วันเวลาปัจจุบัน 13 พ.ย. 2025, 22:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 04:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(ต่อจากหน้า๑)

กรัชกาย เขียน:
ฉันทะมี ๓ ประเภท คือ


ฉันทะในความเป็นพุทธพจน์แท้ๆ เป็นอาการของจิตที่เรียกว่า สังขาร(สังขารขันธ์)
มันเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ตัวฉันทะเกิดตามเหตุและก็ดับตามเหตุ แต่ก่อนที่มันจะดับ
มันสามารถเป็นเหตุให้เกิดสภาวะธรรมตัวใหม่ขึ้นได้

มีหลายคนเข้าใจผิดว่า ฉันทะแบ่งเป็นหลายประเภท ก็เป็นเพราะขาดความเข้าใจให้เรื่อง
ของสภาวะ ไม่รู้ว่าสภาวะธรรมเกิดแล้วก็ดับ จึงไปเอาตัวเหตุและผลมารวมกัน
จนเกิดเป็นคำใหม่ขึ้น แล้วก็คิดว่ามันเป็นสภาวะธรรม

สรุปให้ฟังสั้นๆว่า ฉันทะก็คือฉันทะ เป็นอย่างเดียวในสภาวะ
หาได้แบ่งเป็นหลายอย่างหรือสามอย่างแบบที่กรัชกายบอก
ที่เราเห็นหรือเกิดความแตกต่างขึ้น ไม่ใช่เป็นฉันทะ แต่ความแตกต่าง
มันอยู่ที่...เหตุปัจจัย ที่ทำให้เกิดฉันทะ ไม่ใช่ตัวฉันทะ
และเหตุปัจจัยที่ว่าก็......ผัสสะนั้นเอง


กรัชกาย เขียน:
๑. ตัณหาฉันทะ ฉันทะคือตัณหา หรือฉันทะที่เป็นตัณหา เป็นฝ่ายชั่ว หรืออกุศล


มีเยี่ยงอย่างที่ไหน "ฉันทะคือตัณหา" ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ
ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดขันธ์ห้า ฉันทะเป็นหนึ่งในขันธ์ห้า
ตัณหาไม่ได้เป็นฝ่ายชั่วหรืออะไรทั้งนั้น
ความดีความชั่ว กุศลและอกุศลมันเกิดขึ้นภายหลัง มันเป็นผลมาจากการปรุงแต่งของจิต

สรุปความดี ชั่ว กุศล อกุศล ล้วนเกิดจากตัณหาทั้งสิ้น
ธรรมที่ไม่ได้เกิดจากตัณหาเรียกว่า อัพยากตธรรม ไม่เป็นทั้งกุศลและอกุศล
ซึ่งผู้จะมีธรรมนี้ได้ต้องเป็นพระอรหันต์

กรัชกาย เขียน:
๒. กัตตุกัมยตาฉันทะ ฉันทะคือความใคร่เพื่อจะทำ ได้แก่ ความต้องการทำ หรืออยากทำ บางทีถือเป็นคำกลางๆ เข้าได้ทั้งกุศลและอกุศล แต่ในที่ทั่วไป ท่านใช้ในความหมายที่เป็นกุศล เป็นฝ่ายดี


นี่ไงเอาพุทธพจน์ไปสร้างคำใหม่ ในฉันทะที่ยกมา ในแต่ล่ะคำมีความหมายในตัวของมันเอง
ในทางพุทธพจน์แล้ว ในคำแต่ล่ะคำเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่กัน เรียกได้ว่า มันเป็นคนล่ะสภาวะ

ถ้าจะเอาคำว่า"กัตตุกัมยตาฉันทะ" มาอธิบาย ต้องอธิบายให้เห็นในความเป็นเหตุปัจจัย
ทำให้เห็นถึงสภาวะการเกิดดับของธรรมในแต่ล่ะธรรม
ไม่ใช่เอาธรรมทั้งสามธรรมมารวมกันเป็นคำเดียว แล้วก็แปลแบบนี้มันผิดหลักพุทธพจน์

ถ้าจะให้อธิบายตามหลักของเหตุปัจจัยก็คือ การกำหนดรู้ธรรม....ความปรารถนาในธรรมนั้น
และความพอใจในธรรมที่กำหนดรู้นั้น

การจะพิจารณา "กัตตุกัมยตาฉันทะ" ต้องพิจารณาในลักษณะของ... อัญญมัญญปัจจัย
เพราะว่า....ใน"กัตตุกัมยตาฉันทะ" นี้ มันเป็นเหตุปัจจัยร่วมกันอยู่

การจะอธิบายความจะต้องกล่าวแยกปัจจัยในแต่ล่ะตัว
ไม่ใช่กล่าวเป็นคำศัพท์แบบที่กรัชกายเอามาพูด เพราะว่า.......
สภาวะที่เรียกว่า กัตตุกัมยตาฉันทะมันไม่มี


กรัชกาย เขียน:
๓. กุศลธรรมฉันทะ ฉันทะในกุศลธรรม หรือธรรมฉันทะที่เป็นกุศล เป็นฝ่ายดีงามหรือกุศล มักเรียกสั้นๆว่า กุศลฉันทะ (ความรักดี ความใฝ่ดี) หรือธรรมฉันทะ (ความรักธรรม หรือความใฝ่ธรรม)

ฉันทะมันเกิดจากเหตุปัจจัย ฉันทะในความเป็นขันธ์ห้า มันเกิดจากผัสสะ
มันไม่มีความเป็นกุศลและอกุศล
ฉันทะเป็นเพียงสังขารขันธ์ตัวหนึ่ง อันเป็นผลมาจาก ผัสสะ เวทนาและสัญญา
ซึ่งยังมีสังขารขันธ์อีกหลายตัวที่เกิดตามเหตุปัจจัยแห่งผัสสะ เวทนาและสัญญา

ความเป็นกุศลและอกุศล ขึ้นอยู่กับการปรุงแต่งของเวทนาและสัญญา
มันไม่ได้เกี่ยวกับความดีงาม ถ้าเกิดผัสสะหรือเกิดการกระทบมันย่อมเป็นเหตุ
ให้เกิดสังขารขันธ์ที่เป็นกุศลและอกุศล ไม่ได้เกี่ยวกับความดีชั่ว


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 05:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
บางท่าน เห็นคำว่า "ฉันทะ" แล้วติดตาติดใจ แต่ฉันทะที่อิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ว่าอยู่ฝ่ายดี ฝ่ายกุศลนี่ แต่พอไปเห็น กามฉันทะ (กาม+ฉันทะ) ที่นิวรณ์ 5 (ข้อแรก) ร้องไห้เลย เป็นไงมาไงกันละเนี่ย โฮฮับรูปหล่อพอรู้ไหม


ก็เล่นท่องจำคำศัพท์ แถมไปจำคำศัพท์ที่เอาพุทธพจน์ไปแต่งเป็นคำใหม่ มันก็สับสนเองน่ะซิ
พระพุทธองค์ให้ดูแต่ล่ะสภาวะ พุทธพจน์แต่ล่ะคำเป็นสภาวะที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยกัน
นี่เล่นเอาสภาวะแต่ล่ะสภาวะมารวมกัน มีเยี่ยงอย่างที่ไหน

เข้าใจหรือเปล่าว่า สภาวะแต่ล่ะสภาวะเกิดแล้วก็ดับ แต่ในความเกิดความดับ
มันเป็นเหตุให้เกิดสภาวะอื่นอีก

ตามที่ได้บอกไปแล้วว่า....ฉันทะไม่ใช่ทั้งกุศลและอกุศล มันเป็นสภาวะกลางๆ
มันจึงสามารถเป็นเหตุเป็นผลแห่งกุศลและอกุศลได้

ที่เกิดความสับสน ก็เพราะเอา"ฉันทะ"ไปรวมกับคำๆอื่น จนเป็นคำเดียวกันแบบนี้
มันทำให้ความหมายผิดเพี้ยน การจะทำความเข้าใจ ต้องเข้าใจตามเหตุปัจจัย
ในความหมายของแต่ล่ะคำ ไม่ใช่เอาคำไปรวมกันจนเกิดคำใหม่

ฉันทะในสัมมัธปธาน ฉันทะนั้นก็เป็นกุศล
ถ้าเป็นฉันทะในธรรมที่เป็น โลภะ โทสะ โมหะ ฉันทะนั้นก็เป็นอกุศล

ถ้าพูดถึงสภาวะที่เป็นฉันทะ จะเป็นฉันทะในกุศลหรือฉันทะในอกุศล
มันก็เป็นฉันทะตัวเดียวกัน เพียงแต่มันแตกด้วยเหตุปัจจัย


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 05:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:



มีเยี่ยงอย่างที่ไหน "ฉันทะคือตัณหา" ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ
ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดขันธ์ห้า ฉันทะเป็นหนึ่งในขันธ์ห้า
ตัณหาไม่ได้เป็นฝ่ายชั่วหรืออะไรทั้งนั้น
ความดีความชั่ว กุศลและอกุศลมันเกิดขึ้นภายหลัง มันเป็นผลมาจากการปรุงแต่งของจิต

สรุปความดี ชั่ว กุศล อกุศล ล้วนเกิดจากตัณหาทั้งสิ้น
ธรรมที่ไม่ได้เกิดจากตัณหาเรียกว่า อัพยากตธรรม ไม่เป็นทั้งกุศลและอกุศล
ซึ่งผู้จะมีธรรมนี้ได้ต้องเป็นพระอรหันต์



อ้างคำพูด:
มีเยี่ยงอย่างที่ไหน "ฉันทะคือตัณหา" ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ



ดังว่า "ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ" นึกถึงคำพูดของ...ว่า "นิพพานก็คือนิพพาน"

ที่ว่า "ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดขันธ์ห้า" ขันธ์ห้า ไม่ต้องบอกทั้งหมดก็ไ้้ด้เอาตัวเดียวพอ "รูป" ชี้ลงไปชัดๆ สิครับ ไหนรูป เอาชัดๆ ไม่เหมารวมว่า "ขันธ์ห้าๆๆๆๆ"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 05:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:



มีเยี่ยงอย่างที่ไหน "ฉันทะคือตัณหา" ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ
ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดขันธ์ห้า ฉันทะเป็นหนึ่งในขันธ์ห้า
ตัณหาไม่ได้เป็นฝ่ายชั่วหรืออะไรทั้งนั้น
ความดีความชั่ว กุศลและอกุศลมันเกิดขึ้นภายหลัง มันเป็นผลมาจากการปรุงแต่งของจิต

สรุปความดี ชั่ว กุศล อกุศล ล้วนเกิดจากตัณหาทั้งสิ้น
ธรรมที่ไม่ได้เกิดจากตัณหาเรียกว่า อัพยากตธรรม ไม่เป็นทั้งกุศลและอกุศล
ซึ่งผู้จะมีธรรมนี้ได้ต้องเป็นพระอรหันต์



อ้างคำพูด:
มีเยี่ยงอย่างที่ไหน "ฉันทะคือตัณหา" ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ



ดังว่า "ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ" นึกถึงคำพูดของ...ว่า "นิพพานก็คือนิพพาน"

ที่ว่า "ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดขันธ์ห้า" ขันธ์ห้า ไม่ต้องบอกทั้งหมดก็ไ้้ด้เอาตัวเดียวพอ "รูป" ชี้ลงไปชัดๆ สิครับ ไหนรูป เอาชัดๆ ไม่เหมารวมว่า "ขันธ์ห้าๆๆๆๆ"
บอกไปแล้วนี่รูปภาพถ่ายไงกัดกาย อิอิ


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 05:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับเอ้ย คุณไม่ไ้ด้เข้าใจพระพุทธศาสนาอะไรเลย เพ้อเจ้อ นี่พูดจากใจจริงนะขอรับเนี่ย :b1:
ครับพ่อคนรู้ดีในพุทธศาสนา กระพี้ล้วนๆอิอิ


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 06:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีเยี่ยงอย่างที่ไหน "ฉันทะคือตัณหา" ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ



โฮฮับว่า "ฉันทะก็คือฉันทะ" แล้วในนิวรณ์ 5 ข้อ 1 ว่า "กามฉันทะ" โฮฮับจะออกทางไหน :b10:

เมื่อว่ "ตัณหาก็คือตัณหา" แล้วในอริยสัจ ข้อ สมุทัย ทำไมทานจึงว่าได้แก่ตัณหา ล่ะ ทำไม่ไม่ว่าแบบโฮฮับ ตัณหาก็คือตัณหา สมุทัยก็คือสมุทัย เออๆๆ โฮฮับจะออกทางไหน :b10: :b14: :b36:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 06:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับเอ้ย คุณไม่ไ้ด้เข้าใจพระพุทธศาสนาอะไรเลย เพ้อเจ้อ นี่พูดจากใจจริงนะขอรับเนี่ย :b1:
ครับพ่อคนรู้ดีในพุทธศาสนา กระพี้ล้วนๆอิอิ


บอกแก่นหน่อย อะไรคือแก่น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 06:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:



มีเยี่ยงอย่างที่ไหน "ฉันทะคือตัณหา" ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ
ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดขันธ์ห้า ฉันทะเป็นหนึ่งในขันธ์ห้า
ตัณหาไม่ได้เป็นฝ่ายชั่วหรืออะไรทั้งนั้น
ความดีความชั่ว กุศลและอกุศลมันเกิดขึ้นภายหลัง มันเป็นผลมาจากการปรุงแต่งของจิต

สรุปความดี ชั่ว กุศล อกุศล ล้วนเกิดจากตัณหาทั้งสิ้น
ธรรมที่ไม่ได้เกิดจากตัณหาเรียกว่า อัพยากตธรรม ไม่เป็นทั้งกุศลและอกุศล
ซึ่งผู้จะมีธรรมนี้ได้ต้องเป็นพระอรหันต์



อ้างคำพูด:
มีเยี่ยงอย่างที่ไหน "ฉันทะคือตัณหา" ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ



ดังว่า "ตัณหาก็คือตัณหา ฉันทะก็คือฉันทะ" นึกถึงคำพูดของ...ว่า "นิพพานก็คือนิพพาน"

ที่ว่า "ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดขันธ์ห้า" ขันธ์ห้า ไม่ต้องบอกทั้งหมดก็ไ้้ด้เอาตัวเดียวพอ "รูป" ชี้ลงไปชัดๆ สิครับ ไหนรูป เอาชัดๆ ไม่เหมารวมว่า "ขันธ์ห้าๆๆๆๆ"


บอกไปแล้วนี่รูปภาพถ่ายไงกัดกาย อิอิ


สาธุ ๆๆ เก่งๆๆ :b35:

เลยเกาะสีชังแระ :b32:

http://www.youtube.com/watch?v=rsHwzN7f89k

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอถามแบบคนธรรมดาหน่อยนะเจ้าค่ะ :b10:
ฉันทะ คือ หมายถึง มีความพอใจหรือมีความอยากจะ...ยกตัวอย่าง ฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยแล้วเป็นไปในทางกุศล..หรือฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยเป็นไปในทางอกุศล แบบนี้พอได้ไหมเจ้าค่ะทำไมฉันทะอย่างเดียว แยกไปหลายอย่างมันทำให้คนสติปัญญาน้อยอย่างคุณน้องงงนะเจ้าค่ะ สงสารกันหน่อย :b6: คุณน้องไม่ชอบให้อธิบายยาวๆ ขี้เกียจอ่านสรุปประเด็นสั้นๆได้ใจความไม่ได้หรอ ที่คุณน้องขี้เกียจเรียนหนังสือก็เพราะว่าเบื่อพวกที่ชอบเทศชอบพูดไม่จบจับใจความไม่ได้แล้วมันทำให้คุณน้องอยากจะหลับ 555+
ปล.ประโยคนี้เลยทำคุณน้องเข้าป่าเข้าพงหมด กัตตุกัมยตาฉันทะซึ่งคุณน้องไ่ม่มีความเข้าใจกับศัพท์นี้อ่ะนะ 555+


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ขอถามแบบคนธรรมดาหน่อยนะเจ้าค่ะ :b10:
ฉันทะ คือ หมายถึง มีความพอใจหรือมีความอยากจะ...ยกตัวอย่าง ฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยแล้วเป็นไปในทางกุศล..หรือฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยเป็นไปในทางอกุศล แบบนี้พอได้ไหมเจ้าค่ะทำไมฉันทะอย่างเดียว แยกไปหลายอย่างมันทำให้คนสติปัญญาน้อยอย่างคุณน้องงงนะเจ้าค่ะ สงสารกันหน่อย :b6: คุณน้องไม่ชอบให้อธิบายยาวๆ ขี้เกียจอ่านสรุปประเด็นสั้นๆได้ใจความไม่ได้หรอ ที่คุณน้องขี้เกียจเรียนหนังสือก็เพราะว่าเบื่อพวกที่ชอบเทศชอบพูดไม่จบจับใจความไม่ได้แล้วมันทำให้คุณน้องอยากจะหลับ 555+
ปล.ประโยคนี้เลยทำคุณน้องเข้าป่าเข้าพงหมด กัตตุกัมยตาฉันทะซึ่งคุณน้องไ่ม่มีความเข้าใจกับศัพท์นี้อ่ะนะ 555+



อย่ารู้มากเลย รู้มากแล้วยากนาน คิกๆๆ

หรือบอกหน่อยก็ไ้ด้

กัตตุกัมยตาฉันทะ ฉันทะคือความใคร่เพื่อจะทำ ไ้้ด้แก่ ความต้องการทำ หรืออยากทำ บางทีเป็นคำกลางๆ เข้าไ้ด้ทั้งกุศลอกุศล แต่ในที่ทั่วไป ท่านใช้ในความหมายที่เป็นกุศล เป็นฝ่ายดี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
ขอถามแบบคนธรรมดาหน่อยนะเจ้าค่ะ :b10:
ฉันทะ คือ หมายถึง มีความพอใจหรือมีความอยากจะ...ยกตัวอย่าง ฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยแล้วเป็นไปในทางกุศล..หรือฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยเป็นไปในทางอกุศล แบบนี้พอได้ไหมเจ้าค่ะทำไมฉันทะอย่างเดียว แยกไปหลายอย่างมันทำให้คนสติปัญญาน้อยอย่างคุณน้องงงนะเจ้าค่ะ สงสารกันหน่อย :b6: คุณน้องไม่ชอบให้อธิบายยาวๆ ขี้เกียจอ่านสรุปประเด็นสั้นๆได้ใจความไม่ได้หรอ ที่คุณน้องขี้เกียจเรียนหนังสือก็เพราะว่าเบื่อพวกที่ชอบเทศชอบพูดไม่จบจับใจความไม่ได้แล้วมันทำให้คุณน้องอยากจะหลับ 555+
ปล.ประโยคนี้เลยทำคุณน้องเข้าป่าเข้าพงหมด กัตตุกัมยตาฉันทะซึ่งคุณน้องไ่ม่มีความเข้าใจกับศัพท์นี้อ่ะนะ 555+



อย่ารู้มากเลย รู้มากแล้วยากนาน คิกๆๆ

คุณน้องรู้ในสิ่งที่รู้เพราะปัญญาของตน คุณน้องสามารถช่วยแนะนำผู้อื่นในการดำรงชีวิตได้ สามารถบอกเค้าในการปรับทัศนะ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของเค้าไปในทางที่ดีขึ้นหรือสามารถชี้ให้เห็นจุดที่เป็นรอยโหว่ ของเค้า และให้หาวิธีอุดหลุมนั้นซะเพื่อจะได้หายทุกข์จากสิ่งนั้น ปัญญาของคุณน้องเป็นไปเพื่อการดำรงชีวิตตามสภาพความเป็นจริงและเพื่อช่วยแนะนำผุ้อื่น เพื่อไม่ให้เค้าติดอยู่ในทุกข์ ไม่ได้เป็นไปเพื่อศึกษาเพื่อให้รู้และเข้าใจในคำศัพท์หรือความหมายของศัพอภิธรรมสำนวนบาหลี คุณน้องมีปัญญาในลักษณะนี้ก็เพื่ออะไรกันแน่นะ เพื่อให้เกิดสันติสุขและเสรีภาพในเบื้องหน้าหรือเปล่า.. :b13:


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 13:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
ขอถามแบบคนธรรมดาหน่อยนะเจ้าค่ะ :b10:
ฉันทะ คือ หมายถึง มีความพอใจหรือมีความอยากจะ...ยกตัวอย่าง ฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยแล้วเป็นไปในทางกุศล..หรือฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยเป็นไปในทางอกุศล แบบนี้พอได้ไหมเจ้าค่ะทำไมฉันทะอย่างเดียว แยกไปหลายอย่างมันทำให้คนสติปัญญาน้อยอย่างคุณน้องงงนะเจ้าค่ะ สงสารกันหน่อย :b6: คุณน้องไม่ชอบให้อธิบายยาวๆ ขี้เกียจอ่านสรุปประเด็นสั้นๆได้ใจความไม่ได้หรอ ที่คุณน้องขี้เกียจเรียนหนังสือก็เพราะว่าเบื่อพวกที่ชอบเทศชอบพูดไม่จบจับใจความไม่ได้แล้วมันทำให้คุณน้องอยากจะหลับ 555+
ปล.ประโยคนี้เลยทำคุณน้องเข้าป่าเข้าพงหมด กัตตุกัมยตาฉันทะซึ่งคุณน้องไ่ม่มีความเข้าใจกับศัพท์นี้อ่ะนะ 555+



อย่ารู้มากเลย รู้มากแล้วยากนาน คิกๆๆ

คุณน้องรู้ในสิ่งที่รู้เพราะปัญญาของตน คุณน้องสามารถช่วยแนะนำผู้อื่นในการดำรงชีวิตได้ สามารถบอกเค้าในการปรับทัศนะ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของเค้าไปในทางที่ดีขึ้นหรือสามารถชี้ให้เห็นจุดที่เป็นรอยโหว่ ของเค้า และให้หาวิธีอุดหลุมนั้นซะเพื่อจะได้หายทุกข์จากสิ่งนั้น ปัญญาของคุณน้องเป็นไปเพื่อการดำรงชีวิตตามสภาพความเป็นจริงและเพื่อช่วยแนะนำผุ้อื่น เพื่อไม่ให้เค้าติดอยู่ในทุกข์ ไม่ได้เป็นไปเพื่อศึกษาเพื่อให้รู้และเข้าใจในคำศัพท์หรือความหมายของศัพอภิธรรมสำนวนบาหลี คุณน้องมีปัญญาในลักษณะนี้ก็เพื่ออะไรกันแน่นะ เพื่อให้เกิดสันติสุขและเสรีภาพในเบื้องหน้าหรือเปล่า.. :b13:

คุณน้องเก่งจังเลย ยังเที่ยวเทคอยู่ป่าว เปนห่วงนะ


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
ขอถามแบบคนธรรมดาหน่อยนะเจ้าค่ะ :b10:
ฉันทะ คือ หมายถึง มีความพอใจหรือมีความอยากจะ...ยกตัวอย่าง ฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยแล้วเป็นไปในทางกุศล..หรือฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยเป็นไปในทางอกุศล แบบนี้พอได้ไหมเจ้าค่ะทำไมฉันทะอย่างเดียว แยกไปหลายอย่างมันทำให้คนสติปัญญาน้อยอย่างคุณน้องงงนะเจ้าค่ะ สงสารกันหน่อย :b6: คุณน้องไม่ชอบให้อธิบายยาวๆ ขี้เกียจอ่านสรุปประเด็นสั้นๆได้ใจความไม่ได้หรอ ที่คุณน้องขี้เกียจเรียนหนังสือก็เพราะว่าเบื่อพวกที่ชอบเทศชอบพูดไม่จบจับใจความไม่ได้แล้วมันทำให้คุณน้องอยากจะหลับ 555+
ปล.ประโยคนี้เลยทำคุณน้องเข้าป่าเข้าพงหมด กัตตุกัมยตาฉันทะซึ่งคุณน้องไ่ม่มีความเข้าใจกับศัพท์นี้อ่ะนะ 555+



อย่ารู้มากเลย รู้มากแล้วยากนาน คิกๆๆ

คุณน้องรู้ในสิ่งที่รู้เพราะปัญญาของตน คุณน้องสามารถช่วยแนะนำผู้อื่นในการดำรงชีวิตได้ สามารถบอกเค้าในการปรับทัศนะ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของเค้าไปในทางที่ดีขึ้นหรือสามารถชี้ให้เห็นจุดที่เป็นรอยโหว่ ของเค้า และให้หาวิธีอุดหลุมนั้นซะเพื่อจะได้หายทุกข์จากสิ่งนั้น ปัญญาของคุณน้องเป็นไปเพื่อการดำรงชีวิตตามสภาพความเป็นจริงและเพื่อช่วยแนะนำผุ้อื่น เพื่อไม่ให้เค้าติดอยู่ในทุกข์ ไม่ได้เป็นไปเพื่อศึกษาเพื่อให้รู้และเข้าใจในคำศัพท์หรือความหมายของศัพอภิธรรมสำนวนบาหลี คุณน้องมีปัญญาในลักษณะนี้ก็เพื่ออะไรกันแน่นะ เพื่อให้เกิดสันติสุขและเสรีภาพในเบื้องหน้าหรือเปล่า.. :b13:

คุณน้องเก่งจังเลย ยังเที่ยวเทคอยู่ป่าว เปนห่วงนะ

:b9: ไม่อยากไปคือเบื่อนะง่วงนอน :b14: แต่ว่าเหตุปัจจัยมันพาไปก็เลยตามนั้นอ่ะ :b12: ทำให้คุณน้องเห็นอีกสังคมหนึ่งซึ่งทำให้คุณน้องสามารถเอาประสบการณ์นั้นมาพิจารณาให้เกิดปัญญายิ่งๆขึ้นไปอ่ะนะ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 13:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
ขอถามแบบคนธรรมดาหน่อยนะเจ้าค่ะ :b10:
ฉันทะ คือ หมายถึง มีความพอใจหรือมีความอยากจะ...ยกตัวอย่าง ฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยแล้วเป็นไปในทางกุศล..หรือฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยเป็นไปในทางอกุศล แบบนี้พอได้ไหมเจ้าค่ะทำไมฉันทะอย่างเดียว แยกไปหลายอย่างมันทำให้คนสติปัญญาน้อยอย่างคุณน้องงงนะเจ้าค่ะ สงสารกันหน่อย :b6: คุณน้องไม่ชอบให้อธิบายยาวๆ ขี้เกียจอ่านสรุปประเด็นสั้นๆได้ใจความไม่ได้หรอ ที่คุณน้องขี้เกียจเรียนหนังสือก็เพราะว่าเบื่อพวกที่ชอบเทศชอบพูดไม่จบจับใจความไม่ได้แล้วมันทำให้คุณน้องอยากจะหลับ 555+
ปล.ประโยคนี้เลยทำคุณน้องเข้าป่าเข้าพงหมด กัตตุกัมยตาฉันทะซึ่งคุณน้องไ่ม่มีความเข้าใจกับศัพท์นี้อ่ะนะ 555+



อย่ารู้มากเลย รู้มากแล้วยากนาน คิกๆๆ

คุณน้องรู้ในสิ่งที่รู้เพราะปัญญาของตน คุณน้องสามารถช่วยแนะนำผู้อื่นในการดำรงชีวิตได้ สามารถบอกเค้าในการปรับทัศนะ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของเค้าไปในทางที่ดีขึ้นหรือสามารถชี้ให้เห็นจุดที่เป็นรอยโหว่ ของเค้า และให้หาวิธีอุดหลุมนั้นซะเพื่อจะได้หายทุกข์จากสิ่งนั้น ปัญญาของคุณน้องเป็นไปเพื่อการดำรงชีวิตตามสภาพความเป็นจริงและเพื่อช่วยแนะนำผุ้อื่น เพื่อไม่ให้เค้าติดอยู่ในทุกข์ ไม่ได้เป็นไปเพื่อศึกษาเพื่อให้รู้และเข้าใจในคำศัพท์หรือความหมายของศัพอภิธรรมสำนวนบาหลี คุณน้องมีปัญญาในลักษณะนี้ก็เพื่ออะไรกันแน่นะ เพื่อให้เกิดสันติสุขและเสรีภาพในเบื้องหน้าหรือเปล่า.. :b13:

คุณน้องเก่งจังเลย ยังเที่ยวเทคอยู่ป่าว เปนห่วงนะ

:b9: ไม่อยากไปคือเบื่อนะง่วงนอน :b14: แต่ว่าเหตุปัจจัยมันพาไปก็เลยตามนั้นอ่ะ :b12: ทำให้คุณน้องเห็นอีกสังคมหนึ่งซึ่งทำให้คุณน้องสามารถเอาประสบการณ์นั้นมาพิจารณาให้เกิดปัญญายิ่งๆขึ้นไปอ่ะนะ :b13:
เก่งขึ้น ว่างั้น อิอิ ยิ้ม


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
ขอถามแบบคนธรรมดาหน่อยนะเจ้าค่ะ :b10:
ฉันทะ คือ หมายถึง มีความพอใจหรือมีความอยากจะ...ยกตัวอย่าง ฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยแล้วเป็นไปในทางกุศล..หรือฉันทะประกอบกับเหตุปัจจัยเป็นไปในทางอกุศล แบบนี้พอได้ไหมเจ้าค่ะทำไมฉันทะอย่างเดียว แยกไปหลายอย่างมันทำให้คนสติปัญญาน้อยอย่างคุณน้องงงนะเจ้าค่ะ สงสารกันหน่อย :b6: คุณน้องไม่ชอบให้อธิบายยาวๆ ขี้เกียจอ่านสรุปประเด็นสั้นๆได้ใจความไม่ได้หรอ ที่คุณน้องขี้เกียจเรียนหนังสือก็เพราะว่าเบื่อพวกที่ชอบเทศชอบพูดไม่จบจับใจความไม่ได้แล้วมันทำให้คุณน้องอยากจะหลับ 555+
ปล.ประโยคนี้เลยทำคุณน้องเข้าป่าเข้าพงหมด กัตตุกัมยตาฉันทะซึ่งคุณน้องไ่ม่มีความเข้าใจกับศัพท์นี้อ่ะนะ 555+



อย่ารู้มากเลย รู้มากแล้วยากนาน คิกๆๆ

คุณน้องรู้ในสิ่งที่รู้เพราะปัญญาของตน คุณน้องสามารถช่วยแนะนำผู้อื่นในการดำรงชีวิตได้ สามารถบอกเค้าในการปรับทัศนะ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของเค้าไปในทางที่ดีขึ้นหรือสามารถชี้ให้เห็นจุดที่เป็นรอยโหว่ ของเค้า และให้หาวิธีอุดหลุมนั้นซะเพื่อจะได้หายทุกข์จากสิ่งนั้น ปัญญาของคุณน้องเป็นไปเพื่อการดำรงชีวิตตามสภาพความเป็นจริงและเพื่อช่วยแนะนำผุ้อื่น เพื่อไม่ให้เค้าติดอยู่ในทุกข์ ไม่ได้เป็นไปเพื่อศึกษาเพื่อให้รู้และเข้าใจในคำศัพท์หรือความหมายของศัพอภิธรรมสำนวนบาหลี คุณน้องมีปัญญาในลักษณะนี้ก็เพื่ออะไรกันแน่นะ เพื่อให้เกิดสันติสุขและเสรีภาพในเบื้องหน้าหรือเปล่า.. :b13:

คุณน้องเก่งจังเลย ยังเที่ยวเทคอยู่ป่าว เปนห่วงนะ

:b9: ไม่อยากไปคือเบื่อนะง่วงนอน :b14: แต่ว่าเหตุปัจจัยมันพาไปก็เลยตามนั้นอ่ะ :b12: ทำให้คุณน้องเห็นอีกสังคมหนึ่งซึ่งทำให้คุณน้องสามารถเอาประสบการณ์นั้นมาพิจารณาให้เกิดปัญญายิ่งๆขึ้นไปอ่ะนะ :b13:
เก่งขึ้น ว่างั้น อิอิ ยิ้ม

อย่างอะเมซิ่งหลบอยู่แต่ในโพรง จะรู้อะไร โลกภายนอกมันเป็นยังไงเร้าใจแค่ไหน :b32: อะเมซิ่งลองไปเที่ยวซักคืนแล้วลองสังเกตุดูสิว่า อะเมซิ่งเอากิเลศออกได้จริงหรือ หรือแค่เป็นประเภทหินกดทับหญ้า คิคิ ระวังหัวใจเต้นตุ๊บตับเพราะเจอสาวสวยๆมายั่วนะ :b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร