วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุผู้ทรงวินัยและทรงธรรม ย่อมเป็นผู้รักษาธรรมวินัย ไว้ได้

ภิกษุผู้นั้นย่อมมีคุณลักษณะนี้
1.เป็นผู้มีกายอันอบรมแล้ว
2.เป็นผู้มีศีลอันอบรมแล้ว
3.เป็นผู้มีจิตอันอบรมแล้ว
4.เป็นผู้มีปัญญาอันอบรมแล้ว

ซึ่งพระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้ ใน ตติยอนาคตสูตรที่ ๙
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=2397&Z=2459&pagebreak=0

ภิกษุผู้นั้น เมื่อ ให้การอุปสมบท ให้นิสสัย แก่กุลบุตร หรือ แสดงอภิธรรมกถา สนทนาธรรมถามตอบกัน
ภิกษุผู้นั้นก็จะไม่หยั่งลงสู่ธรรมที่ผิด และสั่งสอนกุลบุตร ให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้

ภิกษุผู้นั้นไม่หยั่งลงสู่ธรรมที่ผิด ด้วยเหตุที่ว่าท่านใฝ่ใจเล่าเรียนศึกษาปฏิบัติตามในพุทธภาษิตอันประณีต ที่ถูกต้อง

การที่ท่านเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรมทรงปัญญา ความมีวินัย ความประพฤติ กิริยาท่าทาง การวางตัว จึงเหมาะสม สมควรที่จะเป็นตัวอย่างอันดีงามให้เป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของมหาชน

การรักษาธรรมวินัย จึงจะมีได้ ด้วยความสมบูรณ์ความงาม 4 ประการนั้น

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 16:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัย จำเป็นไหมต้องเป็นพระอรหันต์
จากพระสูตรนั้น พระพุทธองค์ไม่ได้แสดงไว้ เจาะจงว่า พระอรหันต์เท่านั้นที่ทรงวินัยทรงธรรม

ดังนั้น การที่แสดงถึง
มีกายอันอบรมแล้ว
มีศีลอันอบรมแล้ว
มีจิตอันอบรมแล้ว
มีปัญญาอันอบรมแล้ว

นั้นให้สำเร็จไปตามลำดับอันเหมาะอันควรแก่ธรรมที่ท่านบรรลุถึง

ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัยที่เป็นอาจารย์ จะเป็นผู้ดูแลภิกษุผู้เป็นศิษย์ให้เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรมในวินัย สืบต่อกันไป คฤหัสถ์อย่างเราๆ ท่านๆ บางทีก็มีธุลีในดวงตาหนาแน่นจิตใจยังเปี่ยมด้วยโมหะไม่อาจตัดสินตามอำเภอใจได้

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จากพุทธพจน์ หลายๆแห่ง
พอประมวลได้ว่า การทรงวินัยทรงธรรม บอกถึงลักษณะดังต่อไปนี้

อ้างคำพูด:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีศีลอันสมบูรณ์ มีปาติโมกข์อันสมบูรณ์ อยู่เถิด จงเป็น
ผู้สำรวมด้วยความสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจรอยู่เถิด จงเป็นผู้มีปกติเห็น
ภัยในโทษทั้งหลายมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลายเถิด.


คือสิ่งที่แสดงออก ถึงความประพฤติ กิริยาอาการ การคลุกคลีหรือไม่คลุกคลี การศึกษาอะไร
ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมีผลมาจากการศึกษาปฏิบัติ ในศีล สมาธิ ปัญญา และความเคารพต่อพระศาสดาจึงรักษาปาติโมกข์ต่างๆที่พระศาสดาบัญญัติไว้โดยเคร่งครัด

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัย จำเป็นไหมต้องเป็นพระอรหันต์
จากพระสูตรนั้น พระพุทธองค์ไม่ได้แสดงไว้ เจาะจงว่า พระอรหันต์เท่านั้นที่ทรงวินัยทรงธรรม

ดังนั้น การที่แสดงถึง
มีกายอันอบรมแล้ว
มีศีลอันอบรมแล้ว
มีจิตอันอบรมแล้ว
มีปัญญาอันอบรมแล้ว

นั้นให้สำเร็จไปตามลำดับอันเหมาะอันควรแก่ธรรมที่ท่านบรรลุถึง

ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัยที่เป็นอาจารย์ จะเป็นผู้ดูแลภิกษุผู้เป็นศิษย์ให้เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรมในวินัย สืบต่อกันไป คฤหัสถ์อย่างเราๆ ท่านๆ บางทีก็มีธุลีในดวงตาหนาแน่นจิตใจยังเปี่ยมด้วยโมหะไม่อาจตัดสินตามอำเภอใจได้



อ้างคำพูด:
มีกายอันอบรมแล้ว (ภาวิตกาย)
มีศีลอันอบรมแล้ว (ภาวิตศีล)
มีจิตอันอบรมแล้ว (ภาวิตจิต)
มีปัญญาอันอบรมแล้ว (ภาวิตปัญญา)


ท่านเช่นนั้นเอ้ย ตนเองไม่ประสีประสาภาษาของเขา แล้วก็ไปยึดอยู่แค่นั้น น่าเห็นใจจริงๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้มีศีลสมบูรณ์ การเป็นผู้มีศีลสมบูรณ์
ภิกษุย่อม เป็นผู้รักษาศีลด้วยความรู้ความเข้าใจถึง โทษแห่งความทุศีล(ความวิบัติแห่งศีล) และ อานิสงส์ของศีล อย่างเต็มเปี่ยม การรู้คุณรู้โทษอย่างนั้น ภิกษุผู้นั้นย่อมรักษาศีลมีศีลสมบูรณ์

เช่นเดียวกับ มีปาติโมกข์สมบูรณ์ ด้วยเหตุที่ว่า ภิกษุนั้นรู้ความเอ็นดูของพระศาสดาที่มีต่อสงฆ์ ในการปกป้องทำความบริสุทธิ์ แก่สงฆ์ จึงเป็นผู้มีปาติโมกข์สมบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดต่อ ปาติโมกข์ซึ่งพระศาสดาได้บัญญัติไว้

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 17:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัย จำเป็นไหมต้องเป็นพระอรหันต์
จากพระสูตรนั้น พระพุทธองค์ไม่ได้แสดงไว้ เจาะจงว่า พระอรหันต์เท่านั้นที่ทรงวินัยทรงธรรม

ดังนั้น การที่แสดงถึง
มีกายอันอบรมแล้ว
มีศีลอันอบรมแล้ว
มีจิตอันอบรมแล้ว
มีปัญญาอันอบรมแล้ว

นั้นให้สำเร็จไปตามลำดับอันเหมาะอันควรแก่ธรรมที่ท่านบรรลุถึง

ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัยที่เป็นอาจารย์ จะเป็นผู้ดูแลภิกษุผู้เป็นศิษย์ให้เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรมในวินัย สืบต่อกันไป คฤหัสถ์อย่างเราๆ ท่านๆ บางทีก็มีธุลีในดวงตาหนาแน่นจิตใจยังเปี่ยมด้วยโมหะไม่อาจตัดสินตามอำเภอใจได้



อ้างคำพูด:
มีกายอันอบรมแล้ว (ภาวิตกาย)
มีศีลอันอบรมแล้ว (ภาวิตศีล)
มีจิตอันอบรมแล้ว (ภาวิตจิต)
มีปัญญาอันอบรมแล้ว (ภาวิตปัญญา)


ท่านเช่นนั้นเอ้ย ตนเองไม่ประสีประสาภาษาของเขา แล้วก็ไปยึดอยู่แค่นั้น น่าเห็นใจจริงๆ


กรัชกาย ก๊อปปี้บทความของท่าน ปยุตโต เสร็จแล้วหรือครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในข้อที่ 5 ของพระสูตร ตติยอนาคตสูตร ที่ 9 จะแสดงถึงภิกษุที่ปราศจาก การอบรมกาย
คือ
อ้างคำพูด:
ภิกษุผู้เถระก็จักเป็นผู้มักมาก มีความประพฤติย่อหย่อน เป็นหัวหน้าในความล่วง
ละเมิด ทอดธุระในความสงัด จักไม่ปรารภความเพียร


ซึ่งหาก ภิกษุนั้น ถึงพร้อมด้วย อาจาระและโคจร แล้วย่อมไม่เป็นผู้มักมาก ไม่มีความประพฤติย่อหย่อน จึงเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ กุลบุตรได้

อาจาระ เป็นอย่างไร
เข้าใจง่ายๆ เช่น มีความประพฤติอันไม่ล่วงออกมาเป็นกาย เป็นกายทุจริต ทางวาจาเป็นวจีทุจริต แต่เป็นความประพฤติ กายสุจริต วจีสุจริต หรือการพูดการจาไม่ประจบประแจงเพื่อลาภ เพื่อผลประโยชน์
รวมทั้งกิริยาท่าทางการหาเลี้ยงชีพก็ด้วยอาการสำรวม การนุ่งห่มจีวรก็มีความเรียบร้อย เป็นต้นดั่งนี้

โคจร เป็นอย่างไร
คือการไปของภิกษุ การไปของภิกษุจะไปในสิ่งที่ควรไป เช่น
ไปถาม ไปศึกษา สนทนา กับกัลยาณมิตร
ไปสถานที่ต่างๆไปด้วยความสำรวมระวัง
ไปในสิ่งที่เหมาะแก่การโคจรของจิต ซึ่งสติปัฏฐาน 4 เหมาะเป็นที่โคจรของจิตในทุกที่ทุกสถาน

เว้นการคลุกคลีอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ คือคลุกคลีด้วยอำนาจกิเลส เป็นเหตุให้ยินดีในการคลุกคลี

ภิกษุถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจรดั่งนี้ ก็เป็นผู้อบรมกายแล้ว เช่นกัน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุผู้อบรมกายจึงไม่ทอดธุระใน พระวินัยอันเป็นเครื่องขัดเกลา กิเลสทั้งหมดทั้งสิ้น
ตั้งแต่ ความประพฤติทาง กาย วาจา สิกขาบท เช่นภิกษุศีลปาติโมกข์ เพราะเป็นกิจอันสำคัญ
ในการเจริญ จิตตภาวนา และ ปัญญาภาวนา ให้สำเร็จยิ่งขึ้นต่อไป

(ความมุ่งหมายท้ายสุดของ จิตตภาวนา คือ ละราคะได้ และปัญญาภาวนา คือความดับแห่งอวิชชา)


ความสำคัญแห่งนัยยะพระสูตร ตติยอนาคตสูตร ที่ 9 โดยสังเขป จึง
มีประมาณนี้

คุณสมบัติของภิกษุที่จะรักษาธรรมวินัย
และ พระวินัยจะรักษาพระธรรม พระธรรมจะรักษาพระวินัย ดั่งนี้

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 18:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัย จำเป็นไหมต้องเป็นพระอรหันต์
จากพระสูตรนั้น พระพุทธองค์ไม่ได้แสดงไว้ เจาะจงว่า พระอรหันต์เท่านั้นที่ทรงวินัยทรงธรรม

ดังนั้น การที่แสดงถึง
มีกายอันอบรมแล้ว
มีศีลอันอบรมแล้ว
มีจิตอันอบรมแล้ว
มีปัญญาอันอบรมแล้ว

นั้นให้สำเร็จไปตามลำดับอันเหมาะอันควรแก่ธรรมที่ท่านบรรลุถึง

ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัยที่เป็นอาจารย์ จะเป็นผู้ดูแลภิกษุผู้เป็นศิษย์ให้เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรมในวินัย สืบต่อกันไป คฤหัสถ์อย่างเราๆ ท่านๆ บางทีก็มีธุลีในดวงตาหนาแน่นจิตใจยังเปี่ยมด้วยโมหะไม่อาจตัดสินตามอำเภอใจได้



อ้างคำพูด:
มีกายอันอบรมแล้ว (ภาวิตกาย)
มีศีลอันอบรมแล้ว (ภาวิตศีล)
มีจิตอันอบรมแล้ว (ภาวิตจิต)
มีปัญญาอันอบรมแล้ว (ภาวิตปัญญา)


ท่านเช่นนั้นเอ้ย ตนเองไม่ประสีประสาภาษาของเขา แล้วก็ไปยึดอยู่แค่นั้น น่าเห็นใจจริงๆ


กรัชกาย ก๊อปปี้บทความของท่าน ปยุตโต เสร็จแล้วหรือครับ



ยังขอรับ มีอีกเยอะ เลือกๆเอามาแต่ที่คิดว่า จะพอเข้าใจกันทั่วๆไปนะขอรับ

ท่านเช่นนั้น คุณควรไปศึกษาภาษาบาลีบ้าง จะได้มองออกทั้งสองด้าน คือ ด้านที่เขาแปลสำเร็จรูปมาแล้ว เช่น ที่คุณก๊อบมานี่

อ้างคำพูด:
มีกายอันอบรมแล้ว
มีศีลอันอบรมแล้ว
มีจิตอันอบรมแล้ว
มีปัญญาอันอบรมแล้ว



เขาแปลมาจากภาษาเดิม เช่น ภาวิตกาย ภาวิตศีล ภาวิตจิต และภาวิตปัญญา ตามลำดับ คุณรู้หรือเปล่าขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัย จำเป็นไหมต้องเป็นพระอรหันต์
จากพระสูตรนั้น พระพุทธองค์ไม่ได้แสดงไว้ เจาะจงว่า พระอรหันต์เท่านั้นที่ทรงวินัยทรงธรรม

ดังนั้น การที่แสดงถึง
มีกายอันอบรมแล้ว
มีศีลอันอบรมแล้ว
มีจิตอันอบรมแล้ว
มีปัญญาอันอบรมแล้ว

นั้นให้สำเร็จไปตามลำดับอันเหมาะอันควรแก่ธรรมที่ท่านบรรลุถึง

ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัยที่เป็นอาจารย์ จะเป็นผู้ดูแลภิกษุผู้เป็นศิษย์ให้เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรมในวินัย สืบต่อกันไป คฤหัสถ์อย่างเราๆ ท่านๆ บางทีก็มีธุลีในดวงตาหนาแน่นจิตใจยังเปี่ยมด้วยโมหะไม่อาจตัดสินตามอำเภอใจได้



อ้างคำพูด:
มีกายอันอบรมแล้ว (ภาวิตกาย)
มีศีลอันอบรมแล้ว (ภาวิตศีล)
มีจิตอันอบรมแล้ว (ภาวิตจิต)
มีปัญญาอันอบรมแล้ว (ภาวิตปัญญา)


ท่านเช่นนั้นเอ้ย ตนเองไม่ประสีประสาภาษาของเขา แล้วก็ไปยึดอยู่แค่นั้น น่าเห็นใจจริงๆ


กรัชกาย ก๊อปปี้บทความของท่าน ปยุตโต เสร็จแล้วหรือครับ



ยังขอรับ มีอีกเยอะ เลือกๆเอามาแต่ที่คิดว่า จะพอเข้าใจกันทั่วๆไปนะขอรับ

ท่านเช่นนั้น คุณควรไปศึกษาภาษาบาลีบ้าง จะได้มองออกทั้งสองด้าน คือ ด้านที่เขาแปลสำเร็จรูปมาแล้ว เช่น ที่คุณก๊อบมานี่

อ้างคำพูด:
มีกายอันอบรมแล้ว
มีศีลอันอบรมแล้ว
มีจิตอันอบรมแล้ว
มีปัญญาอันอบรมแล้ว



เขาแปลมาจากภาษาเดิม เช่น ภาวิตกาย ภาวิตศีล ภาวิตจิต และภาวิตปัญญา ตามลำดับ คุณรู้หรือเปล่าขอรับ


ทราบครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 03:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




images.jpg
images.jpg [ 1.55 KiB | เปิดดู 4332 ครั้ง ]
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัย จำเป็นไหมต้องเป็นพระอรหันต์
จากพระสูตรนั้น พระพุทธองค์ไม่ได้แสดงไว้ เจาะจงว่า พระอรหันต์เท่านั้นที่ทรงวินัยทรงธรรม

ดังนั้น การที่แสดงถึง
มีกายอันอบรมแล้ว
มีศีลอันอบรมแล้ว
มีจิตอันอบรมแล้ว
มีปัญญาอันอบรมแล้ว

นั้นให้สำเร็จไปตามลำดับอันเหมาะอันควรแก่ธรรมที่ท่านบรรลุถึง

ภิกษุผู้ทรงธรรมทรงวินัยที่เป็นอาจารย์ จะเป็นผู้ดูแลภิกษุผู้เป็นศิษย์ให้เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรมในวินัย สืบต่อกันไป คฤหัสถ์อย่างเราๆ ท่านๆ บางทีก็มีธุลีในดวงตาหนาแน่นจิตใจยังเปี่ยมด้วยโมหะไม่อาจตัดสินตามอำเภอใจได้



อ้างคำพูด:
มีกายอันอบรมแล้ว (ภาวิตกาย)
มีศีลอันอบรมแล้ว (ภาวิตศีล)
มีจิตอันอบรมแล้ว (ภาวิตจิต)
มีปัญญาอันอบรมแล้ว (ภาวิตปัญญา)


ท่านเช่นนั้นเอ้ย ตนเองไม่ประสีประสาภาษาของเขา แล้วก็ไปยึดอยู่แค่นั้น น่าเห็นใจจริงๆ


กรัชกาย ก๊อปปี้บทความของท่าน ปยุตโต เสร็จแล้วหรือครับ



ยังขอรับ มีอีกเยอะ เลือกๆเอามาแต่ที่คิดว่า จะพอเข้าใจกันทั่วๆไปนะขอรับ

ท่านเช่นนั้น คุณควรไปศึกษาภาษาบาลีบ้าง จะได้มองออกทั้งสองด้าน คือ ด้านที่เขาแปลสำเร็จรูปมาแล้ว เช่น ที่คุณก๊อบมานี่

อ้างคำพูด:
มีกายอันอบรมแล้ว
มีศีลอันอบรมแล้ว
มีจิตอันอบรมแล้ว
มีปัญญาอันอบรมแล้ว



เขาแปลมาจากภาษาเดิม เช่น ภาวิตกาย ภาวิตศีล ภาวิตจิต และภาวิตปัญญา ตามลำดับ คุณรู้หรือเปล่าขอรับ


ทราบครับ


ทราบว่ามาจากภาวิตกาย ภาวิตศีล ภาวิตจิต ภาวิตปัญญา ที่กรัชกายนำจากหนังสือพุทธธรรมหน้า 343 เป็นต้นไปหรือขอรับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ทราบว่ามาจากภาวิตกาย ภาวิตศีล ภาวิตจิต ภาวิตปัญญา ที่กรัชกายนำจากหนังสือพุทธธรรมหน้า 343 เป็นต้นไปหรือขอรับ :b10:


ทราบครับ นั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของ ท่านพระพรหมคุณภรณ์ครับ
ไม่ของวิจารณ์ครับ

ซึ่งถ้าแสดงโดยความเห็นของกรัชกาย บอกได้ว่า เวิ่นเว้อครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทราบว่ามาจากภาวิตกาย ภาวิตศีล ภาวิตจิต ภาวิตปัญญา ที่กรัชกายนำจากหนังสือพุทธธรรมหน้า 343 เป็นต้นไปหรือขอรับ :b10:


ทราบครับ นั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของ ท่านพระพรหมคุณภรณ์ครับ
ไม่ของวิจารณ์ครับ

ซึ่งถ้าแสดงโดยความเห็นของกรัชกาย บอกได้ว่า เวิ่นเว้อครับ


อธิบายหน่อยเถิด เจ้าเวิ่นเว้ออะไรที่ว่าเน่ิ่ยะ หมายถึงยังไง ...เวิ่นเว้อๆๆ เออ ไม่เข้าใจ เมื่อกรัชกายรู้ความหมายแล้วจะแก้ข้อกล่าวหาได้ถูก เวิ่นเว้อๆๆ ขรรมจินๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 พ.ค. 2014, 22:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อธิบายหน่อยเถิด เจ้าเวิ่นเว้ออะไรที่ว่าเน่ิ่ยะ หมายถึงยังไง ...เวิ่นเว้อๆๆ เออ ไม่เข้าใจ เมื่อกรัชกายรู้ความหมายแล้วจะแก้ข้อกล่าวหาได้ถูก เวิ่นเว้อๆๆ ขรรมจินๆ :b32:


กรัชกาย เข้าใจไหมครับ
จาก กระทู้ "เหมือนง่าย" ที่กรัชกายตั้งขึ้นจั่วหัว โดยในเนื้อหาแรกสุดคือ
อ้างคำพูด:
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน
สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน
อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช
หากรู้ว่าตัวนี้เป็นทีรักไซร้ ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว


จนกรัชกาย นำมาเวิ่นเว้อ กับ นิพพานบ้าง พระอรหันต์ บ้าง

โดยก๊อปปี้แปะ ภาวิตต์ ทั้ง 4 จากพุทธธรรม มาแปะ และพยายามอธิบาย อะไรก็ไม่รู้ มั่วไป มั่วมาจนไม่ทราบว่า หัวข้อกระทู้เดิม จนกระทั่งแตกเป็นกระทู้ยิบย่อย พูดเรื่องอะไรกันแน่

แบบนี้ เรียกว่า เวิ่นเว้อ เข้าใจไหมครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 30 พ.ค. 2014, 05:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อธิบายหน่อยเถิด เจ้าเวิ่นเว้ออะไรที่ว่าเน่ิ่ยะ หมายถึงยังไง ...เวิ่นเว้อๆๆ เออ ไม่เข้าใจ เมื่อกรัชกายรู้ความหมายแล้วจะแก้ข้อกล่าวหาได้ถูก เวิ่นเว้อๆๆ ขรรมจินๆ :b32:


กรัชกาย เข้าใจไหมครับ
จาก กระทู้ "เหมือนง่าย" ที่กรัชกายตั้งขึ้นจั่วหัว โดยในเนื้อหาแรกสุดคือ
อ้างคำพูด:
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน
สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน
อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช
หากรู้ว่าตัวนี้เป็นทีรักไซร้ ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว


จนกรัชกาย นำมาเวิ่นเว้อ กับ นิพพานบ้าง พระอรหันต์ บ้าง

โดยก๊อปปี้แปะ ภาวิตต์ ทั้ง 4 จากพุทธธรรม มาแปะ และพยายามอธิบาย อะไรก็ไม่รู้ มั่วไป มั่วมาจนไม่ทราบว่า หัวข้อกระทู้เดิม จนกระทั่งแตกเป็นกระทู้ยิบย่อย พูดเรื่องอะไรกันแน่

แบบนี้ เรียกว่า เวิ่นเว้อ เข้าใจไหมครับ



แสดงว่า เช่นนั้น เข้าใจธรรมะไม่ทั่วถึง คือ เข้าใจธรรมแบบท่อนซุง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร