วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2013, 15:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ในที่สุด กระทู้นี้ก็ขยายความออกมาอย่างกว้างไกลโดยความเห็นและการวิตกวิจารณ์ของท่านผู้รู้ทั้ง 2 - 3 ท่าน มีท่านกรัชกายและ Amazing เป็นคู่สนทนา

ท่านAmazingเน้นละนันทิ ให้ได้ด้วยอานาปานสติ....ท่านกรัชกาย ก็ ทักท้วงและแสดงความเห็นที่เกี่ยวข้องกับขันธ์ 5 อายตนะ 12 และรายละเอียด ของอานาปานสติภาวนา

ได้ความรู้แตกฉานกันออกไปอีกเยอะเลยนะครับ อนุโมทนา

กลับมาสู่ประเด็นหลักของเราต่อไปได้หรือยังครับ...ว่า อะไร เป็นเหตุให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก

จากแรกสุดมีผู้บอกว่า ...ความกลัวตาย.....ถัดไปก็คือ นิวรณ์ธรรมทั้ง 5

วันนี้มาเพิ่มให้พิจารณากันอีกสักหน่อยว่า

วิบากแห่งอดีตกรรม.....ที่กำลังตามมาให้ผลในปัจจุบัน ก็เป็นเหตุให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก

ความข้อนี้เป็นไฉน?

ชีวิตและธาตุขันธ์ของเรานี้ ถ้าจะนำมาตั้งไว้เฉยๆ โดยไม่ให้เกิดปฏิกิริยาใดๆตอบโต้ออกมาจากกายใจหรือธาตุขันธ์ก้อนนี้....คือให้นิ่งเฉยสนิทดุจเอาก้อนหินมาตั้งไว้กลางลานโล่ง มันย่อมเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้
กายใจที่มีชีวิตและวิญาณครองนี้ จะมีปฏิกิริยาตอบโต้กับผัสสะของทวารทั้ง 6 อยู่ตลอดเวลา เกิดกรรมอยู่ตลอดเวลา......วิบากกรรมเก่า กระทุ้งให้เกิดกรรมใหม่อยู่ตลอดเวลา เหมือนลานนาฬิกาที่ดันลูกตุ้มให้แกว่งกลับ หรือ มอเตอร์ไฟฟ้าในนาฬิกา ขับจักรของลานนาฬิกาให้เดินอยู่ตลอดเวลาตราบที่ไฟฟ้าจากก้อนแบตเตอรี่ ที่ป้อนให้มอเตอร์นั้นยังไม่หมด

กระบวนการหายใจในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ จึงต้องเดินต่อไปด้วยเหตุนี้ไม่รู้จบ จนกว่าจะตาย

สิ่งที่น่าพิจารณาคือ ผู้ไขลานนาฬิกา กับ ผู้ใส่แบตเตอรี่ป้อนไฟฟ้าให้กับมอร์เตอร์ไขลานนาฬิกา

ถ้าไม่มีสองสิ่งนี้ นาฬิกาก็จะหยุดหมุน เมื่อลานยืดหมด กระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่หมด หรือ สวิตซ์ไฟฟ้าถูกปิด แบตเตอรี่ถูกถอด เข็มนาฬิกาไขลานถูกหยุดไว้ชั่วคราว

เรื่องนี้เปรียบเทียบกลับมาสู่เรื่องลมหายใจและธรรม

ผู้ไขลาน ผู้ใส่แบตเตอรี่ป้อนไฟฟ้าให้กับมอร์เตอร์ไขลานนาฬิกา เปรียบเหมือน อัตตา หรือ สักกายทิฏฐิ ความเห็นผิดว่าเป็นตัวกูของกู ถ้าเอาออกเสียได้ชั่วคราว วิบากรรมเก่า จะไม่สามารถกระทุ้งให้เกิดกรรมใหม่ได้
การหายใจจะหยุดไปชั่วคราว....


ถ้าสักกายทิฏฐิ และมานะทิฏฐิ กูพี่ กูน้องสองตัวนี้ตายไป บุคคลผู้นั้นก็จักมีชีวิตอยู่ได้โดยไร้ลมหายใจ

onion onion
:b37:
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2013, 23:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อยากรู้เรื่องผู้อยู่อย่างไร้ลมหายใจ เชิญไปศึกษาจากที่นี่นะครับ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... Z5wJOSgsLM

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2013, 19:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ถ้าสักกายทิฏฐิ และมานะทิฏฐิ กูพี่ กูน้องสองตัวนี้ตายไป บุคคลผู้นั้นก็จักมีชีวิตอยู่ได้โดยไร้ลมหายใจ
:b27:
บางท่านบางองค์ ก็อยู่ได้โดยไร้ลมหายใจ........บางท่านบางองค์ ก็ ยังหายใจเป็นปกติ แต่ละเอียดอ่อน ไม่เหมือนคนธรรมดา
:b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2013, 12:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ถ้าสักกายทิฏฐิ และมานะทิฏฐิ กูพี่ กูน้องสองตัวนี้ตายไป บุคคลผู้นั้นก็จักมีชีวิตอยู่ได้โดยไร้ลมหายใจ
:b27:
บางท่านบางองค์ ก็อยู่ได้โดยไร้ลมหายใจ........บางท่านบางองค์ ก็ ยังหายใจเป็นปกติ แต่ละเอียดอ่อน ไม่เหมือนคนธรรมดา
:b20:
ท่านอโศกะครับ พระท่านไม่หายใจเหรอครับ ท่านมีอะไรเกี่ยวกับตัวท่านอาจารย์ปัญญาให้ผมศึกษามากกว่านี้มั้ยครับดูท่านน่าสนใจมากครับ ผมเคยฟังท่านบ้างแต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับท่านมากนัก คุณอโศกะมีอะไรแนะนำได้นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2013, 21:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_20130419_181203_resize_resize_resize.jpg
IMG_20130419_181203_resize_resize_resize.jpg [ 81.41 KiB | เปิดดู 4497 ครั้ง ]
amazing เขียน:
ท่านอโศกะครับ พระท่านไม่หายใจเหรอครับ ท่านมีอะไรเกี่ยวกับตัวท่านอาจารย์ปัญญาให้ผมศึกษามากกว่านี้มั้ยครับดูท่านน่าสนใจมากครับ ผมเคยฟังท่านบ้างแต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับท่านมากนัก คุณอโศกะมีอะไรแนะนำได้นะครับ

:b27:
:b20: :b20:
คงต้องลงทุนเดินทางไปปลีกวิเวกที่เขาตะบองนาค อยู่ใกล้ชิดสนทนาธรรมกับท่าน สัก 2 - 3 วัน จะได้ความรู้จากประสบการณ์จริง ที่ไม่มีเขียนบอกไว้ในตำรา น่าอนุโมทนายินดี และเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อหวังความหลุดพ้นในปัจจุบันชาตินี้ เป็นอย่างยิ่งครับ
:b20: :b20: :b20:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2013, 08:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
คงต้องลงทุนเดินทางไปปลีกวิเวกที่เขาตะบองนาค อยู่ใกล้ชิดสนทนาธรรมกับท่าน สัก 2 - 3 วัน จะได้ความรู้จากประสบการณ์จริง ที่ไม่มีเขียนบอกไว้ในตำรา น่าอนุโมทนายินดี และเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อหวังความหลุดพ้นในปัจจุบันชาตินี้ เป็นอย่างยิ่งครับ
:b20: :b20: :b20:

ท่านอโศกะเคยสนทนากับท่านบ้างมั้ยครับ ผมฟังธรรมที่ท่านบรรยายเกี่ยวกับอานาปานสติดูแปลกจากท่านอื่นในเรื่องระงับกายสังขาร(หยุดลมหายใจสักครู่แล้วหายใจออก หยุดหายใจสักครู่มีสติหายใจเข้า)ผมสนใจเรื่องนี้ท่านพอมีความรู้บ้างมั้ยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2013, 09:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
asoka เขียน:
คงต้องลงทุนเดินทางไปปลีกวิเวกที่เขาตะบองนาค อยู่ใกล้ชิดสนทนาธรรมกับท่าน สัก 2 - 3 วัน จะได้ความรู้จากประสบการณ์จริง ที่ไม่มีเขียนบอกไว้ในตำรา น่าอนุโมทนายินดี และเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อหวังความหลุดพ้นในปัจจุบันชาตินี้ เป็นอย่างยิ่งครับ
:b20: :b20: :b20:

ท่านอโศกะเคยสนทนากับท่านบ้างมั้ยครับ ผมฟังธรรมที่ท่านบรรยายเกี่ยวกับอานาปานสติดูแปลกจากท่านอื่นในเรื่องระงับกายสังขาร(หยุดลมหายใจสักครู่แล้วหายใจออก หยุดหายใจสักครู่มีสติหายใจเข้า)ผมสนใจเรื่องนี้ท่านพอมีความรู้บ้างมั้ยครับ

:b8:
ผมได้เคยสนทนากับท่าน ได้ฟังธรรมะจากท่าน จนเข้าใจถึงวิธีการที่ท่านทำให้สังโยชน์ทั้งหลายขาดสะบั้น ได้คุย ได้สนทนากับลูกศิษย์ของท่าน ที่เป็นอิสลามแต่กลับใจมาปฏิบัติธรรม จนได้รู้เห็นถึงธรรมอย่างน่าอัศจรรย์ และทำได้คล้ายๆกับท่านอาจารย์ปัญญา
:b20:
อ้างคำพูด:
เรื่องระงับกายสังขาร(หยุดลมหายใจสักครู่แล้วหายใจออก หยุดหายใจสักครู่มีสติหายใจเข้า)

:b27:
เรื่องนี้เป็นเทคนิคหรือวิธีที่ท่านอาจารย์ปัญญาท่านค้นพบจากประสบการณ์จริง ถ้าจะมาวิตกวิจารณ์กันดูตามธรรม ก็จะพอได้ข้อสังเกตจากประสบการณ์จริงว่า

ลมหายใจ เป็นต้นแบบหรือ ตัวอย่างสำคัญที่สอนให้เรารู้ทั้งสมถะ และ วิปัสสนา ทำให้เรารู้ถึง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ได้ทันที เป็นมิเตอร์ ชี้วัดระดับสมาธิและความเฉียบคมของสติปัญญา เป็นราวเกาะของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่จะเข้าไปเสวยวิมุตติสุข หรือพละ(ผล)สมาบัติ...ฯลฯ

การกลั้นหรือหยุดลมหายใจในระหว่างช่วงต่อของลมหายใจเข้าออก....นอกจากจะช่วยทำให้กายสังขารและจิตสังขาร สงบรำงับเร็วขึ้นแล้ว ถ้ากำลังสติปัญญาของผู้ภาวนาดี มีความสังเกต พิจารณาดี ช่วงที่กลั้นหรือหยุดหายใจนั้น ลองสังเกตดีๆซิครับ มันได้ปัญญา รู้เห็นความจริง และความลับของลมหายใจ กับ ชีวิต ทันทีครับ
ทำไมจึงต้องหายใจ......อะไร? ทำให้ต้องหายใจ.....เอา อะไร? ออกไปแล้ว ทำให้คงธาตุขันธ์ตั้งอยู่ได้โดยไม่มีลมหายใจ......กรรมทั้งหลายมาเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กับกระบวนการหายใจได้อย่างไร ฯลฯ

:b16:
ลองพิจารณาดูนะครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2013, 16:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
amazing เขียน:
asoka เขียน:
คงต้องลงทุนเดินทางไปปลีกวิเวกที่เขาตะบองนาค อยู่ใกล้ชิดสนทนาธรรมกับท่าน สัก 2 - 3 วัน จะได้ความรู้จากประสบการณ์จริง ที่ไม่มีเขียนบอกไว้ในตำรา น่าอนุโมทนายินดี และเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อหวังความหลุดพ้นในปัจจุบันชาตินี้ เป็นอย่างยิ่งครับ
:b20: :b20: :b20:

ท่านอโศกะเคยสนทนากับท่านบ้างมั้ยครับ ผมฟังธรรมที่ท่านบรรยายเกี่ยวกับอานาปานสติดูแปลกจากท่านอื่นในเรื่องระงับกายสังขาร(หยุดลมหายใจสักครู่แล้วหายใจออก หยุดหายใจสักครู่มีสติหายใจเข้า)ผมสนใจเรื่องนี้ท่านพอมีความรู้บ้างมั้ยครับ

:b8:
ผมได้เคยสนทนากับท่าน ได้ฟังธรรมะจากท่าน จนเข้าใจถึงวิธีการที่ท่านทำให้สังโยชน์ทั้งหลายขาดสะบั้น ได้คุย ได้สนทนากับลูกศิษย์ของท่าน ที่เป็นอิสลามแต่กลับใจมาปฏิบัติธรรม จนได้รู้เห็นถึงธรรมอย่างน่าอัศจรรย์ และทำได้คล้ายๆกับท่านอาจารย์ปัญญา
:b20:
อ้างคำพูด:
เรื่องระงับกายสังขาร(หยุดลมหายใจสักครู่แล้วหายใจออก หยุดหายใจสักครู่มีสติหายใจเข้า)

:b27:
เรื่องนี้เป็นเทคนิคหรือวิธีที่ท่านอาจารย์ปัญญาท่านค้นพบจากประสบการณ์จริง ถ้าจะมาวิตกวิจารณ์กันดูตามธรรม ก็จะพอได้ข้อสังเกตจากประสบการณ์จริงว่า

ลมหายใจ เป็นต้นแบบหรือ ตัวอย่างสำคัญที่สอนให้เรารู้ทั้งสมถะ และ วิปัสสนา ทำให้เรารู้ถึง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ได้ทันที เป็นมิเตอร์ ชี้วัดระดับสมาธิและความเฉียบคมของสติปัญญา เป็นราวเกาะของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่จะเข้าไปเสวยวิมุตติสุข หรือพละ(ผล)สมาบัติ...ฯลฯ

การกลั้นหรือหยุดลมหายใจในระหว่างช่วงต่อของลมหายใจเข้าออก....นอกจากจะช่วยทำให้กายสังขารและจิตสังขาร สงบรำงับเร็วขึ้นแล้ว ถ้ากำลังสติปัญญาของผู้ภาวนาดี มีความสังเกต พิจารณาดี ช่วงที่กลั้นหรือหยุดหายใจนั้น ลองสังเกตดีๆซิครับ มันได้ปัญญา รู้เห็นความจริง และความลับของลมหายใจ กับ ชีวิต ทันทีครับ
ทำไมจึงต้องหายใจ......อะไร? ทำให้ต้องหายใจ.....เอา อะไร? ออกไปแล้ว ทำให้คงธาตุขันธ์ตั้งอยู่ได้โดยไม่มีลมหายใจ......กรรมทั้งหลายมาเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กับกระบวนการหายใจได้อย่างไร ฯลฯ

:b16:
ลองพิจารณาดูนะครับ
:b8:

ท่านอโศกะแสดงเลยครับว่าทำไมเราถึงต้องหายใจ แล้วกรรมมาเกี่ยวอย่างไร แล้วการปฎิบัติแบบชัดๆอีกสักรอบสิครับ ผมสนใจอยากทำตามและเรียนรู้ครับ กลั้นนานขนาดไหนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2013, 06:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b20:

ลองอ่านเรื่องเล่าต่อไปนี้ไปพลางๆ ก่อนนะครับ คุณ Amazing
:b8:
เจริญสุข เจริญธรรม คุณดำรง 121

จากความพยายามที่จะรู้ให้ได้ว่า คนที่ปฏิบัติธรรมมา จนได้รับผลสุขจากธรรมพอสมควร เขาจะมีวิธีการปฏิบัติอย่างไร มีชีวิตประจำวันอย่างไร? มีอะไรตรงตามหลักการ และปริยัติที่เรียนรู้มาหรือไม่ ดังหลักในคัมภีร์หลายเรื่องที่พยายามคัดลอกมาแสดง ก็ขออนุโมทนาในความพยายาม เมื่อเป็นอย่างนั้นก็คงต้องอดใจฟังเบื้องหลัง ความเป็นมา จนถึงปัจจุบัน เพื่อให้รู้จักฐานที่มา ของพฤติกรรม ของชีวิตก้อนหนึ่ง

การศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม รู้ธรรม เข้าถึงธรรม ของบุคคลแต่ละคนแต่ละท่านคงไม่เหมือนกัน คงมีช่องทางของแต่ละคนแต่ละท่านเป็นเอกลักษณ์ของใครของมัน ตามพื้นฐานแห่งกรรมและวิบากที่แต่ละคนสร้างสมมา จะลอกเลียนแบบกันไปเสียทั้งหมดก็คงไม่ได้ ไม่เหมาะกับ จริต นิสัย บุญ วาสนา บารมีของแต่ละคน

สิ่งสำคัญที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นเป็นอันดับแรก คือ...."รู้ถูกต้อง".....รู้ถูกต้องสำคัญที่สุด

รู้ถูกต้อง จะทำให้เกิด ความเห็นถูกต้อง ซึ่งบาลีเรียกว่า "สัมมาทิฏฐิ" .....อันเป็นมรรคข้อที่ 1 ของมรรค 8 ซึ่งสำคัญมากที่สุดเช่นกัน เพราะถ้ามรรคข้อที่ 1 เป็นสัมมา แล้ว อีก 7 ข้อที่เหลือก็จะเป็น สัมมาตามไปทั้งหมด

เห็นถูกต้อง จะทำให้ คิดถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ)

คิดถูกต้อง จะทำให้ เกิดการทำถูกต้อง (สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ)(สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)

ทำถูกต้อง จะทำให้ ได้รับผลที่ถูกต้อง (สัมมาวิมุติ)

ได้รับผลที่ถูกต้อง จะทำให้ กลายเป็นคนที่ถูกต้อง (บัณฑิต กัลยาณมิตร)

เป็นคนถูกต้อง ย่อมจะ คิด พูด ทำ ถ่ายทอด แต่สิ่งที่ถูกต้อง (สัมมาวาจา สุภาษิตาวาจา สัจจวาจา)

"รู้ถูกต้อง" จะได้มาจากไหน และต้องรู้เรื่องอะไร?

รู้ถูกต้อง ก็คือ การรู้หัวใจการค้นพบของพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า

หัวใจการค้นพบ หรืออาจเรียกว่าหัวใจของพระพุทธเจ้า หัวใจคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ อริยสัจ 4

ต้องรู้อริยสัจ 4 อย่างละเอียด ลึกซึ้ง ถึงจิตถึงใจอย่างถ่องแท้ เพราะอริยสัจ 4 เป็นจุดกำเนิดของพระธรรมทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ มีครบอยู่ในนั้นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ

เมื่อรู้อริยสัจ 4 อย่างลึกซึ้ง ถึงใจ ถ่องแท้แล้ว วิธีปฏิบัติ ทางดำเนินชีวิต เจ้าตัวจะรู้ด้วยตัวของเขาเอง ค้นพบวิธีของเขาเองโดยธรรม

ลองมาดูคำสรุปต่อไปนี้ซิ จะได้เห็นว่า ชีวิตก้อนที่คุณดำรง121 อยากรู้จักนี้เขาใช้ไปอย่างไรในทุกๆวัน ในสภาพ ของคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนเหมือนชาวโลกทั่วไป

งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกต
ปัจจุบันอารมณ์ จนละความเห็นผิดว่า
กาย ใจ นี้ เป็นอัตตาตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้อง ว่ากาย ใจนี้
เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้
ไม่ใช่ตัวกู ของกู ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส

หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู
นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ
ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับ ไปจากใจ

หลังจาก ละความเห็นผิดได้แล้ว งานและหน้าที่ของชีวิตชาวพุทธที่เหลือก็คือ

ทำหน้าที่ชาวพุทธเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจาก จนละความเห็นผิด มาเป็น ละความยึดผิด ความยึดผิดอันแรกคือ ความยึดถือในกาย

อันที่สอง ก็คือ ความยึดถือ ในจิต ความยึดถือในตัวผู้รู้

นี่เป็นงานที่กำลังทำอยู่ ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส

ไม่ตอบตรงๆเป็น Step by step อย่างนี้ พอจะเข้าใจ และรู้จัก ชีวิตก้อนนี้มากขึ้นไหมครับ?

คงอาจไม่ตรงกับหลักวิชาที่ท่านเรียนรู้มามากเพราะ ที่ท่านยกมานั้นเป็นเรื่องและทางเดินของ บรรพชิต หรือพระภิกษุสงฆ์พุทธสาวก
อาจต่างจากฆราวาส หรือคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนไปบ้างนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2013, 07:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับท่านอโศกะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2013, 09:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ปัญญา สติ สมาธิ_resize_resize.jpg
ปัญญา สติ สมาธิ_resize_resize.jpg [ 43.75 KiB | เปิดดู 4373 ครั้ง ]
:b37:
สติ + สมาธิ ....กับ....ปัญญานี่เขาทำงานร่วมกัน เป็นคู่กันอยู่ตลอดเวลาอุปมาเหมือนวัวเทียมเกวียน

สติ+สมาธิเป็นวัวตัวซ้าย

ปัญญาเป็นวัวตัวขวา

จิต เป็นผู้ขับเกวียน

ถ้าเน้นสติ+สมาธิมาก เหมือนเร่งแต่วัวตัวซ้าย ถ้าวัวตัวขวาตามไม่ทัน เกวียนก็จะหมุนไปตกข้างทางด้านขวา

ในทำนองกลับกัน ถ้าเน้นปัญญามาก สติ+สมาธิตามไม่ทัน ก็เหมือนเร่งวัวตัวขวาจนวัวตัวซ้ายตามไม่ทัน ผลก็ทำให้เกวียนหมุนไปทางซ้าย เกวียนเลยวิ่งไม่ตรงทาง

ถ้าจะบังคับวัวให้ลากเกวียนขันธ์ 5 นี้ไปบนเส้นทางสายกลางคือมรรคมีองค์ 8 ต้องฉลาดในการบังคับวัวที่เทียมเกวียน ให้เหมาะสมกับสภาพของทาง

รู้จักดึงและเร่งวัว ตัวขวาและซ้ายให้เลี้ยว ซ้าย ขวา หรือเดินตรง ให้พอเหมาะพอดี ได้สัดส่วน สมดุลย์ จึงจะพาเกวียนไปได้ตลอดรอดฝั่ง

จึงขอให้เน้นทั้ง สติ+สมาธิ และ ปัญญาไปพร้อมๆกัน เด้อ

onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2013, 10:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b37:
สติ + สมาธิ ....กับ....ปัญญานี่เขาทำงานร่วมกัน เป็นคู่กันอยู่ตลอดเวลาอุปมาเหมือนวัวเทียมเกวียน

สติ+สมาธิเป็นวัวตัวซ้าย

ปัญญาเป็นวัวตัวขวา

จิต เป็นผู้ขับเกวียน

ถ้าเน้นสติ+สมาธิมาก เหมือนเร่งแต่วัวตัวซ้าย ถ้าวัวตัวขวาตามไม่ทัน เกวียนก็จะหมุนไปตกข้างทางด้านขวา

ในทำนองกลับกัน ถ้าเน้นปัญญามาก สติ+สมาธิตามไม่ทัน ก็เหมือนเร่งวัวตัวขวาจนวัวตัวซ้ายตามไม่ทัน ผลก็ทำให้เกวียนหมุนไปทางซ้าย เกวียนเลยวิ่งไม่ตรงทาง

ถ้าจะบังคับวัวให้ลากเกวียนขันธ์ 5 นี้ไปบนเส้นทางสายกลางคือมรรคมีองค์ 8 ต้องฉลาดในการบังคับวัวที่เทียมเกวียน ให้เหมาะสมกับสภาพของทาง

รู้จักดึงและเร่งวัว ตัวขวาและซ้ายให้เลี้ยว ซ้าย ขวา หรือเดินตรง ให้พอเหมาะพอดี ได้สัดส่วน สมดุลย์ จึงจะพาเกวียนไปได้ตลอดรอดฝั่ง

จึงขอให้เน้นทั้ง สติ+สมาธิ และ ปัญญาไปพร้อมๆกัน เด้อ

onion
คุณอโศกะปฎิบัติแบบท่านอาจารย์ปัญญาหรือป่าวครับ ผลเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ผมลองทำดูรู้สึกปวดหัวครับผมสมควรจะทำอย่างไรต่อครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2013, 19:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อโศกะปฏิบัติแบบอโศกะ คือ เอาคำสอนที่สำคัญสองสามอย่าง ในสูตรและคาถาสองสามเรื่องมาประยุกต์กันพัฒนาขึ้นจนเป็นวิธีการเฉพาะตัวซี่งเหมาะสมกับจริตนิสัยของอโศกะ

ตอนนี้เอาอริยสัจ 4 เป็นแกนกลางของการปฏิบัติ ใช้ปัจุบันอารมณ์เป็นที่ตั้งยึดของจิต....พิจารณาทุกสิ่งลงสู่ อนัตตา
มีโพธิปักขิยะธรรม 37 ปรการเป็นที่อ้างอิง เป็นที่พึ่งพิงของสติ

จนสรุปออกมาเป็นหลักภาวนาว่า

งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ จนละความเห็นผิดว่า กาย ใจ นี้ เป็น อัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้องว่า กายใจนี้ เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้ และมีโอกาส

หัวใจวิปัสสนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู
นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือ ตายดับ ไปจากใจ

ลองอ่านและพิจารณาดูหลายๆรอบนะครับ
:b37:
การภาวนาต้องสบายๆ ไม่ไปกำหนด กด เกณฑ์ธรรมชาติจนเกินไป มิฉะนั้นจะเครียดและปวดหัวอย่างที่คุณAmazing กำลังเป็น ศึกษาวิธีภาวนาให้ดีและถูกต้องเสียก่อนแล้วค่อยลงมือทำ
อย่าจริงจังมาก อย่าหวังผลมากจนเกินไป
รายละเอียดวิธีปฏิบัติ ต้องคุยกันไปอีกสักหน่อยนะครับ
:b38:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ธรรมโฆษ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร