วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 11:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

การเข้าถึงธรรมมีกี่ประการamazingไม่มีญานรู้ได้ แต่สิ่งที่ได้สัมผัสมาไม่ได้มาเพราะนึกคิดตรึกนึกถึง เกิดจากอินทรีย์ที่แรงกล้าอย่างหนัก ขนาดคิดกลับไปยังรู้สึกว่าความเพียรที่แรงกล้านั้นเราอีกกี่ชาติถึงจะกล้าเช่นนั้น


อินทรีย์อะไรครับ ที่ว่าอินทรีย์แรงกล้าอย่างหนัก :b1:
ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา


อันนี้บอกชื่อถูกอินทรีย์ 5

แล้วมันแรงยังไงถึงขนาดว่า
อ้างคำพูด:
เกิดจากอินทรีย์ที่แรงกล้าอย่างหนัก ขนาดคิดกลับไปยังรู้สึกว่าความเพียรที่แรงกล้านั้นเราอีกกี่ชาติถึงจะกล้าเช่นนั้น
ถ้าเราไม่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ความเพียรอย่างแรงกล้าจะมาจากไหน(ความเพียรอย่างแรงกล้าโปรดดูที่บทอธิฐานความเพียรตามพระสูตรที่ได้ยกตัวอย่างมาแล้ว) เมื่อมีความเพียรอย่างแรงกล้าโดยมีสติที่ตั้งมั่นก็ทำให้สมาธิที่ก็ปรากฎ เมื่อสมาธิแท้จริงปรากฎ ปัญญาที่ได้มาก็เป็นปัญญาขันสูงสุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 11:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

เขาควรศึกษาธรรมะให้เข้าใจความจริงก่อนว่า ทั้งหมดทั้งหลายมีแต่รูปนาม มีแต่ความเป็นธาตุ เป็นขันต์ อาตยนะตรึกให้เข้าใจ เมื่อตรึกให้เข้าใจก็จะได้หายสงสัยในบางประการ เมื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่สงวสัยว่านั้นคืออะไร สิ่งนั้นที่ประจักษ์ปรากฎมันคืออะไร ทั้งหมดก็คือรูปนามเท่านั้น

แล้วปฎิบัติให้เข้าถึงโดยความเป็นสภาวะจริงเข้าถึงความเป็นธาตุขันต์ อาตยนะ โดยรับรู้สภาวะแห่งความเป็นของสักว่าธาตุ มีแต่ความเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหว ให้รู้เป็นเพียงรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสที่ปรากฎนั้นเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปจริงๆ ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถคงทนอยู่ในสภาวะเดิมได้ แม้กระทั้งตัวเราที่กว้างวายาวศอกนี้ เมื่อถึงสภาวะหนึ่งเมื่อรูปนามแยกจากกันหรือเรียกว่าสังขารทั้งหลายดับไป ตัวเราที่ว่ามีมันก็ไม่มี รูป สังขาร สัญญา เวทนา วิญญานทั้งหลายที่ว่ามีมันก็ไม่มี ให้เขาถึงความจริงโดยความเป็นปรมัตถ์ เข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ สภาวะนี้มีจริงแต่การจะเข้าถึงนั้นก็ว่ากันไปแล้วแต่กำลังของแล้วแต่อินทรีย์แต่ละคนที่สะสมมา ผมบอกหลายครั้งแล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ใหปรากฎโดย อานาปานสติหรือมีสติอยู่กับกายใดกายหนึ่งก็ได้



ที่พูดนั่น เป็นปัญญาระดับไหนครับ สุตมยปัญญา หรือจินตามยปัญญา หรือว่าเป็นภาวนามยปัญญาครับ :b10:


ปัญญาจากการฟังการได้ยินมา คิดพิจารณา นั้นเป็นขั้นสุตตะกับจินตะ

ส่วนสภาวะที่เราได้ยินมาได้พิจาารณามาได้ปรากฎแกเราแล้วซึ่งเป็นสภาวะความรู้สึกได้เห็นชัดตรงดั่งที่เคยได้ยินได้พิจารณา บัดนี้ปรากฎแล้ว เราจึงหายสงสัยในเรื่องที่ได้ยินได้พิจารณามาทั้งหมด อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาที่ประจักษ์ครังนี้นั้นเราได้วางอุเบกขาทั้งสุขและทุกข์อย่างแรงกล้าจนจิตของเราได้ิตัดขาดโลกสมมุติ สู่วิมุติดับสังขารทั้งหลาย หยุดการปรุงแต่งทั้งหมด ตัดขาดอตายนะทั้งหลายเข้าสู่ธรรมแท้ ไม่เกิดไม่ดับ ปัญญาสูงสุดได้เกิดแล้ว



อ้อ...ที่คิดดังว่าเป็นภาวนามยปัญญาแล้ว :b1:ใช่แล้ว

สภาวะ นี่มันอะไรครับ สภาวะ :b10:
ความเป็นอมตะ



อ้อ สภาวะ แปลว่า อมตะ (อมตะ แปลว่า ไม่ตาย นะ) เอ้า...อยากเป็นอะไรก็เป็นตามถนัดตามจินตนาการ แต่อดสงสัยไม่ได้ สภาวะศาสนาไหนเป็นงั้น

สภาวะ แปลว่า ...เป็นเองตามเหตุปัจจัยของมัน (ส+ภาวะ) คำเรียกเต็มๆว่า สภาวธรรม สิ่งที่เป็นเองตามเหตุปัจจัย คือว่าไม่มีผู้สร้างสรรค์บันดาล มันเป็นเอง ตัวอย่างก็ที่นำมาให้ดูก่อนหน้านั่นแหละ เรียกว่า สภาวะหรือสภาวธรรม มันเป็นเอง
ความเป็นอมตะนั้นเป็นสภาวะหนึ่งที่เป็นธรรมชาติสูงสุดที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้ด้วยการทำให้เกิดขึ้นทำใหมีขึนกับตนเองได้ ด้วยการมีสติอยู่กับกาย (ชนเหล่าใดบริโภคกายคตาสติ ชนเหล่านั้นบริโภคอมตะธรรม พุทธวจน)



อยู่กับกายอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีนามธรรมด้วย ยกตัวสติปัฏฐาน 4 มีทั้งกาย กับ นามธรรม แล้วจะต้องลงมือทำลงมือปฏิบัติ (มนสิการ) มิใช่อ่านๆแล้วคิดเอา :b1:
กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 11:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b8:
อีก 1 ความเห็นเรื่องนิโรธสมาบัติ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... 54TFquc-9Y

:b8:



ลองฟังของท่านนี้ดูแล้วครับ ฟังท่านเล่าเรื่องนิโรธ :b1: ไปค้่นๆดู ท่าน (หลวงปู่) ก็ว่าท่านก็เป็นพระอรหันต์ด้วย :b12:


:b8:
เรื่องนี้ก็ยิ่งละเอียดอ่อนมากขึ้นไปอีก.......มีครูบาอาจารย์ไม่กี่รูป ที่ท่านกล้าจะแสดงสภาวะและความจริงเป็นธรรมะให้ลูกศิษย์ลูกหา ได้ฟัง เพื่อให้เป็นกำลังใจและให้เป็นแบบอย่างว่าผู้ที่ปฏิบัติจริง ถึงจริง มีสภาวะรองรับ ทำได้จริง มีอยู่จริงๆ
:b16:
เราเรียนเรื่องอาบัติกันมา ก็มักจะพากันกลัวเรื่องอาบัติปาราชิกข้อ อวดอุตริมนุษยธรรม......แต่ถ้าท่านมีธรรมสภาวะรองรับอยู่จริง ก็เป็นอาบัติเบา แค่ปาจิตตีย์....หากท่านแสดงเป็นธรรมะแล้วยิ่งไม่เป็นอาบัติใดเลย......ข้อนี้สำคัญที่ใจของผู้คิดเห็นถ้าไม่เป็นกลางก็อาจล่วงอริยุวาตันตรายได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงต้องระมัดระวังกันมากๆ
:b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 11:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

ถ้าเราไม่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ความเพียรอย่างแรงกล้าจะมาจากไหน (ความเพียรอย่างแรงกล้าโปรดดูที่บทอธิฐานความเพียรตามพระสูตรที่ได้ยกตัวอย่างมาแล้ว) เมื่อมีความเพียรอย่างแรงกล้าโดยมีสติที่ตั้งมั่นก็ทำให้สมาธิที่ก็ปรากฎ เมื่อสมาธิแท้จริงปรากฎ ปัญญาที่ได้มาก็เป็นปัญญาขันสูงสุด


อธิษฐานตามเข้าใจของคุณว่าต้องทำไง อธิษฐาน ยกมือพนมอธิษฐานในใจเอาหรืออย่างไร ไม่เข้าใจ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 11:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

ถ้าเราไม่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ความเพียรอย่างแรงกล้าจะมาจากไหน (ความเพียรอย่างแรงกล้าโปรดดูที่บทอธิฐานความเพียรตามพระสูตรที่ได้ยกตัวอย่างมาแล้ว) เมื่อมีความเพียรอย่างแรงกล้าโดยมีสติที่ตั้งมั่นก็ทำให้สมาธิที่ก็ปรากฎ เมื่อสมาธิแท้จริงปรากฎ ปัญญาที่ได้มาก็เป็นปัญญาขันสูงสุด


อธิษฐานตามเข้าใจของคุณว่าต้องทำไง อธิษฐาน ยกมือพนมอธิษฐานในใจเอาหรืออย่างไร ไม่เข้าใจ :b10:
การอธิฐานของผมคงไม่ได้ยกมือขึ้นแล้วขอหรอกครับ ผมบอกไปแล้วว่าความเพียรครั้งนั้นไม่รู้อีกกี่ชาติที่จะกล้ากระทำอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


กายคตาสติ ไปสุดแค่ไหนพอรู้ไหมครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 11:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


กายคตาสติ ไปสุดแค่ไหนพอรู้ไหมครับ
ดั่งที่ผมได้พบและเข้าใจและพระสูตรก็ว่าทำที่สุดแห่งทุกได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b8:
อีก 1 ความเห็นเรื่องนิโรธสมาบัติ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... 54TFquc-9Y

:b8:



ลองฟังของท่านนี้ดูแล้วครับ ฟังท่านเล่าเรื่องนิโรธ :b1: ไปค้่นๆดู ท่าน (หลวงปู่) ก็ว่าท่านก็เป็นพระอรหันต์ด้วย :b12:


:b8:
เรื่องนี้ก็ยิ่งละเอียดอ่อนมากขึ้นไปอีก.......มีครูบาอาจารย์ไม่กี่รูป ที่ท่านกล้าจะแสดงสภาวะและความจริงเป็นธรรมะให้ลูกศิษย์ลูกหา ได้ฟัง เพื่อให้เป็นกำลังใจและให้เป็นแบบอย่างว่าผู้ที่ปฏิบัติจริง ถึงจริง มีสภาวะรองรับ ทำได้จริง มีอยู่จริงๆ
:b16:
เราเรียนเรื่องอาบัติกันมา ก็มักจะพากันกลัวเรื่องอาบัติปาราชิกข้อ อวดอุตริมนุษยธรรม......แต่ถ้าท่านมีธรรมสภาวะรองรับอยู่จริง ก็เป็นอาบัติเบา แค่ปาจิตตีย์....หากท่านแสดงเป็นธรรมะแล้วยิ่งไม่เป็นอาบัติใดเลย......ข้อนี้สำคัญที่ใจของผู้คิดเห็นถ้าไม่เป็นกลางก็อาจล่วงอริยุวาตันตรายได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงต้องระมัดระวังกันมากๆ
:b1: :b1:


พระอรหันต์แท้ๆท่านไม่อวดหรอกครับ เพราะอะไร ? เพราะการยึดมั่นตัวตนหมดไปแล้ว แล้วจะเอาเราเขาที่ไหนมาอวดมาบอกเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 11:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


กายคตาสติ ไปสุดแค่ไหนพอรู้ไหมครับ


ดั่งที่ผมได้พบและเข้าใจและพระสูตรก็ว่าทำที่สุดแห่งทุกได้


อ้อ กายคตาสติ ทำไงครับ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ :b10: คือบอกวิธีทำกายคตาสติ เพื่อที่ผู้อื่นจะทำให้พ้นจากทุกข์บ้าง :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 12:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


กายคตาสติ ไปสุดแค่ไหนพอรู้ไหมครับ


ดั่งที่ผมได้พบและเข้าใจและพระสูตรก็ว่าทำที่สุดแห่งทุกได้


อ้อ กายคตาสติ ทำไงครับ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ :b10: คือบอกวิธีทำกายคตาสติ เพื่อที่ผู้อื่นจะทำให้พ้นจากทุกข์บ้าง :b8:
พระองค์สรรเสริญ อานาปานสติไว้มาก ขอแนะนำวิธีนี้ก็แล้วกัน
ผมทำอย่างนี้นะครับ หายใจออกให้ยาวที่สุดหายใจเข้าให้ยาวที่สุดสักพัก แล้วสักพักเปลี่ยนมาหายใจออกหายใจเข้าให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ทำให้ลมหายใจเข้าออกให้น้อยที่สุดจะช่วยท่านให้หยุดความคิดปรุงแต่ง จากนั้นจิตเริ่มละเอียดขึ้นทีนี้ให้เอาจิตไปดูกายสังขารทั่วร่างกายหายใจออก เอาจิตไปดูทั่วร่างกายหายใจเข้า ไปดูทั่วร่างกายคือตั้งหัวจรดเท้าหรือเท้าจรดหัวก็ได้หรืออะไรก็ได้ให้กำหนดจิตไปทั่วร่างกาย ร่างกายจะเบาสบายมีอาการขนลุก ต่อไปให้หยุดดูทั่วร่างกายให้หยุดอยู่ตรงจุดกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้างเพ่งอยู่ตรงนั้นตลอดตรงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ต้องกังวลใดๆใช้บทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะแล้วจะประสบความสำเร็จจนกายสังขารจิตสังขารระงับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 12:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้อต้องขอบอกนะครับการปฎิบัติเพื่อข้ามความเป็นปุถุชนนั้น ร่างกายเราอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้างก็ไม่ต้องกังวลนะครับ อย่างเช่นปัดหัว เคลียดหรืออะไรที่มันแปลกไป จะข้าม จะตัดวัฎฎะมันไม่ได้มาแบบเบาสบายหรอกนะครับ ถ้าอะไรเบาสบายมันของปลอมทั้งนั้น ข้ามวัฎฎะสงสารอันยาวไกลมันต้องออกแรงกันหน่อย มันต้องอาศัย ความศรัทธา ความเพียร สติ สมาธิ ปัญญา อย่างแรงกล้า มันถึงจะข้ามทะเลแห่งความทุกข์นี้ไปได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กายคตาสติ เป็นหนึ่งในอนุสติ 10 ในบรรดากรรมฐาน 40 อย่าง เท่าที่พระอรรถกถาจารย์รวบรวมไว้

อนุสติ 10 คือ อารมณ์ที่ดีงามที่ควรระลึกถึงเนืองๆ ได้แก่

1. พุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า และพิจารณาคุณของพระองค์

2. ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม และพิจารณาคุณของพระธรรม

3. สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ และพิจารณาคุณของพระสงฆ์

4. สีลานุสติ ระลึกถึงศีล พิจารณาศีลของตน ที่ได้ประพฤติบริสุทธิ์ไม่ด่างพร้อย

5. จาคานุสติ ระลึกถึงจาคะ ทานที่ตนได้บริจาคแล้ว และพิจารณาเห็นคุณธรรม คือความเผื่อแผ่เสียสละที่มีในตน

6. เทวตานุสติ ระลึกถึงเทวดา หมายถึงเทวดาที่ตนเคยได้รู้ได้ยินมา และพิจารณาเห็นคุณธรรม ซึ่งทำคนให้เป็นเทวดา ตามที่มีอยู่ในตน

7. มรณานุสติ ระลึกถึงความตายอันจะต้องมีมาถึงตนเป็นธรรมดา พิจารณาให้เกิดความไม่ประมาท

8. กายคตานุสติ สติอันไปในกาย หรือระลึกถึงเกี่ยวกับร่าง คือ กำหนดพิจารณากายนี้ ให้เห็นว่าประกอบด้วยส่วนต่างๆ คือ อาการ 32 อันไม่สะอาด ไม่งาม น่าเกลียด เป็นทางรู้เท่าทันสภาวะของกายนี้ มิให้หลงไหลมัวเมา

9. อานาปานติ สติกำหนดลมหายใจเข้าออก

10. อุปสมานุสติ ระลึกถึงธรรมเป็นที่สงบ คือนิพพาน และพิจารณาคุณของนิพพาน อันเป็นที่หายร้อน ดับกิเลส และไร้ทุกข์

ในบรรดากรรมฐาน 40 ท่านยังจัดว่าเหมาะกับจริยาของบุคคลด้วย ขีดขั้นความสำเร็จด้วย

นำมาดูเฉพาะ กายคตาสติ ที่พูดถึงตรงนี่บ่อย

กายคตาสติ เหมาะแก่คนราคจริต

ขีดขั้นความสำเร็จ ปฏิภาคนิมิต, อุปจารสมาธิ, ปฐมฌาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 12:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2013, 17:07
โพสต์: 39

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


กายคตาสติ ไปสุดแค่ไหนพอรู้ไหมครับ


ดั่งที่ผมได้พบและเข้าใจและพระสูตรก็ว่าทำที่สุดแห่งทุกได้


อ้อ กายคตาสติ ทำไงครับ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ :b10: คือบอกวิธีทำกายคตาสติ เพื่อที่ผู้อื่นจะทำให้พ้นจากทุกข์บ้าง :b8:
พระองค์สรรเสริญ อานาปานสติไว้มาก ขอแนะนำวิธีนี้ก็แล้วกัน
ผมทำอย่างนี้นะครับ หายใจออกให้ยาวที่สุดหายใจเข้าให้ยาวที่สุดสักพัก แล้วสักพักเปลี่ยนมาหายใจออกหายใจเข้าให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ทำให้ลมหายใจเข้าออกให้น้อยที่สุดจะช่วยท่านให้หยุดความคิดปรุงแต่ง จากนั้นจิตเริ่มละเอียดขึ้นทีนี้ให้เอาจิตไปดูกายสังขารทั่วร่างกายหายใจออก เอาจิตไปดูทั่วร่างกายหายใจเข้า ไปดูทั่วร่างกายคือตั้งหัวจรดเท้าหรือเท้าจรดหัวก็ได้หรืออะไรก็ได้ให้กำหนดจิตไปทั่วร่างกาย ร่างกายจะเบาสบายมีอาการขนลุก ต่อไปให้หยุดดูทั่วร่างกายให้หยุดอยู่ตรงจุดกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้างเพ่งอยู่ตรงนั้นตลอดตรงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ต้องกังวลใดๆใช้บทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะแล้วจะประสบความสำเร็จจนกายสังขารจิตสังขารระงับ

.............................................
เราว่ามันแปลกๆนะคุณอเมซิ่ง....มันเหมือนการเข้าไปพักผ่อนในสมาธิเฉยๆ ....แล้วเอาสิ่งที่คุณทำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณอ่าน....แล้วคุณก็สรุปเอาเองว่าคุณข้ามวัฏฏะได้แล้ว.....รึเปล่านะ
..............
ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่จะข้ามวัฏฏะในช่วงการปฏิบัตินั้นคืออะไร....กรุณาชี้แจงแถลงไขหน่อยได้ไหมคะเพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนโง่อย่างเรา
huh huh .......s004 s004 s004 s004 s004 ....... grin grin
..............................................
(ศึกษามาน้อย ยังต้องศึกษาอีกเยอะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

กายคตาสตินั้นคือการเอาจิตอยู่กับกายนั้นเอง ต้องลงมือปฎิบัติอ่านเอาคิดเอาไม่ได้แน่นอนครับ


กายคตาสติ ไปสุดแค่ไหนพอรู้ไหมครับ


ดั่งที่ผมได้พบและเข้าใจและพระสูตรก็ว่าทำที่สุดแห่งทุกได้


อ้อ กายคตาสติ ทำไงครับ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ :b10: คือบอกวิธีทำกายคตาสติ เพื่อที่ผู้อื่นจะทำให้พ้นจากทุกข์บ้าง :b8:
พระองค์สรรเสริญ อานาปานสติไว้มาก ขอแนะนำวิธีนี้ก็แล้วกัน
ผมทำอย่างนี้นะครับ หายใจออกให้ยาวที่สุดหายใจเข้าให้ยาวที่สุดสักพัก แล้วสักพักเปลี่ยนมาหายใจออกหายใจเข้าให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ทำให้ลมหายใจเข้าออกให้น้อยที่สุดจะช่วยท่านให้หยุดความคิดปรุงแต่ง จากนั้นจิตเริ่มละเอียดขึ้นทีนี้ให้เอาจิตไปดูกายสังขารทั่วร่างกายหายใจออก เอาจิตไปดูทั่วร่างกายหายใจเข้า ไปดูทั่วร่างกายคือตั้งหัวจรดเท้าหรือเท้าจรดหัวก็ได้หรืออะไรก็ได้ให้กำหนดจิตไปทั่วร่างกาย ร่างกายจะเบาสบายมีอาการขนลุก ต่อไปให้หยุดดูทั่วร่างกายให้หยุดอยู่ตรงจุดกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้างเพ่งอยู่ตรงนั้นตลอดตรงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ต้องกังวลใดๆใช้บทอธิฐานความเพียรนั้นแหล่ะแล้วจะประสบความสำเร็จจนกายสังขารจิตสังขารระงับ



จะไปทำไปตัดแปลงลมหายใจ ซึ่งมันเป็นธรรมชาติได้อย่างไร

ท่านให้รู้ตามที่มันเ็ป็น เข้ายาว ออกยาว เข้าสั้นออกสั้น หรือมันสั้นๆยาวๆ อึดอัด โปร่งโล่ง หายไป ฯลฯ ก็เรื่องของธรรมชาติมัน โยคีพึงกำหนดรู้ตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็น

มิใช่ไปทำให้มันเป็นตามที่ตัวเองต้องการ ตามความยึดความอยากของตัวเอง ทำยังงี้เริ่มต้นก็ผิดแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2013, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นพูดถึงอานาปานสติอีก จัดเพิ่มให้ดูด้วย

อานาปานสติ เหมาะแก่คน โมหจริต, วิตกจริต

ขีดขั้นความสำเร็จ ปฏิภาคนิมิต, อุปจารสมาธิ, ปฐมฌาน, ทุติยฌาน, ตติยฌาน, จตุตถฌาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร