วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 91 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 28 ม.ค. 2014, 19:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b8:
นางวธีราเถรีตอนจิตถึงธรรมธรรมถึงจิตได้กล่าวรำพึงออกมาว่า

"มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป"

นี่เป็นการเห็นด้วยตาญาณปัญญาจริงๆ
จนพระบรมศาสดาเสด็จมารับรองคำพูดของนาง

ดังนั้นสุขที่พุทธคุณเข้าใจ ก็คงคือ ทุกข์ นั่นเอง แต่ด้วยหูตายังไม่สว่างจึงเห็นว่าเป็นสุข

สุขที่แท้จริงไม่มีหรือ...มีอยู่..อยู่ที่ความไม่ทุกข์ไม่สุข ไม่ตายไม่เกิด หมดภาระต้องแบกหาม ไม่มีใครต้องแบกหามอะไร ที่ท่านเรียกว่า "นิพพาน"

ไปให้ถึงนิพพานให้ได้เสียไวๆจะได้หมดป้ัญหาเรื่องติดสุขไม่ติดสุขนะครับ
:b8:


อ้างคำพูด:
ไปให้ถึงนิพพานให้ได้เสียไวๆจะได้หมดป้ัญหาเรื่องติดสุขไม่ติดสุขนะครับ


ถ้าไปถึงนิพพาน ก็ไปเจอ "นิพพานํ ปรมํ สุขํ" แปลว่า นิพพาน เป็นสุขอย่า่งยิ่ง แล้วจะหนีไปไหนอีกทีนี้ คิกๆๆๆ

:b13:
นิพพานสุข เป็นสุขที่ไม่มีใครติดอะไร กรัชกายไม่รู้หรือครับ?
:b3:


อ้างคำพูด:
นิพพานสุข เป็นสุขที่ไม่มีใครติดอะไร กรัชกายไม่รู้หรือครับ


ไม่รู้ครับ มันยังไงหรือครับ :b1:

:b3:
เกลือมีรส เค็ม
กรัชกายรู้ไหม?
:b12:


โพสต์ เมื่อ: 28 ม.ค. 2014, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:



เกลือมีรส เค็ม
กรัชกายรู้ไหม?


ถามจริงๆนะขอรับ นิพพานที่คุณอโศกคิดถึงเนี่ย มันยังไงครับ บอกพอเห็นภาพ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 29 ม.ค. 2014, 21:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:



เกลือมีรส เค็ม
กรัชกายรู้ไหม?


ถามจริงๆนะขอรับ นิพพานที่คุณอโศกคิดถึงเนี่ย มันยังไงครับ บอกพอเห็นภาพ :b10:

:b12: :b12: :b12:
เขารู้กันมาตั้งนานแล้วหละลุง.........

ว่า นิพพาน นั้นเป็นเรื่องปัจจัตตัง แล้วกรัชกายจะถามอย่างนี้ทำไมนะ

วิธีที่จะไปสัมผัสนิพพาน พอจะอธิบายได้ แต่ "นิพพาน มันยังไงครับ" เนี้ยะคงต้องให้กรัชกาย

ตอบคำถามง่ายๆที่ถามไว้ก่อนซิ เกลือมีรส เค็ม กรัชกายรู้ไหม?


ถ้าแน่จริงคิดว่าอธิบายได้อย่างอธิบายเรื่อง นิพพาน ก็ช่วยกรุณาอธิบาย รสเค็ม หรือความเค็ม ให้ทราบเป็นตัวหนังสือ หรือคำพูดก็ได้ครับ

ถ้าอธิบายได้ผมก็น่าจะช่วยอธิบาย นิพพาน ให้กรัชกาย ให้อ่าน ให้ฟังได้เช่นกัน

:b12: :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2014, 05:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:



เกลือมีรส เค็ม
กรัชกายรู้ไหม?


ถามจริงๆนะขอรับ นิพพานที่คุณอโศกคิดถึงเนี่ย มันยังไงครับ บอกพอเห็นภาพ :b10:

:b12: :b12: :b12:
เขารู้กันมาตั้งนานแล้วหละลุง.........

ว่า นิพพาน นั้นเป็นเรื่องปัจจัตตัง แล้วกรัชกายจะถามอย่างนี้ทำไมนะ

วิธีที่จะไปสัมผัสนิพพาน พอจะอธิบายได้ แต่ "นิพพาน มันยังไงครับ" เนี้ยะคงต้องให้กรัชกาย

ตอบคำถามง่ายๆที่ถามไว้ก่อนซิ เกลือมีรส เค็ม กรัชกายรู้ไหม?


ถ้าแน่จริงคิดว่าอธิบายได้อย่างอธิบายเรื่อง นิพพาน ก็ช่วยกรุณาอธิบาย รสเค็ม หรือความเค็ม ให้ทราบเป็นตัวหนังสือ หรือคำพูดก็ได้ครับ

ถ้าอธิบายได้ผมก็น่าจะช่วยอธิบาย นิพพาน ให้กรัชกาย ให้อ่าน ให้ฟังได้เช่นกัน



คนที่คิดอย่างคุณอโศก เขาเรียกว่า คนเพ้อฝัน เพ้อๆฝันๆเอาว่า จะเป็นนั่น เป็นนี่ นอนคิดอยู่ในมุ้งอยู่ในห้องน้ำ โดยไม่ลงมือทำเหตุ คิดจะเอาแต่ผล (สำเร็จ) โดยไม่ลงมือทำ อยากได้อยากมีอะไรก็คิดๆเอา เช่น อยากได้นิพพาน ก็คิดถึงนิพพาน ทำนองว่า เออ...นิพพานดีนะมีความสุข เขาว่าใครนิพพานแล้ว ไม่เกิดแก่เจ็บตาย ....ได้ยินได้ฟังมาอย่างนี้ ตัวก็อยากได้ อยากเอา อยากมี อยากเป็น อยากไปนิพพานมั่ง ...รำพึงรำพันกราบหมอนก่อนนอนอธิษฐานว่า ขอให้เราถึงนิพพานด้วยเถอะ ...

ถามจริงๆแล้วมันจะนิพพานไหมน่ะคิด-ทำอย่า่งนั้นนะอโศกหือ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.พ. 2014, 21:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:



เกลือมีรส เค็ม
กรัชกายรู้ไหม?


ถามจริงๆนะขอรับ นิพพานที่คุณอโศกคิดถึงเนี่ย มันยังไงครับ บอกพอเห็นภาพ :b10:

:b12: :b12: :b12:
เขารู้กันมาตั้งนานแล้วหละลุง.........

ว่า นิพพาน นั้นเป็นเรื่องปัจจัตตัง แล้วกรัชกายจะถามอย่างนี้ทำไมนะ

วิธีที่จะไปสัมผัสนิพพาน พอจะอธิบายได้ แต่ "นิพพาน มันยังไงครับ" เนี้ยะคงต้องให้กรัชกาย

ตอบคำถามง่ายๆที่ถามไว้ก่อนซิ เกลือมีรส เค็ม กรัชกายรู้ไหม?


ถ้าแน่จริงคิดว่าอธิบายได้อย่างอธิบายเรื่อง นิพพาน ก็ช่วยกรุณาอธิบาย รสเค็ม หรือความเค็ม ให้ทราบเป็นตัวหนังสือ หรือคำพูดก็ได้ครับ

ถ้าอธิบายได้ผมก็น่าจะช่วยอธิบาย นิพพาน ให้กรัชกาย ให้อ่าน ให้ฟังได้เช่นกัน




คนที่คิดอย่างคุณอโศก เขาเรียกว่า คนเพ้อฝัน เพ้อๆฝันๆเอาว่า จะเป็นนั่น เป็นนี่ นอนคิดอยู่ในมุ้งอยู่ในห้องน้ำ โดยไม่ลงมือทำเหตุ คิดจะเอาแต่ผล (สำเร็จ) โดยไม่ลงมือทำ อยากได้อยากมีอะไรก็คิดๆเอา เช่น อยากได้นิพพาน ก็คิดถึงนิพพาน ทำนองว่า เออ...นิพพานดีนะมีความสุข เขาว่าใครนิพพานแล้ว ไม่เกิดแก่เจ็บตาย ....ได้ยินได้ฟังมาอย่างนี้ ตัวก็อยากได้ อยากเอา อยากมี อยากเป็น อยากไปนิพพานมั่ง ...รำพึงรำพันกราบหมอนก่อนนอนอธิษฐานว่า ขอให้เราถึงนิพพานด้วยเถอะ ...

ถามจริงๆแล้วมันจะนิพพานไหมน่ะคิด-ทำอย่า่งนั้นนะอโศกหือ :b32:

:b16:
สรุปเอาเอง คิดเอาเอง ว่าใครๆก็คงเหมือนตัวเอง

รู้ได้ยังไงว่าอโศกะไม่ทำเหตุไม่ลงมือปฏิบัติ รู้ผิด คิดผิดแล้วครับ
แค่ฟังข้อสนทนาธรรมมาตั้งนานก็ยังไม่ฉุกใจรู้ได้ว่า

ธรรมะที่แสดงออกจากใจ กับธรรมะที่ลอกตำรามาแสดงมันต่างกันแค่ไหน ลองย้อนกลับไปสังเกตพิจารณาใหม่ให้ดีๆนะครับ
คำพูดที่ว่ามาทั้งหมดนั้นมันคืนกลับไปเข้าตัวกรัชกายทั้งหมดเลย

เพราะไม่เคยแสดงสภาวะที่เคยเกิดกับตัวกับใจของตนเองอย่างชัดแจ้ง มีแต่ไปลอกสภาวะผู้อื่นมาถามมาคุยตลอดมา
ประยุกต์เอาความรู้จากตำรามาใช้เองก็ไม่เป็น

ตอบคำถามง่ายๆยังไม่ได้ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์เลยด้วยซ้ำ
s004


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.พ. 2014, 23:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รสเค็มนะรื....ตอบได้..ไม่เห็นยากเลย..อิอิ

อโสกะ...รู้จักรสเปรียว....รสหวาน...รสมัน...มั่ย?

ถ้ารู้จัก...

รสเค็ม....ก็รสที่พออโสกะซิมปั้บ...รสเปรียวก็ไม่ใช่...รสหวานก็ไม่ใช่....รสมันก็ไม่ใช่..นั้นละรสเค็ม
อิอิ


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.พ. 2014, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:



เกลือมีรส เค็ม
กรัชกายรู้ไหม?


ถามจริงๆนะขอรับ นิพพานที่คุณอโศกคิดถึงเนี่ย มันยังไงครับ บอกพอเห็นภาพ :b10:

:b12: :b12: :b12:
เขารู้กันมาตั้งนานแล้วหละลุง.........

ว่า นิพพาน นั้นเป็นเรื่องปัจจัตตัง แล้วกรัชกายจะถามอย่างนี้ทำไมนะ

วิธีที่จะไปสัมผัสนิพพาน พอจะอธิบายได้ แต่ "นิพพาน มันยังไงครับ" เนี้ยะคงต้องให้กรัชกาย

ตอบคำถามง่ายๆที่ถามไว้ก่อนซิ เกลือมีรส เค็ม กรัชกายรู้ไหม?


ถ้าแน่จริงคิดว่าอธิบายได้อย่างอธิบายเรื่อง นิพพาน ก็ช่วยกรุณาอธิบาย รสเค็ม หรือความเค็ม ให้ทราบเป็นตัวหนังสือ หรือคำพูดก็ได้ครับ

ถ้าอธิบายได้ผมก็น่าจะช่วยอธิบาย นิพพาน ให้กรัชกาย ให้อ่าน ให้ฟังได้เช่นกัน




คนที่คิดอย่างคุณอโศก เขาเรียกว่า คนเพ้อฝัน เพ้อๆฝันๆเอาว่า จะเป็นนั่น เป็นนี่ นอนคิดอยู่ในมุ้งอยู่ในห้องน้ำ โดยไม่ลงมือทำเหตุ คิดจะเอาแต่ผล (สำเร็จ) โดยไม่ลงมือทำ อยากได้อยากมีอะไรก็คิดๆเอา เช่น อยากได้นิพพาน ก็คิดถึงนิพพาน ทำนองว่า เออ...นิพพานดีนะมีความสุข เขาว่าใครนิพพานแล้ว ไม่เกิดแก่เจ็บตาย ....ได้ยินได้ฟังมาอย่างนี้ ตัวก็อยากได้ อยากเอา อยากมี อยากเป็น อยากไปนิพพานมั่ง ...รำพึงรำพันกราบหมอนก่อนนอนอธิษฐานว่า ขอให้เราถึงนิพพานด้วยเถอะ ...

ถามจริงๆแล้วมันจะนิพพานไหมน่ะคิด-ทำอย่า่งนั้นนะอโศกหือ :b32:

:b16:
สรุปเอาเอง คิดเอาเอง ว่าใครๆก็คงเหมือนตัวเอง

รู้ได้ยังไงว่าอโศกะไม่ทำเหตุไม่ลงมือปฏิบัติ รู้ผิด คิดผิดแล้วครับ
แค่ฟังข้อสนทนาธรรมมาตั้งนานก็ยังไม่ฉุกใจรู้ได้ว่า

ธรรมะที่แสดงออกจากใจ กับธรรมะที่ลอกตำรามาแสดงมันต่างกันแค่ไหน ลองย้อนกลับไปสังเกตพิจารณาใหม่ให้ดีๆนะครับ
คำพูดที่ว่ามาทั้งหมดนั้นมันคืนกลับไปเข้าตัวกรัชกายทั้งหมดเลย

เพราะไม่เคยแสดงสภาวะที่เคยเกิดกับตัวกับใจของตนเองอย่างชัดแจ้ง มีแต่ไปลอกสภาวะผู้อื่นมาถามมาคุยตลอดมา
ประยุกต์เอาความรู้จากตำรามาใช้เองก็ไม่เป็น

ตอบคำถามง่ายๆยังไม่ได้ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์เลยด้วยซ้ำ
s004


ถามสั้นๆนะขอรับ ธรรมะ ที่อโศกว่า ได้แก่ อะไร เอาชัดๆครับ

สภาวะ หมายถึงอะไร :b1:


ถามจริงๆนะ ไม่เกลือ ไม่มะนาว นะเนี่ยนะ :b1:

อ้างคำพูด:
คือว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริมเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆ ค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานเการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ



อโศกจะบอกลูกศิษย์ในสำนักว่ายังไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.พ. 2014, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1375241010-1370203825-o.gif
1375241010-1370203825-o.gif [ 497.16 KiB | เปิดดู 3286 ครั้ง ]
อโศกขอรับ คิกๆๆ

เอาไงดีครับ จะแนะนำศิษย์ในสำนักตนเองยังไง :b10:


อ้างคำพูด:
สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกใหม่นะคะ คือเริ่มฝึกนั่งสมาธิได้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ได้ค่ะคือไม่ได้นั่งเพื่อให้บรรลุหรือว่าอะไรนะคะ คืออยากให้จิตสงบเท่านั้น แต่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ก็เริ่มได้ยินเสียงเหมือนพระสวดดังที่ข้างหูตลอดเวลา ตอนแรกนึกว่าหูอื้อ แต่มันไม่ใช่ค่ะ กระทั่งตอนนี้ก็ยังได้ยินอยู่ คืออยากขอคำแนะนำค่ะว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไปและเสียงที่ได้ยินอยู่นี่ มันดีหรือไม่ดีคะ
ปล. อยู่ต่างประเทศค่ะจึงมั่นใจว่าไม่ใช่เสียงจากวัดแน่นอน ขอบคุณค่ะ


ไม่ได้เอามาจากตำรานะ แต่ถ้าดูตำราเป็น มันก็อยู่ในตำรานั่นแหละ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 02 ก.พ. 2014, 22:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
รสเค็มนะรื....ตอบได้..ไม่เห็นยากเลย..อิอิ

อโสกะ...รู้จักรสเปรียว....รสหวาน...รสมัน...มั่ย?

ถ้ารู้จัก...

รสเค็ม....ก็รสที่พออโสกะซิมปั้บ...รสเปรียวก็ไม่ใช่...รสหวานก็ไม่ใช่....รสมันก็ไม่ใช่..นั้นละรสเค็ม
อิอิ

:b12: 55555555
นี่คือการตอบแบบกบ
:b12:


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.พ. 2014, 23:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีความเห็นว่า...พระพุทธองค์...ทรงสอน.สิ่งที่เราๆไม่เคยรู้..คือนิพพาน...จากสิ่งที่เรารู้.เราเจอ...อยู่....
คือ..ทุกข์ทั้งหลาย.ไม่ได้พูดลอยๆ...อยู่แต่ในจิตนาการ....
แต่ให้เราสังเกตุสิ่งที่เรารู้ได้....ค่อยๆตัดสิ่งที่เรารู้ออกทีละอย่าง..ทีละอย่าง...เหมือนสาวเชือก.สุดปลายเชือกเมื่อไร..ก็รู้ลักษณะของจุดหมายปลายทางเอง...
หากจะพูดถึงรสเค็ม..ที่คนอื่นไม่รู้จัก...ก็ให้เขาตัดรสที่เขารู้จักออกทั้งหมด...ซะ...หากยังไม่รู้รสอื่นหมด...ก็ต้องเรียนรู้ซะก่อน..เหมือนเราต้องมารู้ทุกข์...ให้แจ่มแจ้งนั้นแหละ...ไม่งั้นก็ไม่รู้จักสุขหรอก..


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.พ. 2014, 04:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอโศกมองข้ามที่กรัชกายถามได้ยังไงขอรับ ก็เห็นๆอยู่นั่นน่ะ :b1:

...ลองหลายทีรู้แล้วว่าไม่รู้ นั่นแหละครับ พื้นฐานของชีวิต หรือธรรมะหรือธรรมชาติ (ล้วนๆ) ถ้ายังจำได้ เคยว่าว่าชีวิตอุปมาเหมือนเหรียญมีสองด้าน ด้านหนึ่งสำหรับปฏิบัติต่อกัน อีกด้านหนึ่งสำหรับรู้เท่าทัน นั่นด้านสำหรับรู้เท่าทัน แล้วบอกต่อว่า "พึงรู้เห็นตามที่มันเป็น มิใช่รู้เห็นตามที่ตัวเองอยากให้มันเป็น"



ธรรมชาติของจิต ถ้าปล่อยให้มันคิดๆ มันก็คิดเพ้อๆฝันๆได้ทั้งวันทั้งคืน บางปัญหามันคิดจน (เจ้าของ) ปวดตับ พระพุทธเจ้า จึงแนะนำสาวกของพระองค์ว่า พึงฝึกอบรมจิตให้เชื่องฝึกให้เกิดปัญญา แล้วก็รับรองว่า จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้

พูดนะง่ายไม่ยาก นั่นๆนี่ๆโน่นๆฟุ้งไป แต่การลงมือทำเนี่ยะยากไม่ใช่เรื่องง่าย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.พ. 2014, 20:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมมีความเห็นว่า...พระพุทธองค์...ทรงสอน.สิ่งที่เราๆไม่เคยรู้..คือนิพพาน...จากสิ่งที่เรารู้.เราเจอ...อยู่....
คือ..ทุกข์ทั้งหลาย.ไม่ได้พูดลอยๆ...อยู่แต่ในจิตนาการ....
แต่ให้เราสังเกตุสิ่งที่เรารู้ได้....ค่อยๆตัดสิ่งที่เรารู้ออกทีละอย่าง..ทีละอย่าง...เหมือนสาวเชือก.สุดปลายเชือกเมื่อไร..ก็รู้ลักษณะของจุดหมายปลายทางเอง...
หากจะพูดถึงรสเค็ม..ที่คนอื่นไม่รู้จัก...ก็ให้เขาตัดรสที่เขารู้จักออกทั้งหมด...ซะ...หากยังไม่รู้รสอื่นหมด...ก็ต้องเรียนรู้ซะก่อน..เหมือนเราต้องมารู้ทุกข์...ให้แจ่มแจ้งนั้นแหละ...ไม่งั้นก็ไม่รู้จักสุขหรอก..

:b12:
แทนที่จะไปเสียเวลาเรียนรู้รสอื่นให้ครบเสียก่อนจึงจะได้รู้ว่ารสที่ยังไม่ไดรู้คือรสเค็ม

เปลี่ยนมาเป็นบอกเขาคนนั้นว่า

"อยากรู้จักรสเค็มรึ๊อ.....หาเกลือมาใส่ปากสักเม็ดซิ"

ถ้าคนๆนั้นยอมเชื่อและลงมือปฏิบัติ เขาจะได้สัมผัสและรู้จักรสเค็มทันที โดยไม่ต้องอธิบาย
onion
อุทาหรณ์ในเรื่องง่ายๆที่เรากำลังคุยกันนี้ เป็นตัวอย่างชี้ให้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากสำคัญผิดว่าต้องรู้เรื่องธรรมะให้มากๆทั่วถึงรอบด้านจนเหมือนหนอนชอนคัมภีร์ จึงจะได้มีโอกาสบรรลุธรรม สัมผัสนิพพาน

นักวิชาการเหล่านี้จึงมาทำให้ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนอันเป็นเรื่องปฏิกิริยาธรรมชาติง่ายๆในกายและจิต กลายเป็นเรื่องยากและสูงส่ง ล้นพ้นจนเกินวิสัยของคนธรรมดาตาสีตาสายายมายายมีทั้งหลายจะมีโอกาสเข้าใจ ลงมือปฏิบัติได้และบรรลุธรรม
onion


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.พ. 2014, 21:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกมองข้ามที่กรัชกายถามได้ยังไงขอรับ ก็เห็นๆอยู่นั่นน่ะ :b1:

...ลองหลายทีรู้แล้วว่าไม่รู้ นั่นแหละครับ พื้นฐานของชีวิต หรือธรรมะหรือธรรมชาติ (ล้วนๆ) ถ้ายังจำได้ เคยว่าว่าชีวิตอุปมาเหมือนเหรียญมีสองด้าน ด้านหนึ่งสำหรับปฏิบัติต่อกัน อีกด้านหนึ่งสำหรับรู้เท่าทัน นั่นด้านสำหรับรู้เท่าทัน แล้วบอกต่อว่า "พึงรู้เห็นตามที่มันเป็น มิใช่รู้เห็นตามที่ตัวเองอยากให้มันเป็น"



ธรรมชาติของจิต ถ้าปล่อยให้มันคิดๆ มันก็คิดเพ้อๆฝันๆได้ทั้งวันทั้งคืน บางปัญหามันคิดจน (เจ้าของ) ปวดตับ พระพุทธเจ้า จึงแนะนำสาวกของพระองค์ว่า พึงฝึกอบรมจิตให้เชื่องฝึกให้เกิดปัญญา แล้วก็รับรองว่า จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้

พูดนะง่ายไม่ยาก นั่นๆนี่ๆโน่นๆฟุ้งไป แต่การลงมือทำเนี่ยะยากไม่ใช่เรื่องง่าย :b1:

:b12:
เพราะกรัชกายมัวฟุ้งอยู่กับความรู้แบบนักวิชาการ ไม่ตั้งใจจะลงมือปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจังอย่างต่อเนื่องกับความรู้ทางธรรมอะไรสักอย่างที่เลือกเฟ้นมาดีแล้วว่าเหมาะสม ตรงกับจริต นิสัย บุญ วาสนาบารมีของตนเองที่สุด

รู้ธรรมมากมายแต่ไม่ยอมลงมือปฏิบัติ พิสูจน์ธรรมอย่างจริงจังสักที จึงมีแต่ปัญหาที่แก้ไขด้วยตนเองไม่ได้ ชอบเอาไปถามคนโน้นคนนี้ไปทั่ว

กรัชกายรู้หรือเปล่าว่าตอนที่อโศกะศึกษาแลปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้นนั้นเป็นอย่างไรจะลองฟังดูไว้เป็นตัวอย่างสักสองสามเรื่องไหม

1.ถูกคุณพ่อพาไปฝึกนั่งพองหนอยุบหนอในสำนักวิปัสสนากรรมฐานตั้งแต่ตอนอายุ 8-9 ขวบ

2.สมัครเข้าปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาสายพองหนอยุบหนอตอนช่วงปิดเทอมปลาย 4-5 ครั้งๆละ 12-18 วัน

3.ตอนทำงาน ลาบวชแต่อยู่ปฏิบัติธรรมต่อเนื่องในห้องกรรมฐานเกือบ 3 เดือน ที่วัดน้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง ปิดภาคปลายไปเข้าหลักสูตรระยะสั้นกับอาจารย์ทองวัดตะโปธาราม อีก 13 วัน

4.ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์รัตน รัตนญาโณ 2 ปี

5.ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์อริยวังโส(ไทยใหญ่)
2 ปี

6.ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อพุทธวาที พม่า 2 ปี

7.ศึกษา ปฏิบัติข้อวัตร สร้างวัดสาขาที่ 71 ของหลวงปู่ชา หนองป่าพง 8-10ปี

8.ศึกษาและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อในสายท่านอาจารย์โกเอ็นก้า 2 ปีจนได้เข้าคอร์ส 20 วัน 1 ครั้ง

9.ศึกษา ปฏิบัติและช่วยงานสอนวิปัสสนาภาวนากับหลวงพ่อธี วิจิตตธัมโม 5 ปี

10.ตอนนี้พอแล้วและสรุปตนเองลงมาศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนตรงจากหลวงพ่อพระสมณะโคดมพุทธเจ้า เอาอริยสัจ 4 มรค 8 อนัตตา โพธิปักขิยธรรม 37 ประการเป็นหลัก ที่พึ่งทางใจเจริญมรรค 8 หรือวิปัสสนาภาวนาไปดังที่ได้สรุปไว้เป็นหลักปฏิบัติประจำตัวแสดงไว้หลายกระทู้จะลองจำเอาไปทดลองทำดูก็ได้นะครับ

งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

สำรวมกาย ใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนละความเห็นผิดว่ากาย ใจ นี้ เป็นอัตตา ตัวกู ของกู

พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กาย ใจ นี้ เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู

ทุกว้ัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส

หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญา อย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กู จะถอย และตายดับ ไปจากใจ
onion

4.
อ่


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.พ. 2014, 21:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
แทนที่จะไปเสียเวลาเรียนรู้รสอื่นให้ครบเสียก่อนจึงจะได้รู้ว่ารสที่ยังไม่ไดรู้คือรสเค็ม

เปลี่ยนมาเป็นบอกเขาคนนั้นว่า

"อยากรู้จักรสเค็มรึ๊อ.....หาเกลือมาใส่ปากสักเม็ดซิ"

ถ้าคนๆนั้นยอมเชื่อและลงมือปฏิบัติ เขาจะได้สัมผัสและรู้จักรสเค็มทันที โดยไม่ต้องอธิบาย
onion
อุทาหรณ์ในเรื่องง่ายๆที่เรากำลังคุยกันนี้ เป็นตัวอย่างชี้ให้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากสำคัญผิดว่าต้องรู้เรื่องธรรมะให้มากๆทั่วถึงรอบด้านจนเหมือนหนอนชอนคัมภีร์ จึงจะได้มีโอกาสบรรลุธรรม สัมผัสนิพพาน

นักวิชาการเหล่านี้จึงมาทำให้ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนอันเป็นเรื่องปฏิกิริยาธรรมชาติง่ายๆในกายและจิต กลายเป็นเรื่องยากและสูงส่ง ล้นพ้นจนเกินวิสัยของคนธรรมดาตาสีตาสายายมายายมีทั้งหลายจะมีโอกาสเข้าใจ ลงมือปฏิบัติได้และบรรลุธรรม
onion


พระองค์ไม่สอนมรรค 8 ทันทีเลย..หากท่านไม่รู้จักทุกข์ซะก่อน...

อย่าไปมีปัญหากับนักเรียน..นักวิชาการอะไรนั้นเลยครับ..ทุกๆคนมีทุกข์เป็นของเฉพาะตนเพื่อให้ตนได้เรียนรู้
มันเป็นของเฉพาะตน....จึงว่าใครไม่ได้...ว่าตัวเราดีที่สุด


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.พ. 2014, 22:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
แทนที่จะไปเสียเวลาเรียนรู้รสอื่นให้ครบเสียก่อนจึงจะได้รู้ว่ารสที่ยังไม่ไดรู้คือรสเค็ม

เปลี่ยนมาเป็นบอกเขาคนนั้นว่า

"อยากรู้จักรสเค็มรึ๊อ.....หาเกลือมาใส่ปากสักเม็ดซิ"

ถ้าคนๆนั้นยอมเชื่อและลงมือปฏิบัติ เขาจะได้สัมผัสและรู้จักรสเค็มทันที โดยไม่ต้องอธิบาย
onion
อุทาหรณ์ในเรื่องง่ายๆที่เรากำลังคุยกันนี้ เป็นตัวอย่างชี้ให้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากสำคัญผิดว่าต้องรู้เรื่องธรรมะให้มากๆทั่วถึงรอบด้านจนเหมือนหนอนชอนคัมภีร์ จึงจะได้มีโอกาสบรรลุธรรม สัมผัสนิพพาน

นักวิชาการเหล่านี้จึงมาทำให้ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนอันเป็นเรื่องปฏิกิริยาธรรมชาติง่ายๆในกายและจิต กลายเป็นเรื่องยากและสูงส่ง ล้นพ้นจนเกินวิสัยของคนธรรมดาตาสีตาสายายมายายมีทั้งหลายจะมีโอกาสเข้าใจ ลงมือปฏิบัติได้และบรรลุธรรม
onion


พระองค์ไม่สอนมรรค 8 ทันทีเลย..หากท่านไม่รู้จักทุกข์ซะก่อน...

อย่าไปมีปัญหากับนักเรียน..นักวิชาการอะไรนั้นเลยครับ..ทุกๆคนมีทุกข์เป็นของเฉพาะตนเพื่อให้ตนได้เรียนรู้
มันเป็นของเฉพาะตน....จึงว่าใครไม่ได้...ว่าตัวเราดีที่สุด

:b12:
คุณกบจำเหตการณ์วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาได้ไหมครับ(จากการอ่านพระสูตร)

พระบรมศาสดาทรงแสดงทางสายกลางก่อนทีจะทรงแสดงอริยสัจ 4 ใช่ไหมครับ?
:b16:
อนึ่ง...การว่านักวิชาการ กับการให้สตินักวิชาการนั้น เจตนาต่างกันมากจริงๆเลยนะครับ โปรดพิจารณา
smiley


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 91 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron