วันเวลาปัจจุบัน 03 ต.ค. 2025, 16:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 22:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ คุณถามถึงธรรมอันเป็นธรรมที่สงบ และปราณีตน่ะ

...

ซึ่งนั่นคุณถามด้วยอาการอยากรู้คำตอบจริง ๆ แล้วหรือ

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 10 ม.ค. 2014, 22:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 22:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ การสนทนาธรรม

กับอาจารย์ที่คุณมักเอารูปมาโชว์ เห็นคุณนอบน้อมพับเพียบอยู่แทบเท้า
ซึ่งคุณต้องมีโอกาสเข้าไปสนทนาธรรมกับพวกท่านเพื่อขอความรู้แน่นอน

คุณลองไปสนทนาธรรมแบบหย่อนลูกแหย่กับอาจารย์ที่เคารพของคุณ :b1:
แล้วช่วยกลับมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง
ว่าอาจารย์ที่เคารพของคุณตอบคุณอย่างไร...ก่อนดีกว่า

...

เพื่อน ๆ จะได้รู้ จะได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เพราะดูเหมือนว่าทำตามใจเพื่อน ๆ แล้ว คุณจะไม่ได้คำตอบที่ตรงใจสักทีน่ะ

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 10 ม.ค. 2014, 23:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2014, 23:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เรียกมังกรน้อยมาหลายปีแล้ว
ต่อไป คงต้องเรียก มังกรทะยานฟ้าแล้วสินะ เอรากอน_โจ๋


:b8: ...

ขอบคุณท่านเช่นนั้นที่เข้ามาแสดงคำพูดให้ได้อมยิ้ม

เอกอนยังไม่ได้ทะยานไปไหนหรอกท่าน

:b4:

เอกอนแค่ใช้ทักษะพิเศษที่ตนมี....

ถ้าใครแอบมารู้...รับรอง
มังกรโดนเผาหางแน่... :b32: :b32: :b32:

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 07:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ถ้าใครแอบมารู้...รับรอง
มังกรโดนเผาหางแน่... :b32: :b32: :b32:

มังกรถูกเผาหาง จะเป็นยังไงน้าาา .. :b32:

Happy birthday จ้ะ ..
:b37: :b53:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 17:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
eragon_joe เขียน:
ถ้าใครแอบมารู้...รับรอง
มังกรโดนเผาหางแน่... :b32: :b32: :b32:

มังกรถูกเผาหาง จะเป็นยังไงน้าาา .. :b32:

Happy birthday จ้ะ ..
:b37: :b53:


:b12: :b9:

smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 20:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ทางไปของสัตว์โลก3.jpg
ทางไปของสัตว์โลก3.jpg [ 56.06 KiB | เปิดดู 2178 ครั้ง ]
eragon_joe เขียน:
คือ การสนทนาธรรม

กับอาจารย์ที่คุณมักเอารูปมาโชว์ เห็นคุณนอบน้อมพับเพียบอยู่แทบเท้า
ซึ่งคุณต้องมีโอกาสเข้าไปสนทนาธรรมกับพวกท่านเพื่อขอความรู้แน่นอน

คุณลองไปสนทนาธรรมแบบหย่อนลูกแหย่กับอาจารย์ที่เคารพของคุณ :b1:
แล้วช่วยกลับมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง
ว่าอาจารย์ที่เคารพของคุณตอบคุณอย่างไร...ก่อนดีกว่า

...

เพื่อน ๆ จะได้รู้ จะได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เพราะดูเหมือนว่าทำตามใจเพื่อน ๆ แล้ว คุณจะไม่ได้คำตอบที่ตรงใจสักทีน่ะ

:b1:

:b12: :b12: :b12:
ตอนที่อยู่กับหลวงพ่อ เหตุปัจจัยมันไม่อำนวยให้ถามคำถามอย่างที่ถามเอก้อน แต่กับไปอำนวยให้ถามในธรรมที่หลวงพ่อท่านชี้นำไว้ให้ได้ความลึกซึ้งชัดเจนยิ่งขึ้น มีหลายเรื่องที่หลวงพ่อแสดงเป็นภาพแทนคำพูด ลองเอาไปพิจารณาดูบ้างไหมครับ ภาพที่จะได้เห็นต่อไปนี้ เขียนขึ้นตามคำบอกของหลวงพ่อเป็นภาษาพม่า แล้วแปลมาเป็นไทยอีกที ลองพิจารณากันดูนะครับ
smiley tongue
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 20:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg
ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg [ 50.12 KiB | เปิดดู 2177 ครั้ง ]
:b8:
อีกภาพหนึ่ง
onion onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 20:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




มาจากไหน_resize_resize.jpg
มาจากไหน_resize_resize.jpg [ 54.38 KiB | เปิดดู 2176 ครั้ง ]
มาจากไหน_resize_resize.jpg
มาจากไหน_resize_resize.jpg [ 54.38 KiB | เปิดดู 2176 ครั้ง ]
:b8:
อีกภาพหนึ่ง
:b27: :b27: :b27: :b36: :b36: :b37:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 20:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณยังเพียรพิจารณาภาพเหล่านี้อยู่เหร๋อ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 20:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคุณเห็น สัตตานัง เมื่อไร
ภาพเหล่านั้น จะไม่มีความหมายอะไรต่อการที่จะพิจารณาเลย

ลองเอาภาพกลับไปหาอาจารย์ของคุณ
และ
นี่คือคำถามของเอกอนฝากไปถามอาจารย์ที่เคารพของคุณก็ได้
ว่า
...ใช่มั๊ย...

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 20:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ร่างกายคนเรา เพื่อมองเห็นร่างกายของตน เราต้องอาศัยกระจก

ส่วน สัตตานัง เพื่อมองเห็นสัตตานัง เราต้องอาศัยสิ่งที่จะสะท้อนสิ่งนั้นออกมา
ซึ่งสิ่งที่จะสะท้อนสิ่งนั้นออกมา คือ วิมุตติ
นอกเหนือนจากนั้นมันเป็นเพียงแค่การเฝ้าครุ่นคิดพิจารณาถึงมัน ... ลูบคลำความคิด
เอาความคิดมาย้ำเตือนใส่ใจ ข่มใจให้เชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น

ด้วย วิมุตติ จะทำให้เราเห็น สิ่งที่ทำตัวเหมือน กาฝาก
จะทำให้เราแยก กาฝากออกจาก ขันธ์
การเห็น จะช่วยยืนยันความเชื่อตามคำสอนที่ศึกษาปฏิบัติมา
จากความเชื่อ จะกลายเป็น การรู้

Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค

๒. สัตตสูตร
ว่าด้วยเหตุที่เรียกว่าสัตว์
[๓๖๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระราธะได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า สัตว์ สัตว์ ดังนี้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร
หนอแล จึงเรียกว่า สัตว์?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรราธะ เพราะเหตุที่มี ความพอใจ ความกำหนัด
ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยากในรูปแล เป็นผู้ข้องในรูป เป็นผู้เกี่ยวข้องในรูปนั้น ฉะนั้น
จึงเรียกว่า สัตว์. เพราะเหตุที่มีความพอใจ ความกำหนัด ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยาก
ในเวทนา ... ในสัญญา ... ในสังขาร ... ในวิญญาณ เป็นผู้ข้องในวิญญาณ เป็นผู้เกี่ยวข้อง
ในวิญญาณนั้น ฉะนั้น จึงเรียกว่า สัตว์. ดูกรราธะ เด็กชายหรือเด็กหญิง เล่นอยู่ตามเรือนฝุ่น
ทั้งหลาย เป็นผู้ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ไม่ปราศจากความพอใจ ไม่ปราศจากความรัก
ไม่ปราศจากความกระหาย ไม่ปราศจากความกระวนกระวาย ไม่ปราศจากความทะยานอยาก
ในเรือนฝุ่นเหล่านั้นอยู่เพียงใด ย่อมอาลัย ย่อมอยากเล่น ย่อมหวงแหน ย่อมยึดถือเรือนฝุ่น
ทั้งหลายอยู่เพียงนั้น. ดูกรราธะ แต่ว่าในกาลใด เด็กชายหรือเด็กหญิงเป็นผู้ปราศจากความ
กำหนัด ปราศจากความพอใจ ปราศจากความรัก ปราศจากความกระหาย ปราศจากความกระวน
กระวาย ปราศจากความทะยานอยากในเรือนฝุ่นเหล่านั้นแล้ว ในกาลนั้นแล เด็กชายหรือ
เด็กหญิงเหล่านั้น ย่อมรื้อ ย่อมยื้อแย่ง ย่อมกำจัด ย่อมทำเรือนฝุ่นเหล่านั้น ให้เล่นไม่ได้
ด้วยมือและเท้า ฉันใด ดูกรราธะ แม้เธอทั้งหลายก็จงรื้อ จงยื้อแย่ง จงกำจัด จงทำรูปให้
เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหา จงรื้อ จงยื้อแย่ง จงกำจัด จงทำเวทนา
ให้เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหา จงรื้อ จงยื้อแย่ง จงกำจัด จงทำ
สัญญาให้เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหา จงรื้อ จงยื้อแย่ง จงกำจัด
จงทำสังขารให้เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหา จงรื้อ จงยื้อแย่ง
จงกำจัด จงทำวิญญาณให้เป็นของเล่นไม่ได้ จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหา ฉันนั้น
นั่นเทียวแล. ดูกรราธะ เพราะว่าความสิ้นไปแห่งตัณหา เป็นนิพพาน.

จบ สูตรที่ ๒.


นักปฏิบัติจำนวนมาก เต็มไปด้วยปรากฎการณ์พิเศษ
แต่...ไม่เห็นสัตตานัง...มีเยอะนะ
และจะหมาย ปรากฎการณ์ว่าเป็นการบรรลุธรรมขั้นใดได้อย่างไร
ถ้าความรู้ ยังไม่ได้ถูกทำให้เป็น ปัญญา

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 11 ม.ค. 2014, 21:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 21:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะ คนที่เห็น สัตตานัง
คือ คนที่เขาเห็น การดับไปของสักกายทิฐิ อย่างเต็มตาเต็มใจ
เมื่อเห็นอย่างนั้น ดังนั้น วิจิกิจฉา ย่อมไม่ปรากฎ เพราะการรู้ชัด
และ สีลัพพตปรามาส ย่อมไม่เกิดปรากฎ เพราะการรู้ชัด

มันไม่ได้ต้องคอยกำหนดย้ำเตือนความคิด

ปรากฎการณ์พิเศษเป็นเรื่อง ไม่ใช่สาระเลย
มันก็แค่เหมือนฟ้าผ่า ที่แว๊บเดียว มันก็จบแล้ว
ผัสสะต่อสิ่งที่ปรากฎนั้น ก็ได้ดับไปแล้ว
แต่ ปัญญา ... จะเป็นพิมพ์เขียวของ ใจ
โสดาบัน คือผู้น้อมไป...เพราะ...มีพิมพ์เขียวเป็นวิถีจิตแล้ว

ก็เหมือนอย่าง ช้าง
ถ้าเรายังไม่เคยเห็นช้าง ต่อให้อธิบายถึงช้างอย่างไร เราก็วาดภาพช้างไปต่าง ๆ นานา
แต่เมื่อเห็นช้างแล้ว จิตมันรู้จักช้างแล้ว มันก็รู้จักช้าง
วิถีจิต ถ้ามันแตะเข้าสู่ปัญญาที่เห็น สัตตานัง ได้แล้ว
ก็คือ จิต มันรู้หนทางแล้ว หนทางที่ก่อนหน้านี้มันถูกปิดกั้นไว้ ด้วย อวิชชา

หนทางที่จิตรู้แล้ว ก็คือ เขารู้แล้ว ... เขาก็เดินวิถีได้ ...
เพราะ มันมีรอยเกวียนให้เดิน ย้ำวิถีแล้ว...

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 11 ม.ค. 2014, 22:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 21:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:
คนที่เขาเห็น การดับไปของสักกายทิฐิ อย่างเต็มตาเต็มใจ
เมื่อเห็นอย่างดังนั้น วิจิกิจฉา ย่อมไม่ปรากฎ เพราะการรู้ชัด
และ สีลัพพตปรามาส ย่อมไม่เกิดปรากฎ เพราะการรู้ชัด

:b27:
คำพูดท่อนนี้ถือว่าใช้ได้....

แล้วจะต้องมาพูดคุยถามไถ่กันทำไมให้เมื่อยมือ

แต่ สิ่งที่กำลังทำกันอยู่ในลานธรรมแห่งนี้คือ
"การแบ่งปัน"

เพื่อสันติสุขแห่งมวลหมู่มนุษย์ชาติ จึงยังจำเป็นต้องพูด ยังจำเป็นต้องคุย ยังจำเป็นต้องสนทนา ถกเถียง ตอบโต้
อรรถาธิบายทำความเข้าใจทั้งผู้ใหม่และผู้เก่าให้เข้าถึงแก่นธรรมทางดำเนินตามรอยเท้ารอยบาทของพระบรมศาสดา

โลกยังกระหายกัลยาณมิตร บัณฑิตผู้รู้จริง ถึงจริงอีกมาก มาเป็นที่ปรึกษา พากัน ชวนกันออกมาซิ อย่าต้องรอให้พรหมมาอาราธนาอยู่เลย โลกนี้กำลังร้อนเป็นไฟ ไหม้ลามไปทั่วทุกตัวตนปุถุชนทุกแหล่งหล้า

:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2014, 23:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
แต่ สิ่งที่กำลังทำกันอยู่ในลานธรรมแห่งนี้คือ "การแบ่งปัน"

เพื่อสันติสุขแห่งมวลหมู่มนุษย์ชาติ จึงยังจำเป็นต้องพูด ยังจำเป็นต้องคุย ยังจำเป็นต้องสนทนา ถกเถียง ตอบโต้
อรรถาธิบายทำความเข้าใจทั้งผู้ใหม่และผู้เก่าให้เข้าถึงแก่นธรรมทางดำเนินตามรอยเท้ารอยบาทของพระบรมศาสดา

โลกยังกระหายกัลยาณมิตร บัณฑิตผู้รู้จริง ถึงจริงอีกมาก มาเป็นที่ปรึกษา พากัน ชวนกันออกมาซิ อย่าต้องรอให้พรหมมาอาราธนาอยู่เลย โลกนี้กำลังร้อนเป็นไฟ ไหม้ลามไปทั่วทุกตัวตนปุถุชนทุกแหล่งหล้า

:b4: :b4: :b4:


เอ่อ...เอกอนเคยเจอนะ...แต่เอกอนปฏิเสธไปแล้ว...
...
ซึ่งพอปฏิเสธไป...มันก็ปรากฎอีกสิ่งให้ได้รู้

:b1:

มันยากที่จะระบุว่า พรหมที่ปรากฎนั้นคืออะไรกันแน่

สัตตานัง อาศัย รูปนาม ปรากฎ
ซึ่งมันต้องมีสิ่งที่ทำให้สัตตานังเข้าไปยึดรูปนามได้
ซึ่งสิ่งนั้นมันก็คล้าย ๆ กับหญิงสาวมันช่างเป็นอะไรที่ยั่วยวนใจชายหนุ่มดี ๆ นี่เอง

ทำให้นึกถึงพระสูตรหนึ่งขึ้นมาได้
มีพระสูตรหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเล่าถึง ศิษย์ที่ปฏิบัติอยู่ในตำบลหนึ่ง
คิดว่าตนบรรลุธรรมแล้ว ก็พากันเดินทางเพื่อจะไปหาพระพุทธเจ้า
แต่ระหว่างทางไปเจออะไรสักอย่าง จึงได้แวะเข้าไปดู
ก็รู้ตัวขึ้นมาได้ว่าตนยังไม่บรรลุ จึงเดินทางกลับปฏิบัติต่อ
ไม่ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว...น่ะ

ถ้าใครรู้จักพระสูตรนี้แล้วพอจะหามาลงได้
เอกอนขอขอบคุณล่วงหน้า

:b1:

วันเด็กผ่านไปแล้ว...

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2014, 14:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยเจอแต่บางแบบนะครับ แต่อินทรีย์ห้ายังไม่พอ เลยได้เห็นแต่การคลายแล้วเบา แต่ยังไม่ถึงขันธ์ห้าดับ .....

พอดีฝึกนวสีเก้า นึกภาพตัวเองตาย ..... จนกระดูกกระจัด กระจาย จนเสื่อมสลาย

เป็นแบบนึก ( ยังทำเป็นภาพนิมิตปรากฎขึ้นยังไม่ได้ ) พอออกจากสมาธิ

ก็ยกมือขวาขึ้นมา แล้วขยับนิ้วดู เห็นกระดูก สาม ท่อน ไม่เชื่อมต่อกัน

ไปเห็นที่หน้าอก เห็นกระดูกที่หน้าอก ไม่เชื่อมต่อกัน

ลมหายใจรู้สึกบริสุทธิ์ดี มีกลิ่นเหมือน กลิ่นในป่าที่มีอากาศบริสุทธิ์ (ให้คิดเหมือนประมาณยุคไดโนเสาร์)

เห็นกระดูกที่ไม่เชื่อมต่อแปลกดี แต่ว่าไม่กระจายไปเห็นทั่วร่างกาย

กระดูกสามท่อนแต่ล่ะชิ้นจะอยู่ของมันเอง ให้ความรู้สึกว่าไม่เชื่อมต่อกัน ไม่เกี่ยวเนื่องกัน ไม่สัมพันธ์กัน

(เปรียบเทียบเหมือนเอากระดูก วัวมาชิ้นหนึ่ง กระดูกกระต่ายมาชิ้นหนึ่ง กระดูกเต่ามาชิ้น แล้วมาวางใกล้ๆกัน)

ตอนกระดูกที่หน้าอกก็ไม่สัมพันธ์กัน

(เหมือนเห็นกระดูกนิ้วมือ ปกติธรรดาเราจะมักมีความรู้สึกอารมณ์ว่าเป็นนิ้วมือไปด้วยนะครับ)



อีกแบบหนึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ประสบการณ์ตอนเล่นหวย ทุกข์บีบคั้นใจนะครับ s002

ตอนนั่งซักผ้าอยู่ พอถึงเวลา 16.00 ก็นึกว่า จบแล้วสินะ ใจปลอดโปร่งดี ไม่ต้องลุ้นแล้ว(แต่ยังไม่รู้ผล)

ความบีบคั้นใจหาย รู้สึกสบาย ปลอดโปร่งใจดี เลยเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า ก็นึกถึงพี่ที่ฝากซื้อ กระแสจิตเลยแล่นออกไป

กระทบกับอากาศ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นประกาย ก็รู้สึกถึงเขาว่าเขาเศร้าใจเรื่องเราว่าไม่ถูก(ถูกกิน) แต่กลับมีความรู้สึก

ว่าเขาดีใจอยู่ด้วย ดีใจไม่มาก(สงสัยเขาจะถูกแต่ไม่มาก) มานึกถึงล๊อตเตอรี่ที่ซื้อ รู้สึกดีใจแต่ไม่มากครับ

(ตอนอยู่บนดาดฟ้า จิตใจปลอดโปร่งแผ่กว้างออกไปมาก ใจปลอดโปร่งโล่งสบายมากๆเลย :b41:

ตอนคิดออกไป นามธรรมก็ชัดดี หมายถึงความรู้สึกชัดดี ความรู้สึกของนามธรรมชัดเหมือนกับวัตถุ....

เลยคิดว่าสบายขนาดนี้เลย .....สักพักอารมณ์ก็คลายกลับสู่ปกติ)




อินทรีย์ห้ายังไม่พอครับ เลยได้แต่สบายอย่างเดียว กำลังอินทรีย์ห้าไม่มากพอที่จะช่วยส่งผลถึงตัวดับขันธ์ห้าครับ

(ตอนฝึกอาปาฯ เวลาฝึกได้ดีกว่าปกติที่เคยทำ ทำให้จิตใจสบายกระแสความสบายจะคลุมอยู่ที่ร่างกาย เวลาคนอื่นนึกถึง

กระเสจิตเขา จะวิ่งมาปะทะกับชั้นที่คลุมร่างกายแล้วเข้ามากระทบกับความรู้สึก เคยเป็นในบางครั้งครับ)

ความสบายที่เกิดมาจากการวางและความสบายที่เกิดมาการจดจ่อ....ความสบายจากสองอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยจะพัฒนาและสัมพันธ์ไปด้วยกัน คอยเกื้อหนุนกัน ผมคิดอย่างนั้นครับ :b1:



เคยอ่านและฟังมานะครับ พระโสดาบันมีความทุกข์เหมือนเมล็ดผักสามเมล็ด นามธรรม กิเลสเล็กน้อย(กว่าคนปกติ) เวลาปรากฎขึ้น
ก็รู้ชัด เหมือนเห็นเมฆก้อนใหญ่ แล้วก็ดับ ไปเร็วกว่าปกติธรรมดา

:b6: ไม่แน่ใจครับ อันหนึ่งฟังมา อันหนึ่งเคยอ่านในพระสูตร ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยครับ :b46: :b8:

(ปล. ความเข้าใจในตอนนี้ ยังคงผิดพลาดอีกหลายๆส่วน)

อนุโมทนาทุกๆท่านครับ :b46: :b8: :b8: :b8: :b46:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร