วันเวลาปัจจุบัน 25 ส.ค. 2025, 02:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 120 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2014, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
"นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา".....กรัชกายก็ไม่มีวันเข้าใจสิ่งนี้ได้เช่นกัน


เห็นแต่พูดนั่นนี่เป็นบทกลอน ไม่เคยเห็นตัวอย่างภาคปฏิบัติ มีปัญหาก็ว่าเจ้ากรรมนายเวรขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติธรรม :b1:

นี่ก็คงเจ้ากรรมนายเวรอีกกระมั่งเนี่ย :b32:



อ้างคำพูด:
คือว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริมเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆ ค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานเการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


โทษกรรมเก่า แบบลัทธิมิจฉาทิฏฐิ (ปุพเพกตวาท) ที่พระพุทธเจ้าปฏิเสธ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2014, 18:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 19:24
โพสต์: 29

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันมาฆะเป็นวันที่พระอรหันต์มาประชุมกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่ผู้ที่จะต้องบรรลุอีกแล้ว แต่เป็นผู้ที่จะต้องไปสอนคนอื่นให้บรรลุตาม ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนในวันนี้ จึงเป็นธรรมะที่สอนผู้ที่จะเป็นครูจะต้องเป็นอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2014, 02:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha2_resize.gif
buddha2_resize.gif [ 37.14 KiB | เปิดดู 2452 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
"นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา".....กรัชกายก็ไม่มีวันเข้าใจสิ่งนี้ได้เช่นกัน


เห็นแต่พูดนั่นนี่เป็นบทกลอน ไม่เคยเห็นตัวอย่างภาคปฏิบัติ มีปัญหาก็ว่าเจ้ากรรมนายเวรขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติธรรม :b1:

นี่ก็คงเจ้ากรรมนายเวรอีกกระมั่งเนี่ย :b32:



อ้างคำพูด:
คือว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริมเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆ ค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานเการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


โทษกรรมเก่า แบบลัทธิมิจฉาทิฏฐิ (ปุพเพกตวาท) ที่พระพุทธเจ้าปฏิเสธ

:b12: :b12: :b12:
ในที่สุดก็ยังวนอยู้ในอ่างวิชาการอยู่เหมือนเดิมนะ กรัชกาย
s006
s004
ในโอวาทปาติโมกข์ 3 ข้อแรกนั้น

2 ข้อแรก มีสอนอยู่ทุกศาสนา

แต่ข้อที่ 3 สะจิตตะปริโยทปะนัง.......การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

มีสอนเฉพาะในพระพุทธศาสนา......สังเกตคำว่า "ขาวรอบ" ให้ดีๆ

การจะชำระจิตของตนให้ขาวรอบ มีวิธีเดียวในจักรวาล คือ

การเจริญวิปัสสนาภาวนา หรือการเจริญมรรค 8 ตามสรุปการค้นพบของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่เรียกว่า "อริยสัจ 4"

โอวาทปาติโมกข์ข้อที่ 3 จึงเป็น "เอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา เป็นคุณค่าสูงสุดของวันมาฆะบูชาที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย พึงใส่ใจพิจารณาให้ถี่ถ้วนและถ่องแท้ เพื่อนำสู่การทำจริงโดยทันที ในวันนี้อันเป็นวันมหามงคล มาฆะปุณมี ปีที่ 2557 หลังปรินิพพานของพระสมณโคดมพุทธเจ้า


:b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2014, 04:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
"นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา".....กรัชกายก็ไม่มีวันเข้าใจสิ่งนี้ได้เช่นกัน


เห็นแต่พูดนั่นนี่เป็นบทกลอน ไม่เคยเห็นตัวอย่างภาคปฏิบัติ มีปัญหาก็ว่าเจ้ากรรมนายเวรขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติธรรม :b1:

นี่ก็คงเจ้ากรรมนายเวรอีกกระมั่งเนี่ย :b32:



อ้างคำพูด:
คือว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริมเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆ ค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานเการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


โทษกรรมเก่า แบบลัทธิมิจฉาทิฏฐิ (ปุพเพกตวาท) ที่พระพุทธเจ้าปฏิเสธ


ในที่สุดก็ยังวนอยู้ในอ่างวิชาการอยู่เหมือนเดิมนะ กรัชกาย

ในโอวาทปาติโมกข์ 3 ข้อแรกนั้น

2 ข้อแรก มีสอนอยู่ทุกศาสนา

แต่ข้อที่ 3 สะจิตตะปริโยทปะนัง.......การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

มีสอนเฉพาะในพระพุทธศาสนา......สังเกตคำว่า "ขาวรอบ" ให้ดีๆ

การจะชำระจิตของตนให้ขาวรอบ มีวิธีเดียวในจักรวาล คือ

การเจริญวิปัสสนาภาวนา หรือการเจริญมรรค 8 ตามสรุปการค้นพบของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่เรียกว่า "อริยสัจ 4"

โอวาทปาติโมกข์ข้อที่ 3 จึงเป็น "เอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา เป็นคุณค่าสูงสุดของวันมาฆะบูชาที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย พึงใส่ใจพิจารณาให้ถี่ถ้วนและถ่องแท้ เพื่อนำสู่การทำจริงโดยทันที ในวันนี้อันเป็นวันมหามงคล มาฆะปุณมี ปีที่ 2557 หลังปรินิพพานของพระสมณโคดมพุทธเจ้า




ระหว่างตัวอย่างที่กรัชกายนำมานี่่

อ้างคำพูด:
คือว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริมเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆ ค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานเการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


กับที่อโศกพูดนั่น อันไหนวิชาการ อันไหนอ้างตำรา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2014, 11:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:



"นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา".....กรัชกายก็ไม่มีวันเข้าใจสิ่งนี้ได้เช่นกัน


เห็นแต่พูดนั่นนี่เป็นบทกลอน ไม่เคยเห็นตัวอย่างภาคปฏิบัติ มีปัญหาก็ว่าเจ้ากรรมนายเวรขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติธรรม :b1:

นี่ก็คงเจ้ากรรมนายเวรอีกกระมั่งเนี่ย :b32:



อ้างคำพูด:
คือว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริมเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆ ค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานเการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


โทษกรรมเก่า แบบลัทธิมิจฉาทิฏฐิ (ปุพเพกตวาท) ที่พระพุทธเจ้าปฏิเสธ


ในที่สุดก็ยังวนอยู้ในอ่างวิชาการอยู่เหมือนเดิมนะ กรัชกาย

ในโอวาทปาติโมกข์ 3 ข้อแรกนั้น

2 ข้อแรก มีสอนอยู่ทุกศาสนา

แต่ข้อที่ 3 สะจิตตะปริโยทปะนัง.......การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

มีสอนเฉพาะในพระพุทธศาสนา......สังเกตคำว่า "ขาวรอบ" ให้ดีๆ

การจะชำระจิตของตนให้ขาวรอบ มีวิธีเดียวในจักรวาล คือ

การเจริญวิปัสสนาภาวนา หรือการเจริญมรรค 8 ตามสรุปการค้นพบของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่เรียกว่า "อริยสัจ 4"

โอวาทปาติโมกข์ข้อที่ 3 จึงเป็น "เอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา เป็นคุณค่าสูงสุดของวันมาฆะบูชาที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย พึงใส่ใจพิจารณาให้ถี่ถ้วนและถ่องแท้ เพื่อนำสู่การทำจริงโดยทันที ในวันนี้อันเป็นวันมหามงคล มาฆะปุณมี ปีที่ 2557 หลังปรินิพพานของพระสมณโคดมพุทธเจ้า




ระหว่างตัวอย่างที่กรัชกายนำมานี่่

อ้างคำพูด:
คือว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริมเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆ ค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานเการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


กับที่อโศกพูดนั่น อันไหนวิชาการ อันไหนอ้างตำรา :b1:

:b12:
อโศกะเปลี่ยนเรื่องกลับไปที่ประเด็นของกระทู้ แต่กรัชกายยังติดอยู่ที่อดีตอารมณ์ ในอ่างคิดอ่างวิชาการของกรัชกาย ซึ่งเป็นคำถามและงานที่ไม่รู้แล้ว

อย่าทำตัวเป็นตัวแทนเจ้าของอารมณ์อยู่เลย ให้เธอผู้นั้นเข้ามาถามด้วยตนเองเถิด ส่วนกรัชกายก็พึงเอาปัญหาการปฏิบัติของตนเองมาถามมาคุยจักเป็นประโยชน์มากกว่านะ

พูดอย่างนี้อันไหนเป็นภาคปฏิบัติมากกว่ากันจงพิจารณา
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2014, 12:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กับที่อโศกพูดนั่น อันไหนวิชาการ อันไหนอ้างตำรา :b1:
:b12:
อโศกะเปลี่ยนเรื่องกลับไปที่ประเด็นของกระทู้ แต่กรัชกายยังติดอยู่ที่อดีตอารมณ์ ในอ่างคิดอ่างวิชาการของกรัชกาย ซึ่งเป็นคำถามและงานที่ไม่รู้แล้ว

อย่าทำตัวเป็นตัวแทนเจ้าของอารมณ์อยู่เลย ให้เธอผู้นั้นเข้ามาถามด้วยตนเองเถิด ส่วนกรัชกายก็พึงเอาปัญหาการปฏิบัติของตนเองมาถามมาคุยจักเป็นประโยชน์มากกว่านะ

พูดอย่างนี้อันไหนเป็นภาคปฏิบัติมากกว่ากันจงพิจารณา
:b4:



พูดบ่อยเหลือเกินวิชาการๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิกๆ

ถามเลยงั้น วิชาการตามที่อโศกพูดเนี่ย หมายถึงอะไร

แล้วเนี่ยวิชาการไหมเนี่ยเอ้า

อ้างคำพูด:
คือว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริมเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆ ค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานเการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ



ตอบช้าๆ--------------------ชัดๆ :b32: วิชาการไหม :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2014, 21:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:
อโศกะตอบมาหลายทีแล้วแต่ที่ถามให้กรัชกายลองตอบแก้ดูบ้างว่าปัญหาของน้องคนนี้ถ้าเป็นกรัชกายจะแก้ไขอย่างไร แต่กรัชกายไม่เคยยอมตอบด้วยความเห็นของตนเองสักที......นี่แหละความเป็นนักวิชาการ เจอปัญหาจริงๆแล้วไม่กล้าตอบ กลัวผิด กลัวเสียฟอร์ม ลองตอบมาเป็นความคิดความเห็นเรื่องสภาวะด้วยตัวเองสักทีซิกรัชกาย จะได้รู้เสียทีว่า นักวิชาการนั้นตอบอย่างไร
:b32:
อนึ่งพยายามชวนกรัชกายมาคุยต่อในเรื่องตามหัวข้อกระทู้ แต่กรัชกายถอนตัวจากปัญหาที่ตนเองติดยึดอยู่ ไม่พ้นจึงวนกลับไปที่เดิมอีก เลิกคุยได้แล้วอารมณ์คนอื่นนะ บอกหลายครั้งแล้ว
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12: :b12: :b12:
อโศกะตอบมาหลายทีแล้วแต่ที่ถามให้กรัชกายลองตอบแก้ดูบ้างว่าปัญหาของน้องคนนี้ถ้าเป็นกรัชกายจะแก้ไขอย่างไร แต่กรัชกายไม่เคยยอมตอบด้วยความเห็นของตนเองสักที......นี่แหละความเป็นนักวิชาการ เจอปัญหาจริงๆแล้วไม่กล้าตอบ กลัวผิด กลัวเสียฟอร์ม ลองตอบมาเป็นความคิดความเห็นเรื่องสภาวะด้วยตัวเองสักทีซิกรัชกาย จะได้รู้เสียทีว่า นักวิชาการนั้นตอบอย่างไร
:b32:
อนึ่งพยายามชวนกรัชกายมาคุยต่อในเรื่องตามหัวข้อกระทู้ แต่กรัชกายถอนตัวจากปัญหาที่ตนเองติดยึดอยู่ ไม่พ้นจึงวนกลับไปที่เดิมอีก เลิกคุยได้แล้วอารมณ์คนอื่นนะ บอกหลายครั้งแล้ว
:b7:


ไม่ได้คำตอบอีก คิกๆๆ

เอาอีกเอ้า :b1:

อ้างคำพูด:
ขอสอบถามอาการของสมาธิค่ะ รบกวนผู้รู้ชี้แนะด้วยน่ะค่ะ

1. มี ความรู้สึกมีอีกร่างอยู่ในตัวเรา แต่เราจะควบคุมอีกร่างไม่ได้น่ะ ค่ะ อีกร่างเหมือนกับจะพยายามออกมา จากร่างเรา รู้สึกว่าเค้าจะยืดออกทางหน้าซ้ายบ้าง สักพักก็มาทางขวา ค่ะ แต่ไม่เคยออกได้น่ะค่ะ ปกติเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจะพยายามไม่ สนใจค่ะ ถูกต้องรึเปล่าค่ะ หรือควรจะทำอย่างไรกรุณาชี้แนะด้วยค่ะ

2. นั่ง ไปสักพัก จะไม่รู้สึกตัวเหมือนเราหายไปค่ะ แต่รู้ว่าไม่ได้หลับน่ะ ค่ะ สักพักก็กลับมาเหมือนเดิมค่ะ เหมือนหายไปแปล๊บเดียว แต่ ค่อนข้างจะนานค่ะ ควรจะทำอย่างไรหรือปล่อยไปแบบนี้ค่ะรบกวนชี้แนะ ด้วยค่ะ
ทั้งสองเหตุการณ์ จะไม่เกิดพร้อมกันถ้าวันนี้เกิดเหตุการณ์ที่ 1 วันต่อมาก็จะเกิด เหตุการณ์ที่ 2 สลับกันค่ะ หรือบางวันก็ไม่เกิดอาการทั้ง 2 เลยค่ะ

3. เคยนอนหลับตอนกลางวันที่บ้านน่ะค่ะ แล้วมีความรู้สึกว่าไม่ง่วงไม่นอน ละ แล้วก็ลุกขึ้นมาทำอะไรตามปกติ เช่น กวาดบ้าน เดินอยู่ในบ้าน สักพักสดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์แล้วก็งงว่า เมื่อกี้เราไม่ได้หลับนี่ยัง ทำอะไรตามปกติอยู่เลย แล้วทำไมมาสะดุ้งตื่นนอนบนที่นอนอย่างนี้

รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะแนวทางที่ควรจะปฏิบัติต่อไปด้วยน่ะค่ะ ปกตินั่งสมาธิแบบอานาปานสติอย่างเดียวเลยค่ะ ก่อนนอนก็จะนอนภาวนาตลอดเลยค่ะ



หากผู้ร่วมสำนักที่อโศกแนะนำเขาอยู่ เป็นยังงี้แล้วอโศกจะแก้ไขยังไง :b32: หรือโทษเจ้ากรรมนายเวรขัดขวางไม่ให้เขาปฏิบัติธรรมอีกน่า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 09:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องก็เป็นช่วงนี้เวลาหลับตอนกลางวัน ชอบฝันว่ามีคนมาแกล้ง แล้วฝันเหมือนจริงมาก ก่อนหน้านี้ฝันนอนหลับแล้วผ้าห่มปิดหน้า แล้วเหมือนรู้สึกตัวกะว่าจะตื่นแต่ขยับไม่ได้เลยแขนขา แล้วรู้สึกมีคนเข้ามาในห้องเดินป้วนเปี้ยนไปมาแล้วเอามือมาจับแขนเรา แต่ตอนนั้นคุนน้องไม่เห็นหน้า บางทีก็มาลูบหน้าทั้งที่ผ้าห่มปิดหน้าเราอยู่ มาแกล้งเราให้ประสาทหลอนเล่นซะงั้น กลัวมากเลยตอนนั้น ใครก็ไม่รู้ แล้วจำได้ว่าพอตั้งสติจะสวดมนต์ท่องนะโม จนสภาวะนั้นหายแล้วตื่นขึ้นมา เมื่อวานก็เป็นขนาดไปทำบุญไหว้พระ
เผลอหลับฝันอีก อาการเดิมรู้สึกตัวเหมือนลืมตาอยู่ในห้องแต่ห้องมืดปิดไฟอยู่ ลืมตามองเห็นว่าเรานอนอยู่แต่ขยับไม่ได้ พยายามจะตื่นจะลุกก็เหมือนโดนมัดมือมัดขาล็อคไว้ และรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว มีคนพยายามกวนประสาทคุนน้องมันเหมือนความจริงมาก คราวนี้ก็ทำเหมือนเดิม ท่องนะโมหลายจบก็ไม่ตื่น แผ่เมตตาให้ก็ไม่ได้ผล รู้ตัวว่าขยับไม่ได้อยู่ และรู้สึกว่าโดนใครไม่รู้โยนก้อนหินรึอะไรบางอย่างใส่และก็พูดว่า อยากเห็นหน้ามันจริงๆลูกบักโต!!!(ในห้องมีรูปภาพของพุฒาจารย์โตแปะข้างฝาผนัง เวอร์มาก) เค้าพูดประโยคนั้น แล้วในใจก็คิดว่า เออมาดิอยากเห็นก็เข้ามาดูเลย กุก็จะได้เห็นหน้ามรึงเหมือนกันแหละ (ตอนนั้นเลิกกลัวแล้ว)พอพูดจบ สะดุ้งเลย wink ไรฟระพอบอกอยากเห็นนห้าก็มาจะได้เห็น จะได้รู้จักกันไว้เสรือกทำตูตื่น5555+
อ่อมีอีกครั้งนึงเกิดอาการฝันซ้อนฝัน แล้วคุนน้องก็ตื่นมาทำอะไรเดิมๆและมักจะคิดว่ามะกี้เราฝันแต่ตอนนี้เราตื่นแล้วชัวร์ร้อยเปอร์เซ็น ลองตบหน้ารึหยิกตัวเองในฝัน แต่เหมือนเจ็บจริงๆและคิดว่าไม่ได้ฝันตอนนั้นเราตื่นแล้วแต่ที่ไหนได้ตูฝันอยู่ อาการฝันซ้อนฝัน :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 09:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b4:
เชิญกรัชกายตอบและไขข้อข้องใจให้น้องเขาด้วย
:b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 10:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b4:
เชิญกรัชกายตอบและไขข้อข้องใจให้น้องเขาด้วย
:b41:


ต้องแยกกัน หลับฝันก็เรื่องของความฝัน อย่าเก็บเอาความฝันมาคิดฟุ้งตอนตื่น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b4:
เชิญกรัชกายตอบและไขข้อข้องใจให้น้องเขาด้วย
:b41:


ต้องแยกกัน หลับฝันก็เรื่องของความฝัน อย่าเก็บเอาความฝันมาคิดฟุ้งตอนตื่น :b1:

อันนั้นเข้าใจดีว่าเวลาตื่นก็ไม่ได้เก็บเอาความฝันมาวิตกวิจารณ์ แต่ก็แค่เล่าให้ฟังว่าฝันแบบนี้
แค่อยากถามว่า เวลาฝันอะไรแบบนี้มันจะแก้ได้ด้วยหรอ คือให้ความฝันมันหายไปหรือแก้ไขวิธีเปลี่ยนไม่ให้มันฝันแบบนั้น ซึ่งมันจะฝันมันก็ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าอาการมันจะเป็นแบบนี้นะ พอมันจะเจอมันก็เจอเอง เพราะคุนน้องยังแก้ไม่ได้เลยอ่ะ เพราะเวลาฝันก็ฝันไป เวลาตื่นก็อยู่กับความจริง แต่เวลาฝันมันก็ฝันจริงๆเวลาเจอแบบนั้นก็แค่มีสติฝันก็รู้ว่าฝันสวดมนต์ท่องนะโม แล้วมันจะแก้ให้ไม่ฝันแบบนั้นได้ด้วยหรือ คุนน้องแก้ไม่ได้น่ะ เพราะเวลาตกอยู่ในสถาณการณ์แบบนั้น มันไม่เคยแก้ได้เลย แค่ต้องอยู่กับมันจนผ่านสภาวะนั้นไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 11:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b4:
เชิญกรัชกายตอบและไขข้อข้องใจให้น้องเขาด้วย
:b41:


ต้องแยกกัน หลับฝันก็เรื่องของความฝัน อย่าเก็บเอาความฝันมาคิดฟุ้งตอนตื่น :b1:

อันนั้นเข้าใจดีว่าเวลาตื่นก็ไม่ได้เก็บเอาความฝันมาวิตกวิจารณ์ แต่ก็แค่เล่าให้ฟังว่าฝันแบบนี้
แค่อยากถามว่า เวลาฝันอะไรแบบนี้มันจะแก้ได้ด้วยหรอ คือให้ความฝันมันหายไปหรือแก้ไขวิธีเปลี่ยนไม่ให้มันฝันแบบนั้น ซึ่งมันจะฝันมันก็ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าอาการมันจะเป็นแบบนี้นะ พอมันจะเจอมันก็เจอเอง เพราะคุนน้องยังแก้ไม่ได้เลยอ่ะ เพราะเวลาฝันก็ฝันไป เวลาตื่นก็อยู่กับความจริง แต่เวลาฝันมันก็ฝันจริงๆเวลาเจอแบบนั้นก็แค่มีสติฝันก็รู้ว่าฝันสวดมนต์ท่องนะโม แล้วมันจะแก้ให้ไม่ฝันแบบนั้นได้ด้วยหรือ คุนน้องแก้ไม่ได้น่ะ เพราะเวลาตกอยู่ในสถาณการณ์แบบนั้น มันไม่เคยแก้ได้เลย แค่ต้องอยู่กับมันจนผ่านสภาวะนั้นไป


ทีีเีรียกกันว่าหลับฝัน เป็นการทำงานของจิตระดับหนึ่ง (ครึ่งหลับครึ่งตื่น) คือหลับไม่สนิท แต่หลับสนิทจะไม่ฝัน (หลับลึก)

เมื่อหลับตื่นๆฝันๆ (ก็ช่างมัน) แต่ครั้นตื่นนอนแล้ว ไม่ควรคิดปะติดปะต่อลำดับความฝันตอนตื่น มันก็จบ แต่ถ้าเราไปคิดปะติดปะต่อเรื่องราวความฝันว่า.....ก็เท่ากับสืบต่อวิถีจิตให้มีกำลังยึดยาวต่ออีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2014, 11:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b36:
ความฝัน เป็นวิธีการระบายออกของสิ่งที่คั่งค้างในจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสมดุลย์ของจิต ที่ธรรมชาตสร้างสรรไว้

ผู้เจริญวิปัสสนาภาวนาได้ดี ในที่สุด เมื่อหยุดความคิดนึกได้ ก็จะสามารถหยุดความฝันได้เช่นกันคือนอนหลับไม่ฝัน

ถึงตอนนั้นการเจริญตามโอวาทปาติโมกข์ข้อที่ 3 ก็ใกล้จะสิ้นสุดคือ จิต เกือบขาวรอบแล้ว

ถ้าพลิกมุมกลับ เราอาจใช้ประโยชน์จากความฝันนี้ มาเป็นเครื่องมือชี้วัด หรือทดสอบว่า

1.ช่วงชีวิตนี้ของเราจิตใจหมกมุ่น ฝักใฝ่อยูในเรื่องราวหรือทิศทางใด

2.มีอะไรคั่งค้างอยู่ในจิตใต้สำนึก

3.จิตใจเราถูกชำระให้ขาวสะอาดไปแล้วมาก น้อยเพียงใด

4.สิ่งที่เคยเกี่ยวข้องกันมามาสร้างนิมิตให้

ขอให้ได้ใช้ประโยชน์จากความฝันมาสนับสนุนการชำระจิตให้ขาวรอบ ทุกท่านทุกคน เทอญ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2014, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b36:
ความฝัน เป็นวิธีการระบายออกของสิ่งที่คั่งค้างในจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสมดุลย์ของจิต ที่ธรรมชาตสร้างสรรไว้

ผู้เจริญวิปัสสนาภาวนาได้ดี ในที่สุด เมื่อหยุดความคิดนึกได้ ก็จะสามารถหยุดความฝันได้เช่นกันคือนอนหลับไม่ฝัน

ถึงตอนนั้นการเจริญตามโอวาทปาติโมกข์ข้อที่ 3 ก็ใกล้จะสิ้นสุดคือ จิต เกือบขาวรอบแล้ว

ถ้าพลิกมุมกลับ เราอาจใช้ประโยชน์จากความฝันนี้ มาเป็นเครื่องมือชี้วัด หรือทดสอบว่า

1.ช่วงชีวิตนี้ของเราจิตใจหมกมุ่น ฝักใฝ่อยูในเรื่องราวหรือทิศทางใด

2.มีอะไรคั่งค้างอยู่ในจิตใต้สำนึก

3.จิตใจเราถูกชำระให้ขาวสะอาดไปแล้วมาก น้อยเพียงใด

4.สิ่งที่เคยเกี่ยวข้องกันมามาสร้างนิมิตให้

ขอให้ได้ใช้ประโยชน์จากความฝันมาสนับสนุนการชำระจิตให้ขาวรอบ ทุกท่านทุกคน เทอญ
:b8:



อโศกหากินทางความฝันเอ้า ดูๆแล้วน่าสงสารจริงๆ :b32:

ทำนองคนนอนหลับฝันว่าถูกล๊อตเตอรี่ ได้เงินเกือบร้อยล้าน ในฝันได้กินอาหารอร่อยๆ เที่ยวอย่างสนุกสนาน ...พอลืมตาตื่นขึ้น ปรากฎว่าตัวเองนอนอยู่ใต้ทางด่วน หิวข้าวเกือบตาย คิกๆๆ เอามือล้วงกระเป๋าดูเงิน มีเงินติดกระเป๋าอยู่ 6 สลึง :b32: บ่นพึมพำๆกับตนเองว่า โธ่ๆๆ กูไม่น่าตื่นมาอยู่กับความจริงเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 120 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร