วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 06:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2013, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๒. ทำให้จิตใส ถ้าเราเอาภาชนะตักน้ำจากบ่อจากสระหรือหลุมน้ำข้างทางที่ขุ่น มีฝุ่นละอองมีดินละลายปนอยู่ข้นคลั่ก มองไม่เห็นอะไรเลย เอาไปตั้งไว้ในที่นิ่งสนิทไม่มีลมพัดไหว และที่นั้นก็มั่นคงไม่หวั่นไหว ตั้งอยู่ได้นาน ตะกอนก็นอนก้นหมด น้ำก็ใสแจ๋ว มีอะไรในน้ำก็มองเห็นชัดเจน

เปรียบเหมือนกับจิตของเรา ที่ฟุ้งซ่านพล่านอยู่ด้วยอารมณ์ต่างๆ มากมาย เรื่องราวอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นวุ่นวาย บังกันไปบังกันมา มองอะไรไม่ชัดเจน แต่พอเราทำจิตให้เป็นสมาธิ เหลืออารมณ์เดียวที่ต้องการ อารมณ์อื่นตกตะกอนนอนนิ่งหมด จิตก็ใสไม่มีอะไรบัง เราก็มองเห็นสิ่งนั้นชัดเจน

ฉะนั้น จิตที่เป็นสมาธิจึงเอื้อต่อปัญญา ทำให้มองเห็นตามเป็นจริง ดังพุทธพจน์ว่า สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ แปลว่า ผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ จะรู้เข้าใจตามเป็นจริง

แต่ไม่ใช่ว่าเกิดสมาธิแล้วจะเกิดปัญญาเองนะ หลายคนยังเข้าใจผิด

จิตที่เป็นสมาธิ เปรียบเหมือนน้ำที่ใส ปัญญาเหมือนนัยน์ตา เมื่อน้ำใส นัยน์ตาก็มองเห็นสิ่งทั้งหลายในน้ำได้ชัด แต่ถึงแม้ว่าน้ำใส แต่ตาไม่มีหรือไม่มอง ก็ไม่เห็นอยู่นั่นเอง

พระพุทธเจ้าตรัสอุปมาไว้ ขอยกพุทธพจน์ให้ดู ดังนี้

"ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนห้วงน้ำ ที่ใสแจ๋ว ไม่ขุ่นมัวเลย คนตาดียืนอยู่บนฝั่ง ก็จะเห็นได้ แม้ซึ่งหอยโข่ง หอยกาบ แม้ซึ่งก้อนหิน ก้อนกรวด แม้ซึ่งฝูงปลา ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ก็ตาม กำลังหยุดอยู่ก็ตาม ในห้วงน้ำนั้น นั่นเพราะเหตุไร ? ก็เพราะน้ำไม่ขุ่น แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้น ด้วยจิตที่ไม่ขุ่นมัว ก็จักรู้ได้ซึ่งประโยชน์ตน ก็จักรู้ได้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่น ก็จักรู้ได้ซึ่งประโยชน์ทั้งสองฝ่าย จักประจักษ์แจ้งซึ่งคุณวิเศษล้ำมนุษย์สามัญ กล่าวคือญาณทัสสนะ ที่สามารถทำให้เป็นอริยชน.."


อนึ่ง จิตที่เป็นสมาธิเอื้อต่อการเกิดปัญญา ไม่ใช่หมายความว่าทำให้เกิดปัญญาขึ้นมาเอง ปัญญาเกิดจากสมาธิได้นั้น เพราะเรามีเรื่องคิดพิจารณาหรือมองอยู่แล้ว เราพยายามมองเพ่งพินิจมัน แต่อารมณ์ต่างๆมันมาบังกัน อารมณ์นั้นบังอารมณ์นี้ ก็เลยไม่เห็นชัดสักที แต่พอจิตเป็นสมาธิ อารมณ์อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องว่างหายไป เหลือแต่สิ่งที่ต้องการมอง นี่คือจิตใส เรามองอยู่ก็จึงเห็นสิ่งนั้นชัดเจน

จะเห็นว่า บางครั้งเราคิดปัญหาบางอย่างอยู่นาน ยังไม่ได้คำตอบ จนเปลี่ยนไปทำอะไรอื่นๆ ต่อมาขณะที่กำลังว่างๆ นั่งสงบในที่บรรยากาศดี บางทีคำตอบในเรื่องนี้ก็ผุดโพลงขึ้นมา นี่เพราะจิตที่คิดอยู่สงบแน่วแน่ลง ก็ใสกระจ่าง แจ่มแจ้งขึ้นมาเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2013, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๓. ทำให้จิตสงบ ข้อนี้ชัดอยู่แล้ว จิตที่เป็นสมาธินั้นตั้งมั่นแน่วแน่อยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่ต้องการ เป็นจิตที่อยู่ตัว ลงตัว เข้าที่ สมดุล ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ว้าวุ่น ไม่พล่าน ไม่ขุ่นมัว ไม่เดือดร้อน ไม่มีอะไรกวน ก็ย่อมสงบ และมีความสุข ตอนนี้ถ้าจะพักผ่อนก็พักผ่อนได้เต็มที่ และถ้าจะติดเพลินก็อยู่ตอนนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2013, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประโยชน์ที่ต้องการของสมาธิอยู่ที่ไหน พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว จิตนั้นก็เป็น "กัมมนีย์" คือเหมาะแก่งาน ใช้งานได้ดี มีประสิทธิภาพ แล้วแต่จะเอาไปใช้อะไร

แต่งานสำคัญที่ต้องการในพระพุทธศาสนา ก็คือ งานทางปัญญา เพราะจะบรรลุจุดหมายของพระพุทธศาสนาด้วยปัญญา แต่ปัญญาจะทำงานได้ดี จะมองเห็นชัดเจน ก็ต้องอาศัยจิตที่เป็นสมาธิผ่องใส

ถ้าเราใช้จิตสมาธิ เพื่อประโยชน์ทางปัญญาตามหลักพระพุทธศาสนา คุณสมบัติทั้งสามด้านของจิตสมาธิก็มาเสริมกันเอง ให้ทำงานได้ผลเต็มที่ คือ ลักษณะด้านที่ ๒ เป็นหลัก

หมายความว่า จิตที่ใสเป็นสมาธิ เอื้อต่อการใช้ปัญญา และเอื้อต่อการมองเห็นด้วยปัญญา แล้วลักษณะที่ ๑ มาช่วย ทำให้จิตนั้นมีกำลังอีก การใช้ปัญญาในจิตที่มีกำลังก็ยิ่งชัดเจนและเดินหน้า แล้วยังมีลักษณะที่ ๓ ความสงบช่วยด้วย โดยไม่มีอะไรกวน ไม่มีอะไร ที่จะมาทำให้สั่นไหวมายั่วมาล่อออกไป การใช้ปัญญาก็ยิ่งได้ผล

ดังนั้น ลักษณะของสมาธิ ๓ อย่างนี้ จะต้องใช้ให้ถูกต้อง เมื่อใดรู้ธรรมแจ้งจบแล้ว การใช้ประโยชน์ก็มาอยู่ที่ลักษณะที่ ๓ มาก เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากสมาธิในแง่ที่สองที่จะต้องพัฒนา ปัญญา เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว

เมื่อพระองค์เสด็จไปบำเพ็ญพุทธกิจมาเสร็จแล้ว ก็ทรงพักผ่อนด้วยการเข้าฌาน ดังที่เรียกว่าเป็นทิฏฐธรรมสุขวิหาร แปลว่า ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน คือ สำหรับพักผ่อน เป็นการใช้สมาธิในความหมายที่ ๓ แต่พระพุทธเจ้าทรงหลุดพ้นจากกิเลสหมดแล้ว จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทรงติดเพลินสมาธินั้น และไม่มีทางที่จะทรงประมาท



สำหรับพวกเราทั่วไป ได้สมาธิแล้วก็ดีอยู่ แต่ยังต้องระวัง ถ้าติดเพลิน ก็จะกลายเป็นเครื่องฉุดดึงตัวเองไว้ ทำให้ไม่สามารถบรรลุธรรม ขัดขวางต่อการพัฒนา ต้องก้าวต่อไปอีก โดยใช้สมาธิเป็นตัวเอื้อ ช่วยเกื้อหนุนให้เดินหน้าต่อไปในไตรสิกขา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2013, 19:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




GEDC1763_resize.JPG
GEDC1763_resize.JPG [ 75.09 KiB | เปิดดู 3518 ครั้ง ]
:b8:
วันนี้ท่านกรัชกาย ยกธรรมะมาแสดงได้ดี ซาบซึ้ง มีประโยชน์มากครับ ขออนุโมทนา
:b27:
Kiss
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2013, 05:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ธรรมะถ้าคิดมากไป ก็เลยเถิดคือล่วงเลยจากชีวิตปัจจุบันไป

แต่ถ้าคิดแต่พอดีๆ หมั่นสังเกต ก็จะเป็นเช่นตัวอย่างนี้ :b1: คือเขาอ่านตัวเองออก บอกตัวเองได้ ใช้ตัวเองเป็น หลังจากฝึกจิตจนสงบเป็นสมาธิแล้ว


อ้างคำพูด:
แต่ก่อนเคยเข้าวัดค่ะ ไปปฏิบัติจริงจังดู แต่กลับรู้สึกว่าไม่ใช่ทางค่ะ ยิ่งทำยิ่งน่าเบื่อ ยิ่งทำยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่ น่าจะเป็นหลักที่ไม่ตรงกับจริตของตัวเอง เลยห่างหายไปนานมาก ไม่ทำต่อ แต่ใจก็ชอบสวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตา และให้ทานเป็นปกติแต่ไหนแต่ไรค่ะ ก็เลยทำแค่นี้

วันหนึ่งลองฟังธรรมะทางเน็ตดูค่ะ สายพุทโธนะคะ ก็นั่งเล่นเน็ตไปด้วยฟังไปด้วย ฟังได้ประมาณ 3-4 วัน วันละบทค่ะ ก็เลยลองปฏิบัติตามดูก็นั่งหลับตาท่องพุทโธไปด้วย เปิดธรรมฟังไปด้วย คิดว่าเปลี่ยนจากความน่าเบื่อในธรรมะให้กลายเป็นเหมือนฟังเพลงไปค่ะ ความยาวแต่ละบทประมาณ 40 นาที แรกๆก็ได้วันละบทค่ะ พอวันต่อๆ มาก็นั่งได้เป็น 2 บท คือ 1 ชั่วโมงกว่า มีประมาณ 40 ตอน ตอนนี้ฟังซ้ำไปหลายรอบแล้วค่ะ แล้วก็หยุดฟังไปนานแล้ว เดือนกว่าๆ ตอนนี้รู้สึกว่าใจสงบดีมากค่ะ

แต่ก่อนจะนั่งสมาธิทีฟุ้งซ่านมาก เรียกว่าใช้เวลานานมากกว่าจะสงบ บางทีเป็นชั่วโมงยังไม่สงบค่ะ แต่ตอนนี้นั่งปุ๊บสงบทันที เป็นสมาธิทันทีทันใจค่ะ เรียกว่า ตัดทุกอย่างได้อัตโนมัติค่ะ รู้สึกดีมากจริงๆ ทุกวันนี้นั่งสมาธิทุกคืนค่ะ ทุกๆ เช้า ก็จะให้อาหารนกกระจิบกระจอกแถวบ้านค่ะ เอาข้าวสารหว่านให้นก นกจะมากินทุกเช้าค่ะ (ไม่รู้ว่าทำถูกไหมนะคะ) แต่ส่วนตัวรู้สึกดี ถือว่าเป็นการให้ทานทุกวัน แล้วก็กำหนดรักษาศีล 5 ค่ะ กลางคืนก็นั่งสมาธิภาวนา คืออยากทำให้วันหนึ่งครบทั้ง ทาน ศีล และภาวนาค่ะ ตอนนี้ทำได้ครบแล้วประมาณ 3 เดือนแล้ว ทำแบบนี้ไม่ขาดเลยค่ะ

สิ่งที่คิดว่าเปลี่ยนไปมากนะคะ คือ

1. นอนหลับสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คือจะหลับลึกค่ะ ตื่นมาไม่รู้สึกเพลีย ไม่รู้สึกเหนื่อย และจะหลับเป็นเวลาและตื่นเป็นเวลาเป๊ะๆค่ะ (ชอบมาก) ต่างจากก่อนหน้าที่ยังไม่ปฏิบัติคือหลับไม่เป็นเวลา กว่าจะหลับวกไปคิดโน่น ฟุ้งซ่าน ตื่นมาจะเพลียถึงจะนอนเยอะแค่ไหนก็ตาม

2. รู้สึกร่าเริง สดใส หน้าตาผ่องแผ้วค่ะ อันนี้ตัวเองรู้เองเลย (น่าจะมากจากการหลับเพียงพอ ตรงเวลา และไม่ฟุ้งซ่านค่ะ) จากการปฏิบัติแบบนี้ ทำให้เรามีวินัยในเรื่องของเวลาค่ะ คือจะต้องทำทานให้อาหารนกตอนนี้ เช้า- เย็น รักษาศีล และสมาธิตอนนี้ ก็ทำให้เรากำหนดวิถีการใช้ชีวิตประจำวันได้เป๊ะขึ้นค่ะ เช่น ต้องออกกำลังกายเวลานี้ ไปดูหนังหรือสังสรรค์กับเพื่อนเวลานี้ เพื่อให้เรากลับมาปฏิบัติธรรมตรงเวลาค่ะ

3. รู้สึกหัวไวค่ะ เชื่อไหมว่า แต่ก่อนคิดงานอะไรหัวตื้อคิดไม่ออก ผิดพลาดค่อนข้างบ่อย เป็นผลมาจากการที่ขยะในหัวเยอะค่ะ ทำให้เรื่องง่ายๆกลายเป็นเรื่องยาก พอได้ปฏิบัติกลับคิดได้ไว คล้ายๆ กับเรามีกึ๋นขึ้นค่ะ จะรู้ปุ๊บ กลายเป็นปัญหาเหมือนเส้นผมบังภูเขาแค่นี้เอง เนื่องจากสมาธิดีขึ้นทำให้จดจำอะไรได้ง่ายขึ้นค่ะ (ข้อนี้ชอบมากค่ะ ทำให้เรารู้สึกว่าเราฉลาดขึ้นค่ะ คิดรอบคอบทุกอย่าง) ทำงานแต่ก่อนแค่แผนเดียวก็กว่าจะคิดออก เดี๋ยวนี้ 2-3 แผนสำรองคิดได้เป๊ะขึ้นค่ะ

4. รู้สึกว่าชีวิตอุปสรรคน้อยลง น่าจะเป็นผลจากการให้ทาน และรักษาศีลค่ะ (ศีล 5 ก็ครอบคลุมความชั่วทั้งหมดแล้วนะคะ) คือแต่ก่อนทำงานเงินเดือนชนเดือนค่ะ เพราะฟุ้งเฟ้อ อยากได้อะไรก็ซื้อๆ ทำให้เดือดร้อนบางทีเงินไม่พอก็ต้องขอพ่อแม่เพิ่มค่ะ แต่ 3 เดือนนี้ รู้สึกเบื่อหน่ายกับของต่างๆ รู้สึกว่า มีเท่าที่จำเป็นค่ะ ไม่บ้าวัตถุแล้ว ทำให้ใช้ชีวิตสบายขึ้นค่ะ

5. อันนี้น่าจะเป็นผลที่เปลี่ยนชัดเจนกับตัวเองที่สุดค่ะ เป็นผลจากการภาวนาค่ะ คิดว่านะ ..แต่ก่อนใจร้อน พูดไม่คิดค่ะ ใครพูดไม่ตรงใจสวนกลับทันที พอพูดแล้วมาคิดทีหลังบางทีก็ทำให้เรารู้สึกแย่ค่ะ ไปทำร้ายจิตใจคนอื่นโดยที่ไม่ตั้งใจ ถึงจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เช่น บอกว่าเพื่อนสนิทว่าหน้าตาเหมือนตลกคนโน้นคนนี้ ทำให้เพื่อนเสียความมั่นใจไปเลยค่ะ มาแย่ตอนเราพูดไปแล้ว คำพูดนั้นมันก็จะติดไปในใจเพื่อนตลอดค่ะ สังเกตจากพอคนอื่นๆพูดถึงรายการตลกหรือดาราตลก เพื่อนจะเงียบหรือจะปลีกตัวหนีไม่คุย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ร้ายแรงแต่มันทำลายความมั่นใจของเพื่อนไปค่ะ .หรือบางทีทำอะไรไม่ได้ดังใจ (ในใจนะคะ จะคิดทันที ด่าตัวเองทันที ทำไมตรูมันโง่วะ เป็นบ้าอะไรนี่ คำอะไรต่างๆในหัวเต็มไปหมด ทำลายความมั่นใจตัวเองค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเป็นปกติของหลายๆคน) แต่ตอนนี้ใจเย็นขึ้น เวลาพูดหรือทำอะไร กับใครๆ จะหยุดคิดทันทีค่ะ ไม่สวนกลับปั๊บเหมือนแต่ก่อน มันจะอัตโนมัติในหัวเลยค่ะ คือมันเหมือนตั้งระบบไว้ให้คิดก่อนพูดให้กลั่น กรองคำพูดค่ะ (จะกลัวพูดอะไรแล้วทำให้ใครเสียใจ) เวลาทำงานอะไรผิดพลาด ในหัวจากคำด่าตัวเอง กลับกลายเป็นคำให้กำลังใจ คือ เอาใหม่ๆลองคิดใหม่ ปรากฏว่าใช้ได้ค่ะ ปลื้มมาก

ส่วนตัวคิดว่า ใน ทาน ศีล สมาธิ แค่ศีล 5 ก็ครอบคลุมทุกอย่างของชีวิตปัจจุบันได้แล้วนะคะ หลังจากปฏิบัติมารู้ซึ้ง ว่าเป็นของจริงๆค่ะ ถ้าใครไม่มีเวลา ปฏิบัติหรือเบื่อๆ แค่รักษาศีล5 ก็ครอบคลุมความไม่ดีทั้งหลาย แค่นี้ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขได้แล้วค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ


ปัจจุบันส่วนตัวคิดว่าธรรมะครอบคลุมทุกอย่าง ศีล 5 ถ้าปฏิบัติก็จะไม่ทำให้เราเดือดร้อนแน่นอน เอาแค่รักษาศีล 5 ได้ก็ถือว่าดีเยี่ยมแล้วค่ะ


เมื่ออ่านตำรากันแล้ว พึงทำให้มีให้เป็นขึ้นดังตัวอย่างนี้ จึงจะเห็นผลจากธรรมะด้วยตนเอง ตามที่เขาเล่านี้เป็นอกาลิโก โอปนยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ พอได้ในระดับหนึ่ง เมื่อฝึกจิตจนเกิดสมาธิแล้ว ผลก็เกิดทันที

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2013, 11:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ไปกราบครูบาบุญชุ่มกันนะครับ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... FFI0TIcTWk

:b8:
:b27:
:b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2013, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำร้ายเณร เพราะมีหน้าเหมือนหลวงปู่...

http://www.youtube.com/watch?v=Mjf8oX9wh8k


ชาวพุทธบ้านเรา ลงได้เชื่อใครศรัทธาใครแล้วเนี่ย จะเชื่ออย่างหัวปรักหัวปรำ เขาพูดอะไร เชื่อหมด เขาขออะไรหาได้ทุกอย่าง เขาทำอะไรเชื่อไปทุกกิจกรรม

แต่ถ้าลงได้เกลียดโกรธขึ้นมาล่ะอืมม ด่าเช็ด :b32: สามวันเจ็ดวันไม่เลิกเหมือนกัล :b9:
รู้จักพินิจพิจารณาบ้างเถอะชาวพุทธ เรียนรู้หลักพุทธธรรมให้มากๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2013, 23:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ไปเที่ยวเมืองฤาษีเกศ ดินแดนที่มีคนไม่หายใจแต่ไม่ตาย

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... dEfXQIT2MY

:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2013, 23:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
การเข้านิโรธสมาบัติ....ดับลมหายใจ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... BAkmVV6CD0

:b37:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2013, 23:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อีก 1 ความเห็นเรื่องนิโรธสมาบัติ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... 54TFquc-9Y

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.youtube.com/watch?v=xaBrBwRekjo&list=PLItWrbCkI1FbQpA-ZdS0yme37v6MGTxAo&index=3

การทรงอารมณ์ ธรรมะจากพระอาจารย์ ปัญญา นีลวโณ สำนักสงฆ์เขาตะบองนาค จ.นครสวรรค์

อนุโมทนาครับ :b8: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 11:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิโรธสมาบัติตามหลักพระพุทธศาสนาไหมครับ :b10:

เขาบอกวิธีปฏิบัติด้วยไหม เริ่มต้นยังไง ถึงระดับไหน ? ถึงเข้านิโรธสมาบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 15:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ทำร้ายเณร เพราะมีหน้าเหมือนหลวงปู่...

http://www.youtube.com/watch?v=Mjf8oX9wh8k


ชาวพุทธบ้านเรา ลงได้เชื่อใครศรัทธาใครแล้วเนี่ย จะเชื่ออย่างหัวปรักหัวปรำ เขาพูดอะไร เชื่อหมด เขาขออะไรหาได้ทุกอย่าง เขาทำอะไรเชื่อไปทุกกิจกรรม

แต่ถ้าลงได้เกลียดโกรธขึ้นมาล่ะอืมม ด่าเช็ด :b32: สามวันเจ็ดวันไม่เลิกเหมือนกัล :b9:
รู้จักพินิจพิจารณาบ้างเถอะชาวพุทธ เรียนรู้หลักพุทธธรรมให้มากๆ :b1:

Onion_L
ยกเรื่องเณรคำมาต่อกับคำเชิญไปกราบครูบาบุญชุ่ม...มันดูกะไรอยู่นะคุณกรัชกาย....ระมัดระวังหน่อยดีกว่าไหมครับ.....เกลือ กับพิมเสนนั้นมันคนละอย่างคนละคุณค่ากันนะครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 16:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ลองฟังธรรมของท่านองค์นี้ดูนะครับ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... -UPTAxsno4

:b8: :b8:

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... MKdwkWGPB0

:b8:
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2013, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ทำร้ายเณร เพราะมีหน้าเหมือนหลวงปู่...

http://www.youtube.com/watch?v=Mjf8oX9wh8k


ชาวพุทธบ้านเรา ลงได้เชื่อใครศรัทธาใครแล้วเนี่ย จะเชื่ออย่างหัวปรักหัวปรำ เขาพูดอะไร เชื่อหมด เขาขออะไรหาได้ทุกอย่าง เขาทำอะไรเชื่อไปทุกกิจกรรม

แต่ถ้าลงได้เกลียดโกรธขึ้นมาล่ะอืมม ด่าเช็ด :b32: สามวันเจ็ดวันไม่เลิกเหมือนกัล :b9:
รู้จักพินิจพิจารณาบ้างเถอะชาวพุทธ เรียนรู้หลักพุทธธรรมให้มากๆ :b1:

Onion_L
ยกเรื่องเณรคำมาต่อกับคำเชิญไปกราบครูบาบุญชุ่ม...มันดูกะไรอยู่นะคุณกรัชกาย....ระมัดระวังหน่อยดีกว่าไหมครับ.....เกลือ กับพิมเสนนั้นมันคนละอย่างคนละคุณค่ากันนะครับ
:b8:



เราจะด้วยวิธีใดว่าไหนเกลือไหนพิมเสน :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร