วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 12:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 139 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2014, 11:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


ใช่ครับ นี่คือความจริงที่รูปนามนี้มีแต่ทุกข์ แต่ทึ่คุณพบยังเป็นทุกข์เเบื้องต้น คือเป็นไตรลักษณ์รอบเล็ก หากสะสมกำลังของไตรลักษณ์รอบเล็กอย่างต่อเนื่อง ก็จะเข้าสู่ไตรลักษณ์รอบใหญ่
สำหรับไตรลักษ์แบบminiคือการวนรอบของสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เมื่อรู้ก็จะเห็นความดับไป(อนิจจัง)พร้อมปลดปล่อยพลังงานที่สะสม(ทุกขัง)ออกมาและเกิด ความโปร่งชั่วขณะ(อนัตตา) ไตรลักษณ์รอบเล็กๆนี้ ทั้งที่เป็นไตรลักษณ์แล้ว แต่หากพิจารณาการวนรอบตลอดเวลาที่กำหนดรู้ ก็จะพบความจริงระดับลึกคือไตรลักษณ์รอบใหญ่ ดังนั้นไตรลักษณ์รอบเล็กนี้แท้จริงอาจเรียกว่าเป็นสภาวะอนิจจังของรอบใหญ่ ทุกขังที่ใหญ่กว่า ฃึ่งเป็นความจริงระดับที่สะสมในภวังจิต(นาม)และสารอินทรีย์เคมีที่สะสมในไชกระดูก ยังรอการพิสูจน์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2014, 13:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s006
:b8: :b8: :b8:
ปัจจัตตัง :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2014, 20:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
ขอสอบถามการปฏิบัติ
ดิฉันปฏิบัติมาได้หลายปีแล้ว
ฝึกเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์
เกิดสภาวะธรรมเกิดดับ รู้อยู่ ตามลำดับ (ขึ้นฐานจิต)
สภาวะธรรมเกิดดับครั้งล่าสุด คือ ตอนนอนหลับ
ขณะกำลังฝัน จิตรู้ตัว ว่ากำลังฝัน และขยับออกจากฝัน
ฝันดับ ขาดสบั้น ออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่
ต่อมามีปัญหาอยู่ว่า....
รู้ทันความฝัน ได้ไม่กี่ครั้งที่มีอาการรู้ทัน
หลังจากครั้งนั้นเป็นต้นมา (สองปีจนถึงปัจจุัับัน)
จิตก็ไม่ยอมตามรู้ตามดู สภาวะที่เกิดดับในกายในจิต ในชีวิตประจำวันอีกเลย
จึงอยากสอบถาม ผู้รู้ ในเว็บแห่งนี้ ว่าจะดำเนินวิถีอย่างไรต่อไป
ขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้
:b8:

:b8:
อ้างคำพูด:
เกิดสภาวะธรรมเกิดดับ รู้อยู่ ตามลำดับ (ขึ้นฐานจิต)
สภาวะธรรมเกิดดับครั้งล่าสุด คือ ตอนนอนหลับ
ขณะกำลังฝัน จิตรู้ตัว ว่ากำลังฝัน และขยับออกจากฝัน
ฝันดับ ขาดสบั้น ออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่

:b27:
คุณสองใจ ส่งอารมณ์หรือการบ้านมาไม่ละเอียดครอบคลุมปรากฏการณ์ทั้งหมด จึงวิเคราะห์ วิตกวิจารณ์ วินิจฉัยได้ยากสักหน่อย

จากข้อความที่คัดและยกมา พอวิตกวิจารณ์ได้เลาๆว่า

1.เพราะฝึกเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์...คุณจึงรอดพ้นจากการติดในรูปแบบวิธีปฏิบัติต่างๆที่นิยมกัน แต่กลับไปเกิดการเจริญวิปัสสนาภาวนาโดยธรรมชาติโดยไม่รู้ว่านั่นคือการเจริญวิปัสสนาภาวนา

2.เกิด ดับ รู้อยู่ ถ้าว่าตามญาณวิปัสสนาภาวนา คืออุทธัพยญาณ ญาณเห็นการเกิดดับของ รูป นาม ซึ่งเป็นญาณวิปัสสนาที่ 4 ของญาณ 16

3.เกิดดับครั้งล่าสุด มีสติรู้ทันว่ากำลัง ฝัน ฝันดับ.......ขาดสะบั้น......
ตรงนี้สำคัญ.....ที่จะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต (แต่รายละเอียดน้อยไป)

4."ออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่"....อันนี้เป็นเรื่องของผลอย่างหนึ่งที่อาจเกิดได้กับผู้มีเหตุปัจจัยสร้างสมมา เมื่อรีเซทจิตใจตนเองได้แล้ว มีผลแปลกแตกต่างกันออกไปตามนิสัย วาสนา บารมีของแต่ละท่านแต่ละคน

5.สภาวธรรมและอารมณ์อย่างนี้ควรได้พบกับครูบาอาจารย์กัลยาณมิตร ที่รู้จริงถึงจริงเพื่อพิสูจน์ธรรม ว่าความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นเพราะอะไรแน่(ภาษานักภาวนา เรียกว่าลองททททททวนญาณดู)

สิ่งที่น่าจะไปปัจจเวก คือพิจารณาย้อนกลับว่า

หลังจากเห็นกาย ใจ รูป นาม แยกออกจากกันเป็นคนละคนแล้ว มีอาการอะไรที่ไม่เคยได้พบได้เจอมาก่อนในชีวิตเกิดกับกายและจิตอีกบ้าง เช่น ในกายเหมือนกลวงๆหาผู้รับรู้ ตอบโต้ไม่เจอ....

ตอนฝันขาดสะบั้น มีอาการอะไรแทรกซ้อนขึ้นในระหว่างบ้างที่ไม่ได้นำมาพูด

ฯลฯ ต้องคุยรายละเอียดกันอีกสักหน่อยเพื่อวินิจฉัยหรือแนะนำต่อยอดไปอีกครับ
:b8:
:b27:
ความเห็นตอนหลังท้ายๆ ที่ว่ามันไม่ต้องไปรู้เกิดดับในชีวิตประจำวันอีก ได้ 2 ปี มาแล้ว

ความรู้สึกหรือปฏิกิริยาตอบโต้กับผัสสะ เปลี่ยนไป ไม่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ มีแต่ รู้ทัน และเหตุผล ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้น่านำมาเล่า ศึกษา และพูดคุยวิตกวิจารณ์กันเพื่อเป็นธรรมทัศนะ
:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 07:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
สองใจ เขียน:
ขอสอบถามการปฏิบัติ
ดิฉันปฏิบัติมาได้หลายปีแล้ว
ฝึกเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์
เกิดสภาวะธรรมเกิดดับ รู้อยู่ ตามลำดับ (ขึ้นฐานจิต)
สภาวะธรรมเกิดดับครั้งล่าสุด คือ ตอนนอนหลับ
ขณะกำลังฝัน จิตรู้ตัว ว่ากำลังฝัน และขยับออกจากฝัน
ฝันดับ ขาดสบั้น ออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่
ต่อมามีปัญหาอยู่ว่า....
รู้ทันความฝัน ได้ไม่กี่ครั้งที่มีอาการรู้ทัน
หลังจากครั้งนั้นเป็นต้นมา (สองปีจนถึงปัจจุัับัน)
จิตก็ไม่ยอมตามรู้ตามดู สภาวะที่เกิดดับในกายในจิต ในชีวิตประจำวันอีกเลย
จึงอยากสอบถาม ผู้รู้ ในเว็บแห่งนี้ ว่าจะดำเนินวิถีอย่างไรต่อไป
ขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้
:b8:

:b8:
อ้างคำพูด:
เกิดสภาวะธรรมเกิดดับ รู้อยู่ ตามลำดับ (ขึ้นฐานจิต)
สภาวะธรรมเกิดดับครั้งล่าสุด คือ ตอนนอนหลับ
ขณะกำลังฝัน จิตรู้ตัว ว่ากำลังฝัน และขยับออกจากฝัน
ฝันดับ ขาดสบั้น ออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่

:b27:
คุณสองใจ ส่งอารมณ์หรือการบ้านมาไม่ละเอียดครอบคลุมปรากฏการณ์ทั้งหมด จึงวิเคราะห์ วิตกวิจารณ์ วินิจฉัยได้ยากสักหน่อย

จากข้อความที่คัดและยกมา พอวิตกวิจารณ์ได้เลาๆว่า

1.เพราะฝึกเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์...คุณจึงรอดพ้นจากการติดในรูปแบบวิธีปฏิบัติต่างๆที่นิยมกัน แต่กลับไปเกิดการเจริญวิปัสสนาภาวนาโดยธรรมชาติโดยไม่รู้ว่านั่นคือการเจริญวิปัสสนาภาวนา


มันมั่วแต่เริ่มแล้ว....คุณสองแกกำลังหลงไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นการปฏิบัติ
โสกะก็ไม่รู้อาการของคุณสองแก แต่ด้วยเพราะอยากอวดภูมิ(อวดเก่ง)ทั้งๆที่ตัวก็ไม่รู้
เลยไปมั่วเอาคำศัพท์ธรรมะมาพูด เพื่อให้คุณสองแกทึ่งเชื่อถือ ....ทั้งๆที่มันไม่ได้เป็น
แบบที่โสกะกำลังโม้แม้แต่น้อย
:b32:

สิ่งที่เกิดกับจขกท....มันไม่ใช่วิปัสสนาภาวนา โสกะก็มั่วเอามาตอบ....
แบบนี้ท่านว่าปากไม่มีหูรูดครับ

ตั้งแต่เริ่มก็รู้แล้วว่าคุณสองจขกท เข้าใจผิดคลาดเคลื่อนอย่างมาก.....
แค่บอกว่า เห็นสภาวะเกิดดับนี่มันก็ผิดจากความเป็นจริงแล้ว
แต่ดันมีคนอวดเก่งเข้ามาสอน ฉอดๆๆๆๆ แทนที่จะชี้ว่าอะไรผิดอะไรถูก
ที่ไม่ชี้ก็เพราะคนสอนมันก็ไม่รู้เหมือนกัน :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 09:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
2.เกิด ดับ รู้อยู่ ถ้าว่าตามญาณวิปัสสนาภาวนา คืออุทธัพยญาณ ญาณเห็นการเกิดดับของ รูป นาม ซึ่งเป็นญาณวิปัสสนาที่ 4 ของญาณ 16


โสกะไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยนิสัยขี้โม้คุยโต เลยไปเอาบัญญัติมาใช้ผิดลักษณะ
การกระทำของคุณสองยังเป็นในขั้นโลกียะ(เรื่องถูกผิดขอเว้นไว้)

ถ้าการกระทำวิปัสสนาในขั้นของโลกีย์ญาน ท่านเรียกว่า...วิปัสสนาญาณ๙
และในวิปัสสนาญาน๙....ท่านนับอุทธัพยญาณเป็นญาณ๑ :b32:

asoka เขียน:
3.เกิดดับครั้งล่าสุด มีสติรู้ทันว่ากำลัง ฝัน ฝันดับ.......ขาดสะบั้น......
ตรงนี้สำคัญ.....ที่จะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต (แต่รายละเอียดน้อยไป)


จะเป็นฝันหรือไม่ฝัน ก็ล้วนเป็นความคิด สมองที่ยังทำงานตอนนอนหลับเขาเรียก....ความฝัน
ถ้าสมองทำงานตอนตื่นเขาเรียก....ความคิด

ที่สมองยังทำงานตอนหลับ เพราะเราหลับไม่สนิท ถ้าเราหลับสนิท
จะไม่มีความฝันเกิดขึ้น เราเรียกว่า....ภวังคจิต

โสกะอย่าพยายามทำเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ ให้กลายเป็นเรื่องอิทธิฤทธิ์จักรๆวงศ์
คำพูดแบบนี้ใช้ได้กับเด็กอนุบาลเท่านั้น
:b32:

asoka เขียน:
4."ออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่"....อันนี้เป็นเรื่องของผลอย่างหนึ่งที่อาจเกิดได้กับผู้มีเหตุปัจจัยสร้างสมมา เมื่อรีเซทจิตใจตนเองได้แล้ว มีผลแปลกแตกต่างกันออกไปตามนิสัย วาสนา บารมีของแต่ละท่านแต่ละคน


เลอะเทอะ! ออกมาเป็นผู้รู้ ดูร่างกายกำลังหลับหายใจ
ออกมาเป็นผู้รู้แล้วร่างกายยังหายใจได้...จะเอาฮาไปถึงไหนโสกะ

สัตว์โลกถ้าลองจิตผู้รู้ออกจากร่าง มันก็ไม่หายใจเท่านั้นแหล่ะ
หมายความว่า.....
ตาย
โสกะนี่มันเสกสรรปั้นแต่งคำพูด เหมือนคนไข้ในโรงพยาบาลจิตเวชจริงๆ :b32:

asoka เขียน:
5.สภาวธรรมและอารมณ์อย่างนี้ควรได้พบกับครูบาอาจารย์กัลยาณมิตร ที่รู้จริงถึงจริงเพื่อพิสูจน์ธรรม ว่าความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นเพราะอะไรแน่(ภาษานักภาวนา เรียกว่าลองททททททวนญาณดู)


จะไปหาทำไม ปะเดี๋ยวเจอแบบโสกะชวนขึ้นเขาเข้าถ้ำ ได้ไม่คุ้มเสีย
ดีไม่ดีสติแตก ปล่อยตัวเป็นยัยเพิ้ง เหาเต็มหัว นึกว่าตัวเองบรรลุ
แล้วลองของกระโดดลงมาจากเขา ได้เป็นอรหันต์สมใจ คือหัวกับตัวหันไปหันมาคนล่ะฝัง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 10:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
ที่ดิฉันเข้ามาตั้งกระทู้ถามนี้
มิได้มีเจตนาในการทำให้เกิดการสนทนาอะไรที่ไม่เป็นไปเพื่อการปฏิบัติ
หรือเพื่อ เปิดช่องให้เกิดการสบประมาทกันหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดอกุศล
จริงอยู่ ที่อ่านอยู่นี้เป็นตัวหนังสือ แต่เมื่อผู้อ่านได้อ่านจนรับรุ้เนื้อความ
ก็สามารถเกิดปรุงแต่งจิต เป็นทั้งกุศลและอกุศลได้
ดังนั้น ดิฉันขอให้ผู้มีคุณความรู้ทั้่งหลาย
จงเมตตาดิฉัน ซึ่งเป็นผู้ตาบอดมืดมิด คลำหาหนทางออกจากทุกข์ด้วยเถิด
ขอให้ทุกคำแนะนำ เป็นไปเพื่อการปฏิบัติออกจากทุกข์เถิด :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
ขอสอบถามการปฏิบัติ
ดิฉันปฏิบัติมาได้หลายปีแล้ว
ฝึกเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์
เกิดสภาวะธรรมเกิดดับ รู้อยู่ ตามลำดับ (ขึ้นฐานจิต)
สภาวะธรรมเกิดดับครั้งล่าสุด คือ ตอนนอนหลับ
ขณะกำลังฝัน จิตรู้ตัว ว่ากำลังฝัน และขยับออกจากฝัน
ฝันดับ ขาดสบั้น ออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่


เป็นความปกติของสภาวะ บางคนก็รู้ บางคนก็ไม่รู้

ถ้ารู้ว่า เป็นความปกติ จะไม่สงสัย

ถ้าไม่รู้ จะมีความสงสัย บางครั้ง ทำให้เกิดความติดใจ



สองใจ เขียน:
ต่อมามีปัญหาอยู่ว่า....
รู้ทันความฝัน ได้ไม่กี่ครั้งที่มีอาการรู้ทัน



ปัญหา ในที่นี้ หมายถึงอะไรหรือคะ?

ถ้าหมายถึง อยากให้เกิดขึ้นอีก นั่นคือ ความติดใจ



สองใจ เขียน:
หลังจากครั้งนั้นเป็นต้นมา (สองปีจนถึงปัจจุัับัน)
จิตก็ไม่ยอมตามรู้ตามดู สภาวะที่เกิดดับในกายในจิต ในชีวิตประจำวันอีกเลย



ที่บอกว่า "จิตก็ไม่ยอมตามรู้ตามดู สภาวะที่เกิดดับในกายในจิต ในชีวิตประจำวันอีกเลย"

หมายถึงอะไรหรือคะ?

คือ คำศัพท์ ที่นำมาพูดของแต่ละคน อาจจะรู้ แตกต่างกันไป

สำหรับวลัยพร ไม่เข้าใจ ในสิ่งที่คุณพูดมา ที่ว่า จิตไม่ยอมตามรู้ ตามดู สภาวะที่เกิดดับในกายในจิต อะไรนั่น

อาจจะเป็นคำตอบได้ว่า ทำไมคุณถึงพูดว่า ทำไมต้องตามรู้ ตามดูอะไรด้วย
คือ อาจจะหมายถึง คุณไปคอยจดจ้องดูสภาวะ ไม่ได้รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น แบบเป็นปกติ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
เริ่มจากการดูสภาวะเกิดดับค่ะ
เชน โกรธ รู้ว่าโกรธ โกรธมีสภาวะร้อน เมื่อเกิดขึ้นแล้วดับไป ตอนดับนี้ จิตรู้ว่าโกรธ ดับทันทีจิตสว่างวาบไปเลยค่ะ แต่ก็หลายๆ ครั้ง ก็เห็นแค่ เกิด แล้วตั้งอยู่นาน กว่าจะดับ ดับไปตอนไหนไม่ทราบ
แต่ก็ดูสภาวะ อื่นๆ ตามลักษณะเดียวกันนี้
เวลากินข้าว รับรู้รสอาหาร แต่ว่า ลิ้นกับจิต รสชาติ ความรู้สึก แยกออกจากกันเป็นคนละส่วนค่ะ อันนี้ ไม่ได้เห็นบ่อยหลอกค่ะ นานๆจะเห็นสักครั้ง
แต่สภาวะที่บอก ไม่ได้ไปจ้องดู ไม่ได้ตั้งใจจะดู เพียงตามรู้ตามดูค่ะ


ที่บอกว่าเป็นสภาวะเกิดดับนั้นน่ะ...คิดไปเอง
มันเป็นเพียงความคิด ถ้าจะให้พูดเป็นบัญญัติทางธรรมเรียกว่า.....มโนกรรม

เปลี่ยนวิธีปฏิบัติเสียใหม่ การปฏิบัติขอแค่มีสติสัมปชัญญะอยู่กับงานที่ทำ
การใช้ชีวิตประจำวัน เวลาโกรธก็รู้ว่าโกรธ(โมโห) เวลาโลภก็รู้ว่าโลภ(อยากได้)
หลงไปคิดฟุ้งซ่านก้รู้ว่าหลง(โมหะ).....นี่และเป็นหลักของวิปัสสนาภาวนา(ปุถุชน)โดยแท้
ปฏิบัติจนมีสมาธิได้บ่อยๆและนานๆ ไม่ช้าก็จะรู้ไตรลักษณ์ เห็นอารมณ์แสดง
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ต่อหน้าต่อตา

ไอ้ที่คุณบอกว่า "ไม่มีอาจารย์ คุณพูดผิดครับ เป็นเพราะคุณมีอาจารย์เยอะ
หมายความว่า ฟังคนนั้นนิดฟังคนนั้นหน่อย แล้วก็เก็บเอาไปคิดจนหลงผิดครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
ที่ดิฉันเข้ามาตั้งกระทู้ถามนี้
มิได้มีเจตนาในการทำให้เกิดการสนทนาอะไรที่ไม่เป็นไปเพื่อการปฏิบัติ
หรือเพื่อ เปิดช่องให้เกิดการสบประมาทกันหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดอกุศล
จริงอยู่ ที่อ่านอยู่นี้เป็นตัวหนังสือ แต่เมื่อผู้อ่านได้อ่านจนรับรุ้เนื้อความ
ก็สามารถเกิดปรุงแต่งจิต เป็นทั้งกุศลและอกุศลได้
ดังนั้น ดิฉันขอให้ผู้มีคุณความรู้ทั้่งหลาย
จงเมตตาดิฉัน ซึ่งเป็นผู้ตาบอดมืดมิด คลำหาหนทางออกจากทุกข์ด้วยเถิด
ขอให้ทุกคำแนะนำ เป็นไปเพื่อการปฏิบัติออกจากทุกข์เถิด :b8:


ไปสนใจคนอื่นทำไม.....สนใจแต่ที่กายใจตนเอง

รู้เพียงว่า อ่านความเห็นแล้ว เกิดอารมณ์ใดขึ้นที่ใจของตนก็พอ

อย่าเอาเรื่องของคนอื่นไปปรุงแต่งต่อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2014, 13:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบขอบพระคุณท่านผู้รู้ ที่แสดงธรรมให้ฟังค่ะ
หากจักขอความเมตตาอีกสักหน่อย
เรื่องสภาวะธรรม ตามที่ท่านผู้รู้เข้าใจ
ขยายความอีกได้หรือไม่ ว่าที่แท้แล้วนั้น สภาวะธรรมคืออะไร
ความโลภ โกรธ หลง ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และัดับไปนั้น
หรือ กุศล และอกุศล ที่เกิดดับนั้น รวมๆแล้ว ธรรมเหล่านั้น
เรียกว่า สภาวะธรรม ได้หรือไม่
ตามที่ดิฉันผู้มีตามืดบอด เข้าใจว่าธรรมเหล่านั้นที่มีความทนอยู่ไม่ได้ คือสภาวะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 06:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
กราบขอบพระคุณท่านผู้รู้ ที่แสดงธรรมให้ฟังค่ะ
หากจักขอความเมตตาอีกสักหน่อย
เรื่องสภาวะธรรม ตามที่ท่านผู้รู้เข้าใจ
ขยายความอีกได้หรือไม่ ว่าที่แท้แล้วนั้น สภาวะธรรมคืออะไร
ความโลภ โกรธ หลง ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และัดับไปนั้น
หรือ กุศล และอกุศล ที่เกิดดับนั้น รวมๆแล้ว ธรรมเหล่านั้น
เรียกว่า สภาวะธรรม ได้หรือไม่
ตามที่ดิฉันผู้มีตามืดบอด เข้าใจว่าธรรมเหล่านั้นที่มีความทนอยู่ไม่ได้ คือสภาวะ


สภาวะธรรมนั้น คือสภาวะต่างๆที่มีเหตุปัจจัยทำให้ปรากฎขึ้น แต่สภาวะธรรมทั้งหลายก็ตกอยูในกฎสามัญลักษณะ คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เพราะ ความเป็นทุกข์ ความเป็นอนิจจัง ความเป็นอนัตตา สภาวะธรรมที่เกิดขึ้นนั้น หากยังมีอวิชชา ก็จะถูกแปรผลเป็น ธรรมที่เป็นกุศล อกุศล หรือกลางๆ เพราะมีเหตุคืออารมณ์ โลภ โกรธ หลง สภาวะธรรมจึงเป็นเหตุผลต่อกัน หากต้องการที่จะศึกษาตัวเองหรือรู้ธรรมที่เกี่ยวกับตนเอง ก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับขันธ์5 ซึ่งจะทำให้เราจำแนกธรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยอาศัยนามรูปเข้าไปกำหนดรู้นั่นเอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2014, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาทุกๆท่านครับ :b46: :b8: :b8: :b8: :b46:

สองใจ เขียน:
ขอสอบถามการปฏิบัติ
ดิฉันปฏิบัติมาได้หลายปีแล้ว
ฝึกเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์

เกิดสภาวะธรรมเกิดดับ รู้อยู่ ตามลำดับ (ขึ้นฐานจิต)

หมายถึง ฝึกสติปัฏฐาน 4 ฐานกาย ฐานเวทนา มาก่อน ตอนนี้ขึ้นฐานจิต อ่านแล้วจับประเด็นไม่ค่อยเข้าใจครับ :b46:
หรือฝึกเน้นด้านฐานจิตมาตลอดในการฝึกครับ :b12:


สองใจ เขียน:
สภาวะธรรมเกิดดับครั้งล่าสุด คือ ตอนนอนหลับ
ขณะกำลังฝัน จิตรู้ตัว ว่ากำลังฝัน และขยับออกจากฝัน
ฝันดับ ขาดสบั้น ออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่
ต่อมามีปัญหาอยู่ว่า....
รู้ทันความฝัน ได้ไม่กี่ครั้งที่มีอาการรู้ทัน
หลังจากครั้งนั้นเป็นต้นมา (สองปีจนถึงปัจจุัับัน)


จิตก็ไม่ยอมตามรู้ตามดู สภาวะที่เกิดดับในกายในจิต ในชีวิตประจำวันอีกเลย

:b46: :b46: :b46: :b46: :b41:

เริ่มจากการดูสภาวะเกิดดับค่ะ
เชน โกรธ รู้ว่าโกรธ โกรธมีสภาวะร้อน เมื่อเกิดขึ้นแล้วดับไป ตอนดับนี้ จิตรู้ว่าโกรธ ดับทันทีจิตสว่างวาบไปเลยค่ะ แต่ก็หลายๆ ครั้ง ก็เห็นแค่ เกิด แล้วตั้งอยู่นาน กว่าจะดับ ดับไปตอนไหนไม่ทราบ
แต่ก็ดูสภาวะ อื่นๆ ตามลักษณะเดียวกันนี้
เวลา กินข้าว รับรู้รสอาหาร แต่ว่า ลิ้นกับจิต รสชาติ ความรู้สึก แยกออกจากกันเป็นคนละส่วนค่ะ อันนี้ ไม่ได้เห็นบ่อยหลอกค่ะ นานๆจะเห็นสักครั้ง
แต่สภาวะที่บอก ไม่ได้ไปจ้องดู ไม่ได้ตั้งใจจะดู เพียงตามรู้ตามดูค่ะ

หมายถึง จิตก็ไม่ยอมตามรู้ตามดู สภาวะที่เกิดดับในกายในจิต คือ ตอนหลับแล้วไม่เกิดลักษณะเดิมอีก จิตออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่ และลักษณะเดิมในชีวิตประจำวัน ที่จิตแยกออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูเอง
อ่านแล้วจับประเด็นไม่ค่อยเข้าใจครับ :b46:
หรือหมายถึง เปลี่ยนไปเป็นลักษณะอื่นๆครับ :b43:


สองใจ เขียน:
จึงอยากสอบถาม ผู้รู้ ในเว็บแห่งนี้ ว่าจะดำเนินวิถีอย่างไรต่อไป
ขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ :b8:

อนุโมทนาครับ :b46: :b8: :b8: :b8: :b46:

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2014, 20:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
ที่ดิฉันเข้ามาตั้งกระทู้ถามนี้
มิได้มีเจตนาในการทำให้เกิดการสนทนาอะไรที่ไม่เป็นไปเพื่อการปฏิบัติ
หรือเพื่อ เปิดช่องให้เกิดการสบประมาทกันหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดอกุศล
จริงอยู่ ที่อ่านอยู่นี้เป็นตัวหนังสือ แต่เมื่อผู้อ่านได้อ่านจนรับรุ้เนื้อความ
ก็สามารถเกิดปรุงแต่งจิต เป็นทั้งกุศลและอกุศลได้
ดังนั้น ดิฉันขอให้ผู้มีคุณความรู้ทั้่งหลาย
จงเมตตาดิฉัน ซึ่งเป็นผู้ตาบอดมืดมิด คลำหาหนทางออกจากทุกข์ด้วยเถิด
ขอให้ทุกคำแนะนำ เป็นไปเพื่อการปฏิบัติออกจากทุกข์เถิด :b8:

smiley smiley
น้องสองใจยังมีกำลังใจสู้ และติดตามดูกระทู้ตนเองอยู่นะครับ

คำถามและสภาวธรรมที่เกิดกับน้องนั้นดีมาก จนท่าน สุทธิญาณ ได้กรุณามาชี้แนะ

แต่อโศกะกลับมาทำให้กระทู้ของน้องสองใจแปดเปี้อนไปหน่อย ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะครับ
โดยความเป็นจริงอโศกะเคยเจอผู้ที่มีสภาวธรรมและอารมณ์คล้ายอย่างที่น้องสองใจเป็นอยู่ พอดีมีโอกาสได้สนทนาธรรมกันโดยละเอียดจึงได้ชี้แนะไปแล้วทำให้ท่านนั้นก้าวหน้าในธรรมยิ่งๆขึ้น จึงสนใจอยากสนทนาถามคำถามกับน้องสองใจไปอีกมากๆเพราะคิดว่าน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่เกิดการเจริญวิปัสสนาภาวนาโดยธรรมชาติแล้วก้าวหน้าในธรรม

แต่ เพราะวิบากกรรมของอโศกะยังมีค้างอยู่กับคนบางคนหรือ สองสามคนในลานนี้ จึงทำให้จะไปที่ใดตั้งกระทู้ใดในลานนี้ จะมีอันธพาล กับนักวิชาการสนใจไปวิตกวิจารณ์ความเห็นของอโศกะให้เป็นลบไปหมดดังที่น้องได้เห็น จึงต้องขออภัย แต่อย่าเพิ่งเสียใจหรือท้อแท้ นี่เป็นเพียงทางผ่านหรือแบบทดสอบที่ใครเข้ามาในลานนี้จะต้องพบเจอ ถ้าผ่านด่านนี้ไม่ได้หรือเกิดความเอือมระอาก็จะพาลไม่อยากเข้ามาศึกษาหาความรู้และสนทนาธรรมในลานธรรมจักรแห่งนี้ทำให้เสียโอกาสดีๆไปอีก

:b4: :b4: :b4:
สู้ ๆ ๆ ๆและ สังเกตการณ์ดูต่อไป หากคลื่นลมสงบ เมฆหมอกดำเคลื่อนคล้อยผ่านไป แสงสว่างแห่งธรรมก็จะฉายลงมาให้ได้เกิดความสว่างมองเห็นทางไปที่ถูกต้องยิ่งๆขึ้น
tongue tongue
น้องควรจะมีสภาวะ หรืออารมณ์ธรรมที่ยังไม่ได้พูด มาเรียนถามท่าน สุทธิญาณ อีกต่อไปนะครับมีสิ่งที่น่ารู้น่าสนใจมากจากคำตอบของท่านสุทธิญาณ อโศกะจะถอยหลังไปสังเกตการณ์ก่อน จนจนกว่าคลื่นลมจะสงบและน้องสองใจมีรายละเอียดอารมณ์ธรรมเพิ่มเติมมากกว่านี้ และมีช่องจะชี้แนะก็จะขออนุญาตเข้ามาสนทนาบ้างเป็นครั้งคราวนะครับ
:b27: :b27:
ขอให้เจริญสุขเจริญธรรมและมีกำลังใจประพฤติปฏิบัติธรรมต่อยอดไปจากที่ทำได้แล้วยิ่งๆขึ้นไปเทอญ
smiley
มีโอกาสก็ลองแวะเวียนไปเยี่ยมที่ลานธรรมตามลิ้งที่ฝากมานี้อีกแห่งหนึ่งก็อาจจะได้คำตอบที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและสุขเย็นด้วยนะครับ

http://larndham.org/index.php?/forum/24 ... %E0%B8%B0/
:b36:
:b37:


แก้ไขล่าสุดโดย asoka เมื่อ 19 ม.ค. 2014, 20:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2014, 20:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
ที่ดิฉันเข้ามาตั้งกระทู้ถามนี้
มิได้มีเจตนาในการทำให้เกิดการสนทนาอะไรที่ไม่เป็นไปเพื่อการปฏิบัติ
หรือเพื่อ เปิดช่องให้เกิดการสบประมาทกันหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดอกุศล
จริงอยู่ ที่อ่านอยู่นี้เป็นตัวหนังสือ แต่เมื่อผู้อ่านได้อ่านจนรับรุ้เนื้อความ
ก็สามารถเกิดปรุงแต่งจิต เป็นทั้งกุศลและอกุศลได้
ดังนั้น ดิฉันขอให้ผู้มีคุณความรู้ทั้่งหลาย
จงเมตตาดิฉัน ซึ่งเป็นผู้ตาบอดมืดมิด คลำหาหนทางออกจากทุกข์ด้วยเถิด
ขอให้ทุกคำแนะนำ เป็นไปเพื่อการปฏิบัติออกจากทุกข์เถิด :b8:

smiley smiley
น้องสองใจยังมีกำลังใจสู้ และติดตามดูกระทู้ตนเองอยู่นะครับ

คำถามและสภาวธรรมที่เกิดกับน้องนั้นดีมาก จนท่าน สุทธิญาณ ได้กรุณามาชี้แนะ

แต่อโศกะกลับมาทำให้กระทู้ของน้องสองใจแปดเปี้อนไปหน่อย ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะครับ
โดยความเป็นจริงอโศกะเคยเจอผู้ที่มีสภาวธรรมและอารมณ์คล้ายอย่างที่น้องสองใจเป็นอยู่ พอดีมีโอกาสได้สนทนาธรรมกันโดยละเอียดจึงได้ชี้แนะไปแล้วทำให้ท่านนั้นก้าวหน้าในธรรมยิ่งๆขึ้น จึงสนใจอยากสนทนาถามคำถามกับน้องสองใจไปอีกมากๆเพราะคิดว่าน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่เกิดการเจริญวิปัสสนาภาวนาโดยธรรมชาติแล้วก้าวหน้าในธรรม

แต่ เพราะวิบากกรรมของอโศกะยังมีค้างอยู่กับคนบางคนหรือ สองสามคนในลานนี้ จึงทำให้จะไปที่ใดตั้งกระทู้ใดในลานนี้ จะมีอันธพาล กับนักวิชาการสนใจไปวิตกวิจารณ์ความเห็นของอโศกะให้เป็นลบไปหมดดังที่น้องได้เห็น จึงต้องขออภัย แต่อย่าเพิ่งเสียใจหรือท้อแท้ นี่เป็นเพียงทางผ่านหรือแบบทดสอบที่ใครเข้ามาในลานนี้จะต้องพบเจอ ถ้าผ่านด่านนี้ไม่ได้หรือเกิดความเอือมระอาก็จะพาลไม่อยากเข้ามาศึกษาหาความรู้และสนทนาธรรมในลานธรรมจักรแห่งนี้ทำให้เสียโอกาสดีๆไปอีก

:b4: :b4: :b4:
สู้ ๆ ๆ ๆและ สังเกตการณ์ดูต่อไป หากคลื่นลมสงบ เมฆหมอกดำเคลื่อนคล้อยผ่านไป แสงสว่างแห่งธรรมก็จะฉายลงมาให้ได้เกิดความสว่างมองเห็นทางไปที่ถูกต้องยิ่งๆขึ้น
tongue tongue
น้องควรจะมีสภาวะ หรืออารมณ์ธรรมที่ยังไม่ได้พูด มาเรียนถามท่าน สุทธิญาณ อีกต่อไปนะครับมีสิ่งที่น่ารู้น่าสนใจมากจากคำตอบของท่านสุทธิญาณ อโศกะจะถอยหลังไปสังเกตการณ์ก่อน จนจนกว่าคลื่นลมจะสงบและน้องสองใจมีรายละเอียดอารมณ์ธรรมเพิ่มเติมมากกว่านี้ และมีช่องจะชี้แนะก็จะขออนุญาตเข้ามาสนทนาบ้างเป็นครั้งคราวนะครับ
:b27: :b27:
ขอให้เจริญสุขเจริญธรรมและมีกำลังใจประพฤติปฏิบัติธรรมต่อยอดไปจากที่ทำได้แล้วยิ่งๆขึ้นไปเทอญ
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2014, 20:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
ที่ดิฉันเข้ามาตั้งกระทู้ถามนี้
มิได้มีเจตนาในการทำให้เกิดการสนทนาอะไรที่ไม่เป็นไปเพื่อการปฏิบัติ
หรือเพื่อ เปิดช่องให้เกิดการสบประมาทกันหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดอกุศล
จริงอยู่ ที่อ่านอยู่นี้เป็นตัวหนังสือ แต่เมื่อผู้อ่านได้อ่านจนรับรุ้เนื้อความ
ก็สามารถเกิดปรุงแต่งจิต เป็นทั้งกุศลและอกุศลได้
ดังนั้น ดิฉันขอให้ผู้มีคุณความรู้ทั้่งหลาย
จงเมตตาดิฉัน ซึ่งเป็นผู้ตาบอดมืดมิด คลำหาหนทางออกจากทุกข์ด้วยเถิด
ขอให้ทุกคำแนะนำ เป็นไปเพื่อการปฏิบัติออกจากทุกข์เถิด :b8:

smiley smiley
น้องสองใจยังมีกำลังใจสู้ และติดตามดูกระทู้ตนเองอยู่นะครับ

คำถามและสภาวธรรมที่เกิดกับน้องนั้นดีมาก จนท่าน สุทธิญาณ ได้กรุณามาชี้แนะ

แต่อโศกะกลับมาทำให้กระทู้ของน้องสองใจแปดเปี้อนไปหน่อย ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะครับ
โดยความเป็นจริงอโศกะเคยเจอผู้ที่มีสภาวธรรมและอารมณ์คล้ายอย่างที่น้องสองใจเป็นอยู่ พอดีมีโอกาสได้สนทนาธรรมกันโดยละเอียดจึงได้ชี้แนะไปแล้วทำให้ท่านนั้นก้าวหน้าในธรรมยิ่งๆขึ้น จึงสนใจอยากสนทนาถามคำถามกับน้องสองใจไปอีกมากๆเพราะคิดว่าน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่เกิดการเจริญวิปัสสนาภาวนาโดยธรรมชาติแล้วก้าวหน้าในธรรม

แต่ เพราะวิบากกรรมของอโศกะยังมีค้างอยู่กับคนบางคนหรือ สองสามคนในลานนี้ จึงทำให้จะไปที่ใดตั้งกระทู้ใดในลานนี้ จะมีอันธพาล กับนักวิชาการสนใจไปวิตกวิจารณ์ความเห็นของอโศกะให้เป็นลบไปหมดดังที่น้องได้เห็น จึงต้องขออภัย แต่อย่าเพิ่งเสียใจหรือท้อแท้ นี่เป็นเพียงทางผ่านหรือแบบทดสอบที่ใครเข้ามาในลานนี้จะต้องพบเจอ ถ้าผ่านด่านนี้ไม่ได้หรือเกิดความเอือมระอาก็จะพาลไม่อยากเข้ามาศึกษาหาความรู้และสนทนาธรรมในลานธรรมจักรแห่งนี้ทำให้เสียโอกาสดีๆไปอีก

:b4: :b4: :b4:
สู้ ๆ ๆ ๆและ สังเกตการณ์ดูต่อไป หากคลื่นลมสงบ เมฆหมอกดำเคลื่อนคล้อยผ่านไป แสงสว่างแห่งธรรมก็จะฉายลงมาให้ได้เกิดความสว่างมองเห็นทางไปที่ถูกต้องยิ่งๆขึ้น
tongue tongue
น้องควรจะมีสภาวะ หรืออารมณ์ธรรมที่ยังไม่ได้พูด มาเรียนถามท่าน สุทธิญาณ อีกต่อไปนะครับมีสิ่งที่น่ารู้น่าสนใจมากจากคำตอบของท่านสุทธิญาณ อโศกะจะถอยหลังไปสังเกตการณ์ก่อน จนจนกว่าคลื่นลมจะสงบและน้องสองใจมีรายละเอียดอารมณ์ธรรมเพิ่มเติมมากกว่านี้ และมีช่องจะชี้แนะก็จะขออนุญาตเข้ามาสนทนาบ้างเป็นครั้งคราวนะครับ
:b27: :b27:
ขอให้เจริญสุขเจริญธรรมและมีกำลังใจประพฤติปฏิบัติธรรมต่อยอดไปจากที่ทำได้แล้วยิ่งๆขึ้นไปเทอญ
smiley


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 139 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร