วันเวลาปัจจุบัน 14 พ.ย. 2025, 00:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 21:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทุกสรรพสิ่ง...มันสั่นของมันอยู่แล้ว
กบลามกนะ พูดดีๆอะไรสั่นพูดชัดๆ เอกอนเขาเป็นสาวโสดนะ


ไ้ด้ยินเสียงหัวใจสั่นๆเต้นๆ :b9:
กรัชกายพักนี้ดูหนุ่มขึ้นนะ คึกน่าดูสงสัยไม่พ้นปีมีเมียแน่


หรอ มีตาที่สามหรอ :b32:

เดาๆเอานะถูกป่าวล่ะ


แหมๆ แม่นเหมือนจับวางเลยฮี่ๆ :b4:
แบบนี้สนมั้ย


สนๆ บอกมั่งฮี่ :b1:

กรัชกายชวนกบด้วยสิ



กบเป็นพระอริยะ คงไม่สนดอกมั่ง :b24:

บอกกรัชกายคนเีดียวพอ ว่ามาๆ

เหรอรู้ไดไงอย่าไปยกฐานะใครมั่วๆนะ เดียวเป็นแบบพี่หนองหรอก


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:


เหรอรู้ไดไงอย่าไปยกฐานะใครมั่วๆนะ เดียวเป็นแบบพี่หนองหรอก


ถ้างั้นก็นะ ใครจะเป็นอะไรก็ช่างเขา เอาเรื่องของเราดีกว่า บอกวิธีทำตาที่สามหน่อยดิ ไ้ด้ยินเขาพูดๆกันหลายทีแล้ว :b37:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 07:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


เหรอรู้ไดไงอย่าไปยกฐานะใครมั่วๆนะ เดียวเป็นแบบพี่หนองหรอก


ถ้างั้นก็นะ ใครจะเป็นอะไรก็ช่างเขา เอาเรื่องของเราดีกว่า บอกวิธีทำตาที่สามหน่อยดิ ไ้ด้ยินเขาพูดๆกันหลายทีแล้ว :b37:
กรัชกายต้องทำสมาธิให้ได้ก่อนจิ


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


เหรอรู้ไดไงอย่าไปยกฐานะใครมั่วๆนะ เดียวเป็นแบบพี่หนองหรอก


ถ้างั้นก็นะ ใครจะเป็นอะไรก็ช่างเขา เอาเรื่องของเราดีกว่า บอกวิธีทำตาที่สามหน่อยดิ ไ้ด้ยินเขาพูดๆกันหลายทีแล้ว :b37:
กรัชกายต้องทำสมาธิให้ได้ก่อนจิ



เอ้า.... ถ้างั้นเริ่มฝึกสมาธิกันเลย เอาเลยขอรับ เริ่มต้นต้องทำยังไง onion แต่ก็พอจับความไ้ด้ว่า อานาปาน ใช่นะครับ แล้วทำไงต่อ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 10:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


เหรอรู้ไดไงอย่าไปยกฐานะใครมั่วๆนะ เดียวเป็นแบบพี่หนองหรอก


ถ้างั้นก็นะ ใครจะเป็นอะไรก็ช่างเขา เอาเรื่องของเราดีกว่า บอกวิธีทำตาที่สามหน่อยดิ ไ้ด้ยินเขาพูดๆกันหลายทีแล้ว :b37:
กรัชกายต้องทำสมาธิให้ได้ก่อนจิ



เอ้า.... ถ้างั้นเริ่มฝึกสมาธิกันเลย เอาเลยขอรับ เริ่มต้นต้องทำยังไง onion แต่ก็พอจับความไ้ด้ว่า อานาปาน ใช่นะครับ แล้วทำไงต่อ
พระสูตรบอกว่าไว้อย่างไรกัดกายดูซิ. หายใจออกหายใจเข้ายาวๆก็รู้ว่าการหายใจยาวๆ นั้นมีอาการอย่างไร หายใจออกหายใจเข้าสั้นๆก็รู้ว่ามันมีอาการอย่างไร. กาที่เรามีสติกับการหายใจอย่างนี้เท่ากับเราฝืนธรรมชาติแห่งการหายใจตามปรกติซึ่งการหายใจตามปรกตินั้นจะเป็นการหายใจตามกิเลสตามโลกตามความเป็นไปของการปรุงแต่ง.


ถ้าเราปรับการหายใจแบบมีสติเท่ากับเราฝืนกิเลส ความจริงภายในรูปนามก็จะค่อยๆปรากฎออกมาเป็นอาการต่างๆแต่ล่ะคนจะไม่เหมือนกันเช่นอาการที่กรัชกายชอบยกมานั้นแหล่ะ. แต่จะมีอากรอย่างหนึ่งที่ทุกคนจะต้องเข้าถึงได้คือการรับรู้ถึงการเกิดดับของธาตุหรือกลาปะที่แสดงออกมาเป็นรูปที่ละเอียด เช่นรับรู้ความร้อนความเย็นความไหวตึง แต่สิ่งที่รับรู้ได้จะละเอียดกว่าความรู้สึกที่เคยรับรู้ตามปรกติ เมื่อเราสามารถรับรู้ความจริงที่ละเอียดกว่าปรกติเท่ากับจิตจะมีกำลังแล้วสติปัญญาก็จะแหลมคมขึ้นปัญญที่รับรู้สภาวะก็จะเป็นปัญญาที่รู้ชัดมากขึ้นตรงกับความจริงโดยสภาวะ ส่วนอาการที่ประหลาดๆอะไรที่คนชอบพูดกันไปนั้นตัวนักปฎิบัติเพียงขาดการเข้าใจความเป็นจริงก็เลยไปให้ค่ามันซะจนวุ่นวาย

ถ้าผู้ปฤิบัติเข้าใจก้จะวางเฉยกับมันด้วยใจเป็นกลางไม่ให้ความหมายกับมันมันเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ตัวผู้ปฎิบัติก็จะก้าวหน้าอย่างเร็ว ถ้าผู้ปฎิบัติติดอยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นนอกจากจะไม่ก้าวหน้าในการปฎิบัติแล้วยังเป็นการสร้างสังขารใหม่ให้เกิดขึ้นมาได้อีก. พอรับรู้ถึงความรู้สึกถึงความละเอียดคือการสั่นสะเทือนได้แล้ว เราก็มาทำตามพระสูตรต่อที่ท่านกล่าวไว้ว่า เราจะสำเนียกศึกษาว่าเราจะเป็นผู้รู้เฉพาะกายทั้งปวง เราก็เริ่มจากการพิจารณาตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าเราจะรับรู้ความรู้สึกทั่วร่างกายภายขอบเขตแห่งกายนี้ เราไม่จำเป็นต้องไปรับรู้รูปอะไรมากมายมันเป็นขั้นการศึกษา รู้เฉพาะขอบเขตของกายเราก็เพียงพอต่อการเข้าใจในสัจจะธรรมแล้ว

แต่การที่จิตสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆเท่ากับจิตเราได้ฝึกฝนมาดีพอสมควรแต่นั้นยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางของเรา จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่การเข้าถึงสภาวะที่เราได้ยินได้ฟังมาและได้ทำความเข้าใจมาว่าสิ่งทั้งหลายล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัยปรุงแต่งไม่มีตัวตนเราเขา เมื่อเขาถึงสภาวะนี้ด้วยการแทงตลอดบรมสัจด้วยกายและปัญญาแล้วความสิ้นสงสัยที่เป็นสังโยชน์นั้นจะถูกทำลายลงหมดสิ้นความเห็นถูกปรากฎข้อวัตรที่ผิดๆก็จะหมดไป อาการของการเข้าถึงสัจจะธรรมนั้นทวารทั้ง5จะดับ ขันธ์จะดับ4ขันธ์เหลือวิญญานอย่างเดียวที่ทำหน้าที่รับรู้ความจริง ส่วนใครสนใจสมาธิเพียงอย่างเดียวไม่ต้องสนใจอะไรมากเพ่งลมหายใจเข้าออกให้มากจับเป็นจุดเล็กๆตรงปลายจมูกทำแค่นี้ไม่ต้องระลึกตรงสภาวะความจริงเพียงรับรู้เฉพาะความรุ้สึกอย่างเดียวได้ฌานสี่จะทำอะไรก็ทำได้


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาอีกแล้วอเมสซิ่งไทยแลนด์ เอาพระสูตรมาให้นั่งตีความอีกแล้ว ดูสิน่า อ่านจบไ้ด้ฌานสี่แระฮี่ๆ

เอาภาคปฏิบัติกันเลยเถอะนะ บอกตรงๆสั้นๆเสียงดังฟังชัด ทำยังไง :b38:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเอาพระสูตรมาให้อ่านให้นั่งเดานั่งคิดนั่นนี่่ พอเถอะเบื่อม๊อบ :b9: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 11:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เอาอีกแล้วอเมสซิ่งไทยแลนด์ เอาพระสูตรมาให้นั่งตีความอีกแล้ว ดูสิน่า อ่านจบไ้ด้ฌานสี่แระฮี่ๆ

เอาภาคปฏิบัติกันเลยเถอะนะ บอกตรงๆสั้นๆเสียงดังฟังชัด ทำยังไง :b38:
ก็บอกให้นั่งหายใจเข้าออกยาวๆ สักพักก็เปลี่ยนมาสั้นๆ สักพักก็ให้จิตจับไปทั่วร่างกาย ทำยังล่ะ


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 11:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอาอีกแล้วอเมสซิ่งไทยแลนด์ เอาพระสูตรมาให้นั่งตีความอีกแล้ว ดูสิน่า อ่านจบไ้ด้ฌานสี่แระฮี่ๆ

เอาภาคปฏิบัติกันเลยเถอะนะ บอกตรงๆสั้นๆเสียงดังฟังชัด ทำยังไง :b38:


ก็บอกให้นั่งหายใจเข้าออกยาวๆ สักพักก็เปลี่ยนมาสั้นๆ สักพักก็ให้จิตจับไปทั่วร่างกาย ทำยังล่ะ



ถามให้แน่ใจลงตัวก่อนแล้วจึงทำ ไม่ใช้เอ๊ะอะๆก็ทำโดยไม่ถามเหตุผลไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลย ไ้ด้บ้ากันพอดี :b1:

ถามอีกหน่อยที่

อ้างคำพูด:
ก็บอกให้นั่งหายใจเข้าออกยาวๆ สักพักก็เปลี่ยนมาสั้นๆ สักพักก็ให้จิตจับไปทั่วร่างกาย


ทำไมเราต้องนั่งหายใจ เิดินหายใจไ้ด้มั้ย แล้วทำไมต้องหายใจเข้าออกยาวๆ แล้วก็เปลี่ยนมาหายใจออกเข้าสั้นๆ จิตจับที่ร่างกาย


ถามเหตุผล.....ทำไมเราไม่ดูตามที่มันเป็นของมันล่ะ เช่นหายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกสั้นหรือยาว คือเป็นยังไงก็ดูรู้เห็นตามนั้น หรือว่าแบบนั้นเ็ป็นเทคนิคการทำดวงตาที่สามให้เกิด หรือยังไง ตรงนี้ไม่ค่อยเข้าใจขอรับ

แล้วร่างกายที่ว่า ใช่ร่างกายที่พูดถึงในสติปัฏฐานมั้ย (กายานุปัสสนา) เราจะโยงไปเชื่อมกับกายนั้นไ้ด้ยังไงขอรับ :b8: :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 14:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอาอีกแล้วอเมสซิ่งไทยแลนด์ เอาพระสูตรมาให้นั่งตีความอีกแล้ว ดูสิน่า อ่านจบไ้ด้ฌานสี่แระฮี่ๆ

เอาภาคปฏิบัติกันเลยเถอะนะ บอกตรงๆสั้นๆเสียงดังฟังชัด ทำยังไง :b38:


ก็บอกให้นั่งหายใจเข้าออกยาวๆ สักพักก็เปลี่ยนมาสั้นๆ สักพักก็ให้จิตจับไปทั่วร่างกาย ทำยังล่ะ



ถามให้แน่ใจลงตัวก่อนแล้วจึงทำ ไม่ใช้เอ๊ะอะๆก็ทำโดยไม่ถามเหตุผลไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลย ไ้ด้บ้ากันพอดี :b1:

ถามอีกหน่อยที่

อ้างคำพูด:
ก็บอกให้นั่งหายใจเข้าออกยาวๆ สักพักก็เปลี่ยนมาสั้นๆ สักพักก็ให้จิตจับไปทั่วร่างกาย


ทำไมเราต้องนั่งหายใจ เิดินหายใจไ้ด้มั้ย แล้วทำไมต้องหายใจเข้าออกยาวๆ แล้วก็เปลี่ยนมาหายใจออกเข้าสั้นๆ จิตจับที่ร่างกาย


ถามเหตุผล.....ทำไมเราไม่ดูตามที่มันเป็นของมันล่ะ เช่นหายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกสั้นหรือยาว คือเป็นยังไงก็ดูรู้เห็นตามนั้น หรือว่าแบบนั้นเ็ป็นเทคนิคการทำดวงตาที่สามให้เกิด หรือยังไง ตรงนี้ไม่ค่อยเข้าใจขอรับ

แล้วร่างกายที่ว่า ใช่ร่างกายที่พูดถึงในสติปัฏฐานมั้ย (กายานุปัสสนา) เราจะโยงไปเชื่อมกับกายนั้นไ้ด้ยังไงขอรับ :b8: :b10:
กรัชกายจะตามดูมันแบบนั้นก็ได้ ดูไปสักชาติก็ดี แล้วมาถามเอาแบบสั้นๆ ก็บอกเทคนิคกรัชกายจะเข้าฟอร์มเดิม พระองค์ทรงอธิบายอานาปานสติเป็นทั้งกาย เวทน จิต ธรรม
แบบสั้นสะดวกสบาย ส่วนการเจริญสติที่แยกเป็นหมวดๆพระองค์ให้เห็นชัดเจนเพือความเข้าใจ ส่วนการปฎิบัติท่านย้ำที่อานาปานติมีตั้ง36พระสูตรไปอ่านดู ส่วนที่ชีวิตที่ทำงานที่ต้องมีอริยบทเขามาท่านให้ใช้จิตอธิฐานการงานอยู่กับอริยบท


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอาอีกแล้วอเมสซิ่งไทยแลนด์ เอาพระสูตรมาให้นั่งตีความอีกแล้ว ดูสิน่า อ่านจบไ้ด้ฌานสี่แระฮี่ๆ

เอาภาคปฏิบัติกันเลยเถอะนะ บอกตรงๆสั้นๆเสียงดังฟังชัด ทำยังไง :b38:


ก็บอกให้นั่งหายใจเข้าออกยาวๆ สักพักก็เปลี่ยนมาสั้นๆ สักพักก็ให้จิตจับไปทั่วร่างกาย ทำยังล่ะ



ถามให้แน่ใจลงตัวก่อนแล้วจึงทำ ไม่ใช้เอ๊ะอะๆก็ทำโดยไม่ถามเหตุผลไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลย ไ้ด้บ้ากันพอดี :b1:

ถามอีกหน่อยที่

อ้างคำพูด:
ก็บอกให้นั่งหายใจเข้าออกยาวๆ สักพักก็เปลี่ยนมาสั้นๆ สักพักก็ให้จิตจับไปทั่วร่างกาย


ทำไมเราต้องนั่งหายใจ เิดินหายใจไ้ด้มั้ย แล้วทำไมต้องหายใจเข้าออกยาวๆ แล้วก็เปลี่ยนมาหายใจออกเข้าสั้นๆ จิตจับที่ร่างกาย


ถามเหตุผล.....ทำไมเราไม่ดูตามที่มันเป็นของมันล่ะ เช่นหายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกสั้นหรือยาว คือเป็นยังไงก็ดูรู้เห็นตามนั้น หรือว่าแบบนั้นเ็ป็นเทคนิคการทำดวงตาที่สามให้เกิด หรือยังไง ตรงนี้ไม่ค่อยเข้าใจขอรับ

แล้วร่างกายที่ว่า ใช่ร่างกายที่พูดถึงในสติปัฏฐานมั้ย (กายานุปัสสนา) เราจะโยงไปเชื่อมกับกายนั้นไ้ด้ยังไงขอรับ :b8: :b10:
กรัชกายจะตามดูมันแบบนั้นก็ได้ ดูไปสักชาติก็ดี แล้วมาถามเอาแบบสั้นๆ ก็บอกเทคนิคกรัชกายจะเข้าฟอร์มเดิม พระองค์ทรงอธิบายอานาปานสติเป็นทั้งกาย เวทน จิต ธรรม
แบบสั้นสะดวกสบาย ส่วนการเจริญสติที่แยกเป็นหมวดๆพระองค์ให้เห็นชัดเจนเพือความเข้าใจ ส่วนการปฎิบัติท่านย้ำที่อานาปานติมีตั้ง36พระสูตรไปอ่านดู ส่วนที่ชีวิตที่ทำงานที่ต้องมีอริยบทเขามาท่านให้ใช้จิตอธิฐานการงานอยู่กับอริยบท

จริงๆคุณน้องก็ไม่ได้ค้านอะเมซิ่งนะ เพราะว่าในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ก็ตรัสกับสาวกว่า ถ้าจะกล่าวธรรมใด หรือมีผู้ใดมาถามว่า พระสมณโคดมใช้ธรรมใดเป็นเครื่องอยู่แห่งจิต(คุณน้องจำได้คร่าวๆ) พระพุทธองค์ตรัสกับสาวกว่า ให้บอกว่า อยู่ด้วยอานาปานสติ :b1:


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 14:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอาอีกแล้วอเมสซิ่งไทยแลนด์ เอาพระสูตรมาให้นั่งตีความอีกแล้ว ดูสิน่า อ่านจบไ้ด้ฌานสี่แระฮี่ๆ

เอาภาคปฏิบัติกันเลยเถอะนะ บอกตรงๆสั้นๆเสียงดังฟังชัด ทำยังไง :b38:


ก็บอกให้นั่งหายใจเข้าออกยาวๆ สักพักก็เปลี่ยนมาสั้นๆ สักพักก็ให้จิตจับไปทั่วร่างกาย ทำยังล่ะ



ถามให้แน่ใจลงตัวก่อนแล้วจึงทำ ไม่ใช้เอ๊ะอะๆก็ทำโดยไม่ถามเหตุผลไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลย ไ้ด้บ้ากันพอดี :b1:

ถามอีกหน่อยที่

อ้างคำพูด:
ก็บอกให้นั่งหายใจเข้าออกยาวๆ สักพักก็เปลี่ยนมาสั้นๆ สักพักก็ให้จิตจับไปทั่วร่างกาย


ทำไมเราต้องนั่งหายใจ เิดินหายใจไ้ด้มั้ย แล้วทำไมต้องหายใจเข้าออกยาวๆ แล้วก็เปลี่ยนมาหายใจออกเข้าสั้นๆ จิตจับที่ร่างกาย


ถามเหตุผล.....ทำไมเราไม่ดูตามที่มันเป็นของมันล่ะ เช่นหายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกสั้นหรือยาว คือเป็นยังไงก็ดูรู้เห็นตามนั้น หรือว่าแบบนั้นเ็ป็นเทคนิคการทำดวงตาที่สามให้เกิด หรือยังไง ตรงนี้ไม่ค่อยเข้าใจขอรับ

แล้วร่างกายที่ว่า ใช่ร่างกายที่พูดถึงในสติปัฏฐานมั้ย (กายานุปัสสนา) เราจะโยงไปเชื่อมกับกายนั้นไ้ด้ยังไงขอรับ :b8: :b10:
กรัชกายจะตามดูมันแบบนั้นก็ได้ ดูไปสักชาติก็ดี แล้วมาถามเอาแบบสั้นๆ ก็บอกเทคนิคกรัชกายจะเข้าฟอร์มเดิม พระองค์ทรงอธิบายอานาปานสติเป็นทั้งกาย เวทน จิต ธรรม
แบบสั้นสะดวกสบาย ส่วนการเจริญสติที่แยกเป็นหมวดๆพระองค์ให้เห็นชัดเจนเพือความเข้าใจ ส่วนการปฎิบัติท่านย้ำที่อานาปานติมีตั้ง36พระสูตรไปอ่านดู ส่วนที่ชีวิตที่ทำงานที่ต้องมีอริยบทเขามาท่านให้ใช้จิตอธิฐานการงานอยู่กับอริยบท

จริงๆคุณน้องก็ไม่ได้ค้านอะเมซิ่งนะ เพราะว่าในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ก็ตรัสกับสาวกว่า ถ้าจะกล่าวธรรมใด หรือมีผู้ใดมาถามว่า พระสมณโคดมใช้ธรรมใดเป็นเครื่องอยู่แห่งจิต(คุณน้องจำได้คร่าวๆ) พระพุทธองค์ตรัสกับสาวกว่า ให้บอกว่า อยู่ด้วยอานาปานสติ :b1:

อานาปานสติเป็นเครื่องอยู่เพื่อความสบายของพระเสะขึ้นไปครับ ส่วนปุถุชนนั้นยังคงตองศึกษาอานาปาสติกันอีก


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 14:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:


กรัชกายจะตามดูมันแบบนั้นก็ได้ ดูไปสักชาติก็ดี แล้วมาถามเอาแบบสั้นๆ ก็บอกเทคนิคกรัชกายจะเข้าฟอร์มเดิม พระองค์ทรงอธิบายอานาปานสติเป็นทั้งกาย เวทน จิต ธรรม

แบบสั้นสะดวกสบาย ส่วนการเจริญสติที่แยกเป็นหมวดๆพระองค์ให้เห็นชัดเจนเพือความเข้าใจ ส่วนการปฎิบัติท่านย้ำที่อานาปานติมีตั้ง36พระสูตรไปอ่านดู ส่วนที่ชีวิตที่ทำงานที่ต้องมีอริยบทเขามาท่านให้ใช้จิตอธิฐานการงานอยู่กับอริยบท


อ้างคำพูด:
กรัชกายจะตามดูมันแบบนั้นก็ได้ ดูไปสักชาติก็ดี


ดูตามที่มันเป็นเนี่ย เล่นกันเป็นชาติๆเลยหรอครับ :b2:

มันต่างจากที่ amazing บอกยังไงครับ ไม่เข้าใจ :b10:


อ้างคำพูด:
อานาปานสติ เป็นทั้งกาย เวทนา จิต ธรรม


ข้องใจประโยคนี้ อานาปานสติ เป็นทั้งกาย เวทนา จิต ธรรม ยังไง แยกให้เป็นภาคปฏิบัติสิครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

อานาปานสติเป็นเครื่องอยู่เพื่อความสบายของพระเสะขึ้นไปครับ ส่วนปุถุชนนั้นยังคงตองศึกษาอานาปาสติกันอีก


มันยังไงครับ ลมหายใจเข้าออกเนี่ย คนทั่วๆไปใช้ฝึกไม่ได้หรือครับ ทำไมกลายเป็นเครื่องอยู่ของพระเสขะไป

ก็ไหนว่าอานาปานสติ เป็นทั้งกาย เวทนา จิต ธรรม ล่ะ งงนะครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 ต.ค. 2013, 14:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

อานาปานสติเป็นเครื่องอยู่เพื่อความสบายของพระเสะขึ้นไปครับ ส่วนปุถุชนนั้นยังคงตองศึกษาอานาปาสติกันอีก


มันยังไงครับ ลมหายใจเข้าออกเนี่ย คนทั่วๆไปใช้ฝึกไม่ได้หรือครับ ทำไมกลายเป็นเครื่องอยู่ของพระเสขะไป

ก็ไหนว่าอานาปานสติ เป็นทั้งกาย เวทนา จิต ธรรม ล่ะ งงนะครับ :b1:
ปุถุชนใช้ฝึกเพื่อเข้าถึงอริยชนส่วนพระเสขะทียังต้องไปต่อก็พอได้รับอนิสงส์จากอานาปานสติเป็นเครืองอยุ่สบายๆ


แก้ไขล่าสุดโดย amazing เมื่อ 18 ต.ค. 2013, 14:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร