วันเวลาปัจจุบัน 14 พ.ย. 2025, 03:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 22:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ถามหน่อย...อาการปีติ...อยู่ในอุปจารสมาธิ...แล้วเจ้าvibration
..อยู่ในสมาธิขั้นไหน? ขณิกะ..อุปจาระ.หรือ..อัปปนาสมาธิ??...บอกหน่อยซิ


:b1: ...

อ๊บซ์...ขี้สงสัย...


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 23:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

ดับอะไรไปตั้งเยอะ....แต่ไม่ยักดับความอยากบอกคนอื่น..ได้...

:b13: :b13: :b11:


อิอิ....ที่จริงเจออโสกะ..ท้าเหย่งๆ..ให้ลองทำให้ถึงvibration ..ก็กะจะคุยซะหน่อยเหมือนกัน...พยายาม2 ครั้ง..ก็ล้มทั้งสองครั้ง...สงสัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะแรง...ก็เลยเปลี่ยนแนว..ออกแนว..บ่น ๆ..นิด ๆ...ผ่านแฮ่ะ

อิอิ.. :b32: :b32:

อโสกะ..ตอบด้วยนะ...


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 23:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อิอิ....ที่จริงเจออโสกะ..ท้าเหย่งๆ..ให้ลองทำให้ถึงvibration ..ก็กะจะคุยซะหน่อยเหมือนกัน...พยายาม2 ครั้ง..ก็ล้มทั้งสองครั้ง


ดีแล้ว...ที่ล้ม

:b32: :b32: :b32:

จริง ๆ อยากติดตามอ่านว่า
ท่านมูมีทัศนะอย่างไร ถึงได้ว่า vibra คือ ปิติ
ท่านอ๊บซ์ก็ด้วย...

แต่ดูเหมือนท่านมูจะไม่เอ่ยเสียแล้ว...
ท่านอ๊บซ์ก็ด้วย

สำหรับเอกอน...การรับรู้ vibra- ก็คือการเข้ารู้ในความเป็นไปแห่งกาย
ซึ่งการรับรู้ปิติก็เป็นการเข้าไปรู้ในความเป็นไปแห่งกาย
...
ซึ่งคนที่กล้ายืนยันว่า vibra คือ ปิติ
นั่นด้วยจิตตั้งอยู่ที่ สภาวะธรรมเช่นไร ...
เอกอนก็เลยมองว่า ท่านมูซ่อนความเห็นตรงบางอย่างไว้อยู่
แต่...ท่านมูไม่เผยให้เราได้รู้แล้วมั๊ง...

:b1:


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 05:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
พวกที่บอกว่า..ตัวดับนั้นได้แล้ว..ดับนี้ได้แล้ว..ลึกๆ..ซ่อนการหาโลกธรรมทั้งนั้น..ไม่หาโลกธรรมแล้วมาบอกคนอื่นเขาทำไม...ก็เมื่อธรรม..เป็นสันถิติโก...บอกคนอื่นไปก็ไม่มีใครรู้เห็นหรือบรรลุตามด้วยได้...ประโยชจ์ทางธรรมที่จะเกิดกับผู้ฟัง
จึงไม่มี....ที่บอก..บอก..ออกมาล้วนหาโลกธรรมทั้งนั้น...อยากอวดเขา..ให้เขารู้ว่าตัวเองเก่ง...กิเลสมันเก็บเงียบๆกับตัวไม่ได้งั้ย..มันจนล้นทะลักออกมา...

ดับอุปาทาน..มั้งละ...ดับจิตสังขาร..มั้งละ.....ยังกับว่า...สอบผ่าน. ม.4. ม.5. ม.6 ได้วุฒิการศึกษาจะต่อมหาฯลัยแล้วนะ...งั้นแหละ

ดับอะไรไปตั้งเยอะ....แต่ไม่ยักดับความอยากบอกคนอื่น..ได้...

:b13: :b13: :b11:
กบเอ๋ยกบที่เราพูดๆกันอยู่ทุกวันนี้เราได้อะไรกันบ้างมีลาภสักการะสักหยดมั้ย บางคนสละเวลาเกือบทั้งวันเพื่อธิบายในสิ่งทีเขาคิดว่าใช่คิคว่าดีมีประโยช์ต่อผู้สนทนาและผู้ที่พบเห็น
และเขาก็เล่าประสบการณ์ที่ชีวิตเขาได้ทุ่มเทในกาปฎิบัติบางคนบางครั้งเอาชีวิตเข้าแรกก็มี มันเป็นประสบการณ์ที่ฆราวาสพูดคุยกันได้ กบเอาส่วนไหนของสมองหรือจิตใต้สำนึกกบเป็นแบบนี้ ผมไม่เคยคิคนะเรื่องแบบนี้. แต่หมั่นไส้มีมั้ยมีครับ โกรธมีมั้ยมีครับ เพระผมไม่ใช่อรหันต์ ผมว่ามันดีนะการสนทนาธรรมแบบถึงพริกถึงขิง มันเป็นกระจกสะท้อนตนเองดี นักปฎิบัติธรรมอย่างพวกเรามันต้องอย่างนี้แหละเขกโหลกกันบ้างมันถึงจะดี มันจะได้กระเทาะความยึดมั่นในความดี. ที่กบบอกประโยชน์แก่ผู้ฟังไม่มีกบคิดเอาเองอีกแล้ว ที่ผมพบอะไรที่ตรงกับพระสูตรเรื่องดับกายสังขารก็เพราะครูอาจารย์ที่ปฎิบัติถึงแล้วยืนยันว่าสภาวะนั้นเข้าถึงได้ด้วยความเพียรอย่างแรงกล้า คำเหล่านั้นมีปรโยชนมากทำให้มีคนจำนวนมากรวมถึงผมด้วยที่สามารถเข้าถึงธรรมรสนั้นได้ กบถ้ากบยังไม่ถึงการดับไปของวจีสังขาร กายสังขารกบยังอีกไกลนะ กบน่าจะใช้แรงบันดาลใจอะไรสักอย่างเพื่อให้เข้าถึงธรรมนะ อาจจะเป็นความศรัทธาที่หยั่งลงมั่นต่อพระตถาคตเจ้าก็ได้นะ


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 05:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างนี้ คาดว่า อเมสซิ่ง พอเข้าใจ :b1:


อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วมีภาพเจ้ากรรมนายเวรลอยมาให้เห็นครับ

เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย

มีคำถามสองข้อที่สงสัย

1.เกิดอะไรขึ้นกับการทำสมาธิของผมครับ
2.แล้วต้องทำอย่างไรเมื่อเจอแบบนี้อีกครับ



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร บอกไปหมดแล้ว กรัชกายมองธรรมชาติไม่ออกก็ต้องคิดว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ กรักายรู้ก็บอกเขาสิดูสิเขาจะทำอย่างไร



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร

amazing ไม่มีทางมองสังขารธรรม คือ รูปนามออก ถึงว่าคุณมองติดตันอยู่ที่คำว่าคน มองไม่ทะลุคนถึงธรรมะ :b32:

อ้อ แล้วเคยบอกอีกว่า ถ้ามองภาคปฏิบัิิติไม่ออก อย่าตั้งสำนักวิปัสสนา หรือในป้ายชื่ออื่นๆ เพราะอะไร ? เพราะจะทำให้คนเสียคน


กรัชกายหรือผมมองไม่ออก ผมผ่านการดับสังขารมาแล้วผมย่อมเข้าใจกว่าการนึกคิดอย่างกรัชกายหรอก ใครครับจะไปตั้งสำนักวิปัสนาทุกวันนี้ก็มากมายแล้ว


ดูออกก็เขาเป็นอะไรงั้น :b1: :b14:


กรัชกายคนเราสะสมการปรุงแต่งมาต่างกัน กรรมก็สะสมมาต่างกัน มันยากที่เราจะเข้าใจเรื่องราวได้ว่าอะไรเกิดกับเขา แล้วเขาจะเข้าสู่ตรงวิถีทางได้อย่างไร แม้แต่เราสองคนก็พูดกันคนละแนว แล้วเราจะทำอย่างไรเราคงต้องทำตามความเชื่อที่เรามี เท่าที่ปัญญาและวิบากของกรรม ขนาดคนที่เกิดในยุกของพระพุทธองค์อยู่ใกล้ท่านบางคนท่านก็ช่วยให้พ้นทกข์ไม่ได้ แล้วเราจะทำอะืไรได้ ทุกวันนี้เราจะทำแบบคนนั้นได้มั้ยคงไมได้ เราก็คงทำแบบที่เราเป็น. สมมุติสิ่งที่กรัชกายคิดมันถูกเปลี่ยนผมให้ทำแบบกรัชกายได้ป่าว


บอกหลายรอบว่า อเมสซิ่ง ไม่เข้าใจธรรมะระดับปรมัตถธรรม (นามรูป) คห. นั้น ยังอยู่ระดับชาวบ้าน จึงมองสภาวธรรมที่ปรากฏไม่ผ่าน

อ้างคำพูด:
เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย


สิ่งเหล่านั้นเกิดจากจิต (มโนกรรมฝ่ายอกุศล) ที่สั่งสมการกระทำไว้เมื่ออดีต (เมื่อตอนเด็ก) ปกติมันนอนก้นสงบนิ่งอยู่ภายใน เมื่อมีเหตุปัจจัย (มันเกิดของมันเองตามเหตปัจจัย) มันก็โผล่ขึ้นมา

ดังนั้น ผู้ฝึกอบรมจิต เมื่อสภาวะใดก็ตามปรากฏอย่างนี้ ทำนองนี้ๆ พึงกำหนดรู้ตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็น เป็นยังไง รู้สึกยังไงกำหนดยังงั้น ทุกครั้งทุกขณะ มิใช่ปล่อยไปเฉยๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 06:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

เพระผมไม่ใช่อรหันต์ ผมว่ามันดีนะการสนทนาธรรมแบบถึงพริกถึงขิง มันเป็นกระจกสะท้อนตนเองดี นักปฎิบัติธรรมอย่างพวกเรามันต้องอย่างนี้แหละเขกโหลกกันบ้างมันถึงจะดี มันจะได้กระเทาะความยึดมั่นในความดี.



amazing เขียน:

กบถ้ากบยังไม่ถึงการดับไปของวจีสังขาร กายสังขารกบยังอีกไกลนะ


เห็นแก่ตัวจริง....ทีตัว..บอกเป็นการดี..ถึงพริกถึงขิง...เขกโหลกดี...

ทีคนอื่น...กลับบอกว่า.".ดับวจีสังขารไม่ได้...กายสังขารดับ..ยังอีกไกล.."
:b32:

วิธี..ให้ถึงพริกถึงขิงโขกสับ..นี้นะ...เขาไม่พูดหรอกว่า.".ฉันทำอันนี้ได้...แก่ทำได้ยัง?.." "อันนี้ฉันก็ผ่านมาแล้ว ( แก่ผ่านยัง)"

อวิชชา....มันเร็วมาก

ที่ตอบโต้นี้...ก็คิดว่าอวิชชามันก็ปนๆไปด้วยแระ..

ก็ฉันไม่ใช่อนาคามี...นี้..
:b11: :b11: :b11:


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 06:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
amazing เขียน:

เพระผมไม่ใช่อรหันต์ ผมว่ามันดีนะการสนทนาธรรมแบบถึงพริกถึงขิง มันเป็นกระจกสะท้อนตนเองดี นักปฎิบัติธรรมอย่างพวกเรามันต้องอย่างนี้แหละเขกโหลกกันบ้างมันถึงจะดี มันจะได้กระเทาะความยึดมั่นในความดี.



amazing เขียน:

กบถ้ากบยังไม่ถึงการดับไปของวจีสังขาร กายสังขารกบยังอีกไกลนะ


เห็นแก่ตัวจริง....ทีตัว..บอกเป็นการดี..ถึงพริกถึงขิง...เขกโหลกดี...

ทีคนอื่น...กลับบอกว่า.".ดับวจีสังขารไม่ได้...กายสังขารดับ..ยังอีกไกล.."
:b32:

วิธี..ให้ถึงพริกถึงขิงโขกสับ..นี้นะ...เขาไม่พูดหรอกว่า.".ฉันทำอันนี้ได้...แก่ทำได้ยัง?.." "อันนี้ฉันก็ผ่านมาแล้ว ( แก่ผ่านยัง)"

อวิชชา....มันเร็วมาก

ที่ตอบโต้นี้...ก็คิดว่าอวิชชามันก็ปนๆไปด้วยแระ..

ก็ฉันไม่ใช่อนาคามี...นี้..
:b11: :b11: :b11:
กบก็เข้าใจอะไรดีนี่ก็ฉันไม่ใช่อนาคามีนี่ แล้วบ่นอะไร มีใครบ้างไม่มีอวิชาปน ตกลงโง่หรือฉลาด


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างนี้ คาดว่า อเมสซิ่ง พอเข้าใจ :b1:


อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วมีภาพเจ้ากรรมนายเวรลอยมาให้เห็นครับ

เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย

มีคำถามสองข้อที่สงสัย

1.เกิดอะไรขึ้นกับการทำสมาธิของผมครับ
2.แล้วต้องทำอย่างไรเมื่อเจอแบบนี้อีกครับ



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร บอกไปหมดแล้ว กรัชกายมองธรรมชาติไม่ออกก็ต้องคิดว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ กรักายรู้ก็บอกเขาสิดูสิเขาจะทำอย่างไร



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร

amazing ไม่มีทางมองสังขารธรรม คือ รูปนามออก ถึงว่าคุณมองติดตันอยู่ที่คำว่าคน มองไม่ทะลุคนถึงธรรมะ :b32:

อ้อ แล้วเคยบอกอีกว่า ถ้ามองภาคปฏิบัิิติไม่ออก อย่าตั้งสำนักวิปัสสนา หรือในป้ายชื่ออื่นๆ เพราะอะไร ? เพราะจะทำให้คนเสียคน


กรัชกายหรือผมมองไม่ออก ผมผ่านการดับสังขารมาแล้วผมย่อมเข้าใจกว่าการนึกคิดอย่างกรัชกายหรอก ใครครับจะไปตั้งสำนักวิปัสนาทุกวันนี้ก็มากมายแล้ว


ดูออกก็เขาเป็นอะไรงั้น :b1: :b14:


กรัชกายคนเราสะสมการปรุงแต่งมาต่างกัน กรรมก็สะสมมาต่างกัน มันยากที่เราจะเข้าใจเรื่องราวได้ว่าอะไรเกิดกับเขา แล้วเขาจะเข้าสู่ตรงวิถีทางได้อย่างไร แม้แต่เราสองคนก็พูดกันคนละแนว แล้วเราจะทำอย่างไรเราคงต้องทำตามความเชื่อที่เรามี เท่าที่ปัญญาและวิบากของกรรม ขนาดคนที่เกิดในยุกของพระพุทธองค์อยู่ใกล้ท่านบางคนท่านก็ช่วยให้พ้นทกข์ไม่ได้ แล้วเราจะทำอะืไรได้ ทุกวันนี้เราจะทำแบบคนนั้นได้มั้ยคงไมได้ เราก็คงทำแบบที่เราเป็น. สมมุติสิ่งที่กรัชกายคิดมันถูกเปลี่ยนผมให้ทำแบบกรัชกายได้ป่าว


บอกหลายรอบว่า อเมสซิ่ง ไม่เข้าใจธรรมะระดับปรมัตถธรรม (นามรูป) คห. นั้น ยังอยู่ระดับชาวบ้าน จึงมองสภาวธรรมที่ปรากฏไม่ผ่าน

อ้างคำพูด:
เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย


สิ่งเหล่านั้นเกิดจากจิต (มโนกรรมฝ่ายอกุศล) ที่สั่งสมการกระทำไว้เมื่ออดีต (เมื่อตอนเด็ก) ปกติมันนอนก้นสงบนิ่งอยู่ภายใน เมื่อมีเหตุปัจจัย (มันเกิดของมันเองตามเหตปัจจัย) มันก็โผล่ขึ้นมา

ดังนั้น ผู้ฝึกอบรมจิต เมื่อสภาวะใดก็ตามปรากฏอย่างนี้ ทำนองนี้ๆ พึงกำหนดรู้ตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็น เป็นยังไง รู้สึกยังไงกำหนดยังงั้น ทุกครั้งทุกขณะ มิใช่ปล่อยไปเฉยๆ
มันไม่ได้สะสมแต่ตอนเด็กหรอกมันสะสมอดีตชาตินับไม่ถ้วน ถ้ากรัชจะแก้ก็ให้เขารู้ว่านั้แหล่ะสังขารของเขาที่สะสมมา เข้าใจง่ายๆมีแต่รูปนามที่ปรากฎอย่าไปให้ความสนใจมัน ให้เฝ้าดูความรู้สึกที่เกิดด้วยใจเป็นกลางเราจงใช้มันให้เป็นประโยชน์


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 07:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ดับที่..อุปาทาน
ตอนมีชีวิตอยู่...ทุกข์..เพราะจิต..กระโด่ดงับ...ทุกอย่างจากกาย...เรียกอุปาทานขันธ์..

การที่จิตกระโด่ดเข้าไปงับ...ทุกอย่างทีเกิดจากกาย..(รูป+นาม)..เพราะ.อวิชชา..และ..ตัณหา

คำของครูบาอาจารย์ที่ว่า" เพราะอวิชชาปิดบัง...ตัณหาผูกใว้" ...ลึกซึ่งจริง ๆ...

สมถะ....ตั้งจิตดูอาการการกระโจนเข้าไปงับ..อาการจากกาย....แล้วปัดมันทิ้ง...
วิปัสสนา....ทำความเข้าใจต้นเหตุ..แรงจูงใจ...แห่งอาการกระโจนเข้าไปงับ...นี้....

ดับทุกข์....จึงหมายถึง..ดับอุปาทานขันธ์...


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 07:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ดับที่..อุปาทาน
ตอนมีชีวิตอยู่...ทุกข์..เพราะจิต..กระโด่ดงับ...ทุกอย่างจากกาย...เรียกอุปาทานขันธ์..

การที่จิตกระโด่ดเข้าไปงับ...ทุกอย่างทีเกิดจากกาย..(รูป+นาม)..เพราะ.อวิชชา..และ..ตัณหา

คำของครูบาอาจารย์ที่ว่า" เพราะอวิชชาปิดบัง...ตัณหาผูกใว้" ...ลึกซึ่งจริง ๆ...

สมถะ....ตั้งจิตดูอาการการกระโจนเข้าไปงับ..อาการจากกาย....แล้วปัดมันทิ้ง...
วิปัสสนา....ทำความเข้าใจต้นเหตุ..แรงจูงใจ...แห่งอาการกระโจนเข้าไปงับ...นี้....

ดับทุกข์....จึงหมายถึง..ดับอุปาทานขันธ์...
อุปทานมันดับเพราะตัณหาดับกบ


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 07:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างนี้ คาดว่า อเมสซิ่ง พอเข้าใจ :b1:


อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วมีภาพเจ้ากรรมนายเวรลอยมาให้เห็นครับ

เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย

มีคำถามสองข้อที่สงสัย

1.เกิดอะไรขึ้นกับการทำสมาธิของผมครับ
2.แล้วต้องทำอย่างไรเมื่อเจอแบบนี้อีกครับ



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร บอกไปหมดแล้ว กรัชกายมองธรรมชาติไม่ออกก็ต้องคิดว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ กรักายรู้ก็บอกเขาสิดูสิเขาจะทำอย่างไร



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร

amazing ไม่มีทางมองสังขารธรรม คือ รูปนามออก ถึงว่าคุณมองติดตันอยู่ที่คำว่าคน มองไม่ทะลุคนถึงธรรมะ :b32:

อ้อ แล้วเคยบอกอีกว่า ถ้ามองภาคปฏิบัิิติไม่ออก อย่าตั้งสำนักวิปัสสนา หรือในป้ายชื่ออื่นๆ เพราะอะไร ? เพราะจะทำให้คนเสียคน


กรัชกายหรือผมมองไม่ออก ผมผ่านการดับสังขารมาแล้วผมย่อมเข้าใจกว่าการนึกคิดอย่างกรัชกายหรอก ใครครับจะไปตั้งสำนักวิปัสนาทุกวันนี้ก็มากมายแล้ว


ดูออกก็เขาเป็นอะไรงั้น :b1: :b14:


กรัชกายคนเราสะสมการปรุงแต่งมาต่างกัน กรรมก็สะสมมาต่างกัน มันยากที่เราจะเข้าใจเรื่องราวได้ว่าอะไรเกิดกับเขา แล้วเขาจะเข้าสู่ตรงวิถีทางได้อย่างไร แม้แต่เราสองคนก็พูดกันคนละแนว แล้วเราจะทำอย่างไรเราคงต้องทำตามความเชื่อที่เรามี เท่าที่ปัญญาและวิบากของกรรม ขนาดคนที่เกิดในยุกของพระพุทธองค์อยู่ใกล้ท่านบางคนท่านก็ช่วยให้พ้นทกข์ไม่ได้ แล้วเราจะทำอะืไรได้ ทุกวันนี้เราจะทำแบบคนนั้นได้มั้ยคงไมได้ เราก็คงทำแบบที่เราเป็น. สมมุติสิ่งที่กรัชกายคิดมันถูกเปลี่ยนผมให้ทำแบบกรัชกายได้ป่าว


บอกหลายรอบว่า อเมสซิ่ง ไม่เข้าใจธรรมะระดับปรมัตถธรรม (นามรูป) คห. นั้น ยังอยู่ระดับชาวบ้าน จึงมองสภาวธรรมที่ปรากฏไม่ผ่าน

อ้างคำพูด:
เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย


สิ่งเหล่านั้นเกิดจากจิต (มโนกรรมฝ่ายอกุศล) ที่สั่งสมการกระทำไว้เมื่ออดีต (เมื่อตอนเด็ก) ปกติมันนอนก้นสงบนิ่งอยู่ภายใน เมื่อมีเหตุปัจจัย (มันเกิดของมันเองตามเหตปัจจัย) มันก็โผล่ขึ้นมา

ดังนั้น ผู้ฝึกอบรมจิต เมื่อสภาวะใดก็ตามปรากฏอย่างนี้ ทำนองนี้ๆ พึงกำหนดรู้ตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็น เป็นยังไง รู้สึกยังไงกำหนดยังงั้น ทุกครั้งทุกขณะ มิใช่ปล่อยไปเฉยๆ
มันไม่ได้สะสมแต่ตอนเด็กหรอกมันสะสมอดีตชาตินับไม่ถ้วน ถ้ากรัชจะแก้ก็ให้เขารู้ว่านั้แหล่ะสังขารของเขาที่สะสมมา เข้าใจง่ายๆมีแต่รูปนามที่ปรากฎอย่าไปให้ความสนใจมัน ให้เฝ้าดูความรู้สึกที่เกิดด้วยใจเป็นกลางเราจงใช้มันให้เป็นประโยชน์


เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น

ถ้ามองออกแล้ว ก็ไม่ยาก แต่ถ้ามอง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่เป็นกุศลกรรม และ อกุศลกรรม ในปัจจุบันไม่ออกแล้ว ก็อย่างที่อเมสซึ่งว่านั้นแหละ

ถึงว่า ที่อเมสซึ่ง บอกว่า ดับนั่น ดับนี่ ดับกายสังขารอะไรนั่นน่ะ เป็นความเข้าใจผิด เป็นมิจฉาทิฐ เป็นมิจฉาปฏิปทา :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 07:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ดับที่..อุปาทาน
ตอนมีชีวิตอยู่...ทุกข์..เพราะจิต..กระโด่ดงับ...ทุกอย่างจากกาย...เรียกอุปาทานขันธ์..

การที่จิตกระโด่ดเข้าไปงับ...ทุกอย่างทีเกิดจากกาย..(รูป+นาม)..เพราะ.อวิชชา..และ..ตัณหา

คำของครูบาอาจารย์ที่ว่า" เพราะอวิชชาปิดบัง...ตัณหาผูกใว้" ...ลึกซึ่งจริง ๆ...

สมถะ....ตั้งจิตดูอาการการกระโจนเข้าไปงับ..อาการจากกาย....แล้วปัดมันทิ้ง...
วิปัสสนา....ทำความเข้าใจต้นเหตุ..แรงจูงใจ...แห่งอาการกระโจนเข้าไปงับ...นี้....

ดับทุกข์....จึงหมายถึง..ดับอุปาทานขันธ์...


อุปทานมันดับเพราะตัณหาดับกบ


อเมสซิ่งนี่ก็ว่าตามแบบที่ในหนังสือ หลักปฏิจจสมุปบาท ทั้งฝ่ายสมุทัยวาร และนิโรธวาร กรัชกายนอนอ่าน นั่งอ่าน ยืนอ่าน จนปวดกระบอกตาไปหมดแล้ว คิกๆๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 07:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างนี้ คาดว่า อเมสซิ่ง พอเข้าใจ :b1:


อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วมีภาพเจ้ากรรมนายเวรลอยมาให้เห็นครับ

เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย

มีคำถามสองข้อที่สงสัย

1.เกิดอะไรขึ้นกับการทำสมาธิของผมครับ
2.แล้วต้องทำอย่างไรเมื่อเจอแบบนี้อีกครับ



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร บอกไปหมดแล้ว กรัชกายมองธรรมชาติไม่ออกก็ต้องคิดว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ กรักายรู้ก็บอกเขาสิดูสิเขาจะทำอย่างไร



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร

amazing ไม่มีทางมองสังขารธรรม คือ รูปนามออก ถึงว่าคุณมองติดตันอยู่ที่คำว่าคน มองไม่ทะลุคนถึงธรรมะ :b32:

อ้อ แล้วเคยบอกอีกว่า ถ้ามองภาคปฏิบัิิติไม่ออก อย่าตั้งสำนักวิปัสสนา หรือในป้ายชื่ออื่นๆ เพราะอะไร ? เพราะจะทำให้คนเสียคน


กรัชกายหรือผมมองไม่ออก ผมผ่านการดับสังขารมาแล้วผมย่อมเข้าใจกว่าการนึกคิดอย่างกรัชกายหรอก ใครครับจะไปตั้งสำนักวิปัสนาทุกวันนี้ก็มากมายแล้ว


ดูออกก็เขาเป็นอะไรงั้น :b1: :b14:


กรัชกายคนเราสะสมการปรุงแต่งมาต่างกัน กรรมก็สะสมมาต่างกัน มันยากที่เราจะเข้าใจเรื่องราวได้ว่าอะไรเกิดกับเขา แล้วเขาจะเข้าสู่ตรงวิถีทางได้อย่างไร แม้แต่เราสองคนก็พูดกันคนละแนว แล้วเราจะทำอย่างไรเราคงต้องทำตามความเชื่อที่เรามี เท่าที่ปัญญาและวิบากของกรรม ขนาดคนที่เกิดในยุกของพระพุทธองค์อยู่ใกล้ท่านบางคนท่านก็ช่วยให้พ้นทกข์ไม่ได้ แล้วเราจะทำอะืไรได้ ทุกวันนี้เราจะทำแบบคนนั้นได้มั้ยคงไมได้ เราก็คงทำแบบที่เราเป็น. สมมุติสิ่งที่กรัชกายคิดมันถูกเปลี่ยนผมให้ทำแบบกรัชกายได้ป่าว


บอกหลายรอบว่า อเมสซิ่ง ไม่เข้าใจธรรมะระดับปรมัตถธรรม (นามรูป) คห. นั้น ยังอยู่ระดับชาวบ้าน จึงมองสภาวธรรมที่ปรากฏไม่ผ่าน

อ้างคำพูด:
เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย


สิ่งเหล่านั้นเกิดจากจิต (มโนกรรมฝ่ายอกุศล) ที่สั่งสมการกระทำไว้เมื่ออดีต (เมื่อตอนเด็ก) ปกติมันนอนก้นสงบนิ่งอยู่ภายใน เมื่อมีเหตุปัจจัย (มันเกิดของมันเองตามเหตปัจจัย) มันก็โผล่ขึ้นมา

ดังนั้น ผู้ฝึกอบรมจิต เมื่อสภาวะใดก็ตามปรากฏอย่างนี้ ทำนองนี้ๆ พึงกำหนดรู้ตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็น เป็นยังไง รู้สึกยังไงกำหนดยังงั้น ทุกครั้งทุกขณะ มิใช่ปล่อยไปเฉยๆ
มันไม่ได้สะสมแต่ตอนเด็กหรอกมันสะสมอดีตชาตินับไม่ถ้วน ถ้ากรัชจะแก้ก็ให้เขารู้ว่านั้แหล่ะสังขารของเขาที่สะสมมา เข้าใจง่ายๆมีแต่รูปนามที่ปรากฎอย่าไปให้ความสนใจมัน ให้เฝ้าดูความรู้สึกที่เกิดด้วยใจเป็นกลางเราจงใช้มันให้เป็นประโยชน์


เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น

ถ้ามองออกแล้ว ก็ไม่ยาก แต่ถ้ามอง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่เป็นกุศลกรรม และ อกุศลกรรม ในปัจจุบันไม่ออกแล้ว ก็อย่างที่อเมสซึ่งว่านั้นแหละ

ถึงว่า ที่อเมสซึ่ง บอกว่า ดับนั่น ดับนี่ ดับกายสังขารอะไรนั่นน่ะ เป็นความเข้าใจผิด เป็นมิจฉาทิฐ เป็นมิจฉาปฏิปทา :b13:
เรื่องกรรมทีสะสมมาในอดีตนั้นดับได้โดยมรรค คือออกจากระบบขันธ์5คือดับรูปนาม หรือดับสังขารทั้งหลาย วิธีดับก็บอกไปแล้ว สังขตะธรรมคือระบบขัน5ออกจากสังขตะได้ด้วย. การแทงตลอดบรมสัจจะด้วยกายและปัญญา


แก้ไขล่าสุดโดย amazing เมื่อ 17 ต.ค. 2013, 07:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 07:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ดับที่..อุปาทาน
ตอนมีชีวิตอยู่...ทุกข์..เพราะจิต..กระโด่ดงับ...ทุกอย่างจากกาย...เรียกอุปาทานขันธ์..

การที่จิตกระโด่ดเข้าไปงับ...ทุกอย่างทีเกิดจากกาย..(รูป+นาม)..เพราะ.อวิชชา..และ..ตัณหา

คำของครูบาอาจารย์ที่ว่า" เพราะอวิชชาปิดบัง...ตัณหาผูกใว้" ...ลึกซึ่งจริง ๆ...

สมถะ....ตั้งจิตดูอาการการกระโจนเข้าไปงับ..อาการจากกาย....แล้วปัดมันทิ้ง...
วิปัสสนา....ทำความเข้าใจต้นเหตุ..แรงจูงใจ...แห่งอาการกระโจนเข้าไปงับ...นี้....

ดับทุกข์....จึงหมายถึง..ดับอุปาทานขันธ์...


อุปทานมันดับเพราะตัณหาดับกบ


อเมสซิ่งนี่ก็ว่าตามแบบที่ในหนังสือ หลักปฏิจจสมุปบาท ทั้งฝ่ายสมุทัยวาร และนิโรธวาร กรัชกายนอนอ่าน นั่งอ่าน ยืนอ่าน จนปวดกระบอกตาไปหมดแล้ว คิกๆๆๆ

ก็นี่แหล่ะที่พระศาสดาบอกว่าพระองค์ทรงรู้ปฎิจสมุปบาทและถ้าจะสรรเสริญพระองค์ก็ให้สรรเสริญพระองค์ในเรื่องนี้ กรัชไปดับกิเลสที่ไหนเหรอถ้าไม่ใช้ตัดที่วงล้อปฎิจสมุปบาท หรือกัดกายดับที่วงล้อรถสิบล้อ


โพสต์ เมื่อ: 17 ต.ค. 2013, 07:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างนี้ คาดว่า อเมสซิ่ง พอเข้าใจ :b1:


อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วมีภาพเจ้ากรรมนายเวรลอยมาให้เห็นครับ

เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย

มีคำถามสองข้อที่สงสัย

1.เกิดอะไรขึ้นกับการทำสมาธิของผมครับ
2.แล้วต้องทำอย่างไรเมื่อเจอแบบนี้อีกครับ



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร บอกไปหมดแล้ว กรัชกายมองธรรมชาติไม่ออกก็ต้องคิดว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ กรักายรู้ก็บอกเขาสิดูสิเขาจะทำอย่างไร



กรัชกายจะยกมาทำไมเพื่ออะไร ผมไม่เห็นมีอะไร

amazing ไม่มีทางมองสังขารธรรม คือ รูปนามออก ถึงว่าคุณมองติดตันอยู่ที่คำว่าคน มองไม่ทะลุคนถึงธรรมะ :b32:

อ้อ แล้วเคยบอกอีกว่า ถ้ามองภาคปฏิบัิิติไม่ออก อย่าตั้งสำนักวิปัสสนา หรือในป้ายชื่ออื่นๆ เพราะอะไร ? เพราะจะทำให้คนเสียคน


กรัชกายหรือผมมองไม่ออก ผมผ่านการดับสังขารมาแล้วผมย่อมเข้าใจกว่าการนึกคิดอย่างกรัชกายหรอก ใครครับจะไปตั้งสำนักวิปัสนาทุกวันนี้ก็มากมายแล้ว


ดูออกก็เขาเป็นอะไรงั้น :b1: :b14:


กรัชกายคนเราสะสมการปรุงแต่งมาต่างกัน กรรมก็สะสมมาต่างกัน มันยากที่เราจะเข้าใจเรื่องราวได้ว่าอะไรเกิดกับเขา แล้วเขาจะเข้าสู่ตรงวิถีทางได้อย่างไร แม้แต่เราสองคนก็พูดกันคนละแนว แล้วเราจะทำอย่างไรเราคงต้องทำตามความเชื่อที่เรามี เท่าที่ปัญญาและวิบากของกรรม ขนาดคนที่เกิดในยุกของพระพุทธองค์อยู่ใกล้ท่านบางคนท่านก็ช่วยให้พ้นทกข์ไม่ได้ แล้วเราจะทำอะืไรได้ ทุกวันนี้เราจะทำแบบคนนั้นได้มั้ยคงไมได้ เราก็คงทำแบบที่เราเป็น. สมมุติสิ่งที่กรัชกายคิดมันถูกเปลี่ยนผมให้ทำแบบกรัชกายได้ป่าว


บอกหลายรอบว่า อเมสซิ่ง ไม่เข้าใจธรรมะระดับปรมัตถธรรม (นามรูป) คห. นั้น ยังอยู่ระดับชาวบ้าน จึงมองสภาวธรรมที่ปรากฏไม่ผ่าน

อ้างคำพูด:
เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย


สิ่งเหล่านั้นเกิดจากจิต (มโนกรรมฝ่ายอกุศล) ที่สั่งสมการกระทำไว้เมื่ออดีต (เมื่อตอนเด็ก) ปกติมันนอนก้นสงบนิ่งอยู่ภายใน เมื่อมีเหตุปัจจัย (มันเกิดของมันเองตามเหตปัจจัย) มันก็โผล่ขึ้นมา

ดังนั้น ผู้ฝึกอบรมจิต เมื่อสภาวะใดก็ตามปรากฏอย่างนี้ ทำนองนี้ๆ พึงกำหนดรู้ตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็น เป็นยังไง รู้สึกยังไงกำหนดยังงั้น ทุกครั้งทุกขณะ มิใช่ปล่อยไปเฉยๆ
มันไม่ได้สะสมแต่ตอนเด็กหรอกมันสะสมอดีตชาตินับไม่ถ้วน ถ้ากรัชจะแก้ก็ให้เขารู้ว่านั้แหล่ะสังขารของเขาที่สะสมมา เข้าใจง่ายๆมีแต่รูปนามที่ปรากฎอย่าไปให้ความสนใจมัน ให้เฝ้าดูความรู้สึกที่เกิดด้วยใจเป็นกลางเราจงใช้มันให้เป็นประโยชน์


เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการ ขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น

ถ้ามองออกแล้ว ก็ไม่ยาก แต่ถ้ามอง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่เป็นกุศลกรรม และ อกุศลกรรม ในปัจจุบันไม่ออกแล้ว ก็อย่างที่อเมสซึ่งว่านั้นแหละ

ถึงว่า ที่อเมสซึ่ง บอกว่า ดับนั่น ดับนี่ ดับกายสังขารอะไรนั่นน่ะ เป็นความเข้าใจผิด เป็นมิจฉาทิฐ เป็นมิจฉาปฏิปทา :b13:
เรื่องกรรมทีสะสมมาในอดีตนั้นดับได้โดยมรรค คือออกจากระบบขันธ์5คือดับรูปนาม หรือดับสังขารทั้งหลาย วิธีดับก็บอกไปแล้ว สังขตะธรรมคือระบบขัน5ออกจากสังขตะได้ด้วย. การแทงตลอดบรมสัจจะด้วยกายและปัญญา


เอาว่าไป ไม่อยากถามรายละเอียดแล้ว เบื่อถามไปก็มั่ว ระบบระบับขันธ์ 5 ขันอะไรต่ออะไร พูดไปเรื่อยเปื่อย เหมือนคนอยู่ในที่มืดมองเห็นอะไรรางๆ ไม่ชัด ถือว่าผ่านไปแล้วกัน รำคาญ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร