วันเวลาปัจจุบัน 03 ส.ค. 2025, 19:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธคุณ เขียน:
รู้มั้ย เมื่ออาทิตย์ก่อนหน้าไม่นานมานี้ พุทธคุณไปซื้อชา มี่เป็นแบบชงน่ะครับ
เป็นชายี่ห้อใหม่ที่ไม่เคยซื้อ พุทธคุณชอบดื่มชา ซื้อมาชงดื่มดู รสชาดไม่ถูก
ใจเลย กลิ่นก็แปลกๆ ไม่ค่อยเหมือนกลิ่นชาเลยครับ

พุทธคุณกำลังคิดว่าจะทิ้งไป นึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า มีความคิดลอยขึ้น
มาในใจว่า ชีวิตเรานี้มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและที่ไม่ดีสลับกันอยู่ตลอดเวลา ชาที่ซื้อ
มานี้ก็เช่นกัน ช่วงนี้อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสำหรับเรา เราจึงได้ชาที่ไม่อร่อยมา
ช่วงเวลาที่ไม่ดีก็เหมือนชาที่รสชาดที่ไม่อร่อยนี้แหล่ะ หากเราเลือกถูกชาที่อร่อย
นั่นอุปมาว่าเหมือนช่วงเวลาที่ดี ที่ราบรื่นของชีวิตเรา

คิดได้ดังนี้ พุทธคุณไม่ทิ้งชา ทนดื่มให้หมด เลือกที่จะยอมรับความผิดพลาดของ
เรา เลือกที่จะทำใจให้ชอบใบชาที่ซื้อมานี้ หมายความว่ายอมรับและพอใจ พอเพียง
ในสิ่งที่เราเลือกมา เมื่อมันเลือกผิดพลาดมาโดยที่ไม่รู้ เราก็ต้องทนอยู่กับสิ่งที่เรา
เลือกแล้ว มองในแง่ดีของชา คิดเอาว่า เอาเถอะน่าดีแล้วที่เรามีดื่ม คนไม่มีโอกาส
ได้ดื่มแบบเรามีถมไป นอกจากจะทำใจให้ยอมรับแล้ว พุทธคุณยังทำใจให้ชอบด้วย
เพราะถ้าเราไม่ทำใจให้ชอบเราจะตะขิดตะขวงใจ

พอดื่มไปดื่มมาได้ครึงซองแล้ว พุทธคุณรู้สึกว่าหลังๆมานี้ก็มีรสชาดหวานนิดๆปะแล่มๆ
รู้สึกชอบขึ้นมาในระดับที่ค่อนข้างพอใจ นึกย้อนหลังไปว่าดีแล้วที่ไม่ทิ้งชานี้ไป

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดนี้ก็เหมือนกัน พุทธคุณมองว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคนเราคือช่วง
ที่เรารู้ตื่น รู้เบิกบาน หมายความว่า รู้เขารู้เรา รู้จักตัวเรา เข้าใจตัวเรา เข้าใจผู้อื่น เข้าใจ
ธรรมชาติรอบตัวเรา หรือเรียกแบบสั้นๆก็คือ เข้าใจธรรมชาติของชีวิต นั่นเรียกว่าช่วง
ที่ดีที่สุดแล้ว

ความเป็นจริงคือ ในชีวิตของคนเรา มีเวลาให้กับการรู้จักตนเอง ศึกษาตนเองนั้นมีไม่
ค่อยบ่อยนัก เพราะหน้าที่การงาน เพราะภาระที่เราเข้าไปผูกพันธ์อยู่ในทุกๆวัน ทำให้เรา
วุ่นวายและยุ่งอยู่กับภาระหน้าที่ในแต่ละวันจนเหนื่อนล้าจนหลายครั้งลืมให้เวลากับตัวเอง
หรือทำความเข้าใจกับตนเอง กับธรรมชาติของชีวิต

หากว่าเรามีเวลาให้กับการเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น เข้าใจความจริงของธรรมชาติ ของชีวิต
นั่นแหล่ะ คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพุทธคุณ

:b41: อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ..

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสต์ เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 08:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นหลายคนพร่ำเพ้อ...."ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต"
ใครพูดแบบนี้แสดงว่า ยังขาดความเข้าใจในธรรม ไม่ว่าจะเป็นบัญญัติหรือปรมัตถ์
อยากจะตะโกนดังๆให้ได้ยินกันทั่วๆ ....."มันมีซะที่ไหนกัน..ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต"

หวังว่าคำที่ผมตะโกนออกไป คงจะทำให้คนที่กำลังหลง จะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง
วันหลังจะได้เลิกสนทนาธรรมแนวนี้กันเสียที

บางท่านอาจไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ทรงห้ามเอาธรรมของพระองค์มาพูดในเชิง พรรณาโวหาร
จะเป็นสำนวน สุภาษิต กาพย์ โคลงกลอน สิ่งต่างๆเหล่านี้พระพุทธองค์ทรงห้าม

มาเข้าประเด็นธรรม คำว่า "ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต" ในความเป็นธรรมมันไม่มี
เพราะว่า.....สิ่งที่เกิดภายในกายใจเรามันเป็นเพียงสังขาร....เป็นไตรลักษณ์

ใครคิดเวลาในอดีตที่ผ่านมาจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต แสดงว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีอวิชา
กำลังหลงในสังขาร มองไม่เห็นความเป็นอนิจัง ทุกขัง อนัตตา

พวกคุณไม่รู้หรอกว่า "ไอ้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตในอดีต" ในขณะที่มันยังเป็นปัจจุบัน
พวกคุณปล่อยโอกาสที่จะได้เห็นความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตาของธรรมในขณะนั้น
เป็นเพราะความหลงในสภาวะติดอยู่กับราคะ จึงขาดสติไม่มีสมาธิที่จะมองธรรม


โพสต์ เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเคยฟังเรื่องพระท่านเดินบิณฑบาตรนะครับ
ตอนเช้ามีพระรูปหนึ่งท่านเดินไปบิณฑบาตร มีโยมคนหนึ่งแต่งตัวดีเข้ามาด่าพระท่าน
พระท่านเก็บมาคิดอารมณ์เสียไปทั้งวันเลย
ตอนเช้าต่อมาท่านเดินไปบิณฑบาตรใหม่ โยมแต่งตัวดีคนนั้น ก็เดินตรงเข้ามาอีก
พร้อมกับพูด จะเสด็จที่ไหนพะยาค่ะ หม่อมฉันจะตามไปส่ง

"อ้าว โยมสติไม่ดี" ความไม่พอใจก็เลยจางหายไป

อารมณ์คนเราจะเปลี่ยนแปลงไปตามการกระทบครับ ทั้งดีและไม่ดีเปลี่ยนแปลงอยู่ทั้งวันเลย
กระทบแล้วเย็นบ้าง กระทบแล้วร้อนน้อยบ้าง อื่นๆ อยู่ที่ว่าจะวางใจยังไงนะครับต่อสิ่งที่กระทบ :b47:

อนุโมทนาครับ


โพสต์ เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เห็นหลายคนพร่ำเพ้อ...."ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต"
ใครพูดแบบนี้แสดงว่า ยังขาดความเข้าใจในธรรม ไม่ว่าจะเป็นบัญญัติหรือปรมัตถ์
อยากจะตะโกนดังๆให้ได้ยินกันทั่วๆ ....."มันมีซะที่ไหนกัน..ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต"

หวังว่าคำที่ผมตะโกนออกไป คงจะทำให้คนที่กำลังหลง จะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง
วันหลังจะได้เลิกสนทนาธรรมแนวนี้กันเสียที


บางท่านอาจไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ทรงห้ามเอาธรรมของพระองค์มาพูดในเชิง พรรณาโวหาร
จะเป็นสำนวน สุภาษิต กาพย์ โคลงกลอน สิ่งต่างๆเหล่านี้พระพุทธองค์ทรงห้าม

มาเข้าประเด็นธรรม คำว่า "ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต" ในความเป็นธรรมมันไม่มี
เพราะว่า.....สิ่งที่เกิดภายในกายใจเรามันเป็นเพียงสังขาร....เป็นไตรลักษณ์

ใครคิดเวลาในอดีตที่ผ่านมาจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต แสดงว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีอวิชา
กำลังหลงในสังขาร มองไม่เห็นความเป็นอนิจัง ทุกขัง อนัตตา

พวกคุณไม่รู้หรอกว่า "ไอ้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตในอดีต" ในขณะที่มันยังเป็นปัจจุบัน
พวกคุณปล่อยโอกาสที่จะได้เห็นความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตาของธรรมในขณะนั้น
เป็นเพราะความหลงในสภาวะติดอยู่กับราคะ จึงขาดสติไม่มีสมาธิที่จะมองธรรม

สนทนาธรรมแบบนี้มันเป็นอย่างไรหรอพี่โฮ คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์ มันก็มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี ถ้าจะให้พูดแบบพวกนักธรรมมะก็ได้.. คนเราเกิดมาก็ประสบพบเจอแต่ความทุกข์บ้าง ความสุขบ้าง มีทุกข์มีสุขผสมปนเปกันไป มีทุกรสชาติ
เศร้า เสียใจ ดีใจ หัวเราะ มีความสุข โกรธ เกลียด มีใครบ้างไม่เคยผ่านสภาวะนั้น..ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่แต่ถ้ามันทำให้เราสัมผัสถึงความรู้สึก นึกคิดต่างๆที่เราเคยประสบมาพบมาในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต เมื่อเราลองย้อนไปดูเราก็จะเห้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เองเพราะสิ่งเหล่านั้นมันก็คือทุกข์ คนเราถ้าไม่รู้ว่าสิ่งใดคือทุกข์ก็ย่อมไม่หลุดเค้าก็ต้องรู้เองเข้าใจเองจนกว่าเค้าจะมีปัญญา คนเราอยู่ๆไม่สามารถเกิดปัญญาขึ้นได้ นั่งมองท้องฟ้าแล้วปัญญาเกิดได้อย่างงั้นหรอ 55+ :b32: เราต้องผ่านช่วงเวลานั้นมาช่วงเวลาที่เรารู้ว่ามันคือทุกขืและสุขและเราก็บัณทึกไว้ในสัญญาเป็นสุตตะเป้นความรู้ เมื่อเรารู้แล้วเราก็จะจดจำไว้ ว่าสิ่งนั้นมันเป็นทุกข์ สิ่งนี้มันเป้นสุข แต่มันก็เป็นเพียงสภาวะที่ ปรากฏ เกิดดับ ไปตามเหตุปัจจัยของมัน ถ้าเราเข้าไปรู้เช่นนั้น มันจะทำให้เราเกิดปัญญาสามารถคิดใคร่ครวญได้ด้วยตนเอง เพราะว่าเราผ่านสิ่งเหล่านั้นมา เราได้ประสบมาเราเห็นเอง เรารู้เอง เราเข้าใจเองว่าทุกข์เป็นยังไง สุขเป็นยังไง เมื่อเรามีบทเรียนจากความทรงจำนั้นๆ คุนน้องเชื่อว่าคนที่เค้ามีปัญญาเค้าก็ต้องสามารถพัฒนาตนเองขึ้นได้ ยกระดับจิตของตนขึ้นเพื่อไม่ให้ตกลงที่ต่ำ แต่เค้าจะเอาประสบการณืเหล่านั้น มาเป็นเครื่องเตือนสติ คอยระลึกรู้เสมอว่า เมื่อเหตุเป็นเช่นนี้ผลเลยเป็นแบบนี้ เมื่อเค้าได้รับบทเรียนจากสิ่งที่เป็นทุกข์ เมื่อเค้าเจอกับเหตุการณืเช่นนั้นอีกเค้าก็จะรู้ทันมันและเค้าจะไม่ติดอยู่กับทุกข์นั้นอีก เค้าจะระลึกรู้ได้ว่า ถ้าเค้าทำแบบนี้แล้วเป็นทุกข์เพราะเคยผ่านช่วงนั้นมาแล้วและผิดพลาดมาแล้ว เค้าย่อมจะไม่ทำเช่นนั้นให้ทุกข์อีก สุขก็เช่นเดียวกัน เมื่อเค้ารู้บทเรียนของความสุขว่าเมื่อเค้าสุขแล้วการที่เค้าเข้าไปยึดว่าความสุขนั้นว่ามันสุข..ความสุขจงอยู่กับเรานานๆ ความสุขนั้นอย่าจากเราไปเลย..แต่เมื่อเค้าได้เรียนรู้แล้วว่าความสุขนั้นก็อยู่กับตนได้ไม่นาน ซักวันความสุขนั้นก็ปรากฏขึ้น และดับลง..เมื่อสิ่งนั้นทำให้เค้าเกิดทุกข์โทมนัสขึ้น เค้าก็จะเข้าไปรู้ธรรมชาติของมัน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คนที่มีปัญญาเค้าจะสามารถเห็นความจริงนั้นได้โดยตนเอง และเค้าก็จะรู้เองว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของธรรมในปัจจุบัณขณะนั้นมันเป็นสภาะเช่นไร ถ้าเค้ารู้จักย้อนไปรู้อดีตไปรู้ข้อผิดพลาดของตน รู้ว่าควรจะแก้ไขเช่นไร ถ้าเค้ารู้จักระลึกรู้เสมอว่าสิ่งนี้ทำไปแล้วเกิดทุกข์ เค้าย่อมจะสามารถพิจารณาใคร่ครวญได้ด้วยตนเอง เมื่อเค้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าสรรพสิ่งมันก็ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามธรรมดาของมันถ้าเราไม่เข้าไปยึดเราก็ไม่ทุกข์เมื่อเราสุขแล้วเราก็ไม่เข้าไปยึดเมื่อสุขละจากไปเราก็ไม่ทุกข์ คุนน้องเห็นเช่นนั้นค่ะ คุนน้องมองว่าความสุขก็คือความสุขแต่คุนน้องจะไม่มองว่ามันเป็นทุกข์เพราะคุนน้องไม่ยึดมั่นในความสุข คุนน้องก็ย่อมไม่ทุกข์ถ้าความสุขนั้นมันจะจางไปหรือหายไป มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว :b9:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:


โพสต์ เมื่อ: 11 พ.ย. 2013, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


nongkong เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เห็นหลายคนพร่ำเพ้อ...."ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต"
ใครพูดแบบนี้แสดงว่า ยังขาดความเข้าใจในธรรม ไม่ว่าจะเป็นบัญญัติหรือปรมัตถ์
อยากจะตะโกนดังๆให้ได้ยินกันทั่วๆ ....."มันมีซะที่ไหนกัน..ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต"

หวังว่าคำที่ผมตะโกนออกไป คงจะทำให้คนที่กำลังหลง จะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง
วันหลังจะได้เลิกสนทนาธรรมแนวนี้กันเสียที


บางท่านอาจไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ทรงห้ามเอาธรรมของพระองค์มาพูดในเชิง พรรณาโวหาร
จะเป็นสำนวน สุภาษิต กาพย์ โคลงกลอน สิ่งต่างๆเหล่านี้พระพุทธองค์ทรงห้าม

มาเข้าประเด็นธรรม คำว่า "ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต" ในความเป็นธรรมมันไม่มี
เพราะว่า.....สิ่งที่เกิดภายในกายใจเรามันเป็นเพียงสังขาร....เป็นไตรลักษณ์

ใครคิดเวลาในอดีตที่ผ่านมาจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต แสดงว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีอวิชา
กำลังหลงในสังขาร มองไม่เห็นความเป็นอนิจัง ทุกขัง อนัตตา

พวกคุณไม่รู้หรอกว่า "ไอ้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตในอดีต" ในขณะที่มันยังเป็นปัจจุบัน
พวกคุณปล่อยโอกาสที่จะได้เห็นความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตาของธรรมในขณะนั้น
เป็นเพราะความหลงในสภาวะติดอยู่กับราคะ จึงขาดสติไม่มีสมาธิที่จะมองธรรม

สนทนาธรรมแบบนี้มันเป็นอย่างไรหรอพี่โฮ คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์ มันก็มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี ถ้าจะให้พูดแบบพวกนักธรรมมะก็ได้.. คนเราเกิดมาก็ประสบพบเจอแต่ความทุกข์บ้าง ความสุขบ้าง มีทุกข์มีสุขผสมปนเปกันไป มีทุกรสชาติ
เศร้า เสียใจ ดีใจ หัวเราะ มีความสุข โกรธ เกลียด มีใครบ้างไม่เคยผ่านสภาวะนั้น..ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่แต่ถ้ามันทำให้เราสัมผัสถึงความรู้สึก นึกคิดต่างๆที่เราเคยประสบมาพบมาในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต เมื่อเราลองย้อนไปดูเราก็จะเห้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เองเพราะสิ่งเหล่านั้นมันก็คือทุกข์ คนเราถ้าไม่รู้ว่าสิ่งใดคือทุกข์ก็ย่อมไม่หลุดเค้าก็ต้องรู้เองเข้าใจเองจนกว่าเค้าจะมีปัญญา คนเราอยู่ๆไม่สามารถเกิดปัญญาขึ้นได้ นั่งมองท้องฟ้าแล้วปัญญาเกิดได้อย่างงั้นหรอ 55+ :b32: เราต้องผ่านช่วงเวลานั้นมาช่วงเวลาที่เรารู้ว่ามันคือทุกขืและสุขและเราก็บัณทึกไว้ในสัญญาเป็นสุตตะเป้นความรู้ เมื่อเรารู้แล้วเราก็จะจดจำไว้ ว่าสิ่งนั้นมันเป็นทุกข์ สิ่งนี้มันเป้นสุข แต่มันก็เป็นเพียงสภาวะที่ ปรากฏ เกิดดับ ไปตามเหตุปัจจัยของมัน ถ้าเราเข้าไปรู้เช่นนั้น มันจะทำให้เราเกิดปัญญาสามารถคิดใคร่ครวญได้ด้วยตนเอง เพราะว่าเราผ่านสิ่งเหล่านั้นมา เราได้ประสบมาเราเห็นเอง เรารู้เอง เราเข้าใจเองว่าทุกข์เป็นยังไง สุขเป็นยังไง เมื่อเรามีบทเรียนจากความทรงจำนั้นๆ คุนน้องเชื่อว่าคนที่เค้ามีปัญญาเค้าก็ต้องสามารถพัฒนาตนเองขึ้นได้ ยกระดับจิตของตนขึ้นเพื่อไม่ให้ตกลงที่ต่ำ แต่เค้าจะเอาประสบการณืเหล่านั้น มาเป็นเครื่องเตือนสติ คอยระลึกรู้เสมอว่า เมื่อเหตุเป็นเช่นนี้ผลเลยเป็นแบบนี้ เมื่อเค้าได้รับบทเรียนจากสิ่งที่เป็นทุกข์ เมื่อเค้าเจอกับเหตุการณืเช่นนั้นอีกเค้าก็จะรู้ทันมันและเค้าจะไม่ติดอยู่กับทุกข์นั้นอีก เค้าจะระลึกรู้ได้ว่า ถ้าเค้าทำแบบนี้แล้วเป็นทุกข์เพราะเคยผ่านช่วงนั้นมาแล้วและผิดพลาดมาแล้ว เค้าย่อมจะไม่ทำเช่นนั้นให้ทุกข์อีก สุขก็เช่นเดียวกัน เมื่อเค้ารู้บทเรียนของความสุขว่าเมื่อเค้าสุขแล้วการที่เค้าเข้าไปยึดว่าความสุขนั้นว่ามันสุข..ความสุขจงอยู่กับเรานานๆ ความสุขนั้นอย่าจากเราไปเลย..แต่เมื่อเค้าได้เรียนรู้แล้วว่าความสุขนั้นก็อยู่กับตนได้ไม่นาน ซักวันความสุขนั้นก็ปรากฏขึ้น และดับลง..เมื่อสิ่งนั้นทำให้เค้าเกิดทุกข์โทมนัสขึ้น เค้าก็จะเข้าไปรู้ธรรมชาติของมัน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คนที่มีปัญญาเค้าจะสามารถเห็นความจริงนั้นได้โดยตนเอง และเค้าก็จะรู้เองว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของธรรมในปัจจุบัณขณะนั้นมันเป็นสภาะเช่นไร ถ้าเค้ารู้จักย้อนไปรู้อดีตไปรู้ข้อผิดพลาดของตน รู้ว่าควรจะแก้ไขเช่นไร ถ้าเค้ารู้จักระลึกรู้เสมอว่าสิ่งนี้ทำไปแล้วเกิดทุกข์ เค้าย่อมจะสามารถพิจารณาใคร่ครวญได้ด้วยตนเอง เมื่อเค้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าสรรพสิ่งมันก็ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามธรรมดาของมันถ้าเราไม่เข้าไปยึดเราก็ไม่ทุกข์เมื่อเราสุขแล้วเราก็ไม่เข้าไปยึดเมื่อสุขละจากไปเราก็ไม่ทุกข์ คุนน้องเห็นเช่นนั้นค่ะ คุนน้องมองว่าความสุขก็คือความสุขแต่คุนน้องจะไม่มองว่ามันเป็นทุกข์เพราะคุนน้องไม่ยึดมั่นในความสุข คุนน้องก็ย่อมไม่ทุกข์ถ้าความสุขนั้นมันจะจางไปหรือหายไป มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว :b9:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
รูปภาพ


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
สนทนาธรรมแบบนี้มันเป็นอย่างไรหรอพี่โฮ คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์ มันก็มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี ถ้าจะให้พูดแบบพวกนักธรรมมะก็ได้.. คนเราเกิดมาก็ประสบพบเจอแต่ความทุกข์บ้าง ความสุขบ้าง มีทุกข์มีสุขผสมปนเปกันไป มีทุกรสชาติ
เศร้า เสียใจ ดีใจ หัวเราะ มีความสุข โกรธ เกลียด มีใครบ้างไม่เคยผ่านสภาวะนั้น..ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่แต่ถ้ามันทำให้เราสัมผัสถึงความรู้สึก นึกคิดต่างๆที่เราเคยประสบมาพบมาในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต เมื่อเราลองย้อนไปดูเราก็จะเห้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เองเพราะสิ่งเหล่านั้นมันก็คือทุกข์ คนเราถ้าไม่รู้ว่าสิ่งใดคือทุกข์ก็ย่อมไม่หลุดเค้าก็ต้องรู้เองเข้าใจเองจนกว่าเค้าจะมีปัญญา คนเราอยู่ๆไม่สามารถเกิดปัญญาขึ้นได้ นั่งมองท้องฟ้าแล้วปัญญาเกิดได้อย่างงั้นหรอ 55+ :b32: เราต้องผ่านช่วงเวลานั้นมาช่วงเวลาที่เรารู้ว่ามันคือทุกขืและสุขและเราก็บัณทึกไว้ในสัญญาเป็นสุตตะเป้นความรู้ เมื่อเรารู้แล้วเราก็จะจดจำไว้ ว่าสิ่งนั้นมันเป็นทุกข์ สิ่งนี้มันเป้นสุข แต่มันก็เป็นเพียงสภาวะที่ ปรากฏ เกิดดับ ไปตามเหตุปัจจัยของมัน ถ้าเราเข้าไปรู้เช่นนั้น มันจะทำให้เราเกิดปัญญาสามารถคิดใคร่ครวญได้ด้วยตนเอง เพราะว่าเราผ่านสิ่งเหล่านั้นมา เราได้ประสบมาเราเห็นเอง เรารู้เอง เราเข้าใจเองว่าทุกข์เป็นยังไง สุขเป็นยังไง เมื่อเรามีบทเรียนจากความทรงจำนั้นๆ คุนน้องเชื่อว่าคนที่เค้ามีปัญญาเค้าก็ต้องสามารถพัฒนาตนเองขึ้นได้ ยกระดับจิตของตนขึ้นเพื่อไม่ให้ตกลงที่ต่ำ แต่เค้าจะเอาประสบการณืเหล่านั้น มาเป็นเครื่องเตือนสติ คอยระลึกรู้เสมอว่า เมื่อเหตุเป็นเช่นนี้ผลเลยเป็นแบบนี้ เมื่อเค้าได้รับบทเรียนจากสิ่งที่เป็นทุกข์ เมื่อเค้าเจอกับเหตุการณืเช่นนั้นอีกเค้าก็จะรู้ทันมันและเค้าจะไม่ติดอยู่กับทุกข์นั้นอีก เค้าจะระลึกรู้ได้ว่า ถ้าเค้าทำแบบนี้แล้วเป็นทุกข์เพราะเคยผ่านช่วงนั้นมาแล้วและผิดพลาดมาแล้ว เค้าย่อมจะไม่ทำเช่นนั้นให้ทุกข์อีก สุขก็เช่นเดียวกัน เมื่อเค้ารู้บทเรียนของความสุขว่าเมื่อเค้าสุขแล้วการที่เค้าเข้าไปยึดว่าความสุขนั้นว่ามันสุข..ความสุขจงอยู่กับเรานานๆ ความสุขนั้นอย่าจากเราไปเลย..แต่เมื่อเค้าได้เรียนรู้แล้วว่าความสุขนั้นก็อยู่กับตนได้ไม่นาน ซักวันความสุขนั้นก็ปรากฏขึ้น และดับลง..เมื่อสิ่งนั้นทำให้เค้าเกิดทุกข์โทมนัสขึ้น เค้าก็จะเข้าไปรู้ธรรมชาติของมัน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คนที่มีปัญญาเค้าจะสามารถเห็นความจริงนั้นได้โดยตนเอง และเค้าก็จะรู้เองว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของธรรมในปัจจุบัณขณะนั้นมันเป็นสภาะเช่นไร ถ้าเค้ารู้จักย้อนไปรู้อดีตไปรู้ข้อผิดพลาดของตน รู้ว่าควรจะแก้ไขเช่นไร ถ้าเค้ารู้จักระลึกรู้เสมอว่าสิ่งนี้ทำไปแล้วเกิดทุกข์ เค้าย่อมจะสามารถพิจารณาใคร่ครวญได้ด้วยตนเอง เมื่อเค้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าสรรพสิ่งมันก็ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามธรรมดาของมันถ้าเราไม่เข้าไปยึดเราก็ไม่ทุกข์เมื่อเราสุขแล้วเราก็ไม่เข้าไปยึดเมื่อสุขละจากไปเราก็ไม่ทุกข์ คุนน้องเห็นเช่นนั้นค่ะ คุนน้องมองว่าความสุขก็คือความสุขแต่คุนน้องจะไม่มองว่ามันเป็นทุกข์เพราะคุนน้องไม่ยึดมั่นในความสุข คุนน้องก็ย่อมไม่ทุกข์ถ้าความสุขนั้นมันจะจางไปหรือหายไป มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว :b9:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:


ก็เมื่อก่อนเห็นหลายคนพร่ำพูดแต่...อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ย้ำคิดย้ำทำแต่คำว่า ไตรลักษณ์
แต่นี่กลับมาพูดสนทนากันอย่างออกรสลืมตัว เคลิบเคลิ้มกลับไปหาอดีตช่วงที่ดีที่สุดของชีวิต

พี่โฮจะบอกให้คนที่เห็นไตรลักษณ์แล้ว ท่านจะไม่ยึดติดกับอดีตนั้นแล้ว
อาจจะมีบางที่หลงคิดไป แต่มันเป็นสภาวะของอารมณ์ มันไม่ใช่เรื่องราวที่ประสบมา

ที่มาพูดไม่ใช่อะไรหรอก พี่โฮเข้าใจดีว่า ปุถุชนย่อมเป็นอย่างนี้
เพียงแต่จะมาสะกิดให้รู้ตัวกันเท่านั้นเองว่า......ที่หลายคนเคยพูดถึงไตรลักษณ์
แท้จริงแล้ว มันยังไม่ได้เข้าถึง บางคนอาจคิดว่าตัวเองพบไตรลักษณ์แล้ว
จะได้รู้ตัวว่า.........ผู้ที่เห็นไตรลักษณ์แล้วจะไม่หลงไปกับเรื่องราวในอดีต
ยิ่งถ้าเป็นโสดาบัน ท่านยิ่งไม่สนใจเลยว่า ตัวตนของท่านจะเคยทำอะไรมาบ้าง


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:


ที่จำได้ไม่ลืมก็คือ......ช่วงเวลาที่ ความสุขมันแสดงความทุกข์ให้เห็น


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 13:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:


ที่จำได้ไม่ลืมก็คือ......ช่วงเวลาที่ ความสุขมันแสดงความทุกข์ให้เห็น

ช่วงเวลาดีที่สุดของโฮฮับคือตอนทิ้งเมีย แล้วมีเด็กใหม่ อิอิ ธรรมะทิ้งเมีย5555


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:


ที่จำได้ไม่ลืมก็คือ......ช่วงเวลาที่ ความสุขมันแสดงความทุกข์ให้เห็น

ช่วงเวลาดีที่สุดของโฮฮับคือตอนทิ้งเมีย แล้วมีเด็กใหม่ อิอิ ธรรมะทิ้งเมีย5555



จริงดิสหายเมสซิ่ง :b1: เพิ่งรู้นะเนี่ย :b13: โอ....พระถังซัมจั๋ง

http://www.youtube.com/watch?v=p1Gfgf516NE

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:


ที่จำได้ไม่ลืมก็คือ......ช่วงเวลาที่ ความสุขมันแสดงความทุกข์ให้เห็น

ช่วงเวลาดีที่สุดของโฮฮับคือตอนทิ้งเมีย แล้วมีเด็กใหม่ อิอิ ธรรมะทิ้งเมีย5555


อายุหรือก็เป็นตาคนได้แล้ว ลูกจะเรียนจบ มีครอบครัวได้แล้ว
บิกทู่ยังพูดจาไร้แก่นสาร อีกหน่อยหลานตามันเรียก ตาเฒ่าจะรู้สึก :b32:


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 14:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:


ที่จำได้ไม่ลืมก็คือ......ช่วงเวลาที่ ความสุขมันแสดงความทุกข์ให้เห็น

ช่วงเวลาดีที่สุดของโฮฮับคือตอนทิ้งเมีย แล้วมีเด็กใหม่ อิอิ ธรรมะทิ้งเมีย5555


อายุหรือก็เป็นตาคนได้แล้ว ลูกจะเรียนจบ มีครอบครัวได้แล้ว
บิกทู่ยังพูดจาไร้แก่นสาร อีกหน่อยหลานตามันเรียก ตาเฒ่าจะรู้สึก :b32:
โฮ ใช้กรรมฐานไหนถึงทิ้งเมียครับอสุภะเหรอ :b12:


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 14:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:


ที่จำได้ไม่ลืมก็คือ......ช่วงเวลาที่ ความสุขมันแสดงความทุกข์ให้เห็น

ช่วงเวลาดีที่สุดของโฮฮับคือตอนทิ้งเมีย แล้วมีเด็กใหม่ อิอิ ธรรมะทิ้งเมีย5555


อายุหรือก็เป็นตาคนได้แล้ว ลูกจะเรียนจบ มีครอบครัวได้แล้ว
บิกทู่ยังพูดจาไร้แก่นสาร อีกหน่อยหลานตามันเรียก ตาเฒ่าจะรู้สึก :b32:
โฮ ใช้กรรมฐานไหนถึงทิ้งเมียครับอสุภะเหรอ :b12:


เชิญโหวตครับ......ท่านเชื่อคำไหนเป็นจริงคำไหนเป็นเท็จครับระหว่าง

...ทิ้งเมีย

....ให้เมียเลี้ยง

:b32:


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 15:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
ปล.พี่โฮฮับช่วยเล่าเรื่องราว ช่วงเวลาที่ทุกข์และช่วงเวลาที่สุขให้คุนน้องฟังได้รึเปล่า น้องอยากฟังง่ะ :b20: :b20: เป็นธรรมทานได้เปล่า :b43: :b38:


ที่จำได้ไม่ลืมก็คือ......ช่วงเวลาที่ ความสุขมันแสดงความทุกข์ให้เห็น

ช่วงเวลาดีที่สุดของโฮฮับคือตอนทิ้งเมีย แล้วมีเด็กใหม่ อิอิ ธรรมะทิ้งเมีย5555


อายุหรือก็เป็นตาคนได้แล้ว ลูกจะเรียนจบ มีครอบครัวได้แล้ว
บิกทู่ยังพูดจาไร้แก่นสาร อีกหน่อยหลานตามันเรียก ตาเฒ่าจะรู้สึก :b32:
โฮ ใช้กรรมฐานไหนถึงทิ้งเมียครับอสุภะเหรอ :b12:


เชิญโหวตครับ......ท่านเชื่อคำไหนเป็นจริงคำไหนเป็นเท็จครับระหว่าง

...ทิ้งเมีย

....ให้เมียเลี้ยง

:b32:
เคยได้ยิน ว่าก็มันไม่มีความสุขนี่หว่า กรรมฐานไหนหึ!โฮ


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 20:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูจะสนทนากันอย่างเป็นสุข... :b12: :b12: :b12:

เราต่างมีรสนิยม เป็นสุข ต่างกันไป ... เน๊อะ

:b12: :b9: :b9: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 20:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต
...
คืนก่อนที่เอกอนจะตั้งกระทู้...
คืนนั้นเอกอนฝันว่า ..พี่ชายตาย..และเอกอนก็นั่งมอง
ความรู้สึกในวันที่ไม่มีเขา

ในฝัน เอกอนรู้สึกนึกไปถึงตอนช่วงเวลายังมีเขา
รู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดี...

มันดียังไง...ก็ไม่รู้...
เพราะตลอดเวลาเราก็ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาอย่าง รู้สึกธรรมดา ๆ
ขัดใจกันบ้าง ตามใจกันบ้าง...ตามประสา

แต่ทำไมเมื่อ นึกถึงว่าช่วงเวลาต่อไปจะไม่มีเขาอีก
ทำไม...เราถึงเห็นว่า...ช่วงเวลาที่มีเขากลับเป็นช่วงเวลาที่มีค่าขึ้นมา

พอตื่นเลยได้ทบทวน...ราวกับว่า...

จริง ๆ แล้ว ทุก ๆ ช่วงเวลา เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ของมันอยู่แล้ว
ไม่ว่าช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข หรือความทุกข์ ก็ตาม
...
เรามีความสุขกับทุกช่วงเวลา...ได้...
เรามีความสุขไปกับทุก ๆ ความเป็นไป...ได้...เน๊อะ

เพื่อน ๆ ว่าไง


:b1: :b1: :b1:

เราเห็นเพื่อน ๆ กระเซ้าเย้าแหย่กัน...ก็...มีความสุขได้ไปตามประสา
...
เพราะ...เมื่อวันหนึ่งที่เราต้องห่างกันไป
ภาพเหล่านี้ก็จะเป็น...ภาพความทรงจำที่เราเห็นว่า...
มันเป็นช่วงเวลาที่ดี...ที่เรากับเพื่อน ๆ ได้มามะรุมมะตุ้มกันอยู่ที่นี่...


:b16: :b13: :b13: :b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร