุแหม่กล้าเอาลากเอาท่านมาเกี่ยวเนื่องในกระทู้ของตน

ปล.ถ้ากรัชกายพูดคนเดียวแล้วกลัวไม่หนุก กลัวไม่มีคนติดตามกระทู้ เด่วคุนน้องจะแจมร่วมด้วยอีกคน ที่นี้ละกระทู้กรรมฐานของกรัชกายจะได้แซ่บเวอร์ ออกรสออกชาติ ถึงพริกถึงขิงเลยนะ :b32:
เพลงนี้มันช่างเข้ากับกระทู้นี้จริงๆ :b32:



แน่ะ ๆๆ ยังไม่ทันว่าอะไรเขาสักคำ เพียงบอกว่า อย่าเดินยังงั้นนะ (พูดอะไรมันต้องมีตัวอย่างถึงเห็นเรื่องนั้นๆชัด) แล้วมันผิดมันเกินพระศาสดาตรงไหน บอกหน่อยสิ :b1:

ปล. อย่าเลยคุณน้องเอ้ย เดี๋ยว ปจด.มาผิดปกติเปล่าๆ :b32: อ่านเฉยๆดีแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2014, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แม้แต่ลมหายใจเข้า-ออก หยาบๆซึ่งสัมผัสได้ ก่อนทำสมาธิ เขาคิดว่า น่าจะหยาบ-ละเอียด ประมาณนี้-นั้น ต่อเมื่อประสบกับความละเอียดเข้าจริงๆ จึงรู้ว่าที่คิดๆไว้ผิดหมด

มีตัวอย่างให้ดู (ตัดๆมาพอได้ใจความ)



หลังจากนั้น มีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ก็เลยนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจ
ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลานี้จิตสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่า ผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นอัปปมัญญา

แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจ แผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ ในทิศเบื้องหน้า- เบื้องหลัง-เบื้องบน - เบื้องล่าง - เบื้องซ้าย - เบื้องขวา ครบทุกทิศแล้ว ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ

กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แป๊บเดียว …ความรู้สึกเหมือนจุ่มอยู่ในปีติ มีแต่ความสุขไปหมด

จากนั้น ผมก็คิดขึ้นมาว่า "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก (ส่วนใหญ่) มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คน (ส่วนใหญ่ ) ในโลกกลับไม่รู้"


จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจ ตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่า ลมหายใจหยาบ ลมหายใจละเอียด ว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจ ว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก


จากนั้น ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง ก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

แต่หลังจากนั้น ก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้อีกเลย คือทำได้มากสุดก็แค่ทำปีติให้เกิดขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น (แต่ก็สามารถทำให้เกิดได้ตลอดเวลา ตามที่ต้องการทันที) แต่ไม่สามารถทำให้เกิดค้างไว้ จนรู้สึกเหมือนจุ่มลงในปีติ แล้วมีลมหายใจละเอียดแบบครั้งแรกได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2014, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




fb7b1850ba96e427e01404c3ed805cc2.jpg
fb7b1850ba96e427e01404c3ed805cc2.jpg [ 37.29 KiB | เปิดดู 4132 ครั้ง ]
การจงกรม ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ เป็นต้น ก็ดี (อิริยาบถ) นั่งกำหนดนามรูป พองหนอ ยุบหนอ คิดหนอ เห็นหนอ ฟุ้งซ่านหนอ ตามที่มันเป็นแต่ละขณะๆ เป็นต้น ก็ดี เป็นวิธี วิธีปฏิบัติเพื่อให้จิตประณีต เข้าถึงภาวะธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่เป็นไปตามธรรมดาของมัน โดยที่ผู้ปฏิบัติไม่ต้องเรียกหา สติ สัมปชัญญะ สมาธิ ปัญญา เป็นต้นเลย ตามดูรู้ทันนามรูปเท่านั้นเป็นพอ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 194 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร