วันเวลาปัจจุบัน 24 ส.ค. 2025, 00:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2013, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ เขียน:


สังขารไม่ใช่โพธิ

จิตไม่ใช่กระจกเงาใส

ไปเอา กิเลส และ สัญญา มาจากไหน




ขอบคุณที่นำมาฝาก

ที่เป็นเช่นนั้น

"สังขารไม่ใช่โพธิ

จิตไม่ใช่กระจกเงาใส

ไปเอา กิเลส และ สัญญา มาจากไหน"



เหตุของ อวิชชาที่มีอยู่

บัญญัติ บดบังสภาวะ จึงติดอยู่เพียงแค่ รูป ที่มากระทบ

รูป แต่ไม่รู้ว่า รูป

ไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุปัจจัยของการเกิดรูปนั้นๆ

จึงไม่รู้วิธีการดับ จึงมีแต่การสร้างเหตุของการเกิดภพชาติใหม่ ให้เกิดขึ้นเนืองๆ

นำมาฝากเช่นกันนะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2013, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ เขียน:
ทำงานเสร็จแล้ว เข้ามาสนทนาธรรมต่อครับ
ตั้งใจจะเข้ามาตอบ คุณโฮฮับ ที่ติดค้างเมื่อตอนเช้า แต่อ่านกระทู้พบว่า คุณลุงหมาน
ได้ตอบให้แล้ว ขออนุญาตลอกข้อสอบ เป็นแบบนั้นละครับ จะโดนตัดคะแนนไหมนี่
ยิ่งมีอยู่คะแนนเดียวด้วย

คุณก็เป็นซะแบบนี้ไง อยู่ดีๆไปอ้างชื่อคนอื่น ไม่ดูเหนือดูใต้
คุณจขกทครับ คุณอาจมองผมเป็นคนพาลผมไม่ว่าครับ
แต่อยากให้รู้ไว้อย่างหนึ่งครับว่า .............

ถ้าผมไม่ต้องการคุยกับใคร ผมก็จะไม่คุยด้วย เรื่องก็จบแค่นี้
แต่กับคุณ ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆว่าจะเอาอย่างไร
ถามหน่อยเถอะ คุณไปดึงคนอื่นมาอ้างทำไมครับ
ผมอยากจะแนะนำครับ จะอ้างคนอื่น เอาคนที่เราคุยด้วยได้ซิครับ
เอาคนที่ผมไม่คุยด้วยมาอ้าง ถามหน่อยปัญหาความเห็นมันจะเคลียมั้ยครับ

สัมมาทิฏฐิ เขียน:
แต่ของผมจะแตกต่างจากบุคคลอื่นนะครับ คุณลุงหมาน คือ เป็นประเภทเชื่องช้า
ปัญญาน้อย ต้องพิจารณาไปตามลำดับ ทีละบท เท่านั้น
ตอบ คุณโฮฮับ ที่กล่าว ในวันที่ 24 กันยายน 2556 เมื่อเวลา 11.30 น.
การสนทนาธรรม ในมุมมองของผมมีหลากหลายรูปแบบ เช่น
......บุคคลบางคน สอดคล้องกับ การอธิบาย จำแนก แสดงรายละเอียด
......บุคคลบางคน สอดคลองกับ การถาม ตอบ
......บุคคลบางคน สอดคล้องกับ การฟังบทสรุปธรรม
......บุคคลบางคน สอดคล้องกับ การเปรียบเทียบ ยกตัวอย่างประกอบ ฯลฯ

การสนทนาธรรมในรูปแบบของ คุณโฮฮับ ที่กล่าวว่า เน้นสาระในการเห็นต่าง

ก็นี่ไงแล้วจะไม่ให้เห็นต่างได้ไง ผมพยายามอ่านความเห็นและบทสรุปของคุณแล้ว
จะพูดซ้ำซากว่า "ขาดความเข้าใจ" ก็จะโกรธขึ้นมาอีก

ผมจะบอกให้ครับ ที่คุณบอกว่าผมเน้นสาระในความเห็นต่าง ผิดแล้วครับ
สิ่งที่ผมเน้น ผมเน้นหลักธรรมของพระพุทธเจ้าครับ ที่ผมวิจารณ์คุณก็เพราะเห็นว่า
คุณพูดธรรมที่ผิดเพี้ยนกับสิ่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวครับ สรุปก็คือ ความเห็นที่ผมแสดงก็คือ
ความเข้าใจของผมที่มีต่อพระธรรมของพระพุทธเจ้าครับ
ซึ่งความเข้าใจนี้ คุณก็มีสิทธิที่จะกล่าวว่า ผมเข้าใจผิดได้ครับ

สัมมาทิฏฐิ เขียน:
ผมเป็นบุคคลประเภท มีปัญญาน้อยนะครับ คงไม่มีความสามารถในการสนทนาด้วย
ในเรื่อง ......เน้นสาระในการเห็นต่าง...... ถ้าผมไม่ตอบบทสนทนาของคุณ ขอให้
รับรู้ว่า การสนทนาของคุณ เกินกว่า ระดับ สติ ปัญญา ของผมจะสนทนาด้วยได้

ในการปฏิบัติภาวนา ผมอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างจากบุคคลบางประเภท
ผมไม่เคยมองว่าใครปฏิบัติ ผิด หรือ ปฏิบัติไม่ถูกต้อง นะครับ


ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้เข้าใจ ตั้งสตินะครับ ผมจะบอกให้ฟัง
เราเป็นพุทธศาสนิก สิ่งที่เราศึกษานั้นก็คือ พระธรรมของพระพุทธเจ้า
ดังนั้นเราทุกคนต้องปฏิบัติตามหลักที่พระพุทธองค์ทรงบอก

กับการที่คุณมาบอกว่า สาระเห็นต่างอะไรนั้น คุณกำลังเข้าใจผิดนะครับ
เราสองคนต่างก็ไม่ได้ตรัสรู้ธรรมเองครับ เราจะเอาตัวเราสองคนมาเป็นหลักไม่ได้ครับ
ผมแน่ใจว่า สิ่งที่ผมบอกคุณไปสิ่งนั้นเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงกล่าว
ฉะนั้นถ้าคุณจะเห็นต่างจากผม คุณต้องยึดหลักพระธรรมของพระพุทธเจ้า
ไม่ใช่ยึดเอาความคิดเห็นส่วนตัวที่ปราศจากหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

สัมมาทิฏฐิ เขียน:
แต่บุคคลทั้งสองประเภท ไม่มีใครปฏิบัติผิด หรือ ไม่ถูกต้อง นะครับ ทุกคนสามารถ
ปฏิบัติไปได้ ถึงที่สุดของเส้นทาง ได้เช่นเดียวกัน ขอให้ทุกคนมีก้าวแรกของการ
เดินทางเท่านั้น

การสนทนาธรรม ในรูปแบบของผมจะเป็นการแบ่งปัน ประสบการณ์ เพื่อเป็น
มุมมองใหม่ พร้อมทั้ง ยินดีรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนสมาชิกทุกท่านเสมอ [/b]

ถ้าคุณจะพูดถึงประสบการณ์ในการปฏิบัติ มันก็เป็นเรื่องของคุณครับ
แต่ที่คุณพูดในตอนต้นมันไม่ใช่สิ่งที่คุณอ้างครับ คุณเอาพระธรรมของพระพุทธเจ้ามาพูดครับ
ที่สำคัญคุณเอาหลักธรรมมาพูด ด้วยเหตุนี้พุทธศาสนิกที่มีความรู้สึกว่าคุณกล่าวผิดในธรรม
ก็สามารถออกมาแย้งคุณได้ทุกเมื่อครับ โปรดเข้าใจตามนี้ครับ


ปล.อย่าลืมนะครับ ถ้าคุณเอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาอ้าง
ถ้าผมไม่เห็นด้วยผมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นแย้ง ถ้าคุณไม่อยากให้เกิดกรรมวาทะที่คุณบอก
ขอร้องครับ กรุณาอย่าใส่ใจกับความเห็นของผม และขอทีครับกรุณาทำใจให้หนักแน่น
อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ มันเดือดร้อนคนอื่นเขาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2013, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น ของเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


สนทนาธรรมต่อนะครับ

ในวันนี้ช่วงเช้างานไม่มาก แต่ช่วงบ่าย มีงานใหญ่รออยู่ คิดว่าวันนี้คงหนักแน่
ก่อนเที่ยงมีการโทรมาแจ้งยกเลิกนัดหมาย

เนื่องจากความไม่พร้อมในด้านต่าง ๆ ของทุกฝ่าย ทานข้าวกลางวันเสร็จจึงเป็น
บุคคลว่างงาน แต่ไม่ว่างในการปฏิบัติภาวนา

เข้ามาดูบอร์ดตั้งใจจะตอบ คุณโฮฮับ ที่ติดค้างเมื่อตอนเช้า แต่อ่านกระทู้พบว่า
คุณลุงหมาน ได้ตอบให้แล้ว ไปก่อนหน้านี้ จึงใช้วิธีลอกข้อสอบ


สนทนาธรรมในหัวข้อ ศรัทธา คือ สัทธินทรีย์


สัทธินทรีย์ คือ อะไร
สัทธินทรีย์ เป็นอย่างไร
ด้วยเหตุเพียงเท่าใด จึงได้ชื่อว่า ......สัทธินทรีย์


ก้าวแรกของการเริ่มต้นปฏิบัติภาวนา ......สัทธินทรีย์ เป็นอย่างไร


สนทนาธรรมตามกาล สนทนาธรรมตามประเด็น เพื่อความรู้แจ้งในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2013, 05:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ เขียน:
เข้ามาดูบอร์ดตั้งใจจะตอบ คุณโฮฮับ ที่ติดค้างเมื่อตอนเช้า แต่อ่านกระทู้พบว่า
คุณลุงหมาน ได้ตอบให้แล้ว ไปก่อนหน้านี้ จึงใช้วิธีลอกข้อสอบ

ขอให้คุณกลับไปดูว่า ความเห็นของคนอื่นที่คุณเอามาอ้าง มันตรงประเด็นกับ
เรื่องที่ผมแย้งคุณหรือเปล่า

สิ่งแรกผมขอออกตัวก่อนว่า สิ่งที่อ้างอิงเป็นความเห็นของจขกท
เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั้งบุคคลอื่นครับ


จากความเห็นที่คุณอ้างบอกว่า......
อ้างคำพูด:
การเจริญสติปัฏฐาน โดยการใช้อริยาบท ๔ คือ รูปเดิน รูปยืน รูปนั่ง รูปนอน
ทั้ง ๔ อย่างคือ เป็นรูปธรรม ในเมื่อการเจริญรูปธรรมนั้นก็ต้องมีนามธรรมปรากฎด้วย
ดังที่ท่าน จขกท.นั้นมุ่งหมายเอาธรรมที่เป็นโพธิปักขิธรรม ได้แก่อินทรีย์ ๕ คือ
ศรัทธา คือ สัทธินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ ในสภาพธรรมของตนคือ น้อมใจเชื่อ
วิริยะ คือ วิริยินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ ในการประคองไว้
สติ คือ สตินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ในการระลึก
สมาธิ คือ สมาธินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ ในการไม่ฟุ้งซ่าน
ปัญญา คือ ปัญญินทรีย์ มีความเป็นใหญ่ในการเห็นตามความเป็นจริง
เป็นหมวดกายานุปัสสนาสติปัฏฐานครับ
สนทนาตามกาลครับ


อย่างแรกขอแย้งครับว่า
การใช่อิริยาสาบท๔เป็นกรรมฐานหนึ่งในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน......ใช่ครับ
แต่มัน.....ไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐาน มันเป็นการเจริญปัญญาครับ

การเจริญหมายความว่า ........ ทำให้เกิดทำให้งอกงาม
หลักอิริยาบท๔ นั้นคือการเอา อินทรีย์๕ซึ่งมันมีอยู่ในกายใจของบุคคลแล้ว
โดยการเอาอินทรีย์๕นั้นมาใช้ในอิริยาบท......เพื่อทำให้เกิดปัญญาวิมุตติ

สาระสำคัญของกระทู้มันอยู่ที่...จขกทบอกว่า "ประกอบความเพียรในอันเจริญอินทรีย์ห้า"
ถ้าคุณเจอคนที่เคร่งคัดในพุทธพจน์ ผมว่าคุณถูกต่อว่ายิ่งกว่าผมอีกครับ


สิ่งที่ผมแย้งไปมันไม่ใช่ประเด็นพุทธพจน์ มันเป็นประเด็นของหลักธรรม
การเข้าใจหลักธรรมผิดเพี้ยนย่อมนำไปปฏิบัติผิดครับ(ที่พูดไม่ได้ว่าใครนะครับ พูดตามเหตุปัจจัย)


ความหมายของอินทรีย์๕ ท่านให้เข้าใจว่า มันมีในตนอยู่แล้ว
ท่านให้เอามาใช้เพื่อให้เกิดผล(ปัญญา) มันไม่ใช่เอาความเพียรมาทำให้เกิดอินทรีย์๕
สรุปก็คือเอาอินทรีย์๕มาทำให้เกิด(เจริญ)ปัญญาวิมุตติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2013, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สนทนาธรรมต่อนะครับ

จากคำกล่าวของคุณโฮฮับ

......อย่างแรกขอแย้งครับว่า
การใช้อิริยาสาบท 4 เป็นกรรมฐานหนึ่ง ในกายานุปัสนาสติปัฏฐาน ......ใช่ครับ
แต่มัน......ไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐาน มันเป็นการเจริญปัญญาครับ......


ผมขออนุญาตถามนะครับว่า

......ในการเจริญสติปัฏฐาน บุคคลทั่วไปเจริญกันอย่างไรครับ......


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2013, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ เขียน:
สนทนาธรรมต่อนะครับ
จากคำกล่าวของคุณโฮฮับ
......อย่างแรกขอแย้งครับว่า
การใช้อิริยาสาบท 4 เป็นกรรมฐานหนึ่ง ในกายานุปัสนาสติปัฏฐาน ......ใช่ครับ
แต่มัน......ไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐาน มันเป็นการเจริญปัญญาครับ......


ผมขออนุญาตถามนะครับว่า
......ในการเจริญสติปัฏฐาน บุคคลทั่วไปเจริญกันอย่างไรครับ......

ก่อนอื่นโปรดเข้าใจก่อนครับว่า "การเจริญสติปัฏฐาน" ประโยคคำพูดนี่มันคลาดเคลื่อน
จากหลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงกล่าว

จขกทคงเคยได้ยินคำกล่าว๓คำนี้.....ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ที่เอ่ยมาเป็นหลักเพื่อการหลุดพ้น
ซึ่งการจะให้ถึงนิพพานในศาสนาพุทธนี้ จะต้องยึดหลักทั้ง๓นี้

ที่นี้เรามาพิจารณาคำว่า...เจริญสติปัฏฐาน ในความเป็นจริงคำๆนี้มันเกิดจากการใช้
บัญญัติที่ผิดหลักความเป็นจริงครับ นั้นก็คือ การเอาหลักธรรม๓ขั้นมาผสมปนเปกัน
จนผิดจากความเป็นจริง

ปุถชนก็มีขั้นตอนของปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
อริยชนก็มีขั้นตอนของปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ถึงขั้นตอนของบุคคลดังกล่าวมันแตกต่างกัน
ที่สำคัญบุคคลทั่วไปจะต้องผ่านขั้นตอนของปุถุชนก่อน
ซึ่งเรียกขั้นตอนนี้ว่า.....การเจริญสติ คือการทำให้รู้เห็นสภาวะสติที่แท้จริงเสียก่อน



อันที่จริงแล้ว จากประโยคคำพูดนี้"การเจริญสติปัฏฐาน" เอามาใช้รวมกันไม่ได้
เพราะมันแตกต่างกันด้วยสถานะหรือขั้นตอนในการปฏิบัติ ....การเจริญสติเป็นขั้นตอนหนึ่ง
สติปัฏฐานก็เป็นขั้นตอนหนึ่ง

"การเจริญสติ" เป็นหลักในการปฏิบัติของปุถุชนหรือที่คุณเรียกว่า บุคคลทั่วไป

ส่วน"สติปัฏฐาน" เป็นหลักในการปฏิบัติของอริยชน หรือผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว


ทำไมถึงบอกว่า ปุถุชนต้องเจริญสติ ก็เพราะปุถุชนยังไม่รู้ว่าสภาวะ
ที่เรียกว่าสติเป็นอย่างไร ที่เราพูดๆกันสตินั้น มันเป็นเพียงบัญญัติเท่านั้น
ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติเพื่อให้เกิดสติ นั้นก็คือให้เห็นสภาวะที่แท้จริงของสติเสียก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2013, 05:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
สัมมาทิฏฐิ เขียน:
สนทนาธรรมต่อนะครับ
จากคำกล่าวของคุณโฮฮับ
......อย่างแรกขอแย้งครับว่า
การใช้อิริยาสาบท 4 เป็นกรรมฐานหนึ่ง ในกายานุปัสนาสติปัฏฐาน ......ใช่ครับ
แต่มัน......ไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐาน มันเป็นการเจริญปัญญาครับ......


ผมขออนุญาตถามนะครับว่า
......ในการเจริญสติปัฏฐาน บุคคลทั่วไปเจริญกันอย่างไรครับ......

ก่อนอื่นโปรดเข้าใจก่อนครับว่า "การเจริญสติปัฏฐาน" ประโยคคำพูดนี่มันคลาดเคลื่อน
จากหลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงกล่าว

จขกทคงเคยได้ยินคำกล่าว๓คำนี้.....ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ที่เอ่ยมาเป็นหลักเพื่อการหลุดพ้น
ซึ่งการจะให้ถึงนิพพานในศาสนาพุทธนี้ จะต้องยึดหลักทั้ง๓นี้

ที่นี้เรามาพิจารณาคำว่า...เจริญสติปัฏฐาน ในความเป็นจริงคำๆนี้มันเกิดจากการใช้
บัญญัติที่ผิดหลักความเป็นจริงครับ นั้นก็คือ การเอาหลักธรรม๓ขั้นมาผสมปนเปกัน
จนผิดจากความเป็นจริง

ปุถชนก็มีขั้นตอนของปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
อริยชนก็มีขั้นตอนของปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ถึงขั้นตอนของบุคคลดังกล่าวมันแตกต่างกัน
ที่สำคัญบุคคลทั่วไปจะต้องผ่านขั้นตอนของปุถุชนก่อน
ซึ่งเรียกขั้นตอนนี้ว่า.....การเจริญสติ คือการทำให้รู้เห็นสภาวะสติที่แท้จริงเสียก่อน



อันที่จริงแล้ว จากประโยคคำพูดนี้"การเจริญสติปัฏฐาน" เอามาใช้รวมกันไม่ได้
เพราะมันแตกต่างกันด้วยสถานะหรือขั้นตอนในการปฏิบัติ ....การเจริญสติเป็นขั้นตอนหนึ่ง
สติปัฏฐานก็เป็นขั้นตอนหนึ่ง

"การเจริญสติ" เป็นหลักในการปฏิบัติของปุถุชนหรือที่คุณเรียกว่า บุคคลทั่วไป

ส่วน"สติปัฏฐาน" เป็นหลักในการปฏิบัติของอริยชน หรือผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว


ทำไมถึงบอกว่า ปุถุชนต้องเจริญสติ ก็เพราะปุถุชนยังไม่รู้ว่าสภาวะ
ที่เรียกว่าสติเป็นอย่างไร ที่เราพูดๆกันสตินั้น มันเป็นเพียงบัญญัติเท่านั้น
ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติเพื่อให้เกิดสติ นั้นก็คือให้เห็นสภาวะที่แท้จริงของสติเสียก่อน



นั่น ตนไม่รู้ความหมายภาษาของเขา ก็แก้ก็บิดเบือนเสีย นี่แหละคนทำลายหลักธรรมตัวจริง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2013, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:


"การเจริญสติ" เป็นหลักในการปฏิบัติของปุถุชนหรือที่คุณเรียกว่า บุคคลทั่วไป

ส่วน"สติปัฏฐาน" เป็นหลักในการปฏิบัติของอริยชน หรือผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว




ดูความคิดความอ่านของโฮฮับนี่แล้ว ได้แต่ปลง :b9: พูดเหมือนกับว่า ผู้ที่เป็นอริยชนนั่น เขาเป็นมาตั้งแต่อยู่ครรภ์ยังงั้นแหละ คลอดปุ๊บเป็นอริยชนปั๊บ :b32: เจริญสติปัฏฐานโครม :b13: ไม่ต้องเป็นปุถชนคนทั่วไปก่อน แล้วได้มาเจริญสติปัฏฐานถูกต้องถูกวิธีแล้วเป็นอริยชน อยากหัวเราะเป็นภาษาพม่าจริงๆ :b32:

ถ้าเป็นนายกรัชกายรูปงามแล้วนะ :b35: ถ้าพูดยังงี่คิดยังงี้นะ เอาหัวงัดคีย์บอร์ดตายแล้ว :b28:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2013, 04:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:


"การเจริญสติ" เป็นหลักในการปฏิบัติของปุถุชนหรือที่คุณเรียกว่า บุคคลทั่วไป

ส่วน"สติปัฏฐาน" เป็นหลักในการปฏิบัติของอริยชน หรือผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว




ดูความคิดความอ่านของโฮฮับนี่แล้ว ได้แต่ปลง :b9: พูดเหมือนกับว่า ผู้ที่เป็นอริยชนนั่น เขาเป็นมาตั้งแต่อยู่ครรภ์ยังงั้นแหละ คลอดปุ๊บเป็นอริยชนปั๊บ :b32: เจริญสติปัฏฐานโครม :b13: ไม่ต้องเป็นปุถชนคนทั่วไปก่อน แล้วได้มาเจริญสติปัฏฐานถูกต้องถูกวิธีแล้วเป็นอริยชน อยากหัวเราะเป็นภาษาพม่าจริงๆ :b32:

ถ้าเป็นนายกรัชกายรูปงามแล้วนะ :b35: ถ้าพูดยังงี่คิดยังงี้นะ เอาหัวงัดคีย์บอร์ดตายแล้ว :b28:



อธิบายให้ฟังไม่สำเหนียก บอกว่าอย่าเอา"เจริญสติ"กับ"สติปัฏฐาน"มารวมกัน
แบบนี้มันเป็นการสร้างบัญญัติที่ผิดจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ทั้งเจริญสติและสติปัฎฐานล้วนเป็นมรรคด้วยกันทั้งคู่ เมื่อเอามารวมกัน
มันจึงไม่เกิดความหมายในบัญญัติและมันผิดหลัก ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

จะบอกให้ว่า การเอาศึกษาธรรมจากบัญญัติที่ผิดไปจากหลักธรรม
มันทำให้บุคคลนั้นหลงเข้ารกตกท่อ
เห็นหลายคนพูดว่า "เจริญสติปัฏฐาน" เริ่มพูดมันก็ผิดแล้ว
ยังไม่ต้องลงมือปฏิบัติหรอก เพราะมันปฏิบัติไม่ได้ โดนวิจิกิจฉาเล่นงานอ่วมอรทัยแน่ๆ
ก่อนที่จะทำสติปัฏฐาน มันต้องรู้ก่อนว่า สติเป็นอย่างไร

รู้ในที่นี้คือรู้ตัวสภาวะจริงๆ ไม่ใช้รู้จากคำศัพท์หรือตัวหนังสือ
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องไปปฏิบัติให้รู้สภาวะที่เรียกว่าสติก่อน แบบนี้จึงเรียกว่า....การเจริญสติ


เมื่อรู้แล้วว่าสภาวะสติเป็นอย่างไร จึงจะเอาสภาวะสติมาทำสติปัฏฐานได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2013, 05:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ป้องกันการเพ้อเจ้อ หลุดจากโลกของความเป็นจริงไป

ถามโฮฮับ มนุษย์ที่เกิดมาเนี่ยนะ เป็นอริยชนตั้งแต่เกิดจากท้องแม่เลยใช่ไหม :b1: ตอบสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่ ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2013, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ป้องกันการเพ้อเจ้อ หลุดจากโลกของความเป็นจริงไป

กรัชกาย อวิชาก็ความจริง วิชชาก็ความจริง
แต่ที่กรัชกายเพ้อเจ้อมันเป็นความจริงในส่วนของอวิชา ..เข้าใจมั้ย

กรัชกาย เขียน:
ถามโฮฮับ มนุษย์ที่เกิดมาเนี่ยนะ เป็นอริยชนตั้งแต่เกิดจากท้องแม่เลยใช่ไหม :b1: ตอบสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่ ?


คำตอบของพี่โฮมันอยู่ในคำถามที่ถามกลับไปนี่แหล่ะว่า......

ถ้าชาตินี้เราเป็นโสดาบันยังไม่เป็นพระอรหันต์ ถ้าตายไปแล้วเกิดใหม่ชาติหน้า
เราจะเป็นอริยชนหรือปุถุชน

ตรงข้ามถ้าตายไปพร้อมกับความเป็นปุถุชน ชาติหน้าจะเป็นอะไร

อยากบอกกรัชกายว่า กรัชกายเริ่มเสียสมาธิแล้ว
เข้าใจผิดในตัวของปัญญา กำลังเอาความจำที่เป็นปัญญาทางโลก
มามั่วกับปัญญาทางธรรมโลกุตตระ


ตั้งสติหน่อย อย่าเคลิ้ม! :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2013, 12:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ป้องกันการเพ้อเจ้อ หลุดจากโลกของความเป็นจริงไป

กรัชกาย อวิชาก็ความจริง วิชชาก็ความจริง
แต่ที่กรัชกายเพ้อเจ้อมันเป็นความจริงในส่วนของอวิชา ..เข้าใจมั้ย

กรัชกาย เขียน:
ถามโฮฮับ มนุษย์ที่เกิดมาเนี่ยนะ เป็นอริยชนตั้งแต่เกิดจากท้องแม่เลยใช่ไหม :b1: ตอบสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่ ?


คำตอบของพี่โฮมันอยู่ในคำถามที่ถามกลับไปนี่แหล่ะว่า......

ถ้าชาตินี้เราเป็นโสดาบันยังไม่เป็นพระอรหันต์ ถ้าตายไปแล้วเกิดใหม่ชาติหน้า
เราจะเป็นอริยชนหรือปุถุชน

ตรงข้ามถ้าตายไปพร้อมกับความเป็นปุถุชน ชาติหน้าจะเป็นอะไร

อยากบอกกรัชกายว่า กรัชกายเริ่มเสียสมาธิแล้ว
เข้าใจผิดในตัวของปัญญา กำลังเอาความจำที่เป็นปัญญาทางโลก
มามั่วกับปัญญาทางธรรมโลกุตตระ


ตั้งสติหน่อย อย่าเคลิ้ม!



ถามอีกนะงั้น ตั้งสติดี คิดดีๆนะ ถามนะ พระพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระโมคคัลานะ ฯลฯ เป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่อยู่ในท้อง ใช่หรือไม่ ตอบสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่

ไม่ต้องโยกหน้าโยคหลังนะ ตอบ ใช่ กับ ไม่ใช่ พอ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2013, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ป้องกันการเพ้อเจ้อ หลุดจากโลกของความเป็นจริงไป

กรัชกาย อวิชาก็ความจริง วิชชาก็ความจริง
แต่ที่กรัชกายเพ้อเจ้อมันเป็นความจริงในส่วนของอวิชา ..เข้าใจมั้ย

กรัชกาย เขียน:
ถามโฮฮับ มนุษย์ที่เกิดมาเนี่ยนะ เป็นอริยชนตั้งแต่เกิดจากท้องแม่เลยใช่ไหม :b1: ตอบสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่ ?


คำตอบของพี่โฮมันอยู่ในคำถามที่ถามกลับไปนี่แหล่ะว่า......

ถ้าชาตินี้เราเป็นโสดาบันยังไม่เป็นพระอรหันต์ ถ้าตายไปแล้วเกิดใหม่ชาติหน้า
เราจะเป็นอริยชนหรือปุถุชน

ตรงข้ามถ้าตายไปพร้อมกับความเป็นปุถุชน ชาติหน้าจะเป็นอะไร

อยากบอกกรัชกายว่า กรัชกายเริ่มเสียสมาธิแล้ว
เข้าใจผิดในตัวของปัญญา กำลังเอาความจำที่เป็นปัญญาทางโลก
มามั่วกับปัญญาทางธรรมโลกุตตระ


ตั้งสติหน่อย อย่าเคลิ้ม!


หลุดโลกครับ หลุดโลกจริงๆด้วย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2013, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ป้องกันการเพ้อเจ้อ หลุดจากโลกของความเป็นจริงไป

กรัชกาย อวิชาก็ความจริง วิชชาก็ความจริง
แต่ที่กรัชกายเพ้อเจ้อมันเป็นความจริงในส่วนของอวิชา ..เข้าใจมั้ย

กรัชกาย เขียน:
ถามโฮฮับ มนุษย์ที่เกิดมาเนี่ยนะ เป็นอริยชนตั้งแต่เกิดจากท้องแม่เลยใช่ไหม :b1: ตอบสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่ ?


คำตอบของพี่โฮมันอยู่ในคำถามที่ถามกลับไปนี่แหล่ะว่า......

ถ้าชาตินี้เราเป็นโสดาบันยังไม่เป็นพระอรหันต์ ถ้าตายไปแล้วเกิดใหม่ชาติหน้า
เราจะเป็นอริยชนหรือปุถุชน

ตรงข้ามถ้าตายไปพร้อมกับความเป็นปุถุชน ชาติหน้าจะเป็นอะไร

อยากบอกกรัชกายว่า กรัชกายเริ่มเสียสมาธิแล้ว
เข้าใจผิดในตัวของปัญญา กำลังเอาความจำที่เป็นปัญญาทางโลก
มามั่วกับปัญญาทางธรรมโลกุตตระ


ตั้งสติหน่อย อย่าเคลิ้ม!



ถามอีกนะงั้น ตั้งสติดี คิดดีๆนะ ถามนะ พระพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระโมคคัลานะ ฯลฯ เป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่อยู่ในท้อง ใช่หรือไม่ ตอบสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่

ไม่ต้องโยกหน้าโยคหลังนะ ตอบ ใช่ กับ ไม่ใช่ พอ :b13:


จะถามอะไรใคร หัดคิดก่อนก็ดีน่ะกรัชกาย
ถ้าพี่โฮถามกลับว่า......พระพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระโมคัลลานะฯลฯ
เรียนมาตั้งหลายอาจารย์ ทำไมยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล

ปัญญาไตรลักษณ์มันไม่ได้เกิดจากการเรียนหรือฟัง......เข้าใจมั้ย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2013, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ป้องกันการเพ้อเจ้อ หลุดจากโลกของความเป็นจริงไป

กรัชกาย อวิชาก็ความจริง วิชชาก็ความจริง
แต่ที่กรัชกายเพ้อเจ้อมันเป็นความจริงในส่วนของอวิชา ..เข้าใจมั้ย

กรัชกาย เขียน:
ถามโฮฮับ มนุษย์ที่เกิดมาเนี่ยนะ เป็นอริยชนตั้งแต่เกิดจากท้องแม่เลยใช่ไหม :b1: ตอบสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่ ?


คำตอบของพี่โฮมันอยู่ในคำถามที่ถามกลับไปนี่แหล่ะว่า......

ถ้าชาตินี้เราเป็นโสดาบันยังไม่เป็นพระอรหันต์ ถ้าตายไปแล้วเกิดใหม่ชาติหน้า
เราจะเป็นอริยชนหรือปุถุชน

ตรงข้ามถ้าตายไปพร้อมกับความเป็นปุถุชน ชาติหน้าจะเป็นอะไร

อยากบอกกรัชกายว่า กรัชกายเริ่มเสียสมาธิแล้ว
เข้าใจผิดในตัวของปัญญา กำลังเอาความจำที่เป็นปัญญาทางโลก
มามั่วกับปัญญาทางธรรมโลกุตตระ


ตั้งสติหน่อย อย่าเคลิ้ม!



ถามอีกนะงั้น ตั้งสติดี คิดดีๆนะ ถามนะ พระพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระโมคคัลานะ ฯลฯ เป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่อยู่ในท้อง ใช่หรือไม่ ตอบสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่

ไม่ต้องโยกหน้าโยคหลังนะ ตอบ ใช่ กับ ไม่ใช่ พอ :b13:


จะถามอะไรใคร หัดคิดก่อนก็ดีน่ะกรัชกาย
ถ้าพี่โฮถามกลับว่า......พระพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระโมคัลลานะฯลฯ
เรียนมาตั้งหลายอาจารย์ ทำไมยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล

ปัญญาไตรลักษณ์มันไม่ได้เกิดจากการเรียนหรือฟัง......เข้าใจมั้ย :b32:


ตอบไม่ตรงคำถาม เจ้าชายสิทธิัตถะ อุปติสสะ โกลิตะ เป็นพระอริยะมาตั้งแต่ในท้องแม่ใช่ไม่ใช่

ตอบนั้นสั้นๆ ใช่ ไม่ใช่


ทีเมื่อกี้บอกปัจจวัคคีย์ ฟังธรรมสุตมยปัญญา แน่ะๆๆมาตรงนี้ กลับพูดว่า
อ้างคำพูด:
ปัญญาไตรลักษณ์มันไม่ได้เกิดจากการเรียนหรือฟัง


งั้นถามอีกใหม่ ปัญญาในไตรลักษณะ เกิดจากอะไร (พูดดักไว้ก่อน) แล้วจะทำยังไง ให้ปัญญาในไลรลักษณ์เกิด คิกๆๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร