วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 04:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 44, 45, 46, 47, 48, 49, 50 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 12:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
นี่ ๆ ๆ ๆ กรัชกาย เกิดภาวะลืมตัวลืมตนไปด้วยความเมาวิชาการแล้วนะนี่

ธุระอะไรต้องไปก้าวก่ายถามเผื่อลูกศิษย์ของอโศกะ ๆ แก้ปัญหามาได้ดีตลอดแล้ว ศิษย์ก็ได้ดีไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก

ทำของตัวเองให้ดี แก้ปัญหารศิษย์ตัวเองให้ได้เสียก่อนเถิด ไม่ใช่เอาปัญหาไปเที่ยวถามผู้คนทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่อายผู้คนเขาบ้างหรือ พูดธรรมะเป็นไฟ รู้ไปหมดศัพท์แสงธรรมะใหญ่น้อย แต่แก้ปัญหาให้ศิษย์ตัวเองก็ไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นปัญหาพื้นๆ ธรรมดา ๆ แล้วนี่ยังจะ ...ส... ไปช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่น
grin
:b7:
:b16:


อโศกะครับ....สนใจพัฒนาตนเพิ่มขึ้นหรือเปล่า??
:b6: :b6:
อ่า.....ไม่เอาดีกว่า...อาจารย์เคยห้ามใว้...
:b5: :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
นี่ ๆ ๆ ๆ กรัชกาย เกิดภาวะลืมตัวลืมตนไปด้วยความเมาวิชาการแล้วนะนี่

ธุระอะไรต้องไปก้าวก่ายถามเผื่อลูกศิษย์ของอโศกะ ๆ แก้ปัญหามาได้ดีตลอดแล้ว ศิษย์ก็ได้ดีไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก

ทำของตัวเองให้ดี แก้ปัญหารศิษย์ตัวเองให้ได้เสียก่อนเถิด ไม่ใช่เอาปัญหาไปเที่ยวถามผู้คนทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่อายผู้คนเขาบ้างหรือ พูดธรรมะเป็นไฟ รู้ไปหมดศัพท์แสงธรรมะใหญ่น้อย แต่แก้ปัญหาให้ศิษย์ตัวเองก็ไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นปัญหาพื้นๆ ธรรมดา ๆ แล้วนี่ยังจะ ...ส... ไปช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่น
grin
:b7:
:b16:


อโศกะครับ....สนใจพัฒนาตนเพิ่มขึ้นหรือเปล่า??
:b6: :b6:
อ่า.....ไม่เอาดีกว่า...อาจารย์เคยห้ามใว้...
:b5: :b5:



เอาเถอะ งานนี้ อ.อนุญาต :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 12:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอิ๊ก..เอิ๊ก..
:b9: :b9: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 12:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
นี่ ๆ ๆ ๆ กรัชกาย เกิดภาวะลืมตัวลืมตนไปด้วยความเมาวิชาการแล้วนะนี่

ธุระอะไรต้องไปก้าวก่ายถามเผื่อลูกศิษย์ของอโศกะ ๆ แก้ปัญหามาได้ดีตลอดแล้ว ศิษย์ก็ได้ดีไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก

ทำของตัวเองให้ดี แก้ปัญหารศิษย์ตัวเองให้ได้เสียก่อนเถิด ไม่ใช่เอาปัญหาไปเที่ยวถามผู้คนทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่อายผู้คนเขาบ้างหรือ พูดธรรมะเป็นไฟ รู้ไปหมดศัพท์แสงธรรมะใหญ่น้อย แต่แก้ปัญหาให้ศิษย์ตัวเองก็ไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นปัญหาพื้นๆ ธรรมดา ๆ แล้วนี่ยังจะ ...ส... ไปช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่น
grin
:b7:
:b16:


อโศกะครับ....สนใจพัฒนาตนเพิ่มขึ้นหรือเปล่า??
:b6: :b6:
อ่า.....ไม่เอาดีกว่า...อาจารย์เคยห้ามใว้...
:b5: :b5:

wink
ไม่สนใจคำถามอย่างที่กบถามครับ
สำนึกรู้แต่ว่า


"ตราบใดที่ยังเจริญสติปัญญามานิ่งรู้นิ่งสังเกตอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตราบนั้นพัฒนาการของจิตเขาจะเป็นไปโดยอัติโนมัติ และแหลมรวมมุ่งตรงสู่พระนิพพานแต่เพียงถ่ายเดียวไม่เป็นอื่น"

ดีที่กบเชื่อถ้อยฟังคำครูบาอาจารย์ แต่ระวัง อย่ายึดคำสอนของครูบาอาจารย์จนแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้เสียโอกาสที่ควรได้ควรมี ครับ
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 12:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
อ้างคำพูด:
อ้างคำพูด:
อ๋อ รู้แล้วๆ คิกๆๆ ที่อโศกแนะนำเค้าน่ะไม่สู้กระไรนักหรอก คือยังเป็นเหมือนเทศน์ เหมือนพูดสนทนาปรับทุกข์กันไปตามประสา :b13: ยังไม่ใช่การบริกรรมภาวนา โดยใช้ลมเข้า-ออกทางจมูกบ้าง ใช้อาการท้องพอง-ท้องยุบ เป็นต้น บ้างเป็นกรรมฐาน คือเป็นฐานฝึกจิต ฐานภาวนา ไม่ใช่ ๆๆ อโศกยังไม่ใช่ ก็ได้ครับ ไม่ได้ว่าอะไรนะ เดี๋ยวเข้าใจผิดอีก :b1:


แต่ถ้าถึงขั้นบริกรรมในใจ พุทโธๆ พองหนอ ยุบหนอเป็นต้นละก็ กรัชกายเป็นห่วงศิษย์ในสำนักนั้นครับ

อ้างคำพูด:

การนั่งสมาธิของผมไม่มีอะไรมากครับ แค่กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก พุทธ โธ ๆๆ คือไม่ได้ไปศึกษาที่ใหนครับเรียนมาตั้งแต่เด็ก ครูสอนแบบนี้


ในขณะนั้น นั่งไป 2 ชม. พอออกจากสมาธิแล้ว รู้สึกกระปี้กระเปร่า สดชื่น ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย ไม่ปวดเมื่อยเลยครับ

...เข้าเรื่องเลยครับ พอย่างเข้าเดือนที่ 3 มันจะมีอาการตกค้างหลังจากการนั่งสมาธิ คือว่า มันมีอาการเต้นตุ๊บๆ อยู่จุดๆ หนึ่งตรง กึ่งกลางหน้าผากระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง และมีเหมือน กลุ่มก้อนพลังงานบางอย่าง คือเรียกไม่ถูก ที่เคลื่อนใหวไปมา เคลื่อนที่ได้เอง บริเวณส่วนหัวของผมทั้งหมด คือมันจะวิ่งไป-มา ตรงหน้าผาก สันจมูก โหนกแก้ม ท้ายทอย ตรงปลายคาง บางครั้งก็วิ่งขึ้นกลางหัวแล้วไปจุกๆ อัดแน่นกัน เหมือนหัวผมจะระเบิดเลยครับ

เลยอยากรู้ว่า มันคืออะไร หรือ เป็นโรคอะไรหรือเปล่า ผมจะได้ไปหาหมอทัน หรือท่านใดพอจะเมตตาแนะวิธี




อโศกพอเข้าใจมั้ยครับ


:b10:
s004
กรัชกายเดาสุ่มอีกแล้ว.......

อโศกะ ไม่ได้สอนพุทโธหรือหนอ กรัชกายน่าจะรู้ชัดตั้งนานแล้ว แต่ยังกลับมาเดาสุ่มว่าอโศกะสอนศิษย์ให้บริกรรม พุทโธ หรือหนอ

ที่แนะนำไปนั้นเพราะน้องที่มีปัญหาเขาเจริญพุทโธ มา ก็เลยโยงว่าจะเชื่อมต่อกับกรรมฐานที่เขาเคยทำอย่างไร

แล้วปัญหาของน้องคนถัดมาที่ท่องพุทโธมาจนเกิดจิตละเอียด รู้สึกอาการเต้นตอดที่หน้าผาก แล้วเกิดปรากฏการณ์อื่นตามมา นี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ใหม่

สรุปว่าเขาเกิดสมาธิเบื้องต้น จนจิตละเอียด รู้ชัดอาการในกาย ที่ระหว่างคิ้ว ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีๆ มันก็คือปฏิกิริยาของการเต้นของชีพจรที่ไปชัดเป็นช่วงๆบริเวณนั้น เป็นของแปลกสำหรับเขาเขาก็เลยเพ่งมากไป
เพ่งมากก็เกิดความตึง เครียด และปรากฏการณ์อื่นๆอย่างที่เขาเป็น ตามมา

วิธีแก้ ก็ต้องอธิบายให้เขาทราบเหตุผล แล้วให้เขาหยุดเพ่ง ให้แตะหรือสัมผัสรู้เพียงเบาๆ จะเอาการนิ่งรู้นิ่งสังเกตจนอาการต่างๆเหล่านั้นดับไป เงียบไปเสียก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเจริญพุทโธตามลมเข้าออกต่อ

หรือจะอาศัยสมาธิที่ได้ต่อยอดเจริญวิปัสสนาภาวนาต่อไปเลยก็ได้ ซึ่งก็ต้องสอนวิธีวางพุทโธ ไปเจริญปัญญาต่อไป
:b37:



นี่ก็เหมือนกัน วางพุทโธ ไปเจริญปัญญา นี่มันพูดนะ เขาก็ถามอีกว่า วางยังไง เจริญปัญญายังไง เห็นมั้ยไม่พ้นคำถาม เพราะมันไม่่ใช่วิธีที่นำไปใช้ไปทำได้ เป็นเพียงคำพูด

เออ ถ้าบอกว่า วางแปรงสีฟันลงนะ แล้วหยิบขันขึ้นมาตักน้ำแล้วล้างหน้า ยังงี้ได้เลย

แต่นี่บอกให้วางพุทโธ เจริญปัญญา ต่อยอดนั่นนี่ ที่พูดนั่นเป็นนามธรรมอโศก มองไม่เห็นหยิบฉวยไม่ได้ ไม่เหมือนแปรงกับขันน้ำพานรอง คิกๆๆ



เห็นมะบอกไม่เชื่อ อีกคำพูดหนึ่ง
อ้างคำพูด:
หยุดเพ่ง ให้แตะหรือสัมผัสรู้เพียงเบาๆ



พูดได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่การปฏิบัติทำยังไง หยุดเพ่ง แตะเบาๆ มันไม่เห็นรูปธรรม เช่นตีฉันเบาๆอย่าตีแรง เออยังงี้ทำได้เพราะเป็นรูปธรรม แต่บอกหยุดเพ่ง แตะเบาๆ ซึ่งเป็นด้านจิตใจแตะยังไงแตะเบาๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
นี่ ๆ ๆ ๆ กรัชกาย เกิดภาวะลืมตัวลืมตนไปด้วยความเมาวิชาการแล้วนะนี่

ธุระอะไรต้องไปก้าวก่ายถามเผื่อลูกศิษย์ของอโศกะ ๆ แก้ปัญหามาได้ดีตลอดแล้ว ศิษย์ก็ได้ดีไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก

ทำของตัวเองให้ดี แก้ปัญหารศิษย์ตัวเองให้ได้เสียก่อนเถิด ไม่ใช่เอาปัญหาไปเที่ยวถามผู้คนทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่อายผู้คนเขาบ้างหรือ พูดธรรมะเป็นไฟ รู้ไปหมดศัพท์แสงธรรมะใหญ่น้อย แต่แก้ปัญหาให้ศิษย์ตัวเองก็ไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นปัญหาพื้นๆ ธรรมดา ๆ แล้วนี่ยังจะ ...ส... ไปช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่น
grin
:b7:
:b16:


อโศกะครับ....สนใจพัฒนาตนเพิ่มขึ้นหรือเปล่า??
:b6: :b6:
อ่า.....ไม่เอาดีกว่า...อาจารย์เคยห้ามใว้...
:b5: :b5:

wink
ไม่สนใจคำถามอย่างที่กบถามครับ
สำนึกรู้แต่ว่า


"ตราบใดที่ยังเจริญสติปัญญามานิ่งรู้นิ่งสังเกตอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตราบนั้นพัฒนาการของจิตเขาจะเป็นไปโดยอัติโนมัติ และแหลมรวมมุ่งตรงสู่พระนิพพานแต่เพียงถ่ายเดียวไม่เป็นอื่น"

ดีที่กบเชื่อถ้อยฟังคำครูบาอาจารย์ แต่ระวัง อย่ายึดคำสอนของครูบาอาจารย์จนแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้เสียโอกาสที่ควรได้ควรมี ครับ
:b38:



อโศกนั่นแหละยึดคำพูดใครต่อใครมาเต็มไปหมด ปาดโธ่ กรัชกายเห็นมาได้ยินมาจนหูชาแล้วน่า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 13:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
นี่ ๆ ๆ ๆ กรัชกาย เกิดภาวะลืมตัวลืมตนไปด้วยความเมาวิชาการแล้วนะนี่

ธุระอะไรต้องไปก้าวก่ายถามเผื่อลูกศิษย์ของอโศกะ ๆ แก้ปัญหามาได้ดีตลอดแล้ว ศิษย์ก็ได้ดีไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก

ทำของตัวเองให้ดี แก้ปัญหารศิษย์ตัวเองให้ได้เสียก่อนเถิด ไม่ใช่เอาปัญหาไปเที่ยวถามผู้คนทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่อายผู้คนเขาบ้างหรือ พูดธรรมะเป็นไฟ รู้ไปหมดศัพท์แสงธรรมะใหญ่น้อย แต่แก้ปัญหาให้ศิษย์ตัวเองก็ไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นปัญหาพื้นๆ ธรรมดา ๆ แล้วนี่ยังจะ ...ส... ไปช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่น
grin
:b7:
:b16:


อโศกะครับ....สนใจพัฒนาตนเพิ่มขึ้นหรือเปล่า??
:b6: :b6:
อ่า.....ไม่เอาดีกว่า...อาจารย์เคยห้ามใว้...
:b5: :b5:

wink
ไม่สนใจคำถามอย่างที่กบถามครับ
สำนึกรู้แต่ว่า


"ตราบใดที่ยังเจริญสติปัญญามานิ่งรู้นิ่งสังเกตอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตราบนั้นพัฒนาการของจิตเขาจะเป็นไปโดยอัติโนมัติ และแหลมรวมมุ่งตรงสู่พระนิพพานแต่เพียงถ่ายเดียวไม่เป็นอื่น"

ดีที่กบเชื่อถ้อยฟังคำครูบาอาจารย์ แต่ระวัง อย่ายึดคำสอนของครูบาอาจารย์จนแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้เสียโอกาสที่ควรได้ควรมี ครับ
:b38:



อโศกนั่นแหละยึดคำพูดใครต่อใครมาเต็มไปหมด ปาดโธ่ กรัชกายเห็นมาได้ยินมาจนหูชาแล้วน่า :b1:

:b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12:
คำพูดของใคร ดูให้ดีๆ คำพูดนี้คนที่คิดเขียนขึ้นมาคนแรกในโลกนี้คือ อโศกะ ไปพิสูจน์ดูสิ

ตราบใดที่ยังเจริญสติปัญญามานิ่งรู้นิ่งสังเกตอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตราบนั้นพัฒนาการของจิตเขาจะเป็นไปโดยอัติโนมัติ และแหลมรวมมุ่งตรงสู่พระนิพพานแต่เพียงถ่ายเดียวไม่เป็นอื่น
wink
กรัชกายนั้นชอบขี้เดาและกล่าวตู่เอาดื้อๆ ตามวิสัยนักวิชาการชาล้นถ้วย เชียวนะ

:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
อ้างคำพูด:
อ้างคำพูด:
อ๋อ รู้แล้วๆ คิกๆๆ ที่อโศกแนะนำเค้าน่ะไม่สู้กระไรนักหรอก คือยังเป็นเหมือนเทศน์ เหมือนพูดสนทนาปรับทุกข์กันไปตามประสา :b13: ยังไม่ใช่การบริกรรมภาวนา โดยใช้ลมเข้า-ออกทางจมูกบ้าง ใช้อาการท้องพอง-ท้องยุบ เป็นต้น บ้างเป็นกรรมฐาน คือเป็นฐานฝึกจิต ฐานภาวนา ไม่ใช่ ๆๆ อโศกยังไม่ใช่ ก็ได้ครับ ไม่ได้ว่าอะไรนะ เดี๋ยวเข้าใจผิดอีก :b1:


แต่ถ้าถึงขั้นบริกรรมในใจ พุทโธๆ พองหนอ ยุบหนอเป็นต้นละก็ กรัชกายเป็นห่วงศิษย์ในสำนักนั้นครับ

อ้างคำพูด:

การนั่งสมาธิของผมไม่มีอะไรมากครับ แค่กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก พุทธ โธ ๆๆ คือไม่ได้ไปศึกษาที่ใหนครับเรียนมาตั้งแต่เด็ก ครูสอนแบบนี้


ในขณะนั้น นั่งไป 2 ชม. พอออกจากสมาธิแล้ว รู้สึกกระปี้กระเปร่า สดชื่น ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย ไม่ปวดเมื่อยเลยครับ

...เข้าเรื่องเลยครับ พอย่างเข้าเดือนที่ 3 มันจะมีอาการตกค้างหลังจากการนั่งสมาธิ คือว่า มันมีอาการเต้นตุ๊บๆ อยู่จุดๆ หนึ่งตรง กึ่งกลางหน้าผากระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง และมีเหมือน กลุ่มก้อนพลังงานบางอย่าง คือเรียกไม่ถูก ที่เคลื่อนใหวไปมา เคลื่อนที่ได้เอง บริเวณส่วนหัวของผมทั้งหมด คือมันจะวิ่งไป-มา ตรงหน้าผาก สันจมูก โหนกแก้ม ท้ายทอย ตรงปลายคาง บางครั้งก็วิ่งขึ้นกลางหัวแล้วไปจุกๆ อัดแน่นกัน เหมือนหัวผมจะระเบิดเลยครับ

เลยอยากรู้ว่า มันคืออะไร หรือ เป็นโรคอะไรหรือเปล่า ผมจะได้ไปหาหมอทัน หรือท่านใดพอจะเมตตาแนะวิธี




อโศกพอเข้าใจมั้ยครับ


:b10:
s004
กรัชกายเดาสุ่มอีกแล้ว.......

อโศกะ ไม่ได้สอนพุทโธหรือหนอ กรัชกายน่าจะรู้ชัดตั้งนานแล้ว แต่ยังกลับมาเดาสุ่มว่าอโศกะสอนศิษย์ให้บริกรรม พุทโธ หรือหนอ

ที่แนะนำไปนั้นเพราะน้องที่มีปัญหาเขาเจริญพุทโธ มา ก็เลยโยงว่าจะเชื่อมต่อกับกรรมฐานที่เขาเคยทำอย่างไร

แล้วปัญหาของน้องคนถัดมาที่ท่องพุทโธมาจนเกิดจิตละเอียด รู้สึกอาการเต้นตอดที่หน้าผาก แล้วเกิดปรากฏการณ์อื่นตามมา นี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ใหม่

สรุปว่าเขาเกิดสมาธิเบื้องต้น จนจิตละเอียด รู้ชัดอาการในกาย ที่ระหว่างคิ้ว ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีๆ มันก็คือปฏิกิริยาของการเต้นของชีพจรที่ไปชัดเป็นช่วงๆบริเวณนั้น เป็นของแปลกสำหรับเขาเขาก็เลยเพ่งมากไป
เพ่งมากก็เกิดความตึง เครียด และปรากฏการณ์อื่นๆอย่างที่เขาเป็น ตามมา

วิธีแก้ ก็ต้องอธิบายให้เขาทราบเหตุผล แล้วให้เขาหยุดเพ่ง ให้แตะหรือสัมผัสรู้เพียงเบาๆ จะเอาการนิ่งรู้นิ่งสังเกตจนอาการต่างๆเหล่านั้นดับไป เงียบไปเสียก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเจริญพุทโธตามลมเข้าออกต่อ

หรือจะอาศัยสมาธิที่ได้ต่อยอดเจริญวิปัสสนาภาวนาต่อไปเลยก็ได้ ซึ่งก็ต้องสอนวิธีวางพุทโธ ไปเจริญปัญญาต่อไป
:b37:



นี่ก็เหมือนกัน วางพุทโธ ไปเจริญปัญญา นี่มันพูดนะ เขาก็ถามอีกว่า วางยังไง เจริญปัญญายังไง เห็นมั้ยไม่พ้นคำถาม เพราะมันไม่่ใช่วิธีที่นำไปใช้ไปทำได้ เป็นเพียงคำพูด

เออ ถ้าบอกว่า วางแปรงสีฟันลงนะ แล้วหยิบขันขึ้นมาตักน้ำแล้วล้างหน้า ยังงี้ได้เลย

แต่นี่บอกให้วางพุทโธ เจริญปัญญา ต่อยอดนั่นนี่ ที่พูดนั่นเป็นนามธรรมอโศก มองไม่เห็นหยิบฉวยไม่ได้ ไม่เหมือนแปรงกับขันน้ำพานรอง คิกๆๆ



เห็นมะบอกไม่เชื่อ อีกคำพูดหนึ่ง
อ้างคำพูด:
หยุดเพ่ง ให้แตะหรือสัมผัสรู้เพียงเบาๆ



พูดได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่การปฏิบัติทำยังไง หยุดเพ่ง แตะเบาๆ มันไม่เห็นรูปธรรม เช่นตีฉันเบาๆอย่าตีแรง เออยังงี้ทำได้เพราะเป็นรูปธรรม แต่บอกหยุดเพ่ง แตะเบาๆ ซึ่งเป็นด้านจิตใจแตะยังไงแตะเบาๆ



อย่าเพ่ง แตะเบาๆ อโศกไปหยิบของเขามา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 13:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
อ้างคำพูด:
อ้างคำพูด:
อ๋อ รู้แล้วๆ คิกๆๆ ที่อโศกแนะนำเค้าน่ะไม่สู้กระไรนักหรอก คือยังเป็นเหมือนเทศน์ เหมือนพูดสนทนาปรับทุกข์กันไปตามประสา :b13: ยังไม่ใช่การบริกรรมภาวนา โดยใช้ลมเข้า-ออกทางจมูกบ้าง ใช้อาการท้องพอง-ท้องยุบ เป็นต้น บ้างเป็นกรรมฐาน คือเป็นฐานฝึกจิต ฐานภาวนา ไม่ใช่ ๆๆ อโศกยังไม่ใช่ ก็ได้ครับ ไม่ได้ว่าอะไรนะ เดี๋ยวเข้าใจผิดอีก :b1:


แต่ถ้าถึงขั้นบริกรรมในใจ พุทโธๆ พองหนอ ยุบหนอเป็นต้นละก็ กรัชกายเป็นห่วงศิษย์ในสำนักนั้นครับ

อ้างคำพูด:

การนั่งสมาธิของผมไม่มีอะไรมากครับ แค่กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก พุทธ โธ ๆๆ คือไม่ได้ไปศึกษาที่ใหนครับเรียนมาตั้งแต่เด็ก ครูสอนแบบนี้


ในขณะนั้น นั่งไป 2 ชม. พอออกจากสมาธิแล้ว รู้สึกกระปี้กระเปร่า สดชื่น ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย ไม่ปวดเมื่อยเลยครับ

...เข้าเรื่องเลยครับ พอย่างเข้าเดือนที่ 3 มันจะมีอาการตกค้างหลังจากการนั่งสมาธิ คือว่า มันมีอาการเต้นตุ๊บๆ อยู่จุดๆ หนึ่งตรง กึ่งกลางหน้าผากระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง และมีเหมือน กลุ่มก้อนพลังงานบางอย่าง คือเรียกไม่ถูก ที่เคลื่อนใหวไปมา เคลื่อนที่ได้เอง บริเวณส่วนหัวของผมทั้งหมด คือมันจะวิ่งไป-มา ตรงหน้าผาก สันจมูก โหนกแก้ม ท้ายทอย ตรงปลายคาง บางครั้งก็วิ่งขึ้นกลางหัวแล้วไปจุกๆ อัดแน่นกัน เหมือนหัวผมจะระเบิดเลยครับ

เลยอยากรู้ว่า มันคืออะไร หรือ เป็นโรคอะไรหรือเปล่า ผมจะได้ไปหาหมอทัน หรือท่านใดพอจะเมตตาแนะวิธี




อโศกพอเข้าใจมั้ยครับ


:b10:
s004
กรัชกายเดาสุ่มอีกแล้ว.......

อโศกะ ไม่ได้สอนพุทโธหรือหนอ กรัชกายน่าจะรู้ชัดตั้งนานแล้ว แต่ยังกลับมาเดาสุ่มว่าอโศกะสอนศิษย์ให้บริกรรม พุทโธ หรือหนอ

ที่แนะนำไปนั้นเพราะน้องที่มีปัญหาเขาเจริญพุทโธ มา ก็เลยโยงว่าจะเชื่อมต่อกับกรรมฐานที่เขาเคยทำอย่างไร

แล้วปัญหาของน้องคนถัดมาที่ท่องพุทโธมาจนเกิดจิตละเอียด รู้สึกอาการเต้นตอดที่หน้าผาก แล้วเกิดปรากฏการณ์อื่นตามมา นี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ใหม่

สรุปว่าเขาเกิดสมาธิเบื้องต้น จนจิตละเอียด รู้ชัดอาการในกาย ที่ระหว่างคิ้ว ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีๆ มันก็คือปฏิกิริยาของการเต้นของชีพจรที่ไปชัดเป็นช่วงๆบริเวณนั้น เป็นของแปลกสำหรับเขาเขาก็เลยเพ่งมากไป
เพ่งมากก็เกิดความตึง เครียด และปรากฏการณ์อื่นๆอย่างที่เขาเป็น ตามมา

วิธีแก้ ก็ต้องอธิบายให้เขาทราบเหตุผล แล้วให้เขาหยุดเพ่ง ให้แตะหรือสัมผัสรู้เพียงเบาๆ จะเอาการนิ่งรู้นิ่งสังเกตจนอาการต่างๆเหล่านั้นดับไป เงียบไปเสียก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเจริญพุทโธตามลมเข้าออกต่อ

หรือจะอาศัยสมาธิที่ได้ต่อยอดเจริญวิปัสสนาภาวนาต่อไปเลยก็ได้ ซึ่งก็ต้องสอนวิธีวางพุทโธ ไปเจริญปัญญาต่อไป
:b37:



นี่ก็เหมือนกัน วางพุทโธ ไปเจริญปัญญา นี่มันพูดนะ เขาก็ถามอีกว่า วางยังไง เจริญปัญญายังไง เห็นมั้ยไม่พ้นคำถาม เพราะมันไม่่ใช่วิธีที่นำไปใช้ไปทำได้ เป็นเพียงคำพูด

เออ ถ้าบอกว่า วางแปรงสีฟันลงนะ แล้วหยิบขันขึ้นมาตักน้ำแล้วล้างหน้า ยังงี้ได้เลย

แต่นี่บอกให้วางพุทโธ เจริญปัญญา ต่อยอดนั่นนี่ ที่พูดนั่นเป็นนามธรรมอโศก มองไม่เห็นหยิบฉวยไม่ได้ ไม่เหมือนแปรงกับขันน้ำพานรอง คิกๆๆ



เห็นมะบอกไม่เชื่อ อีกคำพูดหนึ่ง
อ้างคำพูด:
หยุดเพ่ง ให้แตะหรือสัมผัสรู้เพียงเบาๆ



พูดได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่การปฏิบัติทำยังไง หยุดเพ่ง แตะเบาๆ มันไม่เห็นรูปธรรม เช่นตีฉันเบาๆอย่าตีแรง เออยังงี้ทำได้เพราะเป็นรูปธรรม แต่บอกหยุดเพ่ง แตะเบาๆ ซึ่งเป็นด้านจิตใจแตะยังไงแตะเบาๆ

:b3: :b3:
เพ่ง....ก็ภาษาไทย

แตะเบาๆ.....ก็ภาษาไทย

ศัพท์ง่ายๆแค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจความหมายในเชิงปฏิบัติ นี่แสดงว่าขาดประสบการณ์จริงเอาเสียเหลือเกินนะนี่ พ่อนักวิชาการใหญ่

ถึงว่ายิ่งเป็นศัพท์ธรรมะที่ลึกซึ้งเข้าไป กรัชกายถึงไม่รู้เรื่องเลยต้องคอยถามผู้คนเขาไปทั่ว ตะพึดตะพือ

ไปลองพยายามทำดูก่อนจนปัญญาจริงๆจึงค่อยมาถามใหม่นะ

อ้อ การเอามือแตะ กับการเอาจิตแตะนั้นต่างกันในรายละเอียดนิดหนึ่งพยายามฝึกหัดดูนะจะได้เก่งภาคปฏิบัติเสียที
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 15:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
wink
ไม่สนใจคำถามอย่างที่กบถามครับ
สำนึกรู้แต่ว่า


"ตราบใดที่ยังเจริญสติปัญญามานิ่งรู้นิ่งสังเกตอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตราบนั้นพัฒนาการของจิตเขาจะเป็นไปโดยอัติโนมัติ และแหลมรวมมุ่งตรงสู่พระนิพพานแต่เพียงถ่ายเดียวไม่เป็นอื่น"

ดีที่กบเชื่อถ้อยฟังคำครูบาอาจารย์ แต่ระวัง อย่ายึดคำสอนของครูบาอาจารย์จนแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้เสียโอกาสที่ควรได้ควรมี ครับ
:b38:


อนุโมทนาสาธุบุญกับอโศกะที่ปรารถณานิพพานด้วยนะครับ
:b8:

พระพุทธองค์ตรัสรู้อริยะสัจ4
สาวกผู้รู้ตาม...ก็ต้องรู้ในอริยะสัจ4 นี้แหละ...ถึงจะนิพพานตามพระพุทธองค์ได้

อโศกะจะรู้อะไรแบบไหน....ก็แล้วแต่...ก็ต้องขมวดมาสู่...นี้คือทุกข์....นี้คือเหตุให้เกิดทุกข์(ตัวที่รู้เมื่อครู่)..รู้สึกว่าเมื่อละเหตุของทุกข์แล้วละก้อ...ทุกข์ก็ย่อมดับไป....ถึงตรงนี้หากรู้ว่ายังดับทุกข์ไม่ได้....ก็มาตรวจสอบว่าตัวยังบกพร่องที่ใด.มรรค8 หรือโพชฌงค์7..หรือทั้งหมดในโพธิขิยธรรม37...มาใช้ก็ตรงนี้

เป็นเอง..หรือไม่เป็นเอง...ก็ดูที่ดับทุกข์นี้แหละ....ไม่ใช่รอเป็นเองอย่างเดียวไปเรื่อย...ไม่มีการตรวจตราทวนเหตุทวนผล...
และถ้าดับทุกข์นั้นได้....ย่อมบอกที่มาที่ไปได้...ไม่ใช่อะไรอะไรก็ปัจจัตตัง...ท่าเดียว...แสดงว่าตัวเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไป...ถูกอวิชชาหลอกเอาเข้าแล้ว....

ผมรู้ว่า..อโศกะไม่เชื่อผมหรอก..เพราะอโศกะคิดว่าตัวเองเก่งกว่าผม.....ผมจะไปรู้เท่าคนที่เป็นอาจารย์สอนคนอื่นได้อย่างไร...
อิอิ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 15:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
wink
ไม่สนใจคำถามอย่างที่กบถามครับ
สำนึกรู้แต่ว่า


"ตราบใดที่ยังเจริญสติปัญญามานิ่งรู้นิ่งสังเกตอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ ตราบนั้นพัฒนาการของจิตเขาจะเป็นไปโดยอัติโนมัติ และแหลมรวมมุ่งตรงสู่พระนิพพานแต่เพียงถ่ายเดียวไม่เป็นอื่น"

ดีที่กบเชื่อถ้อยฟังคำครูบาอาจารย์ แต่ระวัง อย่ายึดคำสอนของครูบาอาจารย์จนแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้เสียโอกาสที่ควรได้ควรมี ครับ
:b38:


อนุโมทนาสาธุบุญกับอโศกะที่ปรารถณานิพพานด้วยนะครับ
:b8:

พระพุทธองค์ตรัสรู้อริยะสัจ4
สาวกผู้รู้ตาม...ก็ต้องรู้ในอริยะสัจ4 นี้แหละ...ถึงจะนิพพานตามพระพุทธองค์ได้

อโศกะจะรู้อะไรแบบไหน....ก็แล้วแต่...ก็ต้องขมวดมาสู่...นี้คือทุกข์....นี้คือเหตุให้เกิดทุกข์(ตัวที่รู้เมื่อครู่)..รู้สึกว่าเมื่อละเหตุของทุกข์แล้วละก้อ...ทุกข์ก็ย่อมดับไป....ถึงตรงนี้หากรู้ว่ายังดับทุกข์ไม่ได้....ก็มาตรวจสอบว่าตัวยังบกพร่องที่ใด.มรรค8 หรือโพชฌงค์7..หรือทั้งหมดในโพธิขิยธรรม37...มาใช้ก็ตรงนี้

เป็นเอง..หรือไม่เป็นเอง...ก็ดูที่ดับทุกข์นี้แหละ....ไม่ใช่รอเป็นเองอย่างเดียวไปเรื่อย...ไม่มีการตรวจตราทวนเหตุทวนผล...
และถ้าดับทุกข์นั้นได้....ย่อมบอกที่มาที่ไปได้...ไม่ใช่อะไรอะไรก็ปัจจัตตัง...ท่าเดียว...แสดงว่าตัวเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไป...ถูกอวิชชาหลอกเอาเข้าแล้ว....

ผมรู้ว่า..อโศกะไม่เชื่อผมหรอก..เพราะอโศกะคิดว่าตัวเองเก่งกว่าผม.....ผมจะไปรู้เท่าคนที่เป็นอาจารย์สอนคนอื่นได้อย่างไร...
อิอิ...

:b12:
ผมจะเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อและได้พิสูจน์แล้วจึงเชื่อครับ

อริยสัจ 4 เป็นหัวใจการค้นพบของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เป็นแก่นพุทธศาสนา อโศกะก็ยึดถือปฏิบัติและถ่ายทอดเฉพาะแก่นพุทธศาสนาข้อนี้เป็นสำคัญลองไปดูกระทู้ของรสมนนะครับมีรายละเอียดที่นั่น

มีข้อสังเกตนิดหนึ่งที่ว่าคุณกบไม่ละเอียดในเรื่องอริยสัจ 4 คื

ทุกข์ดับไม่ได้ เพราะเป็นผลเป็นวิบาก แต่เหตุทุกข์ ดับได้ จงพิจารณาให้ดีๆนะครับ

มรรค 8 เป็นวิธีดับเหตุทุกข์ ไม่ใช่วิธีดับทุกข์โปรดพิจารณาให้ดีๆกันนะครับ

การมุ่งดับทุกข์วิธีปฏิบัติก็คือสมถะภาวนา ดังฤาษี พรหม เข้าฌาณหลบทุกข์ทั้งหลาย

การมุ่งดับเหตุทุกข์ วิธีปฏิบัติก็คือ วิปัสสนาภาวนา ดังพระอริยเจ้าผู้ทำลายความเห็นผิด(สักกายทิฏฐิ)
ความยึดผิด (มานะทิฏฐิ) และสังโยชน์อีก 8 ตัว

กบลองพิจารณาใหม่อีกทีให้ดีๆนะครับ ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ แต่พึงควรเชื่อธรรม

:b8:
:b38:
:b37:
ส่วนเรื่องปัจจัตตังนั้น กบพึงได้พิจารณาใหม่อีกทีให้ลึกซึ้ง เรื่องธรรมและการรู้เห็นธรรมนี้เป็นเรื่องปัจจัตตังจริงๆเหมือนกบไม่เคยเห็นยอดดอยผ้าห่มปก แต่อโศกะไปเที่ยวชมมาแล้วจนพรุน จะอธิบายเรื่องและสภาพของดอยผ้าห่มปกอย่างไร กบก็ได้แต่นึกเทียบเอาฝันคาดเดาเอาเท่านั้นแล้วจะไปรู้เรื่องยอดดอยผ้าห่มปกได้ถูกต้องอย่างไร บอกได้แค่ตามคำบอกเล่าของผู้ที่ไปเห็นจริงๆมา

คนที่ไปเห็นจริงมาบางท่านแต่ขึ้นไปกันคนละทาง ก็อาจอธิบายไม่เหมือนกันในเรื่องเดียวกันก็ได้จึงเทียบกันไม่ค่อยได้ด้วย
ปัจจัตตัง
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 16:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะลองเล่าประสพการณ์ของอโศกะ
มาสักหนึ่งตัวอย่างให้เป็นวิทยาทานซิว่า....นิ่งรู้นิ่งสังเกตอารมณ์ปัจจุบัน...แล้วจิตปริวัตรไปเห็น...ทุกข์...เห็นเหตุให้เกิดทุกย์...เห็นความดับทุกข์....ได้อย่างไร?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 17:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อโศกะลองเล่าประสพการณ์ของอโศกะ
มาสักหนึ่งตัวอย่างให้เป็นวิทยาทานซิว่า....นิ่งรู้นิ่งสังเกตอารมณ์ปัจจุบัน...แล้วจิตปริวัตรไปเห็น...ทุกข์...เห็นเหตุให้เกิดทุกย์...เห็นความดับทุกข์....ได้อย่างไร?



โปรดอย่าถาม กรัชกายถามแล้วแต่ไม่ตอบ ครือๆๆ อโศกพูดเองนะ ว่า เขาเห็นการเกิด-ดับมาตั้งหนุ่มแล้ว เราก็ถามว่า อะไรเกิด-ดับ แล้วมันเกิดดับยังไง เงียบ เงียยเหมือนอยู่ในป่าช้ายามเที่ยงคืน ไม่มีคำตอบ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
อ้างคำพูด:
อ้างคำพูด:
อ๋อ รู้แล้วๆ คิกๆๆ ที่อโศกแนะนำเค้าน่ะไม่สู้กระไรนักหรอก คือยังเป็นเหมือนเทศน์ เหมือนพูดสนทนาปรับทุกข์กันไปตามประสา :b13: ยังไม่ใช่การบริกรรมภาวนา โดยใช้ลมเข้า-ออกทางจมูกบ้าง ใช้อาการท้องพอง-ท้องยุบ เป็นต้น บ้างเป็นกรรมฐาน คือเป็นฐานฝึกจิต ฐานภาวนา ไม่ใช่ ๆๆ อโศกยังไม่ใช่ ก็ได้ครับ ไม่ได้ว่าอะไรนะ เดี๋ยวเข้าใจผิดอีก :b1:


แต่ถ้าถึงขั้นบริกรรมในใจ พุทโธๆ พองหนอ ยุบหนอเป็นต้นละก็ กรัชกายเป็นห่วงศิษย์ในสำนักนั้นครับ

อ้างคำพูด:

การนั่งสมาธิของผมไม่มีอะไรมากครับ แค่กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก พุทธ โธ ๆๆ คือไม่ได้ไปศึกษาที่ใหนครับเรียนมาตั้งแต่เด็ก ครูสอนแบบนี้


ในขณะนั้น นั่งไป 2 ชม. พอออกจากสมาธิแล้ว รู้สึกกระปี้กระเปร่า สดชื่น ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย ไม่ปวดเมื่อยเลยครับ

...เข้าเรื่องเลยครับ พอย่างเข้าเดือนที่ 3 มันจะมีอาการตกค้างหลังจากการนั่งสมาธิ คือว่า มันมีอาการเต้นตุ๊บๆ อยู่จุดๆ หนึ่งตรง กึ่งกลางหน้าผากระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง และมีเหมือน กลุ่มก้อนพลังงานบางอย่าง คือเรียกไม่ถูก ที่เคลื่อนใหวไปมา เคลื่อนที่ได้เอง บริเวณส่วนหัวของผมทั้งหมด คือมันจะวิ่งไป-มา ตรงหน้าผาก สันจมูก โหนกแก้ม ท้ายทอย ตรงปลายคาง บางครั้งก็วิ่งขึ้นกลางหัวแล้วไปจุกๆ อัดแน่นกัน เหมือนหัวผมจะระเบิดเลยครับ

เลยอยากรู้ว่า มันคืออะไร หรือ เป็นโรคอะไรหรือเปล่า ผมจะได้ไปหาหมอทัน หรือท่านใดพอจะเมตตาแนะวิธี




อโศกพอเข้าใจมั้ยครับ


:b10:
s004
กรัชกายเดาสุ่มอีกแล้ว.......

อโศกะ ไม่ได้สอนพุทโธหรือหนอ กรัชกายน่าจะรู้ชัดตั้งนานแล้ว แต่ยังกลับมาเดาสุ่มว่าอโศกะสอนศิษย์ให้บริกรรม พุทโธ หรือหนอ

ที่แนะนำไปนั้นเพราะน้องที่มีปัญหาเขาเจริญพุทโธ มา ก็เลยโยงว่าจะเชื่อมต่อกับกรรมฐานที่เขาเคยทำอย่างไร

แล้วปัญหาของน้องคนถัดมาที่ท่องพุทโธมาจนเกิดจิตละเอียด รู้สึกอาการเต้นตอดที่หน้าผาก แล้วเกิดปรากฏการณ์อื่นตามมา นี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ใหม่

สรุปว่าเขาเกิดสมาธิเบื้องต้น จนจิตละเอียด รู้ชัดอาการในกาย ที่ระหว่างคิ้ว ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีๆ มันก็คือปฏิกิริยาของการเต้นของชีพจรที่ไปชัดเป็นช่วงๆบริเวณนั้น เป็นของแปลกสำหรับเขาเขาก็เลยเพ่งมากไป
เพ่งมากก็เกิดความตึง เครียด และปรากฏการณ์อื่นๆอย่างที่เขาเป็น ตามมา

วิธีแก้ ก็ต้องอธิบายให้เขาทราบเหตุผล แล้วให้เขาหยุดเพ่ง ให้แตะหรือสัมผัสรู้เพียงเบาๆ จะเอาการนิ่งรู้นิ่งสังเกตจนอาการต่างๆเหล่านั้นดับไป เงียบไปเสียก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเจริญพุทโธตามลมเข้าออกต่อ

หรือจะอาศัยสมาธิที่ได้ต่อยอดเจริญวิปัสสนาภาวนาต่อไปเลยก็ได้ ซึ่งก็ต้องสอนวิธีวางพุทโธ ไปเจริญปัญญาต่อไป
:b37:



นี่ก็เหมือนกัน วางพุทโธ ไปเจริญปัญญา นี่มันพูดนะ เขาก็ถามอีกว่า วางยังไง เจริญปัญญายังไง เห็นมั้ยไม่พ้นคำถาม เพราะมันไม่่ใช่วิธีที่นำไปใช้ไปทำได้ เป็นเพียงคำพูด

เออ ถ้าบอกว่า วางแปรงสีฟันลงนะ แล้วหยิบขันขึ้นมาตักน้ำแล้วล้างหน้า ยังงี้ได้เลย

แต่นี่บอกให้วางพุทโธ เจริญปัญญา ต่อยอดนั่นนี่ ที่พูดนั่นเป็นนามธรรมอโศก มองไม่เห็นหยิบฉวยไม่ได้ ไม่เหมือนแปรงกับขันน้ำพานรอง คิกๆๆ



เห็นมะบอกไม่เชื่อ อีกคำพูดหนึ่ง
อ้างคำพูด:
หยุดเพ่ง ให้แตะหรือสัมผัสรู้เพียงเบาๆ



พูดได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่การปฏิบัติทำยังไง หยุดเพ่ง แตะเบาๆ มันไม่เห็นรูปธรรม เช่นตีฉันเบาๆอย่าตีแรง เออยังงี้ทำได้เพราะเป็นรูปธรรม แต่บอกหยุดเพ่ง แตะเบาๆ ซึ่งเป็นด้านจิตใจแตะยังไงแตะเบาๆ

:b3: :b3:
เพ่ง....ก็ภาษาไทย

แตะเบาๆ.....ก็ภาษาไทย

ศัพท์ง่ายๆแค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจความหมายในเชิงปฏิบัติ นี่แสดงว่าขาดประสบการณ์จริงเอาเสียเหลือเกินนะนี่ พ่อนักวิชาการใหญ่

ถึงว่ายิ่งเป็นศัพท์ธรรมะที่ลึกซึ้งเข้าไป กรัชกายถึงไม่รู้เรื่องเลยต้องคอยถามผู้คนเขาไปทั่ว ตะพึดตะพือ

ไปลองพยายามทำดูก่อนจนปัญญาจริงๆจึงค่อยมาถามใหม่นะ

อ้อ การเอามือแตะ กับการเอาจิตแตะนั้นต่างกันในรายละเอียดนิดหนึ่งพยายามฝึกหัดดูนะจะได้เก่งภาคปฏิบัติเสียที
:b38:


อโศกนี่ไม่ธรรมดาจินๆ ไม่ได้ถามสะหน่อยว่าภาษาอะไรเออ :b1: แล้วก็ไม่ต้องการให้ตอบเรื่องภาษา

แนะๆ ยังมาว่าจะได้เก่งภาคปฏิบัติ คิกๆๆ


ถามอโศกว่า ว่าให้ "วางพุทโธ แล้วต่อด้วยปัญญา" เนี่ย วางยังไง ต่อยังไง เพราะนั่นเป็นเพียงคำพูดเป็นนามธรรม มองไม่เห็น ไม่เหมือนรูปธรรมเขามองเห็น เช่นหยิบ -วาง กันเห็นๆ วางแปรงลง หยิบขันขึ้นมา หรือตัวอย่าง บอกให้เขาเดินจงกรม ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ อย่างนี้ๆนะ เดินไปๆ พองหนอ ยุบหนอ เช่นท้องพองขึ้น ว่าพองหนอนะ ท้องยุบลง ว่ายุบหนอนะ ทำอย่างนี้ๆนะ คิดฟุ้งซ่านว่า "ฟุ้งซ่านหนอๆๆ" นะ ...รู้สึกยังไง ก็ว่ายังงั้นนะ เป็นยังไง ก็ว่ายังงั้นนะ ฯลฯ นี่บอกเขาแล้ว เขานำไปทำได้ปฏิบัติได้

แต่ของอโศกนี่มันอากาศธาตุทั้งเพทั้งระยอง เหมือนบอกให้เขาจับลม จับปอบ :b13:

http://www.youtube.com/watch?v=9zHLiavVfW0

เดี๊ยะๆได้บ้ากันทั้งสำนัก :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 20:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b39:
วางพุทโธ ก็หยุดบริกรรม พุทโธ

เจริญปัญญาต่อ ก็ หัดนิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา

อันที่กบสงสัยว่ามันจะไปเห็นธรรม รู้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตอนไหนนั้นไม่ต้องสงสัยเพราะเขาจะมาปรากฏให้รู้ให้เห็นจริงๆเมื่อสติ ปัญญา สมาธิ เขาคมชัดละเอียดได้ที่ ลองทำดูก่อนสิ
สังเกตง่ายๆตั้งแต่เริ่มแรก อาการแรกๆคือสติไม่ทันปัจจุบัน จิตฟุ้งแลบไปหาอดีตอนาคต สติปัญญาเขาจะพัฒนาตนเองขึ้นไปแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้จนชนะนิวรณ์ เวทนาต่างๆจนเข้าถึงแดนสงบ ความเกิด ดับ เหตุผลต่างๆเขาจะชัดขึ้นมาเองโดยไม่ต้องคิด
onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 44, 45, 46, 47, 48, 49, 50 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร