วันเวลาปัจจุบัน 18 พ.ค. 2025, 23:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 139 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2014, 05:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
tel1998 เขียน:
ตอนภาวนาแล้วเกิดภพโล่งสบายลองไปดูจิต2แบบนะครับ
1 รู้สึกชอบแบบที่เป็นอยู่
2 รู้สึกกังวนใจที่มันไม่ก้าวหน้า

แล้วลองไปเดินจงกรมแบบนี้ดู
เดินไปแล้วเมื่อเท้ากระทบพื้นแล้ว ถัดจากนั้น อะไรที่นอกเหนือจากเท้ากระทบพื้น ปรากฎ ให้รู้สึก



:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:
ตอนนี้สติไวมากเลยเจ้าค่ะ รู้เห็นถี่ยิบไปหมด มันว่างมันโล่งก็จริงนะคะ แต่ไม่ติดเฉย
มีสติเกิดตลอดเวลาที่ถูกกระทบ หรือ เวลาที่จิตเค้าไปแอบคิดๆ ทั้งในปัจจุบัน อดีต อนาคต
คิดตลอดเวลาไม่เคยหยุดพัักเลย แต่เราก็มีความสุขเนาะ เห็นก็สุข ไม่เห็นก็สุข


มั่วแล้ว! รู้เห็นถี่ยิบ มันเป็นสัมปชัญญะ สติจะเกิดต่อเมื่อจิตหลงไปคิดเรื่องอื่นนอกเหนือ
จากสิ่งที่กำลังปฏิบัติ.................

คุณพูดจาแสดงความเห็นเหมือนคนขาดสติ พูดจาจาไร้แก่นสาร
หาหลักเกณท์ไม่ได้

"บอกว่ารู้ถี่ยิบ แต่ดันบอกมันว่างโล่งก็จริง"

แล้วนี่อีกดันบอกมีสติเกิดตลอดเวลาที่ถูกกระทบ เกิดการกระทบมันต้องรู้ด้วยจิตผู้รู้
ไม่ใช่เอาสติไปรู้การกระทบ สติจะใช้ก็ต่อเมื่อจิตไม่ได้กับอยู่การกระทบ
นั้นคือเกิดการกระทบแล้วจิตยังไม่รู้(หลงไปคิด) เราจึงจะใช้สติเพื่อให้จิตกลับมาอยู่กับงาน

สรุปการปฏิบัติไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน ที่พูดมาก็แค่เอาความหลงของตน
มาพูดให้คนอื่นภูมิใจ แต่ที่ไหนได้หลงตั้งแต่ต้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2014, 06:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
tel1998 เขียน:
ตอนภาวนาแล้วเกิดภพโล่งสบายลองไปดูจิต2แบบนะครับ
1 รู้สึกชอบแบบที่เป็นอยู่
2 รู้สึกกังวนใจที่มันไม่ก้าวหน้า

แล้วลองไปเดินจงกรมแบบนี้ดู
เดินไปแล้วเมื่อเท้ากระทบพื้นแล้ว ถัดจากนั้น อะไรที่นอกเหนือจากเท้ากระทบพื้น ปรากฎ ให้รู้สึก



:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:
ตอนนี้สติไวมากเลยเจ้าค่ะ รู้เห็นถี่ยิบไปหมด มันว่างมันโล่งก็จริงนะคะ แต่ไม่ติดเฉย
มีสติเกิดตลอดเวลาที่ถูกกระทบ หรือ เวลาที่จิตเค้าไปแอบคิดๆ ทั้งในปัจจุบัน อดีต อนาคต
คิดตลอดเวลาไม่เคยหยุดพัักเลย แต่เราก็มีความสุขเนาะ เห็นก็สุข ไม่เห็นก็สุข



tel1998 เขียน:
ถ้าสติเกิดแบบนี้ถูกแล้วทำต่อไป จนหมดหนทางเจริญก้าวหน้า จนคนพบว่า ไม่มีทางนั่นแหละคือทาง
ใกล้ถึงเป้าหมายแรกแล้วครับ


อย่าชวนกันลงเหวครับ คุณสองใจแกพูดผิดๆถูกๆ คุณก็เอออวยไปด้วย
ผมว่าอาการหนักด้วยกันทั้งคู่ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2014, 10:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
สองใจ เขียน:
tel1998 เขียน:
ตอนภาวนาแล้วเกิดภพโล่งสบายลองไปดูจิต2แบบนะครับ
1 รู้สึกชอบแบบที่เป็นอยู่
2 รู้สึกกังวนใจที่มันไม่ก้าวหน้า

แล้วลองไปเดินจงกรมแบบนี้ดู
เดินไปแล้วเมื่อเท้ากระทบพื้นแล้ว ถัดจากนั้น อะไรที่นอกเหนือจากเท้ากระทบพื้น ปรากฎ ให้รู้สึก



:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:
ตอนนี้สติไวมากเลยเจ้าค่ะ รู้เห็นถี่ยิบไปหมด มันว่างมันโล่งก็จริงนะคะ แต่ไม่ติดเฉย
มีสติเกิดตลอดเวลาที่ถูกกระทบ หรือ เวลาที่จิตเค้าไปแอบคิดๆ ทั้งในปัจจุบัน อดีต อนาคต
คิดตลอดเวลาไม่เคยหยุดพัักเลย แต่เราก็มีความสุขเนาะ เห็นก็สุข ไม่เห็นก็สุข



tel1998 เขียน:
ถ้าสติเกิดแบบนี้ถูกแล้วทำต่อไป จนหมดหนทางเจริญก้าวหน้า จนคนพบว่า ไม่มีทางนั่นแหละคือทาง
ใกล้ถึงเป้าหมายแรกแล้วครับ


อย่าชวนกันลงเหวครับ คุณสองใจแกพูดผิดๆถูกๆ คุณก็เอออวยไปด้วย
ผมว่าอาการหนักด้วยกันทั้งคู่ :b32:
ลุงกำนันสู้ๆ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2014, 16:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 19:24
โพสต์: 29

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
เป้าหมายแรกคือ.....................
สงสัยนิดนุงค่ะ
555555555555555555555555555555555


วิสุทธิ7ประการมีดังต่อไปนี้
1 ลีลวิสุทธิ ความหมดจดแห่งศีล ก็คือมีสติรู้ทันโลภะ โทสะ ก็มีศีลขึ้นมา อันนี้คุณมีแล้ว
2 จิตตวิสุทธิ ความหมดจดแห่งจิต ก็คือมีสติรู้ทัน จิตที่ฟุ้งไปก็ได้สมาธิ อันนี้ก็มีแล้ว
3 ทิฏฐิวิสุทธิ ความหมดจดแห่งทิฏฐิ ก็คือการที่มีความเห็นว่าความรู้สึกเป็นตัวเป็นตนนั้นไม่มีเกิด ขึ้นมาได้เพราะขันธ์5มันทำงาน อันนี้เป็นความเห็นนะไม่ใช่ความเข้าใจแจ่มแจ้งอย่างพระโสดาบัน
4 กังขาวิตรณวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณ การรู้ว่ารูปนามไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยโดยไม่ได้มีเหตุ คือการเห็นว่าจะเกิดโลภะก็เพราะว่ามีเหตุไม่ใช่อยู่ๆไม่มีเหตุอะไรก็มีโลภะเกิดขึ้นมาเอง อันนี้คุณก็เห็นแล้ว
5มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ รู้ว่าอะไรเป็นทางอะไรไม่ใช่ทาง ก็คือการรู้ว่าต้องมีสติรู้รูปนามนี้เป็นทาง
จิตต้องตั้งมั่นนี้เป็นทาง ทำจิตสงบเฉยอันี้ไม่ใช่ทางเป็นแค่การพักของจิต อันนี้คุณรู้แล้ว
6ปฏิปาญาณทัสสนวิสุทธิคือการทำวิปัสสนานั่นแหละ โดยที่ไม่เกิดวิปัสสนูมาแล้ว ก็คือสติรู้รูปนาม มีจิตตั้งมั่น อันนี้คุณยังไม่ถึง
7ญาณทัสสนวิสุทธิ ก็คือเกิดมรรคผลขึ้นมา

มาถึงข้อที่5แล้ว ก็ใกล้แล้วครับ ทำครบ7ข้อ ก็คงอีกไม่นาน

อนึ่ง อะไรก็ตามแต่ใครบอกอะไรก็เชื่อเลยก็โง่ และถ้าบอกแล้วไม่เชื่อทันทีก็โง่
รับฟังมาแล้วเอามาลองทำดู ถ้าใช่แล้วค่อยเชื่อ ไม่ใช่ค่อยปฏิเสธ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 139 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร