วันเวลาปัจจุบัน 14 พ.ย. 2025, 01:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 14:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


แถมเรื่อง โอภาส

โอภาส เกิดจาก กำลังของสมาธิ

โอภาส มีแสงสว่างมากเท่าไหร่ นั่นหมายถึง สมาธิที่กำลังเกิดขึ้น มีกำลังมาก

สำหรับความเจ็บป่วย

มีอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นไข้ทับฤดู เกือบตายนะ รอดมาได้ เพราะรักษาด้วยสมาธินี่แหละ

โอภาสที่สว่างมากๆ จะมีกำลังเหมือนกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แบบเวลาไฟดูด
จะแผ่กระจายไปทั่วกาย ชอนไชเหมือนไส้เดือน ไปทั่วกาย
รักษาด้วยวิธีนี้อยู่หลายวัน หลังจากนั้น อาการเจ็บป่วยเป็นเป็นอยู่ หายทันที

บางครั้ง ถ้าโอภาสสว่างมากๆ ก็ทำให้เกิดนิมิตไปเที่ยวเดินอยู่บนท้องฟ้าได้
เวลาเดิน กลางอากาศ จะเหมือนเดินอยู่บนแผ่นกระจกใส มองเห็นเมฆลอยผ่านเท้า

ไปเที่ยวในสถานที่แปลกๆ มีแต่แสงสว่าง

เรื่องจริงนา ไม่ได้โม้ ก็แค่ เหตุเกิดขณะจิตเป็นสมาธิเท่านั้นเอง :b32:


สภาวะน่ะ ถ้าแค่รู้ จะไม่มีผล อะไรหรอก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 14:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


ปีติ เมื่อ เธอพิจารณาเห็นนิวรณ์ ๕ เหล่านี้ ที่ละได้แล้วในตน ย่อมเกิดปราโมทย์เมื่อปราโมทย์แล้วย่อมเกิดปีติ เมื่อมีปีติในใจ กายย่อมสงบ เธอมีกายสงบแล้วย่อมได้เสวยสุขเมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น. เธอ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจารมีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอทำกายนี้แหละให้ชุ่มชื่นเอิบอิ่มซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่วิเวก ไม่มีเอกเทศไหนๆ แห่งกายของเธอทั่วทั้งตัว ที่ปีติและสุขเกิดแต่วิเวกจะไม่ถูกต้องดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือนพนักงานสรงสนาน หรือลูกมือพนักงานสรงสนานผู้ฉลาดจะพึงใส่จุรณ์สีตัวลงในภาชนะสำริด แล้วพรมด้วยน้ำ หมักไว้ ตกเวลาเย็นก้อนจุรณ์สีตัวซึ่งยางซึมไปจับติดกันทั่วทั้งหมด ย่อมไม่กระจายออก ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล ทำกายนี้แหละให้ชุ่มชื่นเอิบอิ่มซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่วิเวก ไม่มีเอกเทศไหนๆ แห่งกายของเธอทั่วทั้งตัวที่ปีติและสุขเกิดแต่วิเวกจะไม่ถูกต้อง ดูกรมหาบพิตร นี้แหละสามัญผลที่เห็นประจักษ์ ทั้งดียิ่งกว่าทั้งประณีตกว่าสามัญผลที่เห็นประจักษ์ข้อก่อนๆ.

ดูกรมหาบพิตร อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌานมีความผ่องใสแห่งจิตใน ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตก วิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอทำกายนี้แหละ ให้ชุ่มชื่นเอิบอิ่มซาบซ่าน ด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิไม่มีเอกเทศไหนๆ แห่งกายของเธอทั่วทั้งตัว ที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง. ดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือนห้วงน้ำลึกมีน้ำปั่นป่วน ไม่มีทางที่น้ำจะไหลมาได้ ทั้งในด้านตะวันออกด้านใต้ ด้านตะวันตก ด้านเหนือ ทั้ง ฝนก็ไม่ตกเพิ่มตามฤดูกาล แต่สายน้ำเย็นพุขึ้นจากห้วงน้ำนั้นแล้ว จะพึงทำห้วงน้ำนั้นแหละให้ชุ่มชื่นเอิบอาบซาบซึมด้วยน้ำเย็น ไม่มีเอกเทศไหนๆแห่งห้วงน้ำนั้นทั้งหมด ที่น้ำเย็นจะไม่พึงถูกต้องฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล ย่อมทำกายนี้แหละให้ชุ่มชื่นเอิบอิ่มซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ ไม่มีเอกเทศไหนๆ แห่งกายของเธอทั่วทั้งตัว ที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง ดูกรมหาบพิตร นี้แหละสามัญผลที่เห็นประจักษ์ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่าสามัญผลที่เห็นประจักษ์ข้อก่อนๆ.
(ภาษาไทย) สี. ที. ๙ / ๗๐ / ๑๒๗ : คลิกดูพระสูตร


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


s004 อันที่จริง ถ้าฝึกแบบสติปัฎฐาน จะไม่มีเรื่องเหล่านี้มากวนใจเลย.
เพราะสิ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่าง สมถะและวิปัสสนาก็คือ

วิปัสสนา จะมีสัมปชัญญะสมบูรณ์, ใช้คำสมัยใหม่ก็ได้ว่า ระบบประสาทสัมผัสยังคงมีอยู่ครบถ้วน.
เมื่อระบบประสาทสัมผัสยังสมบูรณ์ ความเป็นมนุษย์ก็ย่อมสมบูรณ์ ความวิปลาสก็ย่อมไม่เกิด :b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
s004 อันที่จริง ถ้าฝึกแบบสติปัฎฐาน จะไม่มีเรื่องเหล่านี้มากวนใจเลย.
เพราะสิ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่าง สมถะและวิปัสสนาก็คือ

วิปัสสนา จะมีสัมปชัญญะสมบูรณ์, ใช้คำสมัยใหม่ก็ได้ว่า ระบบประสาทสัมผัสยังคงมีอยู่ครบถ้วน.
เมื่อระบบประสาทสัมผัสยังสมบูรณ์ ความเป็นมนุษย์ก็ย่อมสมบูรณ์ ความวิปลาสก็ย่อมไม่เกิด :b32: :b32: :b32:



ถูกต้องแล้วท่านมู :b4:

ที่เขียนเล่าไปน่ะ หมายถึง สภาวะเมื่อก่อนนี้ ยังหลง(สมาธิ-ยึดติดสภาวะ)น่ะ
เลยไม่รู้ว่า เป็นเรื่องปกติของสภาวะ :b32:


...................................................

เห็นเหตุ ที่เป็นเหตุให้ผู้อื่น(คิดเอาเอง) กลับมาเขียนใหม่ให้ครบถ้วน :b32:

ถ้ายังมีว่ากันอีก ก็เรื่องของเขาละ :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 16 ต.ค. 2013, 15:49, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 15:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
murano เขียน:
s004 อันที่จริง ถ้าฝึกแบบสติปัฎฐาน จะไม่มีเรื่องเหล่านี้มากวนใจเลย.
เพราะสิ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่าง สมถะและวิปัสสนาก็คือ

วิปัสสนา จะมีสัมปชัญญะสมบูรณ์, ใช้คำสมัยใหม่ก็ได้ว่า ระบบประสาทสัมผัสยังคงมีอยู่ครบถ้วน.
เมื่อระบบประสาทสัมผัสยังสมบูรณ์ ความเป็นมนุษย์ก็ย่อมสมบูรณ์ ความวิปลาสก็ย่อมไม่เกิด :b32: :b32: :b32:


ถูกต้องแล้วท่านมู :b4:

ที่เขียนเล่าไปน่ะ หมายถึง สภาวะเมื่อก่อนนี้
ยังหลง(สมาธิ-ยึดติดสภาวะ)น่ะ เลยไม่รู้ :b32:

อย่าคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเขาจะหลงเหมือนคุณ คิดว่าเลิกกินเจแล้วจะหลุดพ้นเหรอ จะกลับไปบอกสมาชิกเขายังไงอิอิ


แก้ไขล่าสุดโดย amazing เมื่อ 16 ต.ค. 2013, 15:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 15:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


มีคนอยู่สี่จำพวก 1.พวกหนึ่งฝึกสมาธิโดยไม่ศึกษาธรรมะพอมาอ่านธรรมะรู้สึกว่าควารู้มากขึ้นจะบอกพวกสมถะหลง พวกนี้เรียกว่าวัวลืมตีน 2.อีกพวกหนึ่งหนึ่งเรียนแต่หนังสือไม่ปฎิบัติพวกคงแก่เรียน หลงอีกนาน 3.พวกสมถะอย่งเดียวไม่ยอมเรียนปริยัตหลงอีกนาน 4.พวกเรียนทั้งสองอย่างเห็นประโยชน์ทั้งคู่ไปถูกทาง


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 15:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


อาการของปีติ เป็นอย่างไร http://faq.watnapp.com/th/practice/84-n ... 01-01-0004 ก๊อปเอานะจ๊ะ


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 17:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




G1 หินลับมีดปัญญา.jpg
G1 หินลับมีดปัญญา.jpg [ 73.3 KiB | เปิดดู 3157 ครั้ง ]
murano เขียน:
s004 เอ่อ ขอแก้นิดหนึ่งนะ

ความรู้สึกติดอกติดใจ คือสิ่งที่ตำราใช้คำว่า สุข เป็นองค์ประกอบหนึ่งในปฐมฌาณ

คือ... :b6: อยู่ในปิตินานๆ ก็เริ่ม สุข แล้วก็เริ่ม เพี้ยน น่ะ

:b12: :b12: :b12: :b12:
ทั้งมูราโน่และกบ พากันฟุ้งออกนอกทางไปกันใหญ่แล้วเพราะไม่เคยสัมผัสสภาวธรรมจริงๆ

อาการของปีตินั้นอโศกะรู้ชัดมานานแล้ว แต่มันเป็นคนละเรื่องกับ Vibration

Vibration เป็นอาการปกติของกาย ซึ่งอยู่ลึกลงไปจาก ชีพจร หัวใจเต้นและลมหายใจ ซึ่งละเอียดและหยาบออกมาตามลำดับ

จิตและสติปัญญาของปุถุชน ที่ได้รับคำแนะนำถูกต้องและฝึกหัดมาดีแล้วสามารถสัมผัสได้ คุณกบกับมูราโน่คงยังไม่เคยสัมผัส จึงหลงคิดไปว่าเป็นปีติ

ทดสอบทดลองดูด้วยตัวเองหน่อยน่า ดูจากแผนผังที่ยกมาให้พิจารณาข้างบนนี้ ดูซิว่าจะตีความออกและนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้ไหม

ลองดูก่อน ถ้าหาคำตอบไม่ได้หรืองงก็ค่อยถามมาใหม่นะครับ กบ มูราโน่

:b4: :b4: :b4:
โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การสนทนาเรื่องการปฏิบัติ ควรมีตัวอย่างจากผู้่ปฏิบัติจริงมาด้วย แต่เท่าที่สังเกต ยังไม่เห็นมีใครยกตัวอย่างจากผู้ปฏิบัติจริงมาสักคน

ถามว่า เพราะอะไร? ตอบ คือดูไ่ม่ออก ถามว่าทำไมจึงดูไม่ออก? เพราะตนเองไม่เคยปฏิบัติ เมื่อไม่เคยปฏิบัติ ก็ไม่เข้าใจประสบการณ์ตรง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้กรัชกายจะมีตัวอย่าง่มาให้ดูทุกครั้ง

นี่ก็อีกตัวอย่างหนึ่ง

อ้างคำพูด:
แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ
แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน
ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟนก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน
เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไรดิฉันได้แต่นั่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ
ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี
ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย
มันน่าน้อยใจนัก!!

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายไม่เคยคุยอ้างตนว่าเป็นนักปฏิบัติ ปติเบตอะไร แต่มองเรื่องพวกนี้ออก ว่ามันคืออะไร แล้วจะต้องแก้หรือปฏิบัติต่อสิ่งที่ปรากฏนี้อย่างไร จิตจึงเดินต่อ ไม่วนไปวนมาได้ :b1:


อ้างคำพูด:
ขอถามหน่อยค่ะว่า เวลาที่นั่งสมาธิสักพัก จิตเริ่มสงบแล้ว ก็เกิดนิมิตเห็นคนหรือวิญญาณไม่แน่ใจค่ะ นั่งก้มหน้าสงบนิ่งอยู่ข้างๆเรา เจอหลายครั้งค่ะ บางทีก็มากันหลายคน มีอยู่ครั้งหนึ่งชัดเจนมาก มาด้วยกัน 4 คนค่ะ ผู้ชาย 2 คน หญิงอุ้มลูกเล็กๆอีกหนึ่ง เกิดจากอะไรคะ และทำอย่างไรคะหากเจอแบบนี้ แค่แผ่เมตตาพอหรือเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 17:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
เพิ่งรู้นะว่า อาการรู้ชัด ของการเต้นชีพจร ตามจุดต่างๆของร่างกาย เป็นอาการปีติ
แรกๆเกิดอาการนี้ เซ็งมากกก


เพราะทำให้ไม่หลับไม่นอน รู้สึกอยู่อย่างนั้น
บางครั้ง รู้ทั้งหมดเลย ชีพจรตามจุดต่างๆของร่างกาย เช่น
ตามแขน ขา ก้น หลัง หัว หูฯลฯ รู้ทั้งตัว
เสียงหัวใจเต้น ดังก้องอยู่ในหู รำคาญมาก

ตะแคงซ้ายก็เจอ
ตะแคงขวาก็เจอ
นอนหงายก็เจอ
ลุกนั่งก็เจอ

แค่นอนต่อ เลือกท่าที่ได้ยินเสียงดังน้อยกว่าท่านอนอื่น
รู้ไปเรื่อยๆ เสียงการเต้นของชีพจร จะค่อยๆเบาลงไปเอง


แค่รู้ไปเรื่อยๆ เกิดทั้งกลางวัน และกลางคืน
เจอจนชิน ความรู้สึกก็ปรับไปเอง จากรำคาญ ก็ไม่รำคาญ
ทุกวันนี้ก็เป็นอยู่ แต่รู้สึกเฉยๆ

ตอนนี้มีสภาวะใหม่เกิดขึ้นแทน
เสียงชีพจรข้างหูเต้น ดังก้องอยู่ในหู
รำคาญมากๆ ต้องเอานิ้วกดตรงจุดชีพจรนั้นไว้
เจอบ่อยๆ เริ่มชิน อาการนี้ก็เกิดห่างขึ้น

เรื่องของสภาวะ มีแต่การเรียนรู้

ถ้าไม่ไปแต่งตัวหรือเสริมเติมแต่งให้กับสภาวะ จะเหลือแค่รู้

เมื่อสภาวะนั้นๆ เกิดขึ้นเนืองๆ ทำให้รู้ว่า เป็นความปกติของสภาวะ

อย่างลมหายใจนี่ บางครั้ง หายใจเหมือนรถกำลังจะออกตัว บรื้น บรื้น

รู้สึกถึงความตึงตามใบหน้า สักพักหายไปเอง แล้วจิตก็เป็นสมาธิ
ตอนที่ยังไม่รู้ ก็ทำให้เกิดความรำคาญ รำคาญลักษณะการหายใจ
เจอบ่อยๆ เริ่มชิน เลิกรำคาญ แล้วสภาวะหายใจแบบนั้น ก็หายไปเอง

นั่งแล้ว หัวทิ่มหัวตำ สัปหงกงึกๆ ทั้งๆที่รู้สึกตัว ไม่ได้หลับ
มารู้ภายหลัง เป็นอาการปีติอย่างหนึ่ง(ได้ยินตอนปฏิบัติที่วัด)
ฟังแล้ว รู้สึกเฉยๆ เพราะรู้ว่า มีแต่การเรียนรู้

แม้กระทั่ง กายหายหมด ภายในกลวงโบ๋
สุดท้ายก็รู้ด้วยตัวเอง เป็นเรื่องปกติของสมาธิ

ที่ว่าว่างๆๆๆ แค่ว่างชั่วคราว เกิดจากกำลังของสมาธิ ที่เกิดขึ้น
พอสมาธิคลาย ก็งั้นๆเอง

บางครั้งเจอแบบฟลุ๊ก ที่เรียกว่า ฟลุ๊ก เพราะเจอสองครั้ง
นั่งแล้ว เห็นความดับไปทีละส่วนของร่างกาย จากเท้า ตัว หัว จิตสุดท้าย หมดความรู้สึกไปชั่วคราว

บางครั้ง เจอสภาวะหุ่นยนต์
เมื่อผัสสะต่างๆเกิด กระเด้งออกหมด ไม่มีความรู้สึกชอบชังเกิด มีแค่รู้

บางครั้งขับมอไซค์อยู่ ต้องจอดข้างทาง
เพราะความรู้สึกเหมือนไม่มี แขน ขา
การรับรู้ของ แขนขา เริ่มหายไปทีละส่วน

คือ ระบบประสาทการรับรู้ ไม่ทำงาน
ต้องเอารถจอดข้างทาง ไปต่อไม่ได้

ปล่อยให้จิตเป็นสมาธิไปสักพัก
จนรู้สึกว่า อาการรับรู้ของกายกลับมาปกติแล้ว ค่อยไปต่อ

ขนาดใส่รองเท้าอยู่ เวลาเดิน เหมือนเท้าสัมผัสพื้น แบบไม่ได้รองเท้า

ที่ว่าเดินแต่ละก้าว ระยะแต่ละการย่างก้าว ขาดออกเป็นส่วนๆ
นั่นก็เรื่องปกตินะ

สารพัดสภาวะมาให้เรียนรู้ มีเยอะนะ เล่าแค่นี้พอ :b32:


ตัวสภาวะที่แท้จริงน่ะ ไม่มีอะไรหรอกนะ
เกิดขึ้นปกติ ดับหายไปปกติ

ที่ทำให้มีมีเกิดขึ้นต่างๆนานาน่ะ
ล้วนเกิดจาก การยึดติดในคำเรียก

:b27:
คุณวลัยพร มีจิตสะอาด ละเอียดอ่อน บริสุทธิ์ และมีบุญเก่าสะสมมามากพอ จึงสามารถสัมผัสรู้อาการที่ละเอียดอ่อนภายในกายได้.....จงอย่าหลงออกจากทางที่ดีนี้ไปตามคำบอกของคนที่ไม่รู้จริง

ปิติ กับอาการของ Vibration นี้เป็นคนละอันกันนะครับ

ปีติเป็นผลของสมาธิ เขามาตามกัน ตามลำดับคือ

ปีติ ปัสสัทธิ นิมิต สุข เอกัคตา อุเบกขา นี่เป็นผลของสมาธิ

แต่การรู้ Vibration นั้นเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่มีจิตใจสงบ ละเอียดอ่อน สติปัญญาคมกล้า

ปุถุชน คนใจบาป หยาบช้า หรือนักสมถะภาวนา อาจไม่สามารถสังเกตรู้อาการที่ละเอียดอ่อทนในร่างกายเช่นนี้

วิธีการที่จะเข้าไปดูหรือไปรู้สภาวะที่ละเอียดอ่อนในกายเหล่านี้ทำได้ง่ายๆโดย

นั่งสงบกายสงบใจ ตั้งใจที่จะสำรวมกาายใจให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะนิ่งได้ แล้วเอาสติ ปัญญามาตั้งรู้ตั้งสังเกตดูเข้าไปในกายดีๆ

เมื่อจิตสงบลงไปๆ จนถึงระดับที่ 1 ลมหายใจเขาจะชัดขึ้นมาเอง.....นิ่งรู้อยู่ในระดับนี้สักพักหลังจากนั้นปล่อยความรู้ชัดลมหายใจ

ทำตัวทำใจให้นิ่งลงไปกว่านี้อีก จนเมื่อนิ่งได้ที่ถึงระดับที่ 2 หัวใจเต้นตึกๆ จะชัดขึ้นมา ทรงความรู้ชัดนี้ไว้สักระยะหนึ่งแล้วก็ปล่อยความรู้หัวใจเต้น

ทำตัวทำใจให้นิ่งยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อนิ่งถึงระดับที่ 3 ชีพจรจะชัดขึ้นมาเป็นจุดๆ ตามส่วนต่างๆของร่างกาย จนเมื่อนิ่งได้ที่ถึงระดับ ชีพจรจะรู้ชัดหมดทั่วร่าง ทรงอารมณ์นีไว้สักระยะหนึ่ง แล้ว

ทำตัวทำใจให้นิ่งลงไปให้ถึงที่สุด สังเกตให้ดี เมื่อนิ่งถึงระดับที่ 4 ท่านจะได้สัมผัสรู้อากรสั่นสะเทือนของร่างกาย โดยจะเริ่มรู้ชัดเป็นจุดๆ หรือส่วนๆไปก่อนแล้วค่อยขยายชัดไปจนทั่วร่าง.....ผู้ปฏิบัติในสายของท่านอาจารย์โกเอ็นก้า จะนับถือความนิ่งละเอียดของสติปัญญาถึงระดับนี้ ถ้าทรงอารมณ์นี้ไว้ได้นานๆ บ่อยๆ ไม่ช้าผู้ฝึกหัดจะได้พบการล่มสลายของความรู้สึกว่าเป็นตัวตน แขน ขา หัว มือ เท้าต่างๆ จะพังทะลายหายไปหมดเหลือแต่จิตรู้ลอยเด่นรู้อยู่โดดๆเป็นหนึ่งเดียว ทางสายท่านโกเอ็นก้าท่านเรียกว่า "ภังคญาณ"

เอ้า แซมเปิ้ล ลองทำกันดูนะครับแล้วได้ผลเป็นอย่างไรค่อยมาสนทนากันต่อ

คุณกบกับมูราโน่ก็น่าลองสัมผัสควสามจริงดูนะครับ

:b4: :b4: :b4:


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาอีก


อ้างคำพูด:
ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วันละ สามซม. แรกๆก็จะบริกรรม ดูลม (เรียนทำสมาธิจากเวปต่างๆ และคลิปที่ยูทูป อยู่ต่างประเทศคะ) จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้ จนเมื่อวานนี้และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ ให้นิ่งดูเฉยๆ ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จน ถึงวันนี้ๆ ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อ ให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้างคะ ขอรบกวนให้คำปรึกษาด้วยนะคะ....อยู่ต่างประเทศจะไปวัดขอคำปรึกษาจากพระไม่ ได้เลย


จากสภาวะสังขารที่ปรากฏแก่ผู้ปฏิบัติดังนี้ พึงกำหนดรู้ (ว่าในใจ) ตามที่มันเป็น หรือตามเป็นจริง เป็นยังไง รู้สึกยังไง กำหนดยังงั้น ทุกครั้งทุกขณะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 18:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกายไม่เคยคุยอ้างตนว่าเป็นนักปฏิบัติ ปติเบตอะไร แต่มองเรื่องพวกนี้ออก ว่ามันคืออะไร แล้วจะต้องแก้หรือปฏิบัติต่อสิ่งที่ปรากฏนี้อย่างไร จิตจึงเดินต่อ ไม่วนไปวนมาได้ :b1:


อ้างคำพูด:
ขอถามหน่อยค่ะว่า เวลาที่นั่งสมาธิสักพัก จิตเริ่มสงบแล้ว ก็เกิดนิมิตเห็นคนหรือวิญญาณไม่แน่ใจค่ะ นั่งก้มหน้าสงบนิ่งอยู่ข้างๆเรา เจอหลายครั้งค่ะ บางทีก็มากันหลายคน มีอยู่ครั้งหนึ่งชัดเจนมาก มาด้วยกัน 4 คนค่ะ ผู้ชาย 2 คน หญิงอุ้มลูกเล็กๆอีกหนึ่ง เกิดจากอะไรคะ และทำอย่างไรคะหากเจอแบบนี้ แค่แผ่เมตตาพอหรือเปล่า
กรัชกายโง่จริงหรือแกล้งโง่นะ. กรัชกายน่าจะเข้าใจชีวิตตามความจริงนะ มันมีใครเลยที่จะเข้าใจอะไรได้หมดมันก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ เดี๋ยววันเวลาจะลงตัวเองเขาก็จะหาความรู้ได้เองมีใครรู้มาก่อนโง่กันมทั้งนั้น กรัชกายช่วยอะไรเขาได้มั้ยล่ะ. คิดว่าความรู้ทที่มีของกรัชกายช่วยได้หรือเปล่า ทั้งๆความรู้แบบนี้มีมากมาย ทุกคนมีเวาเป็นของตนคนที่พยามทีจะให้ความรู้ทีถูกเขาก็ทำหน้าที่กันอยู่แล้ว เพราะพวกเราไม่มีญานรู้ว่าใครสมเหมาะสมอย่างไร เราจึงต้องให้ความรู้ทั้งสองด้านปฎิบัติปริยัติ.


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ปิติ กับอาการของ Vibration นี้เป็นคนละอันกันนะครับฯลฯ




ก็ว่า เขียนชัดแล้วนะ


walaiporn เขียน:


เรื่องของสภาวะ มีแต่การเรียนรู้

ถ้าไม่ไปแต่งตัวหรือเสริมเติมแต่งให้กับสภาวะ จะเหลือแค่รู้

เมื่อสภาวะนั้นๆ เกิดขึ้นเนืองๆ ทำให้รู้ว่า เป็นความปกติของสภาวะ



ตัวสภาวะที่แท้จริงน่ะ ไม่มีอะไรหรอกนะ
เกิดขึ้นปกติ ดับหายไปปกติ

ที่ทำให้มีมีเกิดขึ้นต่างๆนานาน่ะ
ล้วนเกิดจาก การยึดติดในคำเรียก
และสิ่งที่เกิดขึ้น

:b6:


ส่วนใครจะแต่งองค์ทรงเครื่อง ให้กับสภาวะของตนเองยังไง นั่นแล้วแต่เหตุปัจจัย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 18:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


การรับรู้เรื่องพวกนี้ผมรับรู้มาเป็นสิบปีแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นตัวเบา ตัวหาย แรงสั่นสะเทือน แสงสว่างโอภาส เสียงระเบิดในจิต ใจเต้นแทบทะลุน่าอกเป็นร้ยๆครั้ง ฟ้าผ่าข้างตัวยังไม่สะดุ้ง รู้มานานมากแล้ว การบรรลุธรรมนั้น อย่างน้อยต้องเจอกับความดับ เช่นอกุศลดับ วจีสังขารดับ ปีติดับ สุขดับ กายสังขารดับ จิตสังขารดับ กว่าจะเจอสิ่งเหล่านี้ก็จะผ่านพวกนั้นกันสะส่วนใหญ่ เมื่อมาถึงการดับถ้าไม่มีควมรู้ในเรื่องปริยัติ มันก็จะเป็นตัวตนที่ดับก็จะเป็นพวกฤษี แต่ถ้าเข้าใจเรื่องเหตุปัจจัยมันก็หยั่งลงพระนิพพาน เรื่องของเรื่องก็มีประการละชนี้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร