วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 04:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 68 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2014, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




a7dc698bf81511a0fc9bc5ad1f3f4a88.jpg
a7dc698bf81511a0fc9bc5ad1f3f4a88.jpg [ 119.07 KiB | เปิดดู 1944 ครั้ง ]
ท่านเช่นนั้น กบ ดูนี่ประกอบตัวอย่างที่ถามข้างบน ^ พอมองเห็นว่าชีวิตก็คือธรรมะ มั้ย และระดับสูงด้วย


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกเหนือจากขันธ์ ๕ ไม่ว่าจะแฝงอยู่ในขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่างหากจากขันธ์ ๕ ที่จะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ

ชีวิตเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือมีอยู่ในรูปเป็นกระแสแห่งปัจจัยต่างๆ ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

ในภาวะเช่นนี้ ชีวิตจึงเป็นไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดับเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนจริงจังไม่ได้ ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้และยึดติดถือมั่น

กระบวนการแห่งชีวิต ซึ่งดำเนินไปพร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทุกขณะ โดยไม่มีส่วนที่เป็นตัวเป็นตนคงที่อยู่นี้ ย่อมเป็นไปตามกระแสแห่งเหตุปัจจัยที่สัมพันธ์แก่กันล้วนๆ ตามวิถีทางแห่งธรรมชาติของมัน

แต่ในกรณีของชีวิตมนุษย์ปุถุชน ความฝืนกระแสจะเกิดขึ้น โดยที่จะมีความหลงผิดเกิดขึ้น และยึดเอารูปปรากฏของกระแส หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของกระแส ว่าเป็นตัวตน และปรารถนาให้ตัวตนนั้นมีอยู่ หรือเป็นไปในรูปใดรูปหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ความเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนที่เกิดขึ้นในกระแส ก็ขัดแย้งต่อความปรารถนา เป็นการบีบคั้น และเร่งเร้าให้เกิดความยึดอยากรุนแรงยิ่งขึ้น ความดิ้นรนหวงให้มีตัวตน ในรูปใดรูปหนึ่ง และให้ตัวตนนั้นเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ให้คงที่เที่ยงแท้ถาวรอยู่ในรูปที่ต้องการก็ดี ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เมื่อไม่เป็นไปตามที่ยึดอยาก ความบีบคั้นก็ยิ่งแสดงผลเป็นความผิดหวัง ความทุกข์ความคับแค้นรุนแรงขึ้นตามกัน


พร้อมกันนั้น ความตระหนักรู้ในความจริงอย่างมัวๆ ว่าความเปลี่ยนแปลจะต้องเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน และตัวตนที่ตนยึดอยู่ อาจไม่มี หรืออาจสูญหายไปเสีย ก็ยิ่งฝังความยึดความอยากให้เหนี่ยวแน่นยิ่งขึ้น พร้อมกับความกลัว ความประหวั่นพรั่นพรึง ก็เข้าแฝงตัวร่วมอยู่ร่วมอยู่ด้วยอย่างลึกซึ้ง และสลับซับซ้อน ภาวะจิตเหล่านี้ ก็คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กิเลสเหล่านี้ แฝงลึกซับซ้อนอยู่ในจิตใจ และเป็นตัวคอยบังคับบัญชาพฤติกรรมทั้งหลายของบุคคลให้เป็นไปต่างๆ ตามอำนาจของมัน ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ตลอดจนเป็นตัวหล่อหลอมบุคลิกภาพ และมีบทบาทสำคัญในการชี้ชะตากรรมของบุคคลนั้นๆ กล่าวในวงกว้าง มันเป็นที่มาแห่งความทุกข์ของมนุษย์ปุถุชนทุกคน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2014, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ท่านเช่นนั้น กบ ดูนี่ประกอบตัวอย่างที่ถามข้างบน ^ พอมองเห็นว่าชีวิตก็คือธรรมะ มั้ย และระดับสูงด้วย


ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดอื่นอีกนอกเหนือจากขันธ์ ๕ ไม่ว่าจะแฝงอยู่ในขันธ์ ๕ หรืออยู่ต่างหากจากขันธ์ ๕ ที่จะมาเป็นเจ้าของหรือควบคุมขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ

ชีวิตเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท คือมีอยู่ในรูปเป็นกระแสแห่งปัจจัยต่างๆ ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆไปอีก ส่วนต่างๆสัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผล และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน

ในภาวะเช่นนี้ ชีวิตจึงเป็นไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ คือ อยู่ในภาวะแห่ง อนิจจตา ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดับเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา อนัตตตา ไม่มีส่วนใดที่มีที่เป็นตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนจริงจังไม่ได้ ทุกขตา ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้และยึดติดถือมั่น

กระบวนการแห่งชีวิต ซึ่งดำเนินไปพร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทุกขณะ โดยไม่มีส่วนที่เป็นตัวเป็นตนคงที่อยู่นี้ ย่อมเป็นไปตามกระแสแห่งเหตุปัจจัยที่สัมพันธ์แก่กันล้วนๆ ตามวิถีทางแห่งธรรมชาติของมัน

แต่ในกรณีของชีวิตมนุษย์ปุถุชน ความฝืนกระแสจะเกิดขึ้น โดยที่จะมีความหลงผิดเกิดขึ้น และยึดเอารูปปรากฏของกระแส หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของกระแส ว่าเป็นตัวตน และปรารถนาให้ตัวตนนั้นมีอยู่ หรือเป็นไปในรูปใดรูปหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ความเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนที่เกิดขึ้นในกระแส ก็ขัดแย้งต่อความปรารถนา เป็นการบีบคั้น และเร่งเร้าให้เกิดความยึดอยากรุนแรงยิ่งขึ้น ความดิ้นรนหวงให้มีตัวตน ในรูปใดรูปหนึ่ง และให้ตัวตนนั้นเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ให้คงที่เที่ยงแท้ถาวรอยู่ในรูปที่ต้องการก็ดี ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เมื่อไม่เป็นไปตามที่ยึดอยาก ความบีบคั้นก็ยิ่งแสดงผลเป็นความผิดหวัง ความทุกข์ความคับแค้นรุนแรงขึ้นตามกัน


พร้อมกันนั้น ความตระหนักรู้ในความจริงอย่างมัวๆ ว่าความเปลี่ยนแปลจะต้องเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน และตัวตนที่ตนยึดอยู่ อาจไม่มี หรืออาจสูญหายไปเสีย ก็ยิ่งฝังความยึดความอยากให้เหนี่ยวแน่นยิ่งขึ้น พร้อมกับความกลัว ความประหวั่นพรั่นพรึง ก็เข้าแฝงตัวร่วมอยู่ร่วมอยู่ด้วยอย่างลึกซึ้ง และสลับซับซ้อน ภาวะจิตเหล่านี้ ก็คือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กิเลสเหล่านี้ แฝงลึกซับซ้อนอยู่ในจิตใจ และเป็นตัวคอยบังคับบัญชาพฤติกรรมทั้งหลายของบุคคลให้เป็นไปต่างๆ ตามอำนาจของมัน ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ตลอดจนเป็นตัวหล่อหลอมบุคลิกภาพ และมีบทบาทสำคัญในการชี้ชะตากรรมของบุคคลนั้นๆ กล่าวในวงกว้าง มันเป็นที่มาแห่งความทุกข์ของมนุษย์ปุถุชนทุกคน

หลักธรรมอะไรยกมา เนี่ย เห่ยสิ้นดี
คนเขียนท่าจะเมาๆ เขียน
เขียนผิดเขียนถูกปนไปปนมา มั่วไปหมด

ถามจริงเหอะกรัชกาย รู้แค่นี้เองรึ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2014, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ เท่านั้น แต่ก็มีอย่างหนึ่งนอกเหนือจากขันธ์ ๕
2.ชีวิตไม่จำเป็นต้องดำเนินไปตามกฏปฏิจจสมุปบาท
3.กฏไตรลักษณ์ มั่วมาจากไหน จะเอากฏไตรลักษณ์ สังขตะ หรืออสังขตะ หืมม์ กฏไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มั่วๆ มาจากไหน
4.ชีวิตของปุถุชน ไม่มีหรอกที่จะสามารถฝืนกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทได้ มั่วได้เนียนนิคนเขียน
5ตระหนักรู้ความจริงอย่างมัวๆ เห่ยมาก นั่นเรียกว่า ไม่รู้

ใครแต่งมา ทิ้งลงขยะโลดกรัชกาย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2014, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น มีวิธีปฏิบัติต่อไปยังไง เคยอ่านเจอะในพระสูตรมั้ย :b1:


อ้างคำพูด:
พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนดพุธ-โธเมื่อจิตสงบก็ พิจารณากายในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลในร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปในกล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

ทัน ใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มีลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆเลยตอบไปว่า "จิตก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความสว่างนั้น

อยากจะถามผู้รู้ ว่า

1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่

2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน

ส่วนครั้งอื่นๆ จะไม่เกิดนิมิตเกิดแต่ความสว่างจ้า สถาวะสงบสุข



เช่นนั้น นี่ล่ะ ไม่ลองแสดงความเห็นหน่อยรึ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2014, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น นี่ล่ะ ไม่ลองแสดงความเห็นหน่อยรึ :b32:

แค่ ให้กรัชกาย หายโง่ ก็เสียเวลาแล้วครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2014, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น นี่ล่ะ ไม่ลองแสดงความเห็นหน่อยรึ :b32:

แค่ ให้กรัชกาย หายโง่ ก็เสียเวลาแล้วครับ



หมดรสชาติแล้ว เน่า เวิ้นเว้อ โง่ หมดพุงแล้วก็อาบน้ำกินนมนอนเถอะน้อ :b12: เสียสุขภาพเปล่าๆ :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2014, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น นี่ล่ะ ไม่ลองแสดงความเห็นหน่อยรึ :b32:

แค่ ให้กรัชกาย หายโง่ ก็เสียเวลาแล้วครับ



หมดรสชาติแล้ว เน่า เวิ้นเว้อ โง่ หมดพุงแล้วก็อาบน้ำกินนมนอนเถอะน้อ :b12: เสียสุขภาพเปล่าๆ :b9:

ครับ
กรัชกาย หมดรสชาด แล้ว
เน่า เวิ่นเว้อ โง่ หมดพุง
ไปอาบน้ำกินนมนอนได้แล้วครับกรัชกาย

อ่านพระสูตร ให้ดี ทิ้งหนังสือพุทธธรรมซุกไว้ใต้โต๊ะนะครับ

ราตรีสวัสดิ์

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2014, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นึกได้อีกหน่อย :b1:

เช่นนั้นจัดขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เข้าในรูป นาม กับ ในชีวิตสิครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2014, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นึกได้อีกหน่อย :b1:

เช่นนั้นจัดขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เข้าในรูป นาม กับ ในชีวิตสิครับ

ไม่ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น ^ ^

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2014, 12:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นึกได้อีกหน่อย :b1:

เช่นนั้นจัดขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เข้าในรูป นาม กับ ในชีวิตสิครับ

ไม่ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น ^ ^


ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ก็ว่าไปอย่างไหน จัดมาดู

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2014, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปนาม ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ชีวิต เป็นความสืบต่อของ รูปนาม
รูปนาม ไม่ใช่ชีวิต
เข้าใจไหมครับกรัชกาย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2014, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
รูปนาม ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ชีวิต เป็นความสืบต่อของ รูปนาม
รูปนาม ไม่ใช่ชีวิต
เข้าใจไหมครับกรัชกาย



อ้างคำพูด:
รูปนาม ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ


อ้างคำพูด:
รูปนาม ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ


เช่นนั้น ดูนะ เราคิดตรงกันไหม

1. รูป
2. เวทนา
3.สัญญา
4. สังขาร
5. วิญญาณ

ข้อ 1 รูป = รูป (รูปธรรม)

ข้อ 2-5 = นาม (นามธรรม)

รูปนาม = ชีวิต เพราะยังไม่ตาย (ชีวิตินทรีย์)

รูปนาม ไม่ใช่ชีวิต ไม่เรียกว่าชีวิตแล้วเรียกว่าอะไร :b10: เช่นนั้น หรือว่าซากศพเดินได้ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2014, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
รูปนาม ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ


เช่นนั้น ดูนะ เราคิดตรงกันไหม

1. รูป
2. เวทนา
3.สัญญา
4. สังขาร
5. วิญญาณ

ข้อ 1 รูป = รูป (รูปธรรม)

ข้อ 2-5 = นาม (นามธรรม)

รูปนาม = ชีวิต เพราะยังไม่ตาย (ชีวิตินทรีย์)

รูปนาม ไม่ใช่ชีวิต ไม่เรียกว่าชีวิตแล้วเรียกว่าอะไร :b10: เช่นนั้น หรือว่าซากศพเดินได้ :b1:

อ่านให้เข้าใจสิ กรัชกาย
ชีวิต คือการสืบต่อของรูปนาม
รูปนาม คือรูปนาม

รูปนาม ไม่ใช่ชีวิต
ชีวิต ไม่ใช่รูปนาม เข้าใจไหมกรัชกาย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2014, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
รูปนาม ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ


เช่นนั้น ดูนะ เราคิดตรงกันไหม

1. รูป
2. เวทนา
3.สัญญา
4. สังขาร
5. วิญญาณ

ข้อ 1 รูป = รูป (รูปธรรม)

ข้อ 2-5 = นาม (นามธรรม)

รูปนาม = ชีวิต เพราะยังไม่ตาย (ชีวิตินทรีย์)

รูปนาม ไม่ใช่ชีวิต ไม่เรียกว่าชีวิตแล้วเรียกว่าอะไร :b10: เช่นนั้น หรือว่าซากศพเดินได้ :b1:

อ่านให้เข้าใจสิ กรัชกาย
ชีวิต คือการสืบต่อของรูปนาม
รูปนาม คือรูปนาม

รูปนาม ไม่ใช่ชีวิต
ชีวิต ไม่ใช่รูปนาม เข้าใจไหมกรัชกาย



เช่นนั้น ช่วยจัดให้เห็นอย่างกรัชกายจัดหน่อย อย่าเอาแต่พูด คิกๆๆ

ดูนะกรัชกายจะจัดใหม่ เช่นนั้นเห็นว่า ตรงไหนไม่ถูกก็แก้เสียให้ถูกนะเอ้า

ชีวิต (= คนแต่ละๆชีวิต) ทางศาสนาจำแนกโดยความเป็นขันธ์ หรือเป็น กอง มี 5 ขันธ์ หรือ 5 กอง คือ
1. รูปขันธ์
2. เวทนาขันธ์
3. สัญญาขันธ์
4. สังขารขันธ์
5. วิญญาณขันธ์

ข้อ 1 = รูปขันธ์ (รูป-รูปธรรม)
ข้อ 2 = นามขันธ์ (นาม-นามธรรม)

นั่นเท่ากับชีวิต...หนึ่งๆ

ถ้าผิดตรงไหนเช่นนั้นจัดตารางใหม่ให้ถูกเอ้า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2014, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาอีกแล้วขอรับเช่นนั้นที่เคารพอย่างสูง (ปรับปรุงตัวพูดเพราะหน่อยมีคนว่าเราหยาบคาย :b13: ) เขาเป็นอะไร หรือว่าเป็นชีวิตอย่างเช่นนั้นว่า ดูครับ


อ้างคำพูด:
เวลานั่งสมาธิ มักจะมีความรู้สึกแปลกๆที่บริเวณหน้าผากค่ะ
ขอเล่าก่อนนะคะ คือว่า ตอนอยู่ประถม ตอนพักเที่ยงครูจะให้แปรงฟันแล้วนั่งสมาธิทุกวันเลย เราก็นั่งเป็นปกติทุกวันที่ไปโรงเรียน ตอนนั่งสมาธิก็จะมีการเห็นดวงไฟใหญ่ๆ แล้วค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ เป็นตลอดเวลาที่นั่งสมาธิค่ะ แต่เราก็ไม่คิดอะไรมากตามประสาเด็กค่ะ

พอตอนมัธยมต้นก็ไม่ค่อยได้นั่งสักเท่าไหร่ จะได้นั่งบ้างในชั่วโมงพุทธศาสนา เวลานั่งก็นั่งนานมากกว่าจะเป็นดวงไฟเหมือนตอนประถม

พอเรียนมัธยมปลายจำได้ว่าตอนอยู่ ม. 5 ครูให้นั่งสมาธิ แล้วก็เกิดอาการขึ้น คือ มันเหมือนกับมีเส้นอะไรสักอย่าง ผ่านกลางหน้าผาก ในลักษณะเหมือนเอาเชือกหรือเส้นอะไรสักอย่างมาพันไว้ที่หน้าผากเหนือคิ้วยาวตลอดหน้าผากเลยค่ะ อาการเหมือนเส้นจะกดลงไป หรือบางทีมันจะพุ่งออกมา ซึ่งเป็นทุกครั้งเวลานั่งสมาธิ ทำให้ช่วงหลังๆ พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่ค่อยได้นั่งสักเท่าไหร่

ใครพอจะทราบมั้ยค่ะว่ามีเป็นอาการของอะไร และควรจะปฎิบัติอย่างไรหากเราเจออาการนี้อีก คือตอนนี้เราทำงานแล้วค่ะ และห่างหายจากการทำสมาธิมานาน และรู้สึกกลัวอาการนั่นทุกครั้งที่เรานึกอยากจะนั่งสมาธิค่ะ



เพ่ิ่งไปพบมา รีบเอามาถามเช่นนั้นที่เคารพ ยังไม่บอกเอามาจากไหน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 68 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร