วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 03:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 82 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นี่ไงว่าแล้วว่าดูตัวอย่างการทำสมถะ วิปัสสนา ไม่เข้าใจ

ที่ตัวเองพูดปร๋อ สมถะวิปัสสนา พูดตามชื่อนั่นที่ตนเองอ่านมา สมถะวิปัสสนาๆๆ แต่ไม่รู้จักหน้าตาของสมถะวิปัสสนา ได้มาจำมาทั้งดุ้น เหมือนคนได้มะพร้าวทั้งเปลือกมาแล้วนั่งคลึงคลำมะพร้าวอยู่ ทำตาลอยๆ มะพร้าวหอมหวานอร่อย...พอมีคนถามว่า ปอกเปลือก ทุบกะลา กินเนื้อกินน้ำมันแล้วรึ ถึงรู้ว่ามันหวานหอมอร่อย ยัง.... อ้าวว ... แล้วรู้ได้ยังไงล่ะว่ามะพร้าวหวานหอมอร่อย ตอบ คิดนึกเอา ฉันใด ท่านเช่นนั้นก็ฉันนั้น

พ่อแม่พี่น้องเอ้ย สมถะวิปัสสนา ดีเหลือเกิน ของเขาดีจริงๆ ให้ตายซี่เอ้า พอคนถามว่า ทำยังไงสมถะวิปัสสนาจึงจะเกิดขึ้นเจริญขึ้นๆล่ะ ตอบ ไม่รู้ .... เขาถามต่ออีกว่า แล้วตุณรู้ได้ยังไงล่ะว่า สมถะวิปัสสนา ดี ของเขาดีจริงๆ ตอบ คิดเอา ท่านเช่นนั้น ออกแนวนี้ :b32: กรัชกายถึงได้บอกไงว่า เช่นนั้น น่ะ จินตนาการเอา (สมถะของเขา เป็นสมเถอะของเช่นนั้น วิปัสสนาของเขา จึงเป็นวิปัสสนึกของเช่นนั้น) คือท่านเช่นนั้น เข้าใจพุทธธรรมอย่างแก้วสารพัดนึก คือนึกๆคิดๆเอา เช่นว่า... เดี๋ยวเถอะๆสมถะวิปัสสนาต้องมาเกิดแก่เราแน่ๆ ข้านึกถึงแล้วนะ สมถะวิปัสสนาๆๆๆๆ อิเมโจได๋ๆๆๆ :b32: :b9:


เช่นนั้น ไม่ได้ตอบว่า ไม่รู้ครับ

บอกว่า กรัชกายเวิ่นเว๊อครับ

ที่ไม่ตอบกรัชกาย เพราะไม่มีประโยชน์ กรัชกายไม่ศึกษาแม้ในพระสูตร ไม่ใส่ใจ ไม่ให้ความเคารพต่อพุทธวจนะ ไม่ได้ทำเหตุให้เหมาะแก่การตอบคำถามครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ไงว่าแล้วว่าดูตัวอย่างการทำสมถะ วิปัสสนา ไม่เข้าใจ

ที่ตัวเองพูดปร๋อ สมถะวิปัสสนา พูดตามชื่อนั่นที่ตนเองอ่านมา สมถะวิปัสสนาๆๆ แต่ไม่รู้จักหน้าตาของสมถะวิปัสสนา ได้มาจำมาทั้งดุ้น เหมือนคนได้มะพร้าวทั้งเปลือกมาแล้วนั่งคลึงคลำมะพร้าวอยู่ ทำตาลอยๆ มะพร้าวหอมหวานอร่อย...พอมีคนถามว่า ปอกเปลือก ทุบกะลา กินเนื้อกินน้ำมันแล้วรึ ถึงรู้ว่ามันหวานหอมอร่อย ยัง.... อ้าวว ... แล้วรู้ได้ยังไงล่ะว่ามะพร้าวหวานหอมอร่อย ตอบ คิดนึกเอา ฉันใด ท่านเช่นนั้นก็ฉันนั้น

พ่อแม่พี่น้องเอ้ย สมถะวิปัสสนา ดีเหลือเกิน ของเขาดีจริงๆ ให้ตายซี่เอ้า พอคนถามว่า ทำยังไงสมถะวิปัสสนาจึงจะเกิดขึ้นเจริญขึ้นๆล่ะ ตอบ ไม่รู้ .... เขาถามต่ออีกว่า แล้วตุณรู้ได้ยังไงล่ะว่า สมถะวิปัสสนา ดี ของเขาดีจริงๆ ตอบ คิดเอา ท่านเช่นนั้น ออกแนวนี้ :b32: กรัชกายถึงได้บอกไงว่า เช่นนั้น น่ะ จินตนาการเอา (สมถะของเขา เป็นสมเถอะของเช่นนั้น วิปัสสนาของเขา จึงเป็นวิปัสสนึกของเช่นนั้น) คือท่านเช่นนั้น เข้าใจพุทธธรรมอย่างแก้วสารพัดนึก คือนึกๆคิดๆเอา เช่นว่า... เดี๋ยวเถอะๆสมถะวิปัสสนาต้องมาเกิดแก่เราแน่ๆ ข้านึกถึงแล้วนะ สมถะวิปัสสนาๆๆๆๆ อิเมโจได๋ๆๆๆ :b32: :b9:


เช่นนั้น ไม่ได้ตอบว่า ไม่รู้ครับ

บอกว่า กรัชกายเวิ่นเว๊อครับ

ที่ไม่ตอบกรัชกาย เพราะไม่มีประโยชน์ กรัชกายไม่ศึกษาแม้ในพระสูตร ไม่ใส่ใจ ไม่ให้ความเคารพต่อพุทธวจนะ ไม่ได้ทำเหตุให้เหมาะแก่การตอบคำถามครับ


จากเน่า มา เวิ่นเว๊อ คิกๆๆ เอาชัดๆสิครับ มันอะไร เวิ่นเว้อ มีในพระสูตรเล่มไหน :b1:

ก็บอกแล้วว่า เช่นนั้น รู้แบบท่อนซุง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 10:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จากเน่า มา เวิ่นเว๊อ คิกๆๆ เอาชัดๆสิครับ มันอะไร เวิ่นเว้อ มีในพระสูตรเล่มไหน :b1:

ก็บอกแล้วว่า เช่นนั้น รู้แบบท่อนซุง :b1:

เล่มที่ชื่อ กรัชกาย ครับ
ไม่พ้น กายทั้งหลาย ของกรัชกายไงครับ ทั้งเน่าทั้งเวิ่นเว้อ ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จากเน่า มา เวิ่นเว๊อ คิกๆๆ เอาชัดๆสิครับ มันอะไร เวิ่นเว้อ มีในพระสูตรเล่มไหน :b1:

ก็บอกแล้วว่า เช่นนั้น รู้แบบท่อนซุง :b1:

เล่มที่ชื่อ กรัชกาย ครับ
ไม่พ้น กายทั้งหลาย ของกรัชกายไงครับ ทั้งเน่าทั้งเวิ่นเว้อ ครับ


คิกๆๆ ไปไม่เป็น :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 10:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คิกๆๆ ไปไม่เป็น :b12:


นึกถึงสิ่งที่กรัชกายพูดบ่อยๆ เองนะครับ ว่า
พระสูตร หรือพระธรรมพิจารณาในหนใด

ผมบอกกรัชกาย ถูกแล้วครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 10:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คิกๆๆ ไปไม่เป็น :b12:


นึกถึงสิ่งที่กรัชกายพูดบ่อยๆ เองนะครับ ว่า
พระสูตร หรือพระธรรมพิจารณาในหนใด

ผมบอกกรัชกาย ถูกแล้วครับ



ถูกยังไงครับ ไม่เข้าใจ

อะไรๆก็ สมถะวิปัสสนา มันยังไงครับ สมถะวิปัสสนา เขาทำยังไงขอรับ เช่นนั้น ตนเองทำยังไงสมถะ ทำยังไงวิปัสสนา ว่าไปครับ :b13:

นี่สมถะหรือวิปัสสนา

อ้างคำพูด:
เหตุการณ์คือ ผมได้บวชภาคฤดูร้อน ตอนอายุ 10 ขวบ และพระอาจารย์ ได้นำสวดมนต์ และนั่งสมาธิ แต่วันนั้น ผมมีอาการ ปวดหัวมาก เหมือนจะเป็นไข้ จะลาอาจารย์ไปนอน ก้ออายเพื่อนเณร ด้วยกัน

ตอนนั่งสมาธิ ผมจึงได้ นั่งกำหนดพุท โธ ไปที่ศรีษะ ตรงที่ปวดมาก (ปกติ ดูลมหายใจ) แล้วอยู่ๆ จิตก็ดับวูบ ไม่มีร่างกาย ไม่มีสภาพแวดล้อม ไม่มีลมหายใจ ไม่มีความคิด มีเพียงเห็นความสว่างเหมือนตอนกลางวัน แล้วนิ่ง อยู่อย่างนั้น

จนกระทั่งมีเพื่อน สามเณร องค์หนึ่ง มาเขย่าตัวปลุก จึงกลับคืนมาสู่โลกความเป็นจริง ที่ เพื่อนสามเณรลุกไปนั่งรอรับน้ำปาณะ อีกที่หนึ่งหมดแล้ว เหลือเพียงผม นั่งสมาธิเหลืออยู่องค์เดียว

และอาการปวดหัว ที่รุนแรง ก็หายไปเหมือนปิดทิ้ง หลังจากออกจากสมาธิ

หลังจากวันนั้น ผมก็นั่งสมาธิ มาเรื่อยๆ แต่ ไม่เข้าถึงสถาวะนั้นเลย อีกสักครั้ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 11:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ถูกยังไงครับ ไม่เข้าใจ


ถูกเช่นนี้ครับ
อ้างคำพูด:
เล่มที่ชื่อ กรัชกาย ครับ
ไม่พ้น กายทั้งหลาย ของกรัชกายไงครับ ทั้งเน่าทั้งเวิ่นเว้อ ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1387510599-1476545186-o.jpg
1387510599-1476545186-o.jpg [ 7.11 KiB | เปิดดู 2406 ครั้ง ]
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถูกยังไงครับ ไม่เข้าใจ


ถูกเช่นนี้ครับ
อ้างคำพูด:
เล่มที่ชื่อ กรัชกาย ครับ
ไม่พ้น กายทั้งหลาย ของกรัชกายไงครับ ทั้งเน่าทั้งเวิ่นเว้อ ครับ



วนแระเช่นนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถูกยังไงครับ ไม่เข้าใจ


ถูกเช่นนี้ครับ
อ้างคำพูด:
เล่มที่ชื่อ กรัชกาย ครับ
ไม่พ้น กายทั้งหลาย ของกรัชกายไงครับ ทั้งเน่าทั้งเวิ่นเว้อ ครับ



วนแระเช่นนั้น

ไม่วน หรอกครับ กรัชกาย
ตรงๆ ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถูกยังไงครับ ไม่เข้าใจ


ถูกเช่นนี้ครับ
อ้างคำพูด:
เล่มที่ชื่อ กรัชกาย ครับ
ไม่พ้น กายทั้งหลาย ของกรัชกายไงครับ ทั้งเน่าทั้งเวิ่นเว้อ ครับ



วนแระเช่นนั้น

ไม่วน หรอกครับ กรัชกาย
ตรงๆ ครับ


ตรงยังไงครับ :b17:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถูกยังไงครับ ไม่เข้าใจ


ถูกเช่นนี้ครับ
อ้างคำพูด:
เล่มที่ชื่อ กรัชกาย ครับ
ไม่พ้น กายทั้งหลาย ของกรัชกายไงครับ ทั้งเน่าทั้งเวิ่นเว้อ ครับ



วนแระเช่นนั้น

ไม่วน หรอกครับ กรัชกาย
ตรงๆ ครับ


ตรงยังไงครับ :b17:

เวิ่นเว้อครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


พี่กรัชกายเค้าเป็นอะไร เค้าถามว่ามันเกิดอะไร เห็นชอบเลยเอามาให้อ่าน :b9:
อ้างคำพูด:
คืออยากรู้อ่ะครับว่ามันเกิดได้อย่างไร
คือเมื่อ 3-4 ปี ที่แล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งมาชักชวนให้ไปบวช กับเค้าที่ นครปฐม เป็นวัดของเกจิรูปหนึ่ง ผม ขอไม่เอยนามนะครับ
แต่ผมไม่เคยคิดจะบวชมาก่อนเลย แต่ดันไปตกปากรับคำเข้า ก็เลยตกบันไดพลอยโจน ไปกับมันด้วย ก็เลยไปบวชที่นั้นเป็นเวลา 1 เดือน
ครั้นที่เห็นวัดผมก็ไม่ได้มีสัยธาอะไรเพราะวัดใหญ่มาก สรา้งวัดขนาดนี้เบียดเบียนชีวิตสัตว์มากมายสัตว์เล็กสัวต์น้อย ผมไม่รู้สึกสัยธาเลย
ผมเห็นเพื่อนผม ก้มลงกราบแทบเท้าของพระเกจิองค์นั้น ผม ก็ยังไม่รู้สึกสัยธานะแต่ผม ก็ยอมบวชเพราะผมคิดว่าไม่เกี่ยวกันมันอยู่ที่ตัวผมเอง
ก่อนจะบวช ผมต้องเป็นนาค 15 วัน ระหว่างนั้นต้องทำงานในวัดทุกวันเพื่อตอบแทนข้าววัดที่เรากินทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งผมเหนื่อยมาก เลยหนี้ไปนอน
ในเต้นอยู่ๆ ก็ ฝันเห็นตัวเอง นุ่งผ้าขาวกำลัง ก้มเๆงิยๆอยู่ในป่า ผม ก็เลยรีบเดินเข้าไปดูหน้าใกล้ ๆมันคือหน้าของผมเอง แต่ทรงผมมันไม่ใช่
ผมยาวยังกับฮิบปี้เลย แต่ผมก็สะดุงตื่น เพราะเพื่อนมาปลุกไปทำงาน ผม ก็ไม่ได้คิดอะไร นึกว่าก็แค่ฝันไปก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
พอมาถึงวันที่ต้องโกนผมพระเกจิองค์ใช้กรรไกรตัดผมให้ แล้วก็บวชตามปกติ หลังจากบวชเสร็จ เราก็ต้องไปบำเพ็นตยที่ต่างจังหวัด
คืนแรก ที่ไปถึงมันก็ค่ำแล้ว ผมก้กางเต้นเตรียมไว้นอนก่อนทำวัดเย็น คืนแรกที่ผมนอนกลางป่า มันเงียบหลับสบายมากเลย
แต่เหตุการที่ผมไม่รู้มาก่อนก็เกิดขึ่นในคืนที่ 2 พระเกจิองค์นั้นเดินทางมาถึง ที่วิปัสณา ตอนประมาณ 4 - 5 ทุ่ม ผมกำลังเตรียมตัวนอน
ได้ยินเสียงหมาหอน มาเป็นทางเลย พระ ที่มากับผม แถบทุกองค์ ก็เลยปฎิบัติกิจคือการสวดมน แพร่เมตาก่อนนอน
ผมสวดมนเสร็จก็นอน แต่ผม ก็ต้องตื่นเมืออยู่ดีๆผมรู้สึกว่ามีใครมาบีมที่ปลายนิ้วกลางของผม ผมตื่นขึ่นมา ในเต้นผมมันสว่างยังกับ
ใครเอาไฟฉามมาส่องที่เต้นผม ๆก้เลยแอบดูไปนอกเต้น ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าเต้นของพระอีกรูปหนึ่ง
แต่พอเค้าเห็นผมเค้าก็เดิน รำมาเลย ผมเงิบ ครับ เงิบ จริงๆ เงิบแบบสบงๆจีวอนนี้ห่อแน่เลย ผมไม่แน่ใจ ผมมองออกไปอีกครั้ง
เธอก็ยังคงยืนอยู่แล้วก็รำมาอีกแล้ว ผม เงิบเป็นครั้งที่ สอง ผม สวดมน ไม่ถูกเลย ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ผม ลองมอง ออกไปอีกครั้ง
เธอก็ยังอยู่ที่เดิม และก็ เดินรำมาผมอีก ผม กลัวๆสุดๆ แต่ความกลัว มันก็สรา้งปัญหา คือปวดฉี่ขึ่นมา ซะงั้น ผม เลยตัดสินใจ
เปิดเต้นออกไปดูให้เห็นกับตา แต่ทุกอย่างมันมืดๆมองอะไรไม่เห็นเลย ผม งง ว่าแล้วที่เห็นตะกี้ไปไหนอ่ะ ผม ก็คิดว่าคงฝันไป
เลยออกมาฉี่ เป็นพระห้ามฉี่ใส่ใบไม้ ผมต้องเดินไกลเพื่อหาที่ๆเป็นดินฉี่แล้วกลับมานอนพอผมกำลังจะหลับ เธอมาอีกแล้ว
เต้นผมสว่างอีกแล้ว แต่คราวนี้ผมจะไม่ค่อยรู้สึกกลัวเท่าไรแต่ก็ก็นอนตัวเกล็ง แต่คาวนี้เธอเดินรำรอบเต้นผมเลยผมนอนดูเธอรำจนหลับ
เช้ามาผมก็ออกมาถามพระเพื่อนว่าเมือคืนมาแกล้งผมหรือป่าว พระเพื่นก็บอกว่าป่าว แต่ในใจผมๆรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนผมไม่ได้
แกล้งแต่แค่อยากเช็กให้แน่ใจ คืนที่ 2 เธอก็มารำรอบเต้นผมอีกเหมือนเดิมจนครบ 3 คืน ผม คิดว่าผมคงไปนอนขวางทางเดินเธอหรือป่าว
ผมก็เลยย้ายเต้นไปอีกที่หนึ่ง คืนๆ4 ผมย้ายเต้น ผมก็นอนแบบปกติ แต่ที่นี้ผมได้ยินเสียงคนเดินเสียงยำไปบนใบไม้แห้งๆมาหยุดที่หน้าเต้นผม
ผมก็เลยมองดูผมเห็นคนกำลังนั้งคุกเข่าหน้าเต้นแล้วเค้าก็ค่อยๆเอาหน้ายืนเข้ามาในเต้น จนผมเห็นเต้นมันตุงๆเป็นรูปหัวคน
ผมใช้เท้าเตะไปที่หัวตุงๆนั้นแต่มัน วืดๆๆแบบไม่มีอะไรเลย ผมยังคงจองเต้นที่ตุงเป็นรุปหัวคนสักพักหัวคนก็ทะลุเต้าเข้ามา
หัวโล้นขาวไปทั้งหัวเลยโผล่เข้ามามองหน้าผม ผมรีบเอาหมวกไหมพรมมาปิดตาไว้ เค้าก็ก้มมาจนถึงหน้าผม แล้ว
เค้าก็เป่าลมมาที่หมวกที่ปิดตาผมอยู่ 3 ครั่งผมหลับทันที่เลย
ตื่นเช้ามาผมมีอาการเหมือนคนใกล้จะบ้ามากๆเลยครับฟุ้งสานไปหมดบอกพระองค์ไหนว่าเจออะไรก็ไม่ค่อยมีคนเชื่อ
ผมตั้งสติ แล้วทำความเข้าใจก็ยังไม่เข้าใจ ก็ทำเฉยๆไป
จริงๆผมเห็นมากกว่าที่เล่าไปทั้งหมด แต่ผมเข้าใจพวกเค้าแล้วว่าทำไม่ถึงต้องมาเป็นแบบนี้แล้วทำไมถึงต้องมาหาผม
แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ ผม สึก ออกมาแล้วก้หลายปี แต่ทำไม ผม ยังเห็นสิ่งพวกนี้อยู่
ผม มองตาใครทำไม่ผมถึงรู้สึกถึงความคิดในใจเค้าได้
ผมมองเห็นอะไรที่ไกลๆได้ชัดเจน ผมมองเห็นอณาคตด้วยการเข้าใจธรรมชาติของทุกชีวิต
ผมได้ยินเสียงไกลได้และก็เสียงที่ไม่ใช่เสียงคนผมสามารแยกได้ว่าอันไหนเสียงของคนหรือเสียงของสิ่งต่างๆ

และอีกอย่างหนึ่ง ที่วัดที่ผม บวชเค้าสอนเดิน ต๊อก อะผมไม่รู้จักหลอกครับว่ามันคืออะไรแต่มันมีเหตุให้ไปเห็น
ผมมานั้งกินน้ำปานะ แล้วพอดีกลับที่พระเกจิรูปนั้นกำลังเดินมาพอดีผม มองเห็นท่านเดินแล้วสมอง
ผมมันก็บอกผมเลยว่า วิชานี้จะต้องรวมจริตเข้ากับธรรมชาติให้เป็นหนึ่งเดี่ยวกัน
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนะก็ยังทำตัวเป็นพระคะนองต่อไป แต่มันก็มีเหตุให้ทดลองเพราะทุกวันเราต้องเดินต๊อก
กันตั้งแต่เที่ยงวัน ถึงเที่ยงคืน ผมก็รองทำเล่นๆดูผมปล่อยจริตตัวเองผมใช้ตามองต้นไม้ใบหญ้าแล้วผมก็ปล่อยให้สายตาผมมองไปเลื่อยๆ
จนผมรู้สึกมีความสุขระหว่างที่ผม มีความสุขอยู่นั้น ผมก้มไปมองทางที่ผมเดินแต่มันเหตุที่ผมต้องตกใจ
ขาผมมันเดินไม่หยุดครวบคุมก็ไม่ได้ผมตกใจมากจนหงายหลังจำเบาอยู่บนเนินผม งง โครตๆ
ยิ้มเกิดอะไรขึ่นกับขากุร์วะเนีย
มีใครก็ได้ช่วยบอกผมหน่อยว่าผมเป็นอะไรแน่ ผมมีเรื่องเล้าอีกเยอะที่ผมไม่กล้า เล้าให้ฟัง
ช่วยผมที่เถอะผมอยากรู้จริงๆว่า ทำไมผมถึงได้ในสิ่งที่ผมไม่ได้อยากได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถูกยังไงครับ ไม่เข้าใจ


ถูกเช่นนี้ครับ
อ้างคำพูด:
เล่มที่ชื่อ กรัชกาย ครับ
ไม่พ้น กายทั้งหลาย ของกรัชกายไงครับ ทั้งเน่าทั้งเวิ่นเว้อ ครับ



วนแระเช่นนั้น

ไม่วน หรอกครับ กรัชกาย
ตรงๆ ครับ


ตรงยังไงครับ :b17:

เวิ่นเว้อครับ



หมดทางไปตันแระ คิกๆๆ

เช่นนั้น บอกวิธีเจริญสมถะวิปัสสนาหน่อยเอ้า :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
พี่กรัชกายเค้าเป็นอะไร เค้าถามว่ามันเกิดอะไร เห็นชอบเลยเอามาให้อ่าน :b9:


และอีกอย่างหนึ่ง ที่วัดที่ผม บวชเค้าสอนเดิน ต๊อก อะผมไม่รู้จักหลอกครับว่ามันคืออะไร




เพิ่งเคยได้ยิน เดินต๊อก คงจะเดินต๊อกแต๊กๆๆๆ ส่ายไปส่ายมาต๊อกแต๊กๆ กระมั่งเดาเอาน่ะ

ถึงปลายพุทธกาล (2557) แล้วนี่ เปรียบไปก็เหมือนตะวันคล้อยบ่าย รอลับขอบฟ้า พุทธพจน์หัวชัดภาวะของผู้บรรลุนิพพานแจ้งแดงแจ๋เลย :b1: เอามาให้ดู
(ข้อความในวงเล็บคือคำแปล)



"ภิกษุทั้งหลาย อนาคตภัย (ภัยในอนาคต) ๕ ประการนี้ ยังมิได้เกิดขึ้น ในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยเหล่านั้น เธอทั้งหลายพึง ตระหนักทันการไว้ ครั้นตระหนักทันการแล้ว พึงพยายามเพื่อป้องกันภัยเหล่านั้น อนาคตภัย ๕ ประการเป็นไฉน ?

“กล่าวคือ ในกาลอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย ผู้
มิใช่ภาวิตกาย (มิได้พัฒนากาย)
มิใช่ภาวิตศีล (มิได้พัฒนาศีล)
มิใช่ภาวิตจิต (มิได้พัฒนาจิต)
มิใช่ภาวิตปัญญา (มิได้พัฒนาปัญญา)

ภิกษุเหล่านั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย มิได้พัฒนาศีล มิได้พัฒนาจิต มิได้พัฒนาปัญญาก็จักเป็น (อุปัชฌาย์) ให้อุปสมบทคนอื่นๆ แลจักไม่สามารถแนะนำ ผู้ที่ได้รับอุปสมบทเหล่านั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา)

แม้เหล่าผู้ได้รับอุปสมบทนั้น ก็จักเป็นผู้
มิใช่ภาวิตกาย (มิได้พัฒนากาย)
มิใช่ภาวิตศีล (มิได้พัฒนาศีล)
มิใช่ภาวิตจิต (มิได้พัฒนาจิต)
มิใช่ภาวิตปัญญา (มิได้พัฒนาปัญญา)



“เหล่าผู้ได้รับอุปสมบทนั้น ทั้งที่ตน
มิได้พัฒนากาย
มิได้พัฒนาศีล
มิได้พัฒนาจิต
มิได้พัฒนาปัญญา ก็จักเป็น (อุปัชฌาย์) ให้อุปสมบทคนอื่นๆ แลจักไม่สามารถแนะนำ ผู้ที่ได้รับอุปสมบทเหล่านั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา)

แม้เหล่าคนที่ได้รับอุปสมบทนั้น ก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย มิใช่ภาวิตศีล มิใช่ภาวิตจิต มิใช่ภาวิตปัญญา



“ภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้แล เพราะธรรมเลอะเลือน วินัยก็เลอะเลือน เพราะวินัยเลอะเลือน ธรรมก็เลอะเลือน


“ภิกษุทั้งหลาย อนาคตภัย ข้อที่ ๑ นี้ ยังมิได้เกิดขึ้นในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนั้น อันเธอทั้งหลาย พึงตระหนักรู้ไว้ ครั้นรู้ตระหนักแล้ว พึงพยายามเพื่อป้องกันภัยนั้นเสีย


“อีกประการหนึ่ง ในกาลอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย ผู้
มิใช่ภาวิตกาย (มิได้พัฒนากาย)
มิใช่ภาวิตศีล (มิได้พัฒนาศีล)
มิใช่ภาวิตจิต (มิได้พัฒนาจิต)
มิใช่ภาวิตปัญญา (มิได้พัฒนาปัญญา)

ภิกษุเหล่านั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย
มิได้พัฒนาศีล
มิได้พัฒนาจิต
มิได้พัฒนาปัญญา ก็จักให้นิสสัย (รับเป็นอาจารย์) แก่เหล่าภิกษุอื่น แลจักไม่สามารถแนะนำเหล่าภิกษุ ที่ถือนิสสัย (เป็นศิษย์) นั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา)
แม้เหล่าภิกษุที่ถือนิสสัย (เป็นศิษย์) นั้น ก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย มิใช่ภาวิตศีล มิใช่ภาวิตจิต มิใช่ภาวิตปัญญา



“เหล่าภิกษุ ที่ได้ถือนิสสัยนั้น ทั้งที่ตน
มิได้พัฒนากาย
มิได้พัฒนาศีล
มิได้พัฒนาจิต
มิได้พัฒนาปัญญา ก็จักให้นิสสัย (รับเป็นอาจารย์) แก่ภิกษุเหล่านั้น แลจักไม่สามารถแนะนำภิกษุเหล่านั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา)
แม้เหล่าคนที่ได้นิสสัยนั้น ก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย มิใช่ภาวิตศีล มิใช่ภาวิตจิต มิใช่ภาวิตปัญญา



“ภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้แล เพราะธรรมเลอะเลือน วินัยก็เลอะเลือน เพราะวินัยเลอะเลือน ธรรมก็เลอะเลือน


“ภิกษุทั้งหลาย อนาคตภัย ข้อที่ ๒ นี้ ยังมิได้เกิดขึ้นในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนั้น อันเธอทั้งหลายพึงตระหนักรู้ไว้ ครั้นรู้ตระหนักแล้ว พึงพยายามเพื่อป้องกันภัยนั้นเสีย"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2014, 23:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น บอกวิธีเจริญสมถะวิปัสสนาหน่อยเอ้า :b32:

ยังไม่ถึงเวลา สำหรับกรัชกายครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 82 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร