วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 19:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
อีก 1 ความเห็นเรื่องนิโรธสมาบัติ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... 54TFquc-9Y

:b8:



ลองฟังของท่านนี้ดูแล้วครับ ฟังท่านเล่าเรื่องนิโรธ :b1: ไปค้่นๆดู ท่าน (หลวงปู่) ก็ว่าท่านก็เป็นพระอรหันต์ด้วย :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทำร้ายเณร เพราะมีหน้าเหมือนหลวงปู่...

http://www.youtube.com/watch?v=Mjf8oX9wh8k


ชาวพุทธบ้านเรา ลงได้เชื่อใครศรัทธาใครแล้วเนี่ย จะเชื่ออย่างหัวปรักหัวปรำ เขาพูดอะไร เชื่อหมด เขาขออะไรหาได้ทุกอย่าง เขาทำอะไรเชื่อไปทุกกิจกรรม

แต่ถ้าลงได้เกลียดโกรธขึ้นมาล่ะอืมม ด่าเช็ด :b32: สามวันเจ็ดวันไม่เลิกเหมือนกัล :b9:
รู้จักพินิจพิจารณาบ้างเถอะชาวพุทธ เรียนรู้หลักพุทธธรรมให้มากๆ :b1:

Onion_L
ยกเรื่องเณรคำมาต่อกับคำเชิญไปกราบครูบาบุญชุ่ม...มันดูกะไรอยู่นะคุณกรัชกาย....ระมัดระวังหน่อยดีกว่าไหมครับ.....เกลือ กับพิมเสนนั้นมันคนละอย่างคนละคุณค่ากันนะครับ
:b8:



เราจะด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือไหนพิมเสน :b10:


พิมพ์ตกไปคำหนึ่ง (เราจะรู้ด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือ ไหนพิมเสน)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 16:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12:
เราจะด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือไหนพิมเสน :b10:
s006 s006 s006
ชิมดูซิครับ คุณกรัชกาย....เคยลองชิมดูหรือยังล่ะครับ รสเกลือ กับรสและกลิ่นของพิมเสน
:b12: :b12: :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 16:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


Rotala เขียน:
http://www.youtube.com/watch?v=xaBrBwRekjo&list=PLItWrbCkI1FbQpA-ZdS0yme37v6MGTxAo&index=3

การทรงอารมณ์ ธรรมะจากพระอาจารย์ ปัญญา นีลวโณ สำนักสงฆ์เขาตะบองนาค จ.นครสวรรค์

อนุโมทนาครับ :b8: :b27:

:b8: :b8: :b8: :b8:
สาธุ อนุโมทนา ขอบคุณคุณ Rotala เป็นอย่างยิ่งครับ....
Kiss Kiss Kiss Kiss Kiss Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทำร้ายเณร เพราะมีหน้าเหมือนหลวงปู่...

http://www.youtube.com/watch?v=Mjf8oX9wh8k


ชาวพุทธบ้านเรา ลงได้เชื่อใครศรัทธาใครแล้วเนี่ย จะเชื่ออย่างหัวปรักหัวปรำ เขาพูดอะไร เชื่อหมด เขาขออะไรหาได้ทุกอย่าง เขาทำอะไรเชื่อไปทุกกิจกรรม

แต่ถ้าลงได้เกลียดโกรธขึ้นมาล่ะอืมม ด่าเช็ด :b32: สามวันเจ็ดวันไม่เลิกเหมือนกัล :b9:
รู้จักพินิจพิจารณาบ้างเถอะชาวพุทธ เรียนรู้หลักพุทธธรรมให้มากๆ


ยกเรื่องเณรคำมาต่อกับคำเชิญไปกราบครูบาบุญชุ่ม...มันดูกะไรอยู่นะคุณกรัชกาย....ระมัดระวังหน่อยดี

กว่าไหมครับ.....เกลือ กับพิมเสนนั้นมันคนละอย่างคนละคุณค่ากันนะครับ[/color]



เราจะด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือไหนพิมเสน


พิมพ์ตกไปคำหนึ่ง (เราจะรู้ด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือ ไหนพิมเสน)



ยกเรื่องเณรคำมาต่อกับคำเชิญไปกราบครูบาบุญชุ่ม...มันดูกะไรอยู่นะคุณกรัชกาย....ระมัดระวังหน่อยดี

กว่าไหมครับ.....เกลือ กับพิมเสนนั้นมันคนละอย่างคนละคุณค่ากันนะครับ


นี่ๆ กรณีที่คุณอโศก เปรียบเทียบ เกลือ กับ พิมเสนนี่ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 19:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:
เราจะด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือไหนพิมเสน


พิมพ์ตกไปคำหนึ่ง (เราจะรู้ด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือ ไหนพิมเสน)



ยกเรื่องเณรคำมาต่อกับคำเชิญไปกราบครูบาบุญชุ่ม...มันดูกะไรอยู่นะคุณกรัชกาย....ระมัดระวังหน่อยดี

กว่าไหมครับ.....เกลือ กับพิมเสนนั้นมันคนละอย่างคนละคุณค่ากันนะครับ

นี่ๆ กรณีที่คุณอโศก เปรียบเทียบ เกลือ กับ พิมเสนนี่
:b13:
ก็คุณกรัชกาย ถามเรื่องเกลือกับพิมเสนนี่ครับ

คำถาม......เราจะด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือไหนพิมเสน?

แต่ถ้าจะถามตรงๆว่า เณรคำ กับครูบาบุญชุ่ม มีคุณธรรมต่างกันอย่างไร?....อันนี้แหละที่จะตอบยาก เพราะต้องกลั่นกรองคำพูดให้ดี ให้ถูกต้องตามธรรม
:b16:
ในความเป็นจริง คำตอบแบบลึกๆก็อยู่ในคำตอบเรื่องพิมเสนกับเกลือนั่นแหละครับ ถ้านึกได้ เข้าใจถึง

เพราะคำว่าชิมนั้น แปลความหมายอีกอย่างก็คือให้ไปลองสัมผัสใกล้ชิด ติดตามดูข้อวัตรปฏิบัติและจริยาวัตรของท่านให้นานพอสมควร ก็จะรู้เอง ว่าใดดุจพิมเสน ใดดุจเกลือ

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12: :b12: :b12:
เราจะด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือไหนพิมเสน


พิมพ์ตกไปคำหนึ่ง (เราจะรู้ด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือ ไหนพิมเสน)



ยกเรื่องเณรคำมาต่อกับคำเชิญไปกราบครูบาบุญชุ่ม...มันดูกะไรอยู่นะคุณกรัชกาย....ระมัดระวังหน่อยดี

กว่าไหมครับ.....เกลือ กับพิมเสนนั้นมันคนละอย่างคนละคุณค่ากันนะครับ

นี่ๆ กรณีที่คุณอโศก เปรียบเทียบ เกลือ กับ พิมเสนนี่
:b13:
ก็คุณกรัชกาย ถามเรื่องเกลือกับพิมเสนนี่ครับ

คำถาม......เราจะด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือไหนพิมเสน?

แต่ถ้าจะถามตรงๆว่า เณรคำ กับครูบาบุญชุ่ม มีคุณธรรมต่างกันอย่างไร?....อันนี้แหละที่จะตอบยาก เพราะต้องกลั่นกรองคำพูดให้ดี ให้ถูกต้องตามธรรม
:b16:
ในความเป็นจริง คำตอบแบบลึกๆก็อยู่ในคำตอบเรื่องพิมเสนกับเกลือนั่นแหละครับ ถ้านึกได้ เข้าใจถึง

เพราะคำว่าชิมนั้น แปลความหมายอีกอย่างก็คือให้ไปลองสัมผัสใกล้ชิด ติดตามดูข้อวัตรปฏิบัติและจริยาวัตรของท่านให้นานพอสมควร ก็จะรู้เอง ว่าใดดุจพิมเสน ใดดุจเกลือ

:b12:



ทั้งเกลือ ทั้งพิมเสนต่างก็มีคุณค่า มีดีอยู่ในตัวของมันเอง แล้วแต่ว่าขณะนั้น เราทำอะไรเป็นอะไร ถ้าทำกับข้าว (ต้ม-แกง) เพื่อให้มีรสเค็ม ก็ต้องใช้เกลือใส่ในอาหารนั้น เพื่อให้อาหารนั้นมีรสมีชาด ไม่จืดเป็นต้มจืด ฯลฯ

ถ้าเกิดอาการวิงเวียนศรีษะหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม เขาก็ใช้พิเสนขยี้ๆแล้วสูดดมชื่นนนนใจ

เคยเห็นคนแก่กินหมาก ก็ใช้พิมเสนกินกับหมากด้วยนะ แต่ไม่เคยถามว่ามีประโยชน์ทางไหน

เห็นไหมครับประโยชน์ของพิมเสนกับเกลือ จะว่าอะไรดีกว่าอะไรหาได้ไม่ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ถ้าจะดูภาคการปฏิบัติธรรม หรือปฏิบัติกรรมฐาน เขาให้ดูที่หลัก หลักนั่นจุดเริ่มต้นเดินทาง ทางจิต แต่ละหลักนั้นไปถึงไหนสุดที่ไหน ต่อด้วยอะไร ฯลฯ มิใช่พูดไปนรกสวรรค์ อยู่ป่าช้า อยู่ถ้ำ ไปบาดาล หรือพูดเรื่อยเปื่อย แล้วก็เลี้ยวเข้านิพพาน เป็นโสดาบัน เป็นพระอรหันต์ เข้านิโรธสมาบัติ เห็นจะไม่ใช่ :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2013, 13:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่บรรลุธรรมทุกคนจะต้องผ่านช่วงเวลาของการหยุดหายใจมาทั้งนั้นมากน้อยแล้วแต่กำลัง เพราะสังขารสงบระงับนันเอง เมื่อสังขารระงับก็จะได้พบกับสภาวะธรรมแห่งความไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะนิพพาน ถ้าท่านใดยังไม่ถึงสภาวะนี้ขอใหเข้าใจไว้ว่าความรู้ของท่านทั้งหลายเป็นเพียงสุตตะมยปัญญาและจินตามยปัญญาครับ และอะไรจะทำใหถึงจุดนีได้ ก็อานาปานสตินั้นไง หรือพิจารณากายส่วนใดกได้ ทำให้ถึงที่สุดก็จะพบที่สุดแห่งทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2013, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สภาวธรรมซึ่งปรากฏเนื่องจากการปฏิบัติธรรม หรือปฏิบัติกรรมฐาน หรือจะใช้ชื่อว่ายังไงก็ไม่สำคัญ ของโยคีท่านหนึ่ง มีสองตอน ตอนแรก ปรากฏแก่เขาดังนี้


อ้างคำพูด:

เมื่อวานซืน ขณะที่กำลังนอน แต่ยังหลับไม่สนิท เพราะไม่ค่อยสบาย นอนไปซักพักเดี๋ยวก็ไอ พยายามข่มตาให้หลับพอประมาณตีสาม รู้สึกเหมือนมีเสียงกระซิบที่กระหม่อมว่า " เดี๋ยวจะลอง..ดูนะ ( ประมาณนี้ ฟังไม่ถนัด )" จากนั้น หูก็อื้ออย่างมากเป็นเสียงวี้ดหึ่งเป็นจังหวะ แต่ดังมากๆจนกลบเสียงอื่นไปจนหมด แล้วตัวก็ขยับไม่ได้ รู้สึกตัวแข็งทื่อตาลืมได้แบบปรือๆ

ปรากฎว่ามีแสงสีทองอ่อนพุ่งปรื้ดขึ้นมาจากช่วงท้อง เป็นลำประมาณศอกหนึ่ง และเมีลมหมุนสีขาวๆ หมุนติ้วๆขึ้นตามมารู้สึกได้ว่าตัวแอ่นขึ้นตามลมไปนิดนึง และ ตัวที่นอนอยู่เบาลงไปมาก

จากนั้นลมหมุนติ้วๆ สีขาวนั้นก็แปรสภาพ กลายเป็นกลุ่มก้อนพลังงานสีเทา แต่โปร่งแสงมองทะลุได้ (มองไม่ถนัดว่าเป็นรูปร่างอะไรเพราะตลอดเวลานี้ หูก็อื้ออย่างมาก ตัวแข็งทื่อ ขยับตัวไม่ได้เลย )

สักพักกลุ่มพลังงานนี้ก็มาทับที่ร่าง ใจก็คิดว่า โหทับทำไม มันหนักนะ ทันใดนั้น ก้อนพลังงานนั้นก็พุ่งพรวดเข้าไปทางปากเหมือนว่าดูดเข้าไปในปากเรา อย่างเร็วมาก พยายามจะเม้มปากไว้ ก็ขยับปากไม่ได้ ได้แต่ภาวนาในใจว่า พุทธัง สรนัง คัจฉามิๆ แต่ก็หยุดไม่ให้พลังงานนั้นเข้ามาไม่ได้ จนกระทั่งใกล้จะหมด และเราพอจะขยับริมผีปากได้นิดหน่อย เลยเม้มปากไว้เพื่อไม่ให้ก้อนพลังงานเข้าไป แต่ก็เข้าไปในปากจนหมด
จากนั้น หูก็หายอื้อ รู้สึกตัวหนักขึ้นและขยับได้ตามปกติ
อยากทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เป็นอันตรายไหม ควรปฎิบัติตนอย่างไรดีคะ

ขอถามผู้รู้ด้วยค่ะปกติแล้วเป็นคนชอบสวดมนต์เป็นประจำ มักสวดพาหุง อิติปิโสเท่าอายุ ชินบัญชร ยอดกัณฑ์ หลังสวดเสร็จก็จะแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง และหากมีเวลาก็จะนั่งสมาธิต่อ แต่วันที่เกิดเหตุการณ์นี้ ติดภาระกิจต่างจังหวัดเลยไม่ได้สวด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2013, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
คนที่บรรลุธรรมทุกคนจะต้องผ่านช่วงเวลาของการหยุดหายใจมาทั้งนั้นมากน้อยแล้วแต่กำลัง เพราะสังขารสงบระงับนันเอง เมื่อสังขารระงับก็จะได้พบกับสภาวะธรรมแห่งความไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะนิพพาน ถ้าท่านใดยังไม่ถึงสภาวะนี้ขอใหเข้าใจไว้ว่าความรู้ของท่านทั้งหลายเป็นเพียงสุตตะมยปัญญาและจินตามยปัญญาครับ และอะไรจะทำใหถึงจุดนีได้ ก็อานาปานสตินั้นไง หรือพิจารณากายส่วนใดกได้ ทำให้ถึงที่สุดก็จะพบที่สุดแห่งทุกข์



ตอนที่สอง มีดังนี้

ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบนั่งสมาธิค่ะ สมัยประถม คุณครูที่ร.ร. สอนนั่งสมาธิแบบภาวนาพุธโท นั่งพร้อมกับเพื่อนๆ มีอยู่หลายครั้งที่นั่งแล้วเหมือนตัวลอยขั้นมา

พอออกจากสมาธิแล้วลืมตา ปรากฎว่าไปนั่งห่างจากที่นั่งเดิมไกลเลย คนที่นั่งข้างๆก็ไม่ใช่คนเดิม ก็ไม่เข้าใจในตอนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น และโดนคุณครูดุว่าแอบย้ายที่ ไม่ตั้งใจทำสมาธิ และภายหลังกลับไปนั่งที่บ้าน นั่งไปแล้วรู้สึกว่าไม่มีตัวอยู่ ไม่มีลมหายใจ พอคุณแม่ทราบก็ห้ามไม่ให้ทำอีก เดี่ยวจะเป็นคนบ้า เลยไม่ได้ทำต่อ เพิ่งจะมาปฎิบัติต่อตอนช่วงนี้ค่ะ



จึงขออนุญาตถามคุณ amazing ว่าเขาบรรลุธรรมหรือยัง ธรรมะอะไร เขาหยุดหายใจด้วย ตัวก็หาย เป็นปัญญาอะไรได้บ้าง :b1: เป็นสภาวะนิพพานแบบคุณกล่าวหรือยัง หรือยังไง :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2013, 16:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
คนที่บรรลุธรรมทุกคนจะต้องผ่านช่วงเวลาของการหยุดหายใจมาทั้งนั้นมากน้อยแล้วแต่กำลัง เพราะสังขารสงบระงับนันเอง เมื่อสังขารระงับก็จะได้พบกับสภาวะธรรมแห่งความไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะนิพพาน ถ้าท่านใดยังไม่ถึงสภาวะนี้ขอใหเข้าใจไว้ว่าความรู้ของท่านทั้งหลายเป็นเพียงสุตตะมยปัญญาและจินตามยปัญญาครับ และอะไรจะทำใหถึงจุดนีได้ ก็อานาปานสตินั้นไง หรือพิจารณากายส่วนใดกได้ ทำให้ถึงที่สุดก็จะพบที่สุดแห่งทุกข์



ตอนที่สอง มีดังนี้

ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบนั่งสมาธิค่ะ สมัยประถม คุณครูที่ร.ร. สอนนั่งสมาธิแบบภาวนาพุธโท นั่งพร้อมกับเพื่อนๆ มีอยู่หลายครั้งที่นั่งแล้วเหมือนตัวลอยขั้นมา

พอออกจากสมาธิแล้วลืมตา ปรากฎว่าไปนั่งห่างจากที่นั่งเดิมไกลเลย คนที่นั่งข้างๆก็ไม่ใช่คนเดิม ก็ไม่เข้าใจในตอนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น และโดนคุณครูดุว่าแอบย้ายที่ ไม่ตั้งใจทำสมาธิ และภายหลังกลับไปนั่งที่บ้าน นั่งไปแล้วรู้สึกว่าไม่มีตัวอยู่ ไม่มีลมหายใจ พอคุณแม่ทราบก็ห้ามไม่ให้ทำอีก เดี่ยวจะเป็นคนบ้า เลยไม่ได้ทำต่อ เพิ่งจะมาปฎิบัติต่อตอนช่วงนี้ค่ะ



จึงขออนุญาตถามคุณ amazing ว่าเขาบรรลุธรรมหรือยัง ธรรมะอะไร เขาหยุดหายใจด้วย ตัวก็หาย เป็นปัญญาอะไรได้บ้าง :b1: เป็นสภาวะนิพพานแบบคุณกล่าวหรือยัง หรือยังไง :b10:
อาการทั้งสองคนเป็นอาการของคนไม่รู้เรื่องธรรมะเลย(ลักษณะแบบนี้คือถูกบอกให้นั่่งก็นั่งขาดความรู้ขาดสุดตะขาดจินตะไม่มีทิศทางไม่มีเป้าหมาย) เป็นการพูดแบบสงสัยทั้งนั้นอาการจริงๆเป็นเช่นไรก็ไมู่รู้ ถ้าเป็นอาการทางการปฎิบัติแล้วเรียกว่าขาดสติ จิตปรุงแต่งต่างๆนา ตกภวังค์บ้างเพราะการขาดสติ
สภาวะใดที่ยังพาให้เกิดการสงสัยรังเรจะเรียกว่าบรรลุธรรมได้อย่างไร สภาวะธรรมนิพพานเป็นธาตุที่ทำลายความสงสัย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2013, 17:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
คนที่บรรลุธรรมทุกคนจะต้องผ่านช่วงเวลาของการหยุดหายใจมาทั้งนั้นมากน้อยแล้วแต่กำลัง เพราะสังขารสงบระงับนันเอง เมื่อสังขารระงับก็จะได้พบกับสภาวะธรรมแห่งความไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะนิพพาน ถ้าท่านใดยังไม่ถึงสภาวะนี้ขอใหเข้าใจไว้ว่าความรู้ของท่านทั้งหลายเป็นเพียงสุตตะมยปัญญาและจินตามยปัญญาครับ และอะไรจะทำใหถึงจุดนีได้ ก็อานาปานสตินั้นไง หรือพิจารณากายส่วนใดกได้ ทำให้ถึงที่สุดก็จะพบที่สุดแห่งทุกข์



ตอนที่สอง มีดังนี้

ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบนั่งสมาธิค่ะ สมัยประถม คุณครูที่ร.ร. สอนนั่งสมาธิแบบภาวนาพุธโท นั่งพร้อมกับเพื่อนๆ มีอยู่หลายครั้งที่นั่งแล้วเหมือนตัวลอยขั้นมา

พอออกจากสมาธิแล้วลืมตา ปรากฎว่าไปนั่งห่างจากที่นั่งเดิมไกลเลย คนที่นั่งข้างๆก็ไม่ใช่คนเดิม ก็ไม่เข้าใจในตอนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น และโดนคุณครูดุว่าแอบย้ายที่ ไม่ตั้งใจทำสมาธิ และภายหลังกลับไปนั่งที่บ้าน นั่งไปแล้วรู้สึกว่าไม่มีตัวอยู่ ไม่มีลมหายใจ พอคุณแม่ทราบก็ห้ามไม่ให้ทำอีก เดี่ยวจะเป็นคนบ้า เลยไม่ได้ทำต่อ เพิ่งจะมาปฎิบัติต่อตอนช่วงนี้ค่ะ



จึงขออนุญาตถามคุณ amazing ว่าเขาบรรลุธรรมหรือยัง ธรรมะอะไร เขาหยุดหายใจด้วย ตัวก็หาย เป็นปัญญาอะไรได้บ้าง :b1: เป็นสภาวะนิพพานแบบคุณกล่าวหรือยัง หรือยังไง :b10:
อาการทั้งสองคนเป็นอาการของคนไม่รู้เรื่องธรรมะเลย(ลักษณะแบบนี้คือถูกบอกให้นั่่งก็นั่งขาดความรู้ขาดสุดตะขาดจินตะไม่มีทิศทางไม่มีเป้าหมาย) เป็นการพูดแบบสงสัยทั้งนั้นอาการจริงๆเป็นเช่นไรก็ไมู่รู้ ถ้าเป็นอาการทางการปฎิบัติแล้วเรียกว่าขาดสติ จิตปรุงแต่งต่างๆนา ตกภวังค์บ้างเพราะการขาดสติ
สภาวะใดที่ยังพาให้เกิดการสงสัยรังเรจะเรียกว่าบรรลุธรรมได้อย่างไร สภาวะธรรมนิพพานเป็นธาตุที่ทำลายความสงสัย


เมื่อเป็นดังว่า เขาควรทำ (เน้นคำว่าทำๆๆๆ)ยังไงต่อครับ เพื่อให้บรรลุธรรม ถึงสภาวนิพพานที่คุณว่าเป็นธาตุทำลายความสงสัย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2013, 20:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
คนที่บรรลุธรรมทุกคนจะต้องผ่านช่วงเวลาของการหยุดหายใจมาทั้งนั้นมากน้อยแล้วแต่กำลัง เพราะสังขารสงบระงับนันเอง เมื่อสังขารระงับก็จะได้พบกับสภาวะธรรมแห่งความไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะนิพพาน ถ้าท่านใดยังไม่ถึงสภาวะนี้ขอใหเข้าใจไว้ว่าความรู้ของท่านทั้งหลายเป็นเพียงสุตตะมยปัญญาและจินตามยปัญญาครับ และอะไรจะทำใหถึงจุดนีได้ ก็อานาปานสตินั้นไง หรือพิจารณากายส่วนใดกได้ ทำให้ถึงที่สุดก็จะพบที่สุดแห่งทุกข์



ตอนที่สอง มีดังนี้

ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบนั่งสมาธิค่ะ สมัยประถม คุณครูที่ร.ร. สอนนั่งสมาธิแบบภาวนาพุธโท นั่งพร้อมกับเพื่อนๆ มีอยู่หลายครั้งที่นั่งแล้วเหมือนตัวลอยขั้นมา

พอออกจากสมาธิแล้วลืมตา ปรากฎว่าไปนั่งห่างจากที่นั่งเดิมไกลเลย คนที่นั่งข้างๆก็ไม่ใช่คนเดิม ก็ไม่เข้าใจในตอนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น และโดนคุณครูดุว่าแอบย้ายที่ ไม่ตั้งใจทำสมาธิ และภายหลังกลับไปนั่งที่บ้าน นั่งไปแล้วรู้สึกว่าไม่มีตัวอยู่ ไม่มีลมหายใจ พอคุณแม่ทราบก็ห้ามไม่ให้ทำอีก เดี่ยวจะเป็นคนบ้า เลยไม่ได้ทำต่อ เพิ่งจะมาปฎิบัติต่อตอนช่วงนี้ค่ะ



จึงขออนุญาตถามคุณ amazing ว่าเขาบรรลุธรรมหรือยัง ธรรมะอะไร เขาหยุดหายใจด้วย ตัวก็หาย เป็นปัญญาอะไรได้บ้าง :b1: เป็นสภาวะนิพพานแบบคุณกล่าวหรือยัง หรือยังไง :b10:
อาการทั้งสองคนเป็นอาการของคนไม่รู้เรื่องธรรมะเลย(ลักษณะแบบนี้คือถูกบอกให้นั่่งก็นั่งขาดความรู้ขาดสุดตะขาดจินตะไม่มีทิศทางไม่มีเป้าหมาย) เป็นการพูดแบบสงสัยทั้งนั้นอาการจริงๆเป็นเช่นไรก็ไมู่รู้ ถ้าเป็นอาการทางการปฎิบัติแล้วเรียกว่าขาดสติ จิตปรุงแต่งต่างๆนา ตกภวังค์บ้างเพราะการขาดสติ
สภาวะใดที่ยังพาให้เกิดการสงสัยรังเรจะเรียกว่าบรรลุธรรมได้อย่างไร สภาวะธรรมนิพพานเป็นธาตุที่ทำลายความสงสัย


เมื่อเป็นดังว่า เขาควรทำ (เน้นคำว่าทำๆๆๆ)ยังไงต่อครับ เพื่อให้บรรลุธรรม ถึงสภาวนิพพานที่คุณว่าเป็นธาตุทำลายความสงสัย :b1:
เขาควรศึกษาธรรมะให้เข้าใจความจริงก่อนว่า ทั้งหมดทั้งหลายมีแต่รูปนาม มีแต่ความเป็นธาตุ เป็นขันต์ อาตยนะตรึกให้เข้าใจ เมื่อตรึกให้เข้าใจก็จะได้หายสงสัยในบางประการ เมื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่สงวสัยว่านั้นคืออะไร สิ่งนั้นที่ประจักษ์ปรากฎมันคืออะไร ทั้งหมดก็คือรูปนามเท่านั้น

แล้วปฎิบัติให้เข้าถึงโดยความเป็นสภาวะจริงเข้าถึงความเป็นธาตุขันต์ อาตยนะ โดยรับรู้สภาวะแห่งความเป็นของสักว่าธาตุ มีแต่ความเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหว ให้รู้เป็นเพียงรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสที่ปรากฎนั้นเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปจริงๆ ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถคงทนอยู่ในสภาวะเดิมได้ แม้กระทั้งตัวเราที่กว้างวายาวศอกนี้ เมื่อถึงสภาวะหนึ่งเมื่อรูปนามแยกจากกันหรือเรียกว่าสังขารทั้งหลายดับไป ตัวเราที่ว่ามีมันก็ไม่มี รูป สังขาร สัญญา เวทนา วิญญานทั้งหลายที่ว่ามีมันก็ไม่มี ให้เขาถึงความจริงโดยความเป็นปรมัตถ์ เข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ สภาวะนี้มีจริงแต่การจะเข้าถึงนั้นก็ว่ากันไปแล้วแต่กำลังของแล้วแต่อินทรีย์แต่ละคนที่สะสมมา ผมบอกหลายครั้งแล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ใหปรากฎโดย อานาปานสติหรือมีสติอยู่กับกายใดกายหนึ่งก็ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2013, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

เขาควรศึกษาธรรมะให้เข้าใจความจริงก่อนว่า ทั้งหมดทั้งหลายมีแต่รูปนาม มีแต่ความเป็นธาตุ เป็นขันต์ อาตยนะตรึกให้เข้าใจ เมื่อตรึกให้เข้าใจก็จะได้หายสงสัยในบางประการ เมื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่สงวสัยว่านั้นคืออะไร สิ่งนั้นที่ประจักษ์ปรากฎมันคืออะไร ทั้งหมดก็คือรูปนามเท่านั้น

แล้วปฎิบัติให้เข้าถึงโดยความเป็นสภาวะจริงเข้าถึงความเป็นธาตุขันต์ อาตยนะ โดยรับรู้สภาวะแห่งความเป็นของสักว่าธาตุ มีแต่ความเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหว ให้รู้เป็นเพียงรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสที่ปรากฎนั้นเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปจริงๆ ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถคงทนอยู่ในสภาวะเดิมได้ แม้กระทั้งตัวเราที่กว้างวายาวศอกนี้ เมื่อถึงสภาวะหนึ่งเมื่อรูปนามแยกจากกันหรือเรียกว่าสังขารทั้งหลายดับไป ตัวเราที่ว่ามีมันก็ไม่มี รูป สังขาร สัญญา เวทนา วิญญานทั้งหลายที่ว่ามีมันก็ไม่มี ให้เขาถึงความจริงโดยความเป็นปรมัตถ์ เข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ สภาวะนี้มีจริงแต่การจะเข้าถึงนั้นก็ว่ากันไปแล้วแต่กำลังของแล้วแต่อินทรีย์แต่ละคนที่สะสมมา ผมบอกหลายครั้งแล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ใหปรากฎโดย อานาปานสติหรือมีสติอยู่กับกายใดกายหนึ่งก็ได้



ที่พูดนั่น เป็นปัญญาระดับไหนครับ สุตมยปัญญา หรือจินตามยปัญญา หรือว่าเป็นภาวนามยปัญญาครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron