วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 194 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ไม่อานครับ เสียเวลา



เมื่อเทียบกับของตัวเองอันไหนเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด คิกๆๆ

ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบ ครับ



ถ้างั้นกรัชกายจะเทียบให้ ระหว่างภาพวาดจากจินตนาการของเช่นนั้น กับ ที่เขาประสบจากภาวนาจริงนะขอรับ :b12:

ของเช่นนั้น เกิดจากความเพ้อฝันเลื่อนลอย แต่ของเขาเกิดจากจิตที่ภาวนา (หรือจะเรียกว่าอะไรแล้วแต่) คุณค่าทางความรู้สึกจากจิตของเขา กับ ภาพวาดของเช่นนั้น เทียบกันไม่ได้ พอเทียบให้เห็นได้ก็ว่า มันห่างกันดังฟ้า กับ อเวจีมหานรก :b32:


กรัชกายอย่ามัวงมโข่งอยู่ท่ามกลางความเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ เลยครับ

การปฏิบัติอันใด ที่คิดเองเออเองว่าใช่ แล้วทำไปอาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้ซึ่งโดยมากผิดมากกว่าถูก
ถ้าถูกก็ เรียกว่า ปัจเจกพุทธบุคคลไป การปฏิบัติอันนั้น เป็นอัตตาธิปไตย

การปฏิบัติอันใดที่ เป็นไปตามเพื่อนตามหมู่ เที่ยวเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ อิงอาศัยทิฏฐิของตนกับของบุคคลอื่น อาจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้ การปฏิบัติอันนั้น เป็นโลกาธิปไตย

พุทธบริษัท พึงปฏิบัติตามพุทธภาษิต จึงเรียกว่า ปฏิบัติธรรม เป็นธรรมธิปไตย
Quote Tipitaka:
"พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน
จะพึงรู้เฉพาะตน ก็เพื่อนสพรหมจารีผู้ที่รู้อยู่ เห็นอยู่ มีอยู่แล."

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=3829&Z=3899&pagebreak=0

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แต่จะถามว่า ที่เช่นนั้นพร่ำมานั่น กับ ที่เขาประสบอยู่นี่ อันไหนเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด


พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนด พุธ-โธ เมื่อจิตสงบก็ พิจารณากายในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลในร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปในกล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

ทัน ใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มีลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆ เลยตอบไปว่า "จิตก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความสว่างนั้น

อยากจะถามผู้รู้ ว่า

1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่
2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรก ดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน

สิ่งที่ยกมานี้ ไม่ใช่จิตตภาวนา เรียกว่า ฟุ้งงงงง เป็น จิตตวินาศ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ไม่อานครับ เสียเวลา



เมื่อเทียบกับของตัวเองอันไหนเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด คิกๆๆ

ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบ ครับ



ถ้างั้นกรัชกายจะเทียบให้ ระหว่างภาพวาดจากจินตนาการของเช่นนั้น กับ ที่เขาประสบจากภาวนาจริงนะขอรับ :b12:

ของเช่นนั้น เกิดจากความเพ้อฝันเลื่อนลอย แต่ของเขาเกิดจากจิตที่ภาวนา (หรือจะเรียกว่าอะไรแล้วแต่) คุณค่าทางความรู้สึกจากจิตของเขา กับ ภาพวาดของเช่นนั้น เทียบกันไม่ได้ พอเทียบให้เห็นได้ก็ว่า มันห่างกันดังฟ้า กับ อเวจีมหานรก :b32:


กรัชกายอย่ามัวงมโข่งอยู่ท่ามกลางความเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ เลยครับ

การปฏิบัติอันใด ที่คิดเองเออเองว่าใช่ แล้วทำไปอาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้ซึ่งโดยมากผิดมากกว่าถูก
ถ้าถูกก็ เรียกว่า ปัจเจกพุทธบุคคลไป การปฏิบัติอันนั้น เป็นอัตตาธิปไตย

การปฏิบัติอันใดที่ เป็นไปตามเพื่อนตามหมู่ เที่ยวเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ อิงอาศัยทิฏฐิของตนกับของบุคคลอื่น อาจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้ การปฏิบัติอันนั้น เป็นโลกาธิปไตย

พุทธบริษัท พึงปฏิบัติตามพุทธภาษิต จึงเรียกว่า ปฏิบัติธรรม เป็นธรรมธิปไตย
Quote Tipitaka:
"พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน
จะพึงรู้เฉพาะตน ก็เพื่อนสพรหมจารีผู้ที่รู้อยู่ เห็นอยู่ มีอยู่แล."

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=3829&Z=3899&pagebreak=0



แล้วนั่นเขาเห็นเอง หรือมีใครช่วยเขาเห็น คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แต่จะถามว่า ที่เช่นนั้นพร่ำมานั่น กับ ที่เขาประสบอยู่นี่ อันไหนเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด


พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนด พุธ-โธ เมื่อจิตสงบก็ พิจารณากายในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลในร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปในกล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

ทัน ใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มีลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆ เลยตอบไปว่า "จิตก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความสว่างนั้น

อยากจะถามผู้รู้ ว่า

1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่
2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรก ดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน

สิ่งที่ยกมานี้ ไม่ใช่จิตตภาวนา เรียกว่า ฟุ้งงงงง เป็น จิตตวินาศ



เมื่อก่อนว่า เจตนาฟุ้ง พอถามเข้า ตอบไม่ได้ ลดเหลือฟุ้ง ตัวเดียว กลิ้งไปกลิ้งมา


นั่นแหละเขาเห็นเองประสบจากจิตของเขาเอง นั่นแหละเบื้องต้นของการเบื่อหน่ายคลายกำหนดในสังขาร ดังนั้น ผู้เช่นนี้แหละจะต้องได้ผู้รู้แนะนำแล้วเขาจะดำเนินสู่มรรคาแห่งมรรคผล

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แล้วนั่นเขาเห็นเอง หรือมีใครช่วยเขาเห็น คิกๆๆ

อย่าแถ ออกข้าง อ่านดีๆ

"พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน
จะพึงรู้เฉพาะตน ก็เพื่อนสพรหมจารีผู้ที่รู้อยู่ เห็นอยู่ มีอยู่แล."

พระพุทธองค์ ตรัสถึงปรโตโฆสะ ตรัสถึงกัลยาณมิตร

ถ้าใครก็ตามนำเอาอสัทธรรมไปสอนไปบอกไปแสดง ว่าเป็นสัทธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
นั่นล่ะก็เป็นผู้ห่างไกลจากพระธรรมนั้นเช่นกัน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แล้วนั่นเขาเห็นเอง หรือมีใครช่วยเขาเห็น คิกๆๆ

อย่าแถ ออกข้าง อ่านดีๆ

"พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน
จะพึงรู้เฉพาะตน ก็เพื่อนสพรหมจารีผู้ที่รู้อยู่ เห็นอยู่ มีอยู่แล."

พระพุทธองค์ ตรัสถึงปรโตโฆสะ ตรัสถึงกัลยาณมิตร

ถ้าใครก็ตามนำเอาอสัทธรรมไปสอนไปบอกไปแสดง ว่าเป็นสัทธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
นั่นล่ะก็เป็นผู้ห่างไกลจากพระธรรมนั้นเช่นกัน



เห็นเอง เช่นนั้นว่า เห็นอะไร เอ้าเห็นเอง :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แต่จะถามว่า ที่เช่นนั้นพร่ำมานั่น กับ ที่เขาประสบอยู่นี่ อันไหนเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด


พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนด พุธ-โธ เมื่อจิตสงบก็ พิจารณากายในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลในร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปในกล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

ทัน ใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มีลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆ เลยตอบไปว่า "จิตก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความสว่างนั้น

อยากจะถามผู้รู้ ว่า

1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่
2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรก ดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน

สิ่งที่ยกมานี้ ไม่ใช่จิตตภาวนา เรียกว่า ฟุ้งงงงง เป็น จิตตวินาศ



เมื่อก่อนว่า เจตนาฟุ้ง พอถามเข้า ตอบไม่ได้ ลดเหลือฟุ้ง ตัวเดียว กลิ้งไปกลิ้งมา


นั่นแหละเขาเห็นเองประสบจากจิตของเขาเอง นั่นแหละเบื้องต้นของการเบื่อหน่ายคลายกำหนดในสังขาร ดังนั้น ผู้เช่นนี้แหละจะต้องได้ผู้รู้แนะนำแล้วเขาจะดำเนินสู่มรรคาแห่งมรรคผล


การปฏิบัติอย่างนั้นไง เพื่อจิตตวินาศ ทำเจตนาฟุ้ง ^ ^
ผู้เป็นอย่างนั้นล่ะจะจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ วนแล้ววนเล่าทั้งๆที่ปราถนาจะพ้นทุกข์
แต่ก็ปฏิบัติเพื่อทุกข์อยู่ร่ำไป
หากเจอกรัชกายแนะนำ ก็เหมือนไฟเจอกับน้ำมัน ทุกข์ซ้ำทุกข์ซาก

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แล้วนั่นเขาเห็นเอง หรือมีใครช่วยเขาเห็น คิกๆๆ

อย่าแถ ออกข้าง อ่านดีๆ

"พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน
จะพึงรู้เฉพาะตน ก็เพื่อนสพรหมจารีผู้ที่รู้อยู่ เห็นอยู่ มีอยู่แล."

พระพุทธองค์ ตรัสถึงปรโตโฆสะ ตรัสถึงกัลยาณมิตร

ถ้าใครก็ตามนำเอาอสัทธรรมไปสอนไปบอกไปแสดง ว่าเป็นสัทธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
นั่นล่ะก็เป็นผู้ห่างไกลจากพระธรรมนั้นเช่นกัน



เห็นเอง เช่นนั้นว่า เห็นอะไร เอ้าเห็นเอง :b32:

เห็นว่าพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วไง :b17: :b17:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แล้วนั่นเขาเห็นเอง หรือมีใครช่วยเขาเห็น คิกๆๆ

อย่าแถ ออกข้าง อ่านดีๆ

"พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน
จะพึงรู้เฉพาะตน ก็เพื่อนสพรหมจารีผู้ที่รู้อยู่ เห็นอยู่ มีอยู่แล."

พระพุทธองค์ ตรัสถึงปรโตโฆสะ ตรัสถึงกัลยาณมิตร

ถ้าใครก็ตามนำเอาอสัทธรรมไปสอนไปบอกไปแสดง ว่าเป็นสัทธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
นั่นล่ะก็เป็นผู้ห่างไกลจากพระธรรมนั้นเช่นกัน



เห็นเอง เช่นนั้นว่า เห็นอะไร เอ้าเห็นเอง :b32:

เห็นว่าพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วไง :b17: :b17:



พระธรรมที่ว่า เช่นนั้นว่าอะไร เอาชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แล้วนั่นเขาเห็นเอง หรือมีใครช่วยเขาเห็น คิกๆๆ

อย่าแถ ออกข้าง อ่านดีๆ

"พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน
จะพึงรู้เฉพาะตน ก็เพื่อนสพรหมจารีผู้ที่รู้อยู่ เห็นอยู่ มีอยู่แล."

พระพุทธองค์ ตรัสถึงปรโตโฆสะ ตรัสถึงกัลยาณมิตร

ถ้าใครก็ตามนำเอาอสัทธรรมไปสอนไปบอกไปแสดง ว่าเป็นสัทธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
นั่นล่ะก็เป็นผู้ห่างไกลจากพระธรรมนั้นเช่นกัน



เห็นเอง เช่นนั้นว่า เห็นอะไร เอ้าเห็นเอง :b32:

เห็นว่าพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วไง :b17: :b17:



พระธรรมที่ว่า เช่นนั้นว่าอะไร เอาชัดๆ

สัจจะความจริง

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แล้วนั่นเขาเห็นเอง หรือมีใครช่วยเขาเห็น คิกๆๆ

อย่าแถ ออกข้าง อ่านดีๆ

"พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน
จะพึงรู้เฉพาะตน ก็เพื่อนสพรหมจารีผู้ที่รู้อยู่ เห็นอยู่ มีอยู่แล."

พระพุทธองค์ ตรัสถึงปรโตโฆสะ ตรัสถึงกัลยาณมิตร

ถ้าใครก็ตามนำเอาอสัทธรรมไปสอนไปบอกไปแสดง ว่าเป็นสัทธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
นั่นล่ะก็เป็นผู้ห่างไกลจากพระธรรมนั้นเช่นกัน



เห็นเอง เช่นนั้นว่า เห็นอะไร เอ้าเห็นเอง :b32:

เห็นว่าพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วไง :b17: :b17:



พระธรรมที่ว่า เช่นนั้นว่าอะไร เอาชัดๆ

สัจจะความจริง


แล้วมันอะไรเล่า สัจจะ ที่ว่านั่นน่า เอาชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ใช่พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วไหม เป็นสัจจะความจริงไหม เช่นนั้น

๑. ก. บุตรธิดา บำรุงมารดาบิดาผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องหน้า โดย

๑) ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยท่านตอบ

๒) ช่วยทำกิจธุระการงานของท่าน

๓) ดำรงวงศ์สกุล

๔) ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท

๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน





ข. มารดาบิดา อนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้

๑) ห้ามกันจากความชั่ว

๒) ฝึกอบรมให้ตั้งอยู่ในความดี

๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา

๔) เป็นธุระในการมีคู่ครองที่สมควร

๕) มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อถึงโอกาส

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
สัจจะความจริง


แล้วมันอะไรเล่า สัจจะ ที่ว่านั่นน่า เอาชัดๆ

ชัดที่สุดแล้วกรัชกาย
สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดง คือสัจจะความจริง
ในสัจจะความจริงนั้น พระพุทธองค์เลือกออกมาโดยสมัย โดยโอกาส แสดงแก่พุทธบริษัท
สัจจะความจริง จึงกำหนดได้ว่าไร้ขอบเขต

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นี่ใช่พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วไหม เป็นสัจจะความจริงไหม เช่นนั้น

๑. ก. บุตรธิดา บำรุงมารดาบิดาผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องหน้า โดย

๑) ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยท่านตอบ

๒) ช่วยทำกิจธุระการงานของท่าน

๓) ดำรงวงศ์สกุล

๔) ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท

๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน





ข. มารดาบิดา อนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้

๑) ห้ามกันจากความชั่ว

๒) ฝึกอบรมให้ตั้งอยู่ในความดี

๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา

๔) เป็นธุระในการมีคู่ครองที่สมควร

๕) มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อถึงโอกาส

ยกจากพระธรรมหมวดไหน พระพุทธองค์ แสดงแก่ใคร
ยกมาให้หมด แล้วจะบอก กรัชกาย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 23 มิ.ย. 2014, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
สัจจะความจริง


แล้วมันอะไรเล่า สัจจะ ที่ว่านั่นน่า เอาชัดๆ

ชัดที่สุดแล้วกรัชกาย
สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดง คือสัจจะความจริง
ในสัจจะความจริงนั้น พระพุทธองค์เลือกออกมาโดยสมัย โดยโอกาส แสดงแก่พุทธบริษัท
สัจจะความจริง จึงกำหนดได้ว่าไร้ขอบเขต


เช่นนั้น จะค้นหาสัจจะ ความจริงอะไรที่ว่า นี่ได้ที่ไหน สัจจะๆๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 194 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร