วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 00:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 84 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุนน้องอุตส่าเข้าไปรู้เข้าไปประจักษ์แจ้งเห็นเอง ด้วยภาคปฏิบัติของตน คุนน้องเป็นคนช่างคิด เป็นคนกล้าถาม เป็นคนกล้าสงสัยและเป้นคนกล้าลงมือทำและกล้าจะเปิดเผยพร้อมมีพระสูตรซึ่งเป็นคำตรัสของพระพุทธองค์ยืนยัน


ศรัทธาปสาทะ .....คือสิ่งนี้ล่ะครับ น้องก้อง
ศรัทธาต่อพระธรรมคำสอนที่มีปัญญาประกอบอยู่ อาการลักษณะที่เกิดกับจิต.....
จะชักนำให้ น้องก้อง ทำความรู้ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป :b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
คุนน้องอุตส่าเข้าไปรู้เข้าไปประจักษ์แจ้งเห็นเอง ด้วยภาคปฏิบัติของตน คุนน้องเป็นคนช่างคิด เป็นคนกล้าถาม เป็นคนกล้าสงสัยและเป้นคนกล้าลงมือทำและกล้าจะเปิดเผยพร้อมมีพระสูตรซึ่งเป็นคำตรัสของพระพุทธองค์ยืนยัน


ศรัทธาปสาทะ .....คือสิ่งนี้ล่ะครับ น้องก้อง
ศรัทธาต่อพระธรรมคำสอนที่มีปัญญาประกอบอยู่ อาการลักษณะที่เกิดกับจิต.....
จะชักนำให้ น้องก้อง ทำความรู้ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป :b8:

คุนน้องมีปัญหาค่ะ ไม่กล้าจะบอกใครอย่างนึง คุนน้องรู้สึกสับสนกับบัญญัติต่างๆที่เป็นตัวอธิบายสภาวะ แต่คุนน้องเข้าใจปรมัตถ์นะคือหลุดออกจากสมมุติบัญญัติได้ แต่ไม่สามารถเอามาเทียบเคียงแล้วแจดแจงเปิดเผยให้ถูกกับหลักธรรมที่เป็นปริยัติได้ คือมีความยำเกรงทุกอย่างในจิตเพราะกลัวว่าจะอธิบายแล้วบิดเบือนหลักธรรม พอจะเข้าใจคุนน้องไหมเจ้าค่ะ คล้ายๆรู้ในธรรมรส แต่บอกคนอื่นไม่ได้ ยกตัวอย่าง เรารู้ว่ารสเปรี้ยว แต่เราบอกคนอื่นไม่ได้ว่ารสเปรี้ยวคือยังไง ครั้นจะบอกว่ามะนาวทำให้เข้าไปรู้ในรสนั้นก็เรียกชื่อมะนาวไม่ถูก อะไรทำนองนี้เจ้าค่ะ :b14: ซึ่งคุณน้องรู้สึกว่าทำไมเป็นแบบนี้ทั้งที่เป็นคนความจำดีเป็นคนหัวดี แต่ทำไมสับสนมึนงงทันทีถ้าจะเอาสภาะของตนมาเทียบกับปริยัติ มีทางแก้ไหมเจ้าค่ะ ชาติที่แล้วคุนน้องคงดูถูกปริยัติไว้มาก เพราะสังเกตุจากมานะในตน เราคงไปตำหนิคนอื่นเก่งแต่ปริยัติปฏิบัติไม่เอาไหนอะไรทำนองนี้แน่ๆเลย ทำให้คุนน้องโง่ปริยัติมันคงเป็นวิบากกรรมแน่ๆเลย :b2: :b2:
ปล.คือคุนน้องเห็นอาการของจิตที่เกิดขึ้น ซึ่งมันก็ผุดขึ้นเอง ซึ่งพอเข้าไปเห็นถ้ารู้ทันก็ไม่ไหลไปกับกระสนั้น แต่ถ้าสติสัมปชัญญะกำลังไม่พอในขณะตอนนั้น คุณน้องจะมีอาการปลาสะ ทันที คือการตีเสมอ ยกตัวเทียมท่าน ไม่ยอมยกให้ใครดีกว่าตน แต่ชอบยกตัวเองดีกว่าเขา มักแสดงให้เขาเห็นว่าเราคิดเก่งกว่า รู้ดีกว่า ถ้าให้เราทำ เราจะทำให้ดีกว่าเขาได้ คือทำไมเป็นแบบนี้แต่เป็นเฉพาะกลับบางคน เหอๆในลานนี้ก็มีคือกรัชกาย เวลาคุยกะกรัชกาย จะเกิดอาการนั้นทุกที :b32: ไม่เข้าใจเล๊ยยย


แก้ไขล่าสุดโดย nongkong เมื่อ 10 มิ.ย. 2014, 16:28, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุนน้องมีปัญหาค่ะ ไม่กล้าจะบอกใครอย่างนึง คุนน้องรู้สึกสับสนกับบัญญัติต่างๆที่เป็นตัวอธิบายสภาวะ แต่คุนน้องเข้าใจปรมัตถ์นะคือหลุดออกจากสมมุติบัญญัติได้ แต่ไม่สามารถเอามาเทียบเคียงแล้วแจดแจงเปิดเผยให้ถูกกับหลักธรรมที่เป็นปริยัติได้ คือมีความยำเกรงทุกอย่างในจิตเพราะกลัวว่าจะอธิบายแล้วบิดเบือนหลักธรรม พอจะเข้าใจคุนน้องไหมเจ้าค่ะ คล้ายๆรู้ในธรรมรส แต่บอกคนอื่นไม่ได้ ยกตัวอย่าง เรารู้ว่ารสเปรี้ยว แต่เราบอกคนอื่นไม่ได้ว่ารสเปรี้ยวคือยังไง ครั้นจะบอกว่ามะนาวทำให้เข้าไปรู้ในรสนั้นก็เรียกชื่อมะนาวไม่ถูก อะไรทำนองนี้เจ้าค่ะ :b14: ซึ่งคุณน้องรู้สึกว่าทำไมเป็นแบบนี้ทั้งที่เป็นคนความจำดีเป็นคนหัวดี แต่ทำไมสับสนมึนงงทันทีถ้าจะเอาสภาะของตนมาเทียบกับปริยัติ มีทางแก้ไหมเจ้าค่ะ ชาติที่แล้วคุนน้องคงดูถูกปริยัติไว้มาก เพราะสังเกตุจากมานะในตน เราคงไปตำหนิคนอื่นเก่งแต่ปริยัติปฏิบัติไม่เอาไหนอะไรทำนองนี้แน่ๆเลย ทำให้คุนน้องโง่ปริยัติมันคงเป็นวิบากกรรมแน่ๆเลย

ปริยัติ ไม่ใช่การท่องศัพท์ เรียนรู้คำศัพท์
ปริยัติ ทำให้ปัญญาเกิดจากการอ่านการฟัง เกิดขึ้น
เป็นการศึกษาเพื่อให้ สติปัญญา เกิดขึ้นในระดับอันที่จะพัฒนาต่อไปได้
เข้าใจเพียงนี้ก็พอ
ศัพท์แสง ไม่ใช่สาระสำคัญ
แต่ถ้าปราถนาจะอธิบายให้ผู้อื่นฟัง ก็ต้องพัฒนาความสามารถเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจด้านภาษา เพื่อให้ถ่ายทอดสิ่งที่เราทราบได้
:b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
คุนน้องมีปัญหาค่ะ ไม่กล้าจะบอกใครอย่างนึง คุนน้องรู้สึกสับสนกับบัญญัติต่างๆที่เป็นตัวอธิบายสภาวะ แต่คุนน้องเข้าใจปรมัตถ์นะคือหลุดออกจากสมมุติบัญญัติได้ แต่ไม่สามารถเอามาเทียบเคียงแล้วแจดแจงเปิดเผยให้ถูกกับหลักธรรมที่เป็นปริยัติได้ คือมีความยำเกรงทุกอย่างในจิตเพราะกลัวว่าจะอธิบายแล้วบิดเบือนหลักธรรม พอจะเข้าใจคุนน้องไหมเจ้าค่ะ คล้ายๆรู้ในธรรมรส แต่บอกคนอื่นไม่ได้ ยกตัวอย่าง เรารู้ว่ารสเปรี้ยว แต่เราบอกคนอื่นไม่ได้ว่ารสเปรี้ยวคือยังไง ครั้นจะบอกว่ามะนาวทำให้เข้าไปรู้ในรสนั้นก็เรียกชื่อมะนาวไม่ถูก อะไรทำนองนี้เจ้าค่ะ :b14: ซึ่งคุณน้องรู้สึกว่าทำไมเป็นแบบนี้ทั้งที่เป็นคนความจำดีเป็นคนหัวดี แต่ทำไมสับสนมึนงงทันทีถ้าจะเอาสภาะของตนมาเทียบกับปริยัติ มีทางแก้ไหมเจ้าค่ะ ชาติที่แล้วคุนน้องคงดูถูกปริยัติไว้มาก เพราะสังเกตุจากมานะในตน เราคงไปตำหนิคนอื่นเก่งแต่ปริยัติปฏิบัติไม่เอาไหนอะไรทำนองนี้แน่ๆเลย ทำให้คุนน้องโง่ปริยัติมันคงเป็นวิบากกรรมแน่ๆเลย

ปริยัติ ไม่ใช่การท่องศัพท์ เรียนรู้คำศัพท์
ปริยัติ ทำให้ปัญญาเกิดจากการอ่านการฟัง เกิดขึ้น
เป็นการศึกษาเพื่อให้ สติปัญญา เกิดขึ้นในระดับอันที่จะพัฒนาต่อไปได้
เข้าใจเพียงนี้ก็พอ
ศัพท์แสง ไม่ใช่สาระสำคัญ
แต่ถ้าปราถนาจะอธิบายให้ผู้อื่นฟัง ก็ต้องพัฒนาความสามารถเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจด้านภาษา เพื่อให้ถ่ายทอดสิ่งที่เราทราบได้
:b8:



นั่นแน่ ศัพท์แสงไม่ใช่สาระสำคัญ คิกๆๆ นี่แหละธรรมะปฏิรูป ยกตัวอย่างที่ผ่านมาแล้วที่เช่นนั้นปฏิรูปของเขา คือ อานาปานสติ มั่วสุดๆ เช่นนั้น กำลังหลงอย่างหนัก เพราะความไม่เข้าใจภาษาของเขา จึงเดามั่วไป นี่คือมิจฉาทิฏฐิบุคคล :b1:

ก็เข้าใจผิดสะขนาดนั้น สติปัญญาอะไรขอรับจะเกิด คิดเองเออเอง เอาเข้าไปเช่นนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คิกๆ เช่นนั้นเอ้ย...เอ้ย
wink



ไม่มีอะไร :b1: ได้พระสูตรมาสูตรหนึ่งก็แบกโชว์พาว แค่อ่านแล้วเกิดความซาบซึ่้ง ก็คล้ายๆคนศาสนาอื่นเชื่อพระเจ้านั่นแหละ คิกๆๆ



กรัชกายนี่เกินเยียวยาจริงๆ คุนน้องอุตส่าเข้าไปรู้เข้าไปประจักษ์แจ้งเห็นเอง ด้วยภาคปฏิบัติของตน คุนน้องเป็นคนช่างคิด เป็นคนกล้าถาม เป็นคนกล้าสงสัยและเป้นคนกล้าลงมือทำและกล้าจะเปิดเผยพร้อมมีพระสูตรซึ่งเป็นคำตรัสของพระพุทธองค์ยืนยัน ระวังหน่อยนะกรัชกายที่มากล่าวตู่คนอื่นว่า แบกพระสูตรโชพาว อ่านแล้วแค่ซาบซึ่ง คล้ายๆคนที่มีความเชื่อเรื่องพระเจ้า บ๊ะหมอนี้ชักจะกำเริบเสิบสานแบบนี้มันต้องโดนคุนน้องกะท่านเช่นนั้น กำหราบสั่งสอน :b32:



ความจริงก็ไม่อยากพูดด้วยสักเท่าไร รำคาญ คิกๆๆ พาดพิงถึง เอาสะหน่อย รู้อะไรขอรับที่เข้าไปรู้ประจักษ์แจ้งเห็นเองนะ รู้เห็นอารัย หือ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอานะท่านทั้งสอง ช่วยกันตอบนะ

อ้างคำพูด:
ผมมือใหม่มากๆ

นั่งสมาธิได้แป้ปเดียว จะรู้สึกเหมือนโงนเงนโยกคลอน ทั้งๆที่พอลืมตาแล้ว ก็ตัวตั้งตรงเหมือนเดิม

ตอนนี้พยายามนั่งให้ถี่แต่นั่งไม่นานครับ แบบนี้ทำไงถึงจะนั่งได้นานๆครับ

ลืมบอก มันมีเสียงเข้ามาในหัวด้วยครับ จะประมาณว่าจะไหวเหรอ นั่งนานแล้วนะ พอเถอะ


เขาเป็นอะไร และทำไงต่อเพื่อก้าวหน้าต่อไป :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ธรรมะ คืออะไร กรัชกาย :b17: :b17: :b17:



แน่ะๆๆ ถามย้อนรอย :b1:

ถ้าถามว่า "ธรรม" คือ อะไร ควรมีคำว่า "วินัย" ควบคู่มาด้วย เป็น ธรรมวินัย ควรเรียนรู้วินัยประกอบด้วยจึงจะเห็นธรรมชัดขึ้น เพราะพระพุทธศาสนา ไม่ใช่สอนแต่ธรรมอย่างเดียว มีวินัยด้วย ธรรมะเป็นเรื่องของนามธรรม วินัยเป็นเรื่องของกฎ กติกา ข้อบังคับ ฯลฯ (รูปธรรม)

ตอบตัวเดียวก่อน ธรรม เป็นคำกลางๆ ยังไม่ดีไม่ชั่ว ธรรม แปลว่า ทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน คือมันมีของมันอยู่ยังงั้น ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติหรือไม่ก็ตามมันก็มีของมันอย่างนั้น จึงว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน

ธรรม แปลว่า ความจริง, ความถูกต้อง, ความดีงาม

หากต้องการจะแยก ก็แยกเป็น 2 ได้กุศลธรรม อกุศลธรรม

อนุโมทนา ต่อคำตอบ
ไม่ได้ถามคำศัพท์ นะกรัชกาย
ถ้ากรัชกาย บอกว่า "ธรรม แปลว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน คือมันมีของมันอยู่ยังงั้น ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติหรือไม่ก็ตามมันก็มีของมันอย่างนั้น จึงว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน"
นั่นหมายความว่า กรัชกาย ไม่ได้บอกอะไรเลย เพราะ กรัชกายใช้ "มัน" ในฐานะแทนคำว่า "ธรรม"

เขียนใหม่ ก็จะได้อย่างนี้

ธรรม แปลว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของธรรม คือธรรมมีของธรรมอยู่ยังงั้น ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติหรือไม่ก็ตาม ธรรมก็มีของธรรมอย่างนั้น จึงว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของธรรม

กรัชกาย..... เมื่อผู้ใดมาอ่านแล้วก็ยังไม่รู้อยู่ดี

และยิ่งหาก กรัชกาย จำกัด ธรรม แปลว่า ความจริง ความถูกต้อง ความดีงาม
กรัชกาย ก็ยิ่งเป็นการปฏิเสธถึงการทรงสภาพ ^ ^

จึงยังคงต้อง ถาม กรัชกาย ด้วยคำถามเดิม
ธรรม คืออะไร .......

(ไม่ได้เป็นการย้อนรอย และก่อกวน)
:b41:


ธรรมะ คือ ความจริง ความถูกต้อง ความดีงาม :b1:


เอาธรรมะตามนิยามของเช่นนั้น มาวางเทียบกันดู แล้วจะได้เดินต่อ



ธรรม เป็นกฏธรรมชาติ มีอยู่ของมันตามธรรมดา

ธรรม ในความหมายที่ ๑ ซึ่งเป็นความหมายหลัก เป็นพื้นฐาน ก็คือ ความจริง การที่เราศึกษาธรรมกัน ก็ศึกษาเพื่อหาเพื่อรู้ความจริงนี่แหละ คือทำอย่างไรจะรู้เข้าใจเข้าถึงความจริงได้


ทางพระบอกว่า ความจริงมีอยู่ของมันตามธรรมดา อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ขอยกคำบาลีมาให้ดูว่า


อุปฺปาทา วา ภิกฺขเว ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ฐิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺฐิตตา ธมฺมนิยามตา...


แปลว่า ตถาคตทั้งหลาย จะอุบัติหรือไม่อุบัติก็ตาม ธาตุ (สภาวะหรือหลักแห่งความจริง) นั้น คือ ความดำรงอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปแน่นอนแห่งธรรม ก็ตั้งอยู่อย่างนั้นเอง.....ตถาคตตรัสรู้ ค้นพบธาตุนั้น ครั้นแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้เข้าใจง่าย ว่าดังนี้ๆ


ยกตัวอย่าง เช่น หลักไตรลักษณ์ คือ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พระพุทธเจ้าจะเกิดหรือไม่เกิด สิ่งทั้งหลายก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของมันอยู่อย่างนั้น แต่มนุษย์ทั้งหลายไม่รู้ความจริงนี้ พระพุทธเจ้าได้พัฒนาปัญญาขึ้นมาจนกระทั่งได้รู้เข้าใจความจริงนั้น เรียกว่าตรัสรู้ หรือค้นพบแล้ว จึงทรงนำมาเปิดเผยแสดงอธิบาย


"ธรรม" ในความหมายที่ ๑ คือความจริงนั้น มีความหมายต่อทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง จะเรียกว่าธรรมชาติหรืออะไรก็ตาม ก็มีความจริงเป็นอย่างนั้น และมันก็เป็นไปตามความจริงนั้น เช่น ความเป็นไปตามเหตุปัจจัย บางทีเราเรียกธรรมในความหมายนี้ว่า "กฏธรรมชาติ"



เมื่อ ความจริงเป็นอย่างนี้ และสิ่งทั้งหลายก็เป็นไปตามความจริงนั้น หรือตามกฏธรรมชาตินั้น เรื่องก็โยงมาถึงมนุษย์คือคนเรานี้ว่า เราก็ต้องการผลดีต่างๆ เช่นว่า เราต้องการให้ชีวิตของเราดี ตลอดไปถึงว่า เราต้องการให้สังคมของเราดี มีความเจริญมั่นคง อยู่กันร่มเย็นเป็นสุข แต่การที่ชีวิตจะดี สังคมจะดี อะไรๆ จะดี ทุกอย่างนี้ ก็ต้องตั้งอยู่บนฐานของความจริงนั้น



ดังเช่น ความจริงมีอยู่อย่างหนึ่งว่า สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย เหตุอย่างไรก็ทำให้เกิดผลอย่างนั้น ผลเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยของมัน เมื่อเราทำชีวิตให้ดี ทำสังคมให้ดี เราจะทำอย่างไร เราจะให้เกิดความเจริญงอกงาม ก็ทำหรือส่งเสริมเหตุปัจจัยนั้น และในต่างตรงข้าม เหตุปัจจัยไหนจะทำให้เกิดความเสื่อมความเสียหาย ก็ป้องกันแก้ไขกำจัดเหตุปัจจัยนั้น


รวมความย้ำว่า เ ราก็ปฏิบัติจัดการไปตามความจริงนั้น โดยป้องกันแก้ไขกำจัดเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดผลร้าย แล้วก็ไปทำหรือส่งเสริมเหตุปัจจัยที่จะนำมาซึ่งผลดี อันนี้ก็คือต้องปฏิบัติไปตามความจริง


ก็จึงเป็นอันว่า มนุษย์ต้องรู้ความจริง แล้วก็เอาความรู้ในความจริงมาใช้ประโยชน์ โดยนำมาปฏิบัติการให้เป็นไปตามความจริงนั้นแล้วก็จะได้ผลตามต้องการ


จากหลักความจริงนี้ จึงเป็นเหตุให้เราต้องพัฒนามนุษย์ คือให้มนุษย์ศึกษา (สิกขา) เพื่อจะได้รู้ความจริง และปฏิบัติได้ผลผลตามความจริงนั้น


"ธรรม" คือความจริง ที่มีอยู่ตามธรรมดาของธรรมชาติ เวลาพระพุทธเจ้าตรัสธรรมะ พระองค์ทรงใช้คำว่า "แสดง" หมายความว่า ความจริงมันเป็นอย่างนั้น ก็เอามาแสดง ให้คนทั้งหลายรู้ด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ธรรมะ คืออะไร กรัชกาย :b17: :b17: :b17:



แน่ะๆๆ ถามย้อนรอย :b1:

ถ้าถามว่า "ธรรม" คือ อะไร ควรมีคำว่า "วินัย" ควบคู่มาด้วย เป็น ธรรมวินัย ควรเรียนรู้วินัยประกอบด้วยจึงจะเห็นธรรมชัดขึ้น เพราะพระพุทธศาสนา ไม่ใช่สอนแต่ธรรมอย่างเดียว มีวินัยด้วย ธรรมะเป็นเรื่องของนามธรรม วินัยเป็นเรื่องของกฎ กติกา ข้อบังคับ ฯลฯ (รูปธรรม)

ตอบตัวเดียวก่อน ธรรม เป็นคำกลางๆ ยังไม่ดีไม่ชั่ว ธรรม แปลว่า ทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน คือมันมีของมันอยู่ยังงั้น ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติหรือไม่ก็ตามมันก็มีของมันอย่างนั้น จึงว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน

ธรรม แปลว่า ความจริง, ความถูกต้อง, ความดีงาม

หากต้องการจะแยก ก็แยกเป็น 2 ได้กุศลธรรม อกุศลธรรม

อนุโมทนา ต่อคำตอบ
ไม่ได้ถามคำศัพท์ นะกรัชกาย
ถ้ากรัชกาย บอกว่า "ธรรม แปลว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน คือมันมีของมันอยู่ยังงั้น ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติหรือไม่ก็ตามมันก็มีของมันอย่างนั้น จึงว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน"
นั่นหมายความว่า กรัชกาย ไม่ได้บอกอะไรเลย เพราะ กรัชกายใช้ "มัน" ในฐานะแทนคำว่า "ธรรม"

เขียนใหม่ ก็จะได้อย่างนี้

ธรรม แปลว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของธรรม คือธรรมมีของธรรมอยู่ยังงั้น ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติหรือไม่ก็ตาม ธรรมก็มีของธรรมอย่างนั้น จึงว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของธรรม

กรัชกาย..... เมื่อผู้ใดมาอ่านแล้วก็ยังไม่รู้อยู่ดี

และยิ่งหาก กรัชกาย จำกัด ธรรม แปลว่า ความจริง ความถูกต้อง ความดีงาม
กรัชกาย ก็ยิ่งเป็นการปฏิเสธถึงการทรงสภาพ ^ ^

จึงยังคงต้อง ถาม กรัชกาย ด้วยคำถามเดิม
ธรรม คืออะไร .......

(ไม่ได้เป็นการย้อนรอย และก่อกวน)
:b41:


ธรรมะ คือ ความจริง ความถูกต้อง ความดีงาม :b1:


เอาธรรมะตามนิยามของเช่นนั้น มาวางเทียบกันดู แล้วจะได้เดินต่อ



ไล่ๆดู ยังไม่เห็นคำนิยามธรรมะจากเช่นนั้นเลย ไหนลองว่ามาสิครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2014, 00:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ไล่ๆดู ยังไม่เห็นคำนิยามธรรมะจากเช่นนั้นเลย ไหนลองว่ามาสิครับ :b1:


ธรรมะ ไร้คำนิยาม .........

ธรรมะที่นิยามได้ ย่อมสูญเสียความเป็นอย่างนั้นของ ธรรมะไป

:b32: :b32: :b32:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2014, 00:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นั่นแน่ ศัพท์แสงไม่ใช่สาระสำคัญ คิกๆๆ นี่แหละธรรมะปฏิรูป ยกตัวอย่างที่ผ่านมาแล้วที่เช่นนั้นปฏิรูปของเขา คือ อานาปานสติ มั่วสุดๆ เช่นนั้น กำลังหลงอย่างหนัก เพราะความไม่เข้าใจภาษาของเขา จึงเดามั่วไป นี่คือมิจฉาทิฏฐิบุคคล :b1:

ก็เข้าใจผิดสะขนาดนั้น สติปัญญาอะไรขอรับจะเกิด คิดเองเออเอง เอาเข้าไปเช่นนั้น


โง่ยังอวดฉลาด กรัชกาย
हवा
ลม
wind

ウインド
ខ្យល់

แต่ละชาติแต่ละภาษา ใช้ศัพท์คำเดียวกันรึ กรัชกาย
เอาคำว่า ลม ไปพูด กับ คนจีน เขาจะรู้จักไหม

ส่วนอานาปานสติ : กรัชกาย รู้แต่ (+) เอานู่นๆ นี่ๆ มา + กัน

ยังคงยืนยัน อานาปานสติ เป็นชื่อของวิธีการ ^ ^

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 11 มิ.ย. 2014, 00:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2014, 00:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เอานะท่านทั้งสอง ช่วยกันตอบนะ

อ้างคำพูด:
ผมมือใหม่มากๆ

นั่งสมาธิได้แป้ปเดียว จะรู้สึกเหมือนโงนเงนโยกคลอน ทั้งๆที่พอลืมตาแล้ว ก็ตัวตั้งตรงเหมือนเดิม

ตอนนี้พยายามนั่งให้ถี่แต่นั่งไม่นานครับ แบบนี้ทำไงถึงจะนั่งได้นานๆครับ

ลืมบอก มันมีเสียงเข้ามาในหัวด้วยครับ จะประมาณว่าจะไหวเหรอ นั่งนานแล้วนะ พอเถอะ


เขาเป็นอะไร และทำไงต่อเพื่อก้าวหน้าต่อไป :b1:


เขาคิดว่า กำลังทำสมาธิ
ทำไงเพื่อก้าวหน้าต่อ ก็เลิกๆ กับสิ่งทีทำตอนนี้ เด๋วบ้า
ไปไหว้พระสวดมนต์ ก็พอ :b19:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2014, 04:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไล่ๆดู ยังไม่เห็นคำนิยามธรรมะจากเช่นนั้นเลย ไหนลองว่ามาสิครับ :b1:


ธรรมะ ไร้คำนิยาม .........

ธรรมะที่นิยามได้ ย่อมสูญเสียความเป็นอย่างนั้นของ ธรรมะไป

:b32: :b32: :b32:



อ้างคำพูด:
เช่นนั้น เขียน:
ธรรมะ คืออะไร กรัชกาย



ตามใจ ไม่นิยาม ก็ไม่นิยามเอ้า แต่จะถามว่า ธรรมะ ตามที่เช่นนั้นคิดนี่มันยังไง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2014, 04:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นั่นแน่ ศัพท์แสงไม่ใช่สาระสำคัญ คิกๆๆ นี่แหละธรรมะปฏิรูป ยกตัวอย่างที่ผ่านมาแล้วที่เช่นนั้นปฏิรูปของเขา คือ อานาปานสติ มั่วสุดๆ เช่นนั้น กำลังหลงอย่างหนัก เพราะความไม่เข้าใจภาษาของเขา จึงเดามั่วไป นี่คือมิจฉาทิฏฐิบุคคล :b1:

ก็เข้าใจผิดสะขนาดนั้น สติปัญญาอะไรขอรับจะเกิด คิดเองเออเอง เอาเข้าไปเช่นนั้น


โง่ยังอวดฉลาด กรัชกาย
हवा
ลม
wind

ウインド
ខ្យល់

แต่ละชาติแต่ละภาษา ใช้ศัพท์คำเดียวกันรึ กรัชกาย
เอาคำว่า ลม ไปพูด กับ คนจีน เขาจะรู้จักไหม

ส่วนอานาปานสติ : กรัชกาย รู้แต่ (+) เอานู่นๆ นี่ๆ มา + กัน

ยังคงยืนยัน อานาปานสติ เป็นชื่อของวิธีการ ^ ^



เช่นนั้น :b1: ภาษาเดิมทางศาสนาเขาเป็นยังงั้น ชาติไหนภาษาใดจะนำคำสอนนี้ไปเผยแผ่ก็ต้องแปลให้เป็นภาษาของตน อย่างไทยนี่ เขาแปลว่า สติกำหนดลมหายใจเข้า-ออก ชื่อว่า อานาปานสติ เออ

จาคานุสติ หมายถึง (ไม่แปลก็ได้เอ้า) ระลึกถึงจาคะ ทานที่ตนได้บริจาคแล้ว และพิจารณาเห็นคุณธรรม คือความเผื่อแผ่เสียสละที่มีในตน

นี่แบบเขามียังงี้ แล้วเช่นนั้นจะหลงเตลิดเปิดเปิงเป็นมิจฉาทิฏฐิบุคคลไปไหน :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2014, 04:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอานะท่านทั้งสอง ช่วยกันตอบนะ

อ้างคำพูด:
ผมมือใหม่มากๆ

นั่งสมาธิได้แป้ปเดียว จะรู้สึกเหมือนโงนเงนโยกคลอน ทั้งๆที่พอลืมตาแล้ว ก็ตัวตั้งตรงเหมือนเดิม

ตอนนี้พยายามนั่งให้ถี่แต่นั่งไม่นานครับ แบบนี้ทำไงถึงจะนั่งได้นานๆครับ

ลืมบอก มันมีเสียงเข้ามาในหัวด้วยครับ จะประมาณว่าจะไหวเหรอ นั่งนานแล้วนะ พอเถอะ


เขาเป็นอะไร และทำไงต่อเพื่อก้าวหน้าต่อไป :b1:


เขาคิดว่า กำลังทำสมาธิ
ทำไงเพื่อก้าวหน้าต่อ ก็เลิกๆ กับสิ่งทีทำตอนนี้ เด๋วบ้า
ไปไหว้พระสวดมนต์ ก็พอ :b19:



นี่ไงชีวิตสำเร็จรูป ชีวิตกระดาษ นี่คือบุคคลตัวอย่าง ซึ่งจะแก้ปัญหาเรื่องจิตใจ เรื่องจิตตภาวนา เป็นต้นไม่ได้เลย ยืนยัน นอนยัน ตีลังกายัน เพราะเขาไม่เข้าใจชีวิตจิตใจเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2014, 09:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คิกๆ เช่นนั้นเอ้ย...เอ้ย
wink



ไม่มีอะไร :b1: ได้พระสูตรมาสูตรหนึ่งก็แบกโชว์พาว แค่อ่านแล้วเกิดความซาบซึ่้ง ก็คล้ายๆคนศาสนาอื่นเชื่อพระเจ้านั่นแหละ คิกๆๆ



กรัชกายนี่เกินเยียวยาจริงๆ คุนน้องอุตส่าเข้าไปรู้เข้าไปประจักษ์แจ้งเห็นเอง ด้วยภาคปฏิบัติของตน คุนน้องเป็นคนช่างคิด เป็นคนกล้าถาม เป็นคนกล้าสงสัยและเป้นคนกล้าลงมือทำและกล้าจะเปิดเผยพร้อมมีพระสูตรซึ่งเป็นคำตรัสของพระพุทธองค์ยืนยัน ระวังหน่อยนะกรัชกายที่มากล่าวตู่คนอื่นว่า แบกพระสูตรโชพาว อ่านแล้วแค่ซาบซึ่ง คล้ายๆคนที่มีความเชื่อเรื่องพระเจ้า บ๊ะหมอนี้ชักจะกำเริบเสิบสานแบบนี้มันต้องโดนคุนน้องกะท่านเช่นนั้น กำหราบสั่งสอน :b32:



ความจริงก็ไม่อยากพูดด้วยสักเท่าไร รำคาญ คิกๆๆ พาดพิงถึง เอาสะหน่อย รู้อะไรขอรับที่เข้าไปรู้ประจักษ์แจ้งเห็นเองนะ รู้เห็นอารัย หือ :b14:

ไม่มีปัญญาเพราะดื้อด้าน ไม่ยอมรับรู้ไม่ยอมเข้าใจอะไร แม้แต่การอธิบายสภาะธรรมของผู้อื่น ที่เราอุตส่าเอามาบอกเอาเปิดเผย ความจริงของสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่เข้ารู้สภาะที่ปรากฏให้เห็นเป็นปรมัตถ์ สิ่งที่ปรากฏให้เห็น ทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ สิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามธรรมดาของมัน ความดื้อด้านของกรัชกายจะทำให้กรัชกายมืดบอดในธรรม ถ้ากรัชกายไม่ยอมรับฟังผู้อื่นกรัชกายจะมืดบอดมืดมัวบรรลุธรรมไม่ได้หรอกชาตินี้ นั่งยันนอนยันเลยเอา และที่กรัชกายรำคาญก็เพราะ สภาวะนั้นปรากฏ ความจริงของสิ่งเหล่านั้นในตัวกรัชกาย ที่กรัชกายไม่ยอมรับมัน มันถึงบีบคั้นกรัชกายผู้น่าสงสาร :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 84 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร