วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


อธรรม เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


กายคตาสติ ไปสุดแค่ไหนพอรู้ไหมครับ


ดั่งที่ผมได้พบและเข้าใจและพระสูตรก็ว่าทำที่สุดแห่งทุกได้


อ้อ กายคตาสติ ทำไงครับ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ :b10: คือบอกวิธีทำกายคตาสติ เพื่อที่ผู้อื่นจะทำให้พ้นจากทุกข์บ้าง :b8:
พระองค์สรรเสริญ อานาปานสติไว้มาก ขอแนะนำวิธีนี้ก็แล้วกัน
ผมทำอย่างนี้นะครับ หายใจออกให้ยาวที่สุดหายใจเข้าให้ยาวที่สุดสักพัก แล้วสักพักเปลี่ยนมาหายใจออกหายใจเข้าให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ทำให้ลมหายใจเข้าออกให้น้อยที่สุดจะช่วยท่านให้หยุดความคิดปรุงแต่ง จากนั้นจิตเริ่มละเอียดขึ้นทีนี้ให้เอาจิตไปดูกายสังขารทั่วร่างกายหายใจออก เอาจิตไปดูทั่วร่างกายหายใจเข้า ไปดูทั่วร่างกายคือตั้งหัวจรดเท้าหรือเท้าจรดหัวก็ได้หรืออะไรก็ได้ให้กำหนดจิตไปทั่วร่างกาย ร่างกายจะเบาสบายมีอาการขนลุก ต่อไปให้หยุดดูทั่วร่างกายให้หยุดอยู่ตรงจุดกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้างเพ่งอยู่ตรงนั้นตลอดตรงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ต้องกังวลใดๆใช้บทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะแล้วจะประสบความสำเร็จจนกายสังขารจิตสังขารระงับ

.............................................
เราว่ามันแปลกๆนะคุณอเมซิ่ง....มันเหมือนการเข้าไปพักผ่อนในสมาธิเฉยๆ ....แล้วเอาสิ่งที่คุณทำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณอ่าน....แล้วคุณก็สรุปเอาเองว่าคุณข้ามวัฏฏะได้แล้ว.....รึเปล่านะ
..............
ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่จะข้ามวัฏฏะในช่วงการปฏิบัตินั้นคืออะไร....กรุณาชี้แจงแถลงไขหน่อยได้ไหมคะเพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนโง่อย่างเรา
huh huh .......s004 s004 s004 s004 s004 ....... grin grin
..............................................
(ศึกษามาน้อย ยังต้องศึกษาอีกเยอะ)
วัฎฎะนั้นคงหมายความว่าอะไรที่เป็นไปตามอายตนะทั้งหลายนั้นเองคือวัฎฎะ การข้ามวัฎฎะก็คืออาการที่เราสามารถระงับหรือดับอายตนะขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เข้าสู่อายตนะนิพพานนั้นเองครับ แต่ผมยังไม่เป็นอรหันต์หรอกครับแค่สกิทาคามีเท่านั้นเองครับ


แก้ไขล่าสุดโดย amazing เมื่อ 31 ก.ค. 2013, 13:25, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กายคตาสติ เป็นหนึ่งในอนุสติ 10 ในบรรดากรรมฐาน 40 อย่าง เท่าที่พระอรรถกถาจารย์รวบรวมไว้

อนุสติ 10 คือ อารมณ์ที่ดีงามที่ควรระลึกถึงเนืองๆ ได้แก่

1. พุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า และพิจารณาคุณของพระองค์

2. ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม และพิจารณาคุณของพระธรรม

3. สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ และพิจารณาคุณของพระสงฆ์

4. สีลานุสติ ระลึกถึงศีล พิจารณาศีลของตน ที่ได้ประพฤติบริสุทธิ์ไม่ด่างพร้อย

5. จาคานุสติ ระลึกถึงจาคะ ทานที่ตนได้บริจาคแล้ว และพิจารณาเห็นคุณธรรม คือความเผื่อแผ่เสียสละที่มีในตน

6. เทวตานุสติ ระลึกถึงเทวดา หมายถึงเทวดาที่ตนเคยได้รู้ได้ยินมา และพิจารณาเห็นคุณธรรม ซึ่งทำคนให้เป็นเทวดา ตามที่มีอยู่ในตน

7. มรณานุสติ ระลึกถึงความตายอันจะต้องมีมาถึงตนเป็นธรรมดา พิจารณาให้เกิดความไม่ประมาท

8. กายคตานุสติ สติอันไปในกาย หรือระลึกถึงเกี่ยวกับร่าง คือ กำหนดพิจารณากายนี้ ให้เห็นว่าประกอบด้วยส่วนต่างๆ คือ อาการ 32 อันไม่สะอาด ไม่งาม น่าเกลียด เป็นทางรู้เท่าทันสภาวะของกายนี้ มิให้หลงไหลมัวเมา

9. อานาปานติ สติกำหนดลมหายใจเข้าออก

10. อุปสมานุสติ ระลึกถึงธรรมเป็นที่สงบ คือนิพพาน และพิจารณาคุณของนิพพาน อันเป็นที่หายร้อน ดับกิเลส และไร้ทุกข์

ในบรรดากรรมฐาน 40 ท่านยังจัดว่าเหมาะกับจริยาของบุคคลด้วย ขีดขั้นความสำเร็จด้วย

นำมาดูเฉพาะ กายคตาสติ ที่พูดถึงตรงนี่บ่อย

กายคตาสติ เหมาะแก่คนราคจริต

ขีดขั้นความสำเร็จ ปฏิภาคนิมิต, อุปจารสมาธิ, ปฐมฌาน
นี่คืออรรถกาถาจารย์เรียบเรียงไว้ แต่พระศาสดากล่าวว่าอานาปานสติทำให้มากเจริญให้มากทำใหวิมุติบริบูรณ์ ทำได้ทุกจริต อานาปานสติอันบุคคลทำให้มากเจริญให้มากย่อมทำที่สุดแห่งทุกข์ให้ปรากฎ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2013, 17:07
โพสต์: 39

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชอบห้องนีจัง.......ได้ความรู้ดีๆหลายอย่าง.....อะไรที่ยังไม่รู้ก็ได้รู้.....ความรู้ธรรมะนี่น่าสนุกนะ ...
พวกพี่ถกกันไปเรื่อยๆ...ความรู้ก็ออกมาเรี่อยๆ....เราก็ดูดซับไปเรี่อยๆ(ผลประโยชน์ตกสู่บุคคลที่สาม....อิอิ)
อนุโมทนาสาธุ........ Kiss Kiss Kiss Kiss Kiss wink wink wink
.........................................
(ศึกษามาน้อย ยังต้องศึกษาอีกเยอะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:


วัฎฎะนั้นคงหมายความว่าอะไรที่เป็นไปตามอตายนะทั้งหลายนั้นเอวคือวัฎฎะ การข้ามวัฎฎะก็คืออาการที่เราสามารถระงับหรือดับอตายนะขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เข้าสู่อตายนนิพพานนั้นเองครับ แต่ผมยังไม่เป็นอรหันต์หรอกครับ แค่สกิทาคามีเท่านั้นเองครับ


ใกล้อนาคาแล้ว พยายามเข้านะครับ สาธุ :b1:

วัฏฏะอะไรครับวัฏฏะ

ศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ อะไรครับอ่านไม่ออก มันคืออะไรครับงงจริงๆนะ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


กายคตาสติ ไปสุดแค่ไหนพอรู้ไหมครับ


ดั่งที่ผมได้พบและเข้าใจและพระสูตรก็ว่าทำที่สุดแห่งทุกได้


อ้อ กายคตาสติ ทำไงครับ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ :b10: คือบอกวิธีทำกายคตาสติ เพื่อที่ผู้อื่นจะทำให้พ้นจากทุกข์บ้าง :b8:
พระองค์สรรเสริญ อานาปานสติไว้มาก ขอแนะนำวิธีนี้ก็แล้วกัน
ผมทำอย่างนี้นะครับ หายใจออกให้ยาวที่สุดหายใจเข้าให้ยาวที่สุดสักพัก แล้วสักพักเปลี่ยนมาหายใจออกหายใจเข้าให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ทำให้ลมหายใจเข้าออกให้น้อยที่สุดจะช่วยท่านให้หยุดความคิดปรุงแต่ง จากนั้นจิตเริ่มละเอียดขึ้นทีนี้ให้เอาจิตไปดูกายสังขารทั่วร่างกายหายใจออก เอาจิตไปดูทั่วร่างกายหายใจเข้า ไปดูทั่วร่างกายคือตั้งหัวจรดเท้าหรือเท้าจรดหัวก็ได้หรืออะไรก็ได้ให้กำหนดจิตไปทั่วร่างกาย ร่างกายจะเบาสบายมีอาการขนลุก ต่อไปให้หยุดดูทั่วร่างกายให้หยุดอยู่ตรงจุดกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้างเพ่งอยู่ตรงนั้นตลอดตรงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ต้องกังวลใดๆใช้บทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะแล้วจะประสบความสำเร็จจนกายสังขารจิตสังขารระงับ



จะไปทำไปตัดแปลงลมหายใจ ซึ่งมันเป็นธรรมชาติได้อย่างไร

ท่านให้รู้ตามที่มันเ็ป็น เข้ายาว ออกยาว เข้าสั้นออกสั้น หรือมันสั้นๆยาวๆ อึดอัด โปร่งโล่ง หายไป ฯลฯ ก็เรื่องของธรรมชาติมัน โยคีพึงกำหนดรู้ตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็น

มิใช่ไปทำให้มันเป็นตามที่ตัวเองต้องการ ตามความยึดความอยากของตัวเอง ทำยังงี้เริ่มต้นก็ผิดแล้ว
นี่ก็เป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่งกับการเฝ้าดูมันอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าอย่างนั้นจะไม่มีทางข้ามความเป็นธรรมชาติของกิเลส และวัฎฎะได้เลย ก็ปล่อยมันไปอย่างนั้นจะไปสนใจมันทำไม ธรรมของพระพุทเจ้านอกจากเข้าใจธรรมชาติแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝืนธรรมชาติที่เป้นอยู่เพราะธรรมชาติที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นตกอยู่ภายใต้กิเลส ความเข้าใจจากการฟังการอ่านนันยังอยู่ไกลจากความจริงมาก มากจริงๆการเข้าไปเรียนรู้เรื่องลมหายใจที่มันมีส่วนทำให้สมาธิเกิดขึ้นได้และอานาปานสตินั้นเรา้เป็นผู้เข้าไปกระทำทังนั้น ตัวสมาธินั้นแหล่ะจะเป็นกำลังนำพาให้เราก้าวเข้าสู่อสังขตะธรรมหรือพระนิพพานนั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


วัฎฎะนั้นคงหมายความว่าอะไรที่เป็นไปตามอตายนะทั้งหลายนั้นเอวคือวัฎฎะ การข้ามวัฎฎะก็คืออาการที่เราสามารถระงับหรือดับอตายนะขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เข้าสู่อตายนนิพพานนั้นเองครับ แต่ผมยังไม่เป็นอรหันต์หรอกครับ แค่สกิทาคามีเท่านั้นเองครับ


ใกล้อนาคาแล้ว พยายามเข้านะครับ สาธุ :b1:

วัฏฏะอะไรครับวัฏฏะ

ศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ อะไรครับอ่านไม่ออก มันคืออะไรครับงงจริงๆนะ :b14:
ขออภัยครับ อายตนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:


นี่ก็เป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่งกับการเฝ้าดูมันอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าอย่างนั้นจะไม่มีทางข้ามความเป็นธรรมชาติของกิเลส และวัฎฎะได้เลย ก็ปล่อยมันไปอย่างนั้นจะไปสนใจมันทำไม ธรรมของพระพุทเจ้านอกจากเข้าใจธรรมชาติแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝืนธรรมชาติที่เป้นอยู่เพราะธรรมชาติที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นตกอยู่ภายใต้กิเลส ความเข้าใจจากการฟังการอ่านนันยังอยู่ไกลจากความจริงมาก มากจริงๆการเข้าไปเรียนรู้เรื่องลมหายใจที่มันมีส่วนทำให้สมาธิเกิดขึ้นได้และอานาปานสตินั้นเรา้เป็นผู้เข้าไปกระทำทังนั้น ตัวสมาธินั้นแหล่ะจะเป็นกำลังนำพาให้เราก้าวเข้าสู่อสังขตะธรรมหรือพระนิพพานนั้นเอง



ธรรมชาติมันก็มีก็เป็นของมันยังงั้นชั่วนาตาปี แต่เพราะมนุษย์ไม่รู้เข้าใจความจริง ก็จึงไม่พ้นจากทุกข์ได้ แต่เมื่อรู้ว่ามันเป็นยังงั้นๆ ก็อ๋อมันเป็นยังงี้เอง ก็ปล่อยวางได้ ไม่ยึดมั่นมัน

แต่นี่คุณไปทำให้มันเป็นตามที่ตัวเองอยากให้มันเป็น ก็จึงเห็นแต่สิ่งที่ตนทำให้มันเป็น (นี่แหละเขาเรียกว่าปรุงแต่งล่ะรู้ไว้ด้วย) ไม่ใช่เห็นธรรมะ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


วัฎฎะนั้นคงหมายความว่าอะไรที่เป็นไปตามอตายนะทั้งหลายนั้นเอวคือวัฎฎะ การข้ามวัฎฎะก็คืออาการที่เราสามารถระงับหรือดับอตายนะขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เข้าสู่อตายนนิพพานนั้นเองครับ แต่ผมยังไม่เป็นอรหันต์หรอกครับ แค่สกิทาคามีเท่านั้นเองครับ


ใกล้อนาคาแล้ว พยายามเข้านะครับ สาธุ :b1:

วัฏฏะอะไรครับวัฏฏะ

ศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ อะไรครับอ่านไม่ออก มันคืออะไรครับงงจริงๆนะ :b14:


ขออภัยครับ อายตนะครับ



อายตนะอะไรบ้าง เขียนใหม่สิครับ :b1: เอาชัดๆ

แล้วอายตนะนี่แปลว่าอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


นี่ก็เป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่งกับการเฝ้าดูมันอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าอย่างนั้นจะไม่มีทางข้ามความเป็นธรรมชาติของกิเลส และวัฎฎะได้เลย ก็ปล่อยมันไปอย่างนั้นจะไปสนใจมันทำไม ธรรมของพระพุทเจ้านอกจากเข้าใจธรรมชาติแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝืนธรรมชาติที่เป้นอยู่เพราะธรรมชาติที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นตกอยู่ภายใต้กิเลส ความเข้าใจจากการฟังการอ่านนันยังอยู่ไกลจากความจริงมาก มากจริงๆการเข้าไปเรียนรู้เรื่องลมหายใจที่มันมีส่วนทำให้สมาธิเกิดขึ้นได้และอานาปานสตินั้นเรา้เป็นผู้เข้าไปกระทำทังนั้น ตัวสมาธินั้นแหล่ะจะเป็นกำลังนำพาให้เราก้าวเข้าสู่อสังขตะธรรมหรือพระนิพพานนั้นเอง



ธรรมชาติมันก็มีก็เป็นของมันยังงั้นชั่วนาตาปี แต่เพราะมนุษย์ไม่รู้เข้าใจความจริง ก็จึงไม่พ้นจากทุกข์ได้ แต่เมื่อรู้ว่ามันเป็นยังงั้นๆ ก็อ๋อมันเป็นยังงี้เอง ก็ปล่อยวางได้ ไม่ยึดมั่นมัน

แต่นี่คุณไปทำให้มันเป็นตามที่ตัวเองอยากให้มันเป็น ก็จึงเห็นแต่สิ่งที่ตนทำให้มันเป็น (นี่แหละเขาเรียกว่าปรุงแต่งล่ะรู้ไว้ด้วย) ไม่ใช่เห็นธรรมะ :b1:
พระพุทธเจ้ากว่าจะค้นพบก่อนคืนวันตรัสรู้พระองค์ทรงอธิฐานแม้แต่เอ็นหนังกระดูกจะสลายไปจะไม่ยอมลุกออกจากที่แล้วพระองค์ก็บรรลุธรรม และบทอธฐานความเพียร ที่จะต้องใช้ความสติและเพียรอย่างแรงกล้า เพื่อจะบรรลุธรรม ถ้าเอาเพียงแต่ฟังเข้าใจ บทพยัญชนะเหล่านี้จะมีไม่ได้เลย ภวนามยปัญญาทำใหมีขึ้นทำให้เป็นขึ้น แค่คำว่าสมาธิระดับฌานนั้นยังต้องอาศัยความเพียรอย่างมาก การทำความเข้าใจได้มาซึ่งสมธิระดับฌานหรือเปล่าครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


วัฎฎะนั้นคงหมายความว่าอะไรที่เป็นไปตามอตายนะทั้งหลายนั้นเอวคือวัฎฎะ การข้ามวัฎฎะก็คืออาการที่เราสามารถระงับหรือดับอตายนะขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เข้าสู่อตายนนิพพานนั้นเองครับ แต่ผมยังไม่เป็นอรหันต์หรอกครับ แค่สกิทาคามีเท่านั้นเองครับ


ใกล้อนาคาแล้ว พยายามเข้านะครับ สาธุ :b1:

วัฏฏะอะไรครับวัฏฏะ

ศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ อะไรครับอ่านไม่ออก มันคืออะไรครับงงจริงๆนะ :b14:


ขออภัยครับ อายตนะครับ



อายตนะอะไรบ้าง เขียนใหม่สิครับ :b1: เอาชัดๆ

แล้วอายตนะนี่แปลว่าอะไร
ไม่ต้องลงลึกมากนักเดี๋ยวจะเป็นวิชาการไปเอาเป็นอันว่า รูปเสียง กลิ่นรสสัมผัสธัมมารมณ์ ทั้งหลายนี้แหละที่มันผูกตรึงมนุษย์เราให้อยู่กับวัฎฎะสงสาร ถ้าเราจะข้ามวัฎฎะสงสารนี้ไปได้เราก็ต้องหยุดการปรุงแต่งตัดอายตนะนี้ใหได้ทั้งหกทาง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


นี่ก็เป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่งกับการเฝ้าดูมันอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าอย่างนั้นจะไม่มีทางข้ามความเป็นธรรมชาติของกิเลส และวัฎฎะได้เลย ก็ปล่อยมันไปอย่างนั้นจะไปสนใจมันทำไม ธรรมของพระพุทเจ้านอกจากเข้าใจธรรมชาติแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝืนธรรมชาติที่เป้นอยู่เพราะธรรมชาติที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นตกอยู่ภายใต้กิเลส ความเข้าใจจากการฟังการอ่านนันยังอยู่ไกลจากความจริงมาก มากจริงๆการเข้าไปเรียนรู้เรื่องลมหายใจที่มันมีส่วนทำให้สมาธิเกิดขึ้นได้และอานาปานสตินั้นเรา้เป็นผู้เข้าไปกระทำทังนั้น ตัวสมาธินั้นแหล่ะจะเป็นกำลังนำพาให้เราก้าวเข้าสู่อสังขตะธรรมหรือพระนิพพานนั้นเอง



ธรรมชาติมันก็มีก็เป็นของมันยังงั้นชั่วนาตาปี แต่เพราะมนุษย์ไม่รู้เข้าใจความจริง ก็จึงไม่พ้นจากทุกข์ได้ แต่เมื่อรู้ว่ามันเป็นยังงั้นๆ ก็อ๋อมันเป็นยังงี้เอง ก็ปล่อยวางได้ ไม่ยึดมั่นมัน

แต่นี่คุณไปทำให้มันเป็นตามที่ตัวเองอยากให้มันเป็น ก็จึงเห็นแต่สิ่งที่ตนทำให้มันเป็น (นี่แหละเขาเรียกว่าปรุงแต่งล่ะรู้ไว้ด้วย) ไม่ใช่เห็นธรรมะ :b1:
พระพุทธเจ้ากว่าจะค้นพบก่อนคืนวันตรัสรู้พระองค์ทรงอธิฐานแม้แต่เอ็นหนังกระดูกจะสลายไปจะไม่ยอมลุกออกจากที่แล้วพระองค์ก็บรรลุธรรม และบทอธฐานความเพียร ที่จะต้องใช้ความสติและเพียรอย่างแรงกล้า เพื่อจะบรรลุธรรม ถ้าเอาเพียงแต่ฟังเข้าใจ บทพยัญชนะเหล่านี้จะมีไม่ได้เลย ภวนามยปัญญาทำใหมีขึ้นทำให้เป็นขึ้น แค่คำว่าสมาธิระดับฌานนั้นยังต้องอาศัยความเพียรอย่างมาก การทำความเข้าใจได้มาซึ่งสมธิระดับฌานหรือเปล่าครับ



พระพุทธองค์เห็นทางแล้ว จึงอธิษฐานยังงั้นได้ อุปมาให้เห็นภาพเหมือนช่างไม้เจาะไม้ใกล้ทะลุแล้ว เพียงกดพรวดเดียวก็ทะลุ

ส่วนพวกเราในนี้ทั้งหมด ยังไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหน ยังไม่รู้เหนือรู้ไต้ ขืนไปทำอย่างพระพุทธเจ้าคืนวันตรัสรู้ ได้ตาย 5 สมใจนึกบางพู หรือไม่ก็เข้าโรงบาลศรีธัญญาเดือดร้อนหมอ คิกๆๆ ใกล้แล้วๆ

จะเปรียบก็เหมือนช่างไม้ฝึกหัดเจาะไม้ ไม่ดูความหนาของไม้ กับดอกสว่านว่าสมดุลกันไหม ไม้หนาดอกสว่านเล็ก กดพรวดๆดอกสว่านหัก นอกจากงานไม่สำเร็จแล้ว ตนเองก็เหนื่อยเปล่า ฉันใดก็ฉันนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


วัฎฎะนั้นคงหมายความว่าอะไรที่เป็นไปตามอตายนะทั้งหลายนั้นเอวคือวัฎฎะ การข้ามวัฎฎะก็คืออาการที่เราสามารถระงับหรือดับอตายนะขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เข้าสู่อตายนนิพพานนั้นเองครับ แต่ผมยังไม่เป็นอรหันต์หรอกครับ แค่สกิทาคามีเท่านั้นเองครับ


ใกล้อนาคาแล้ว พยายามเข้านะครับ สาธุ :b1:

วัฏฏะอะไรครับวัฏฏะ

ศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ อะไรครับอ่านไม่ออก มันคืออะไรครับงงจริงๆนะ :b14:


ขออภัยครับ อายตนะครับ



อายตนะอะไรบ้าง เขียนใหม่สิครับ :b1: เอาชัดๆ

แล้วอายตนะนี่แปลว่าอะไร
ไม่ต้องลงลึกมากนักเดี๋ยวจะเป็นวิชาการไปเอาเป็นอันว่า รูปเสียง กลิ่นรสสัมผัสธัมมารมณ์ ทั้งหลายนี้แหละที่มันผูกตรึงมนุษย์เราให้อยู่กับวัฎฎะสงสาร ถ้าเราจะข้ามวัฎฎะสงสารนี้ไปได้เราก็ต้องหยุดการปรุงแต่งตัดอายตนะนี้ใหได้ทั้งหกทาง


เวรกรรมจริงๆคุณ รูป เสียง กลิ่น รส ธัมมารมณ์ มันก็มีก็อยู่ของมันยังงั้น คุณจะไปตัดมันได้อย่างไร
จะเอามันไปไหนไม่ทราบ :b1: ก็แค่รู้ความจริง มันก็หลุด

ยังไม่ได้คำตอบ วัฏฏะ ที่พูดถึงนี่อะไรครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 15:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


วัฎฎะนั้นคงหมายความว่าอะไรที่เป็นไปตามอตายนะทั้งหลายนั้นเอวคือวัฎฎะ การข้ามวัฎฎะก็คืออาการที่เราสามารถระงับหรือดับอตายนะขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เข้าสู่อตายนนิพพานนั้นเองครับ แต่ผมยังไม่เป็นอรหันต์หรอกครับ แค่สกิทาคามีเท่านั้นเองครับ


ใกล้อนาคาแล้ว พยายามเข้านะครับ สาธุ :b1:

วัฏฏะอะไรครับวัฏฏะ

ศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ อะไรครับอ่านไม่ออก มันคืออะไรครับงงจริงๆนะ :b14:


ขออภัยครับ อายตนะครับ



อายตนะอะไรบ้าง เขียนใหม่สิครับ :b1: เอาชัดๆ

แล้วอายตนะนี่แปลว่าอะไร
ไม่ต้องลงลึกมากนักเดี๋ยวจะเป็นวิชาการไปเอาเป็นอันว่า รูปเสียง กลิ่นรสสัมผัสธัมมารมณ์ ทั้งหลายนี้แหละที่มันผูกตรึงมนุษย์เราให้อยู่กับวัฎฎะสงสาร ถ้าเราจะข้ามวัฎฎะสงสารนี้ไปได้เราก็ต้องหยุดการปรุงแต่งตัดอายตนะนี้ใหได้ทั้งหกทาง


เวรกรรมจริงๆคุณ รูป เสียง กลิ่น รส ธัมมารมณ์ มันก็มีก็อยู่ของมันยังงั้น คุณจะไปตัดมันได้อย่างไร
จะเอามันไปไหนไม่ทราบ :b1: ก็แค่รู้ความจริง มันก็หลุด

ยังไม่ได้คำตอบ วัฏฏะ ที่พูดถึงนี่อะไรครับ
รูปเสียงกลิ่นรสฯ มันก็มีอยู่ไม่เถึยงครับแต่เราสามารถที่จะหยุดมันไม่ให้เชื่อมโยงเข้ามาในจิตใจเราปรุงแต่งสร้างวงล้อของการเกิดดับเกิดดับต่อไป อย่างไมรู้จบ การที่เรามีสติอยู่กับลมหายใจนี้เองคือการเข้าไปตัดวงจรของการเชื่อมโยงรูปและนาม ในขณะรูปนามแยกจากกันชั่วขณะนั้นความจริงก้ปรากฎกคือความไม่เกิดไม่ดับ ตรงนี้นี่เองที่จะกำจัดกิเลสได้เพราะเวทนาทั้งหมดดับลงตรงนี้ ตรงนี้เองเป็นตัวตัดวงจรของปฎิจสุปบาท ที่เป็นวงจรของวัฎฎะสงสารนั้นเอง











้้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ลองฟังธรรมของท่านองค์นี้ดูนะครับ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... -UPTAxsno4

:b8: :b8:

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... MKdwkWGPB0

:b8:
:b36:

:b4:
อนุโมทนาครับ :b48: :b8: :b8: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


กายคตาสติ ไปสุดแค่ไหนพอรู้ไหมครับ


ดั่งที่ผมได้พบและเข้าใจและพระสูตรก็ว่าทำที่สุดแห่งทุกได้


อ้อ กายคตาสติ ทำไงครับ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ :b10: คือบอกวิธีทำกายคตาสติ เพื่อที่ผู้อื่นจะทำให้พ้นจากทุกข์บ้าง :b8:
พระองค์สรรเสริญ อานาปานสติไว้มาก ขอแนะนำวิธีนี้ก็แล้วกัน
ผมทำอย่างนี้นะครับ หายใจออกให้ยาวที่สุดหายใจเข้าให้ยาวที่สุดสักพัก แล้วสักพักเปลี่ยนมาหายใจออกหายใจเข้าให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ทำให้ลมหายใจเข้าออกให้น้อยที่สุดจะช่วยท่านให้หยุดความคิดปรุงแต่ง จากนั้นจิตเริ่มละเอียดขึ้นทีนี้ให้เอาจิตไปดูกายสังขารทั่วร่างกายหายใจออก เอาจิตไปดูทั่วร่างกายหายใจเข้า ไปดูทั่วร่างกายคือตั้งหัวจรดเท้าหรือเท้าจรดหัวก็ได้หรืออะไรก็ได้ให้กำหนดจิตไปทั่วร่างกาย ร่างกายจะเบาสบายมีอาการขนลุก ต่อไปให้หยุดดูทั่วร่างกายให้หยุดอยู่ตรงจุดกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้างเพ่งอยู่ตรงนั้นตลอดตรงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ต้องกังวลใดๆใช้บทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะแล้วจะประสบความสำเร็จจนกายสังขารจิตสังขารระงับ


ลองทำตามคำแนะนำแล้วครับ อนุโมทนาครับ :b8: :b4:
สงสัยตรงหยุดอยู่ตรงจุดกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้างเพ่งอยู่ตรงนั้นตลอด

ลักษณะการเพ่งเป็นแบบไหนนะครับ :b8: :b12:

-เหมือนเพ่งมองไปข้างหน้าไปที่ตรงจุดกลางระหว่างหัวคิ้ว(ทิศทางไปข้างหน้า)

-(ทิศทางไปด้านหลัง)เหมือนคนมองมาที่จุดกลางระหว่างคิ้วเราแต่เราใช้ความรู้สึกจากด้านหน้ามองมาจุดกลางระหว่างคิ้ว

-เพ่งลักษณะรวมรอบเข้ามาจุดกึ่งกลาง เหมือนรัศมีวงกลมที่แผ่ออกจากจุดกึ่งกลางแต่เหมือนใช้ทิศทางตรงกันข้ามคือย้อนกลับมารวมอยู่จุดกึ่งกลางแทน

-เพ่งลักษณะเฉพาะหน้าตรงจุดกึ่งกลาง เหมือนกำหนดตั้งไว้เบาๆที่จุดกึ่งกลาง(ทิศทางด้านหน้าแต่ลักษณะการพุ่งตรงไปข้างหน้าจะไม่มีเหมือนในแบบที่หนึ่ง)

-เพ่งลักษณะขยายออกจากจุดกึ่งกลางเหมือนแผ่เมตตา

-ลักษณะแบบอื่นๆแบบใดก็ได้ที่ทำให้จิตเป็นสมาธิตั้งมั่นอยู่ที่จุดกึ่งกลางอยู่ได้


เมื่อกำหนดจุดกึ่งกลางแล้วจะเป็นยังไงต่อรบกวนเล่าต่อได้ไหมครับ :b8: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร