วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2013, 22:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:



เรื่องนี้ ต้องมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับพระอรหันตเจ้าที่มีตัวตนอยู่ในยุคปัจจุบัน

หลายองค์ ....อยู่เหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจไม่ทำงาน.....หลายองค์ มีลมหายใจ......ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สร้างสมมาแต่ก่อนเก่าของแต่ละท่าน

พระอรหันต์...ไม่ทุกข์กับอะไรแล้วครับ......เพราะผู้รับทุกข์ คือ สักกายทิฏฐิ และ มานะทิฏฐิ (กูพี่ กับ กูน้อง ) ตายไปแล้ว......จิตของพระอรหันต์เหมือนกับเลขศูนย์......เอาอะไร มีค่าความหมายมากมายเพียงแค่ไหน ยิ่งใหญ่แค่ไหนเข้าไปคูณ ก็เป็นสูญ ไปหมดครับ......ท่านอยู่ด้วยกิริยาจิต

แม้เพียงแค่พระอนาคามี...ถ้าท่านทรงฌาณอยู่....บางครั้งก็ไม่มีลมหายใจครับ เพราะพระอนาคามีต้องถือว่าชนะนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 เกือบจะเด็ดขาดแล้ว คงเหลือ อุทธัจจะ นิดเดียวครับ

เรื่องอย่างนี้ไม่มีบอกในตำรา.....มีให้รู้เห็นแค่ในประสบการณ์จริงเท่านั้นครับ



เรื่องนี้ ต้องมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับพระอรหันตเจ้าที่มีตัวตนอยู่ในยุคปัจจุบัน

หลายองค์ ....อยู่เหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจไม่ทำงาน.....หลายองค์ มีลมหายใจ......ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สร้างสมมาแต่ก่อนเก่าของแต่ละท่าน



คุณอโศกมีบุญนะครับ ที่เห็นคนไม่หายใจ แต่ไม่ตาย :b1:

เป็นไปได้ไหมครับ เขายังหายใจอยู่นั่นแหละ แต่ลมหายใจละเอียด แต่สติสัมปชัญญะอ่อนคือไม่แข็งแรง จึงไม่รู้ว่ายังหายใจอยู่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2013, 22:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่เขาก็หายหมดเลย หายไปทั้งตัว หัวก็หาย หรือจะเป็นพระอรหันต์ บ้างก็ลมหายใจหาย แต่ไม่ตาย

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วหายทั้งตัวเลยค่ะ ปกติจะหายแค่ตัว แขน ขา หาย
แต่ทีนี้ศีรษะก็หายไปด้วยค่ะ รู้สึกว่ามันแว๊บเหมือนอะไรแตก
แล้วศีรษะก็หายไปเลยค่ะ (สรุปว่าหายไปทั้งร่าง)

จากนั้นมันก็เห็นแสงสว่าง (เวลาคิดในเรื่องกุศล หรือนึกถึงองค์พระ)
มืดสนิท เมื่อไม่ได้คิดอะไร
ตัวเอียง เหมือนจะตกจากที่สูง
โดนดูด หมุนๆๆๆๆ เขย่าๆๆด้วย แล้วก็รู้สึกเหมือนถูกเท ตกจากที่สูง รู้สึกหวิวๆ

ตอนออกจากสมาธิมือเย็นมากเลยค่ะ ....
เมื่อก่อนเคยมีปัญหาตัวแข็ง ใช้เวลานานกว่าจะออกจากสมาธิ

ต้องกำหนดอย่างไรดีคะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2013, 23:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Asoka
อ้างคำพูด:
ตราบใดที่ยังต้องหายใจเข้าออกอยู่ ย่อมจะต้องทุกข์อยู่ร่ำไป


พระอรหันต์ผู้ยังไม่ละสังขาร มีลมหายใจเข้า มีลมหายใจออก ไหมครับ?
พระอรหันต์ ทุกข์กับลมหายใจ เข้า ลมหายใจออกไหม?

ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นขันธ์ไหน
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นอุปาทานขันธ์ไหม

พระอรหันตเจ้า ดับทุกข์ชนิดไหน

s006
เรื่องนี้ ต้องมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับพระอรหันตเจ้าที่มีตัวตนอยู่ในยุคปัจจุบัน

หลายองค์ ....อยู่เหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจไม่ทำงาน.....หลายองค์ มีลมหายใจ......ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สร้างสมมาแต่ก่อนเก่าของแต่ละท่าน

พระอรหันต์...ไม่ทุกข์กับอะไรแล้วครับ......เพราะผู้รับทุกข์ คือ สักกายทิฏฐิ และ มานะทิฏฐิ (กูพี่ กับ กูน้อง ) ตายไปแล้ว......จิตของพระอรหันต์เหมือนกับเลขศูนย์......เอาอะไร มีค่าความหมายมากมายเพียงแค่ไหน ยิ่งใหญ่แค่ไหนเข้าไปคูณ ก็เป็นสูญ ไปหมดครับ......ท่านอยู่ด้วยกิริยาจิต

:b20:
แม้เพียงแค่พระอนาคามี...ถ้าท่านทรงฌาณอยู่....บางครั้งก็ไม่มีลมหายใจครับ เพราะพระอนาคามีต้องถือว่าชนะนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 เกือบจะเด็ดขาดแล้ว คงเหลือ อุทธัจจะ นิดเดียวครับ
:b48:
เรื่องอย่างนี้ไม่มีบอกในตำรา.....มีให้รู้เห็นแค่ในประสบการณ์จริงเท่านั้นครับ
:b39:

Asoka
บอกว่า พระอรหันต์ หลายองค์ ลมหายใจไม่ทำงาน อ่าาาาาาา อันนี้ ยกไว้ก่อน ^ ^
บอกว่า พระอรหันต์ หลายองค์ มีลมหายใจ
และบอกว่า พระอรหันต์ ไม่ทุกข์กับอะไรแล้ว

Asoka เคยบอกว่า "ตราบใดที่ยังต้องหายใจเข้าออกอยู่ ย่อมจะต้องทุกข์อยู่ร่ำไป"

พระอรหันต์ที่หายใจเข้าออกได้ ทุกข์หรือไม่ทุกข์ กันแน่ครับ

และคำถามที่เหลือยังไม่ตอบเลยครับ Asoka

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 03:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
เรื่องนี้ ต้องมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับพระอรหันตเจ้าที่มีตัวตนอยู่ในยุคปัจจุบัน
หลายองค์ ....อยู่เหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจไม่ทำงาน.....หลายองค์ มีลมหายใจ......ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สร้างสมมาแต่ก่อนเก่าของแต่ละท่าน

เละแล้วล่ะโสกะ นี่แหล่ะน่าสักแต่ว่าพูด ขาดสติ ขาดการพิจารณาธรรม
บอกหลายครั้งแล้วว่า มั่นเจริญสติจะได้มีปัญญามีสัมมาทิฐิ มองธรรมตามความเป็นจริง

ดันบอกมาได้ พระอรหันต์ลมหายใจไม่ทำงาน

โสกะกำลังเข้าใจผิดในเรื่องของภาษา ไม่ใช่ว่าพระอรหันต์ไม่หายใจ
ถ้าคำพูดของโสกะ หมายความว่า พระอรหันต์ไม่ปรุงแต่งลมหายใจ แบบนี้จึงจะถูก

จิตของปุถุชนยังยึดมั่นถือมั่นกายอยู่ เมื่อจิตไปอยู่ที่ลมหายใจ จิตก็จะปรุงแต่งจนเกิดขันธ์ห้า
จิตพระอรหันต์ซึ่งละสักกายทิฐิแล้ว รู้แค่ลมหายใจยังมี และรู้ว่าลมหายใจเป็นเพียง ธาตุหนึ่งใน
มหาภูติรูปสี่ ท่านไม่ได้ยึดมั่น
asoka เขียน:
พระอรหันต์...ไม่ทุกข์กับอะไรแล้วครับ......เพราะผู้รับทุกข์ คือ สักกายทิฏฐิ และ มานะทิฏฐิ (กูพี่ กับ กูน้อง ) ตายไปแล้ว......จิตของพระอรหันต์เหมือนกับเลขศูนย์......เอาอะไร มีค่าความหมายมากมายเพียงแค่ไหน ยิ่งใหญ่แค่ไหนเข้าไปคูณ ก็เป็นสูญ ไปหมดครับ......ท่านอยู่ด้วยกิริยาจิต
[/b]

พระอรหันต์ยังมีเวทนาอยู่ ร่างกายของท่านยังมีความเจ็บป่วย เพราะรูปนามยังอยู่
เวทนาก็ยังมี สัญญาก็ยังมี เพียงแต่มันไม่ใช่ขันธ์ เป็นกิริยาจิต
asoka เขียน:
แม้เพียงแค่พระอนาคามี...ถ้าท่านทรงฌาณอยู่....บางครั้งก็ไม่มีลมหายใจครับ เพราะพระอนาคามีต้องถือว่าชนะนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 เกือบจะเด็ดขาดแล้ว คงเหลือ อุทธัจจะ นิดเดียวครับ
:b48:

การทรงฌานของพระอนาคามี แล้วบอกว่า บางครั้งไม่มีลมหายใจ
แบบนี้ต้องให้บุคคลอื่นเป็นคนพิสูจน์ ว่าท่านมีหรือไม่มีลมหายใจ
ตัวพระอนาคามี ท่านอยู่ในฌาน จิตไม่รับรู้สิ่งอื่นนอกจากสภาวะของฌาน

asoka เขียน:
เรื่องอย่างนี้ไม่มีบอกในตำรา.....มีให้รู้เห็นแค่ในประสบการณ์จริงเท่านั้นครับ

ถ้าตำราที่คุณบอกหมายถึงพระไตรปิฎก และถ้าผลการปฏิบัติที่คุณได้ แล้วบอกว่าไม่มีในตำรา
นั้นก็แสดงว่า คุณกำลังปฏิบัติผิดมันไม่ใช่อริยมรรคตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน เข้าใจมั้ยครับ

บอกหลายหนแล้วว่า พระไตรปิฎกมีไว้เทียบเคียงความถูกผิด ผลของการปฏิบัติ
พระไตรปิฎกไม่ได้มีไว้เป็นแบบเรียน

ไม่ใช่ว่า ใครๆจะอ่านพระไตรปิฎกเข้าใจ ความเข้าใจหมายถึงการใช้ปัญญา
ไปพิจารณาเลือกเฟ้นธรรมในพระไตรปิฎก

อย่าหลงเข้าใจผิดว่า ปริยัติคือการอ่านหรือท่องจำพระไตรปิฎก
ปริยัติคือ แนวทางของการปฏิบัติ นั้นก็คือมรรคในองค์แปดนั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 03:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
asoka เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Asoka
อ้างคำพูด:
ตราบใดที่ยังต้องหายใจเข้าออกอยู่ ย่อมจะต้องทุกข์อยู่ร่ำไป


พระอรหันต์ผู้ยังไม่ละสังขาร มีลมหายใจเข้า มีลมหายใจออก ไหมครับ?
พระอรหันต์ ทุกข์กับลมหายใจ เข้า ลมหายใจออกไหม?

ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นขันธ์ไหน
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นอุปาทานขันธ์ไหม

พระอรหันตเจ้า ดับทุกข์ชนิดไหน

s006
เรื่องนี้ ต้องมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับพระอรหันตเจ้าที่มีตัวตนอยู่ในยุคปัจจุบัน

หลายองค์ ....อยู่เหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจไม่ทำงาน.....หลายองค์ มีลมหายใจ......ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สร้างสมมาแต่ก่อนเก่าของแต่ละท่าน

พระอรหันต์...ไม่ทุกข์กับอะไรแล้วครับ......เพราะผู้รับทุกข์ คือ สักกายทิฏฐิ และ มานะทิฏฐิ (กูพี่ กับ กูน้อง ) ตายไปแล้ว......จิตของพระอรหันต์เหมือนกับเลขศูนย์......เอาอะไร มีค่าความหมายมากมายเพียงแค่ไหน ยิ่งใหญ่แค่ไหนเข้าไปคูณ ก็เป็นสูญ ไปหมดครับ......ท่านอยู่ด้วยกิริยาจิต

:b20:
แม้เพียงแค่พระอนาคามี...ถ้าท่านทรงฌาณอยู่....บางครั้งก็ไม่มีลมหายใจครับ เพราะพระอนาคามีต้องถือว่าชนะนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 เกือบจะเด็ดขาดแล้ว คงเหลือ อุทธัจจะ นิดเดียวครับ
:b48:
เรื่องอย่างนี้ไม่มีบอกในตำรา.....มีให้รู้เห็นแค่ในประสบการณ์จริงเท่านั้นครับ
:b39:

Asoka
บอกว่า พระอรหันต์ หลายองค์ ลมหายใจไม่ทำงาน อ่าาาาาาา อันนี้ ยกไว้ก่อน ^ ^
บอกว่า พระอรหันต์ หลายองค์ มีลมหายใจ
และบอกว่า พระอรหันต์ ไม่ทุกข์กับอะไรแล้ว

Asoka เคยบอกว่า "ตราบใดที่ยังต้องหายใจเข้าออกอยู่ ย่อมจะต้องทุกข์อยู่ร่ำไป"

พระอรหันต์ที่หายใจเข้าออกได้ ทุกข์หรือไม่ทุกข์ กันแน่ครับ

และคำถามที่เหลือยังไม่ตอบเลยครับ Asoka

เช่นนั้นรู้อะไรก็บอกเขาไป อย่าทำเป็นเสแสร้งลองภูมิ
เช่นนั้นเข้าใจคำว่าลองภูมิมั้ย การจะลองภูมิใครสักคน
เราต้องรู้และสามารถหาเหตุผลมาอธิบายในสิ่งที่เราถามได้

ที่สำคัญเราต้องมีเหตุผลมาแย้งในสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย
ไม่ใช่ว่าพอไม่เห็นด้วย ก็หาว่า มั่ว นั่งเทียนเขียน

ลักษณะอย่างนี้ ซึ่งเช่นนั้นมักทำบ่อยๆ มันเป็นลักษณะของอวิชา
อะไรที่ตัวเองไม่รู้ก็สรุปเอาเองว่าไม่ใช่ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธธรรมเนี่ย หากเข้าใจความหมายผิดแล้วบรรลัยครับ :b1:


อ้างคำพูด:
เพื่อนอายุ 33 ปี เมื่อก่อนรวย เพราะมีเป้าหมายในอนาคต มีเงินเก็บหลักล้าน แต่พอ 2 ปีที่ป่านมา มันอ่านหนังสือปรัชญาหลักธรรมของพุทธ โดยเฉพาะการอยู่กับปัจจุบัน อดีตและอนาคตไม่มีจริง มีแค่ขณะนี้ เพื่อนผมไม่สนอดีตไม่คิดถึงอนาคต ปล่อยรถที่ผ่อนโดนยึด เพราะมันยอกว่า อดีตที่เคยทำสัญญาผ่อนรถเป็นแค่ความฝัน เพื่อนใช้ชีวิตแต่ละวันเหมือนวันสุดท้ายของชีวิต ไม่คิดถึงอนาคตเพราะเค้าเชื่อว่าไม่มีจริง ปัจจุบันเพื่อนผมหมดตัว รถบ้านโดนยึด เงินเก็บหมดเกลี้ยง ทำงานรายวัน เพราะหลักปรัญชาอยู่กับปัจจุบันแท้ๆ เฮ้อ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้นรู้อะไรก็บอกเขาไป อย่าทำเป็นเสแสร้งลองภูมิ
เช่นนั้นเข้าใจคำว่าลองภูมิมั้ย การจะลองภูมิใครสักคน
เราต้องรู้และสามารถหาเหตุผลมาอธิบายในสิ่งที่เราถามได้

ที่สำคัญเราต้องมีเหตุผลมาแย้งในสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย
ไม่ใช่ว่าพอไม่เห็นด้วย ก็หาว่า มั่ว นั่งเทียนเขียน

ลักษณะอย่างนี้ ซึ่งเช่นนั้นมักทำบ่อยๆ มันเป็นลักษณะของอวิชา
อะไรที่ตัวเองไม่รู้ก็สรุปเอาเองว่าไม่ใช่

โฮฮับ จะมามั่วๆ นั่งเทียน ละเมอ อะไรแถวนี้อีกหรือครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 10:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
asoka เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Asoka
อ้างคำพูด:
ตราบใดที่ยังต้องหายใจเข้าออกอยู่ ย่อมจะต้องทุกข์อยู่ร่ำไป


พระอรหันต์ผู้ยังไม่ละสังขาร มีลมหายใจเข้า มีลมหายใจออก ไหมครับ?
พระอรหันต์ ทุกข์กับลมหายใจ เข้า ลมหายใจออกไหม?

ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นขันธ์ไหน
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นอุปาทานขันธ์ไหม

พระอรหันตเจ้า ดับทุกข์ชนิดไหน

s006
เรื่องนี้ ต้องมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับพระอรหันตเจ้าที่มีตัวตนอยู่ในยุคปัจจุบัน

หลายองค์ ....อยู่เหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจไม่ทำงาน.....หลายองค์ มีลมหายใจ......ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สร้างสมมาแต่ก่อนเก่าของแต่ละท่าน

พระอรหันต์...ไม่ทุกข์กับอะไรแล้วครับ......เพราะผู้รับทุกข์ คือ สักกายทิฏฐิ และ มานะทิฏฐิ (กูพี่ กับ กูน้อง ) ตายไปแล้ว......จิตของพระอรหันต์เหมือนกับเลขศูนย์......เอาอะไร มีค่าความหมายมากมายเพียงแค่ไหน ยิ่งใหญ่แค่ไหนเข้าไปคูณ ก็เป็นสูญ ไปหมดครับ......ท่านอยู่ด้วยกิริยาจิต

:b20:
แม้เพียงแค่พระอนาคามี...ถ้าท่านทรงฌาณอยู่....บางครั้งก็ไม่มีลมหายใจครับ เพราะพระอนาคามีต้องถือว่าชนะนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 เกือบจะเด็ดขาดแล้ว คงเหลือ อุทธัจจะ นิดเดียวครับ
:b48:
เรื่องอย่างนี้ไม่มีบอกในตำรา.....มีให้รู้เห็นแค่ในประสบการณ์จริงเท่านั้นครับ
:b39:

Asoka
บอกว่า พระอรหันต์ หลายองค์ ลมหายใจไม่ทำงาน อ่าาาาาาา อันนี้ ยกไว้ก่อน ^ ^
บอกว่า พระอรหันต์ หลายองค์ มีลมหายใจ
และบอกว่า พระอรหันต์ ไม่ทุกข์กับอะไรแล้ว

Asoka เคยบอกว่า "ตราบใดที่ยังต้องหายใจเข้าออกอยู่ ย่อมจะต้องทุกข์อยู่ร่ำไป"

พระอรหันต์ที่หายใจเข้าออกได้ ทุกข์หรือไม่ทุกข์ กันแน่ครับ

และคำถามที่เหลือยังไม่ตอบเลยครับ Asoka


:b12: :b12: :b12:
ตราบใดที่ยังต้องหายใจเข้าออกอยู่ ย่อมจะต้องทุกข์อยู่ร่ำไป

นี่เป็นคำพูดสำหรับปุถุชนและอริยบุคคลชั้นต้นที่เข้าอัปปนาฌาณ

ส่วนของพระอรหันต์นั้นเป็นข้อยกเว้นตามอธิบายว่า

"พระอรหันต์...ไม่ทุกข์กับอะไรแล้วครับ......เพราะผู้รับทุกข์ คือ สักกายทิฏฐิ และ มานะทิฏฐิ (กูพี่ กับ กูน้อง ) ตายไปแล้ว......จิตของพระอรหันต์เหมือนกับเลขศูนย์......เอาอะไร มีค่าความหมายมากมายเพียงแค่ไหน ยิ่งใหญ่แค่ไหนเข้าไปคูณ ก็เป็นสูญ ไปหมดครับ......ท่านอยู่ด้วยกิริยาจิต "
คำถามที่ค้าง
s006
อ้างคำพูด:
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นขันธ์ไหน
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นอุปาทานขันธ์ไหม


ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก.....เป็นอาการของ รูปขันธ์

บัญญัติว่า "ลมหายใจ เข้า ออก" เป็น อุปาทานขันธ์

การเข้า ออกของลมหายใจ เป็น สภาวธรรม เป็นกิริยา ไม่ใช่ขันธ์
:b16:
อ้างคำพูด:
พระอรหันตเจ้า ดับทุกข์ชนิดไหน

:b12:
พระอรหันต์เจ้า ดับขันธทุกข์ ด้วยหมดอุปาทานในขันธ์ทั้ง 5
:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 10:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พุทธธรรมเนี่ย หากเข้าใจความหมายผิดแล้วบรรลัยครับ :b1:


อ้างคำพูด:
เพื่อนอายุ 33 ปี เมื่อก่อนรวย เพราะมีเป้าหมายในอนาคต มีเงินเก็บหลักล้าน แต่พอ 2 ปีที่ป่านมา มันอ่านหนังสือปรัชญาหลักธรรมของพุทธ โดยเฉพาะการอยู่กับปัจจุบัน อดีตและอนาคตไม่มีจริง มีแค่ขณะนี้ เพื่อนผมไม่สนอดีตไม่คิดถึงอนาคต ปล่อยรถที่ผ่อนโดนยึด เพราะมันยอกว่า อดีตที่เคยทำสัญญาผ่อนรถเป็นแค่ความฝัน เพื่อนใช้ชีวิตแต่ละวันเหมือนวันสุดท้ายของชีวิต ไม่คิดถึงอนาคตเพราะเค้าเชื่อว่าไม่มีจริง ปัจจุบันเพื่อนผมหมดตัว รถบ้านโดนยึด เงินเก็บหมดเกลี้ยง ทำงานรายวัน เพราะหลักปรัญชาอยู่กับปัจจุบันแท้ๆ เฮ้อ

:b12: :b12: :b12:
ท่านกรัชกาย ......อย่างนี้เขาเรียกว่าคนใช้ธรรมะไม่เป็น......เอาธรรมมาใช้ไม่ถูกกับเหตุ......เหมือนคนเอาจอบไปใสไม้ให้เรียบ เหมือนคนเอากะทะ ไปทำเป็นหมวกกันแดดกันฝน.....ด้วยขาดสติ สัมปชัญญะและปัญญา มีโมหะครอบงำใจ
grin grin
การอยู่กับปัจจุบันนั้น.คือการทำงานทุกอย่างที่ขวางตรงหน้าให้สำเร็จไปทีละอันทีละอย่าง ตามกำลังแห่งเหตุ ปัจจัยที่ส่งมา.....เรื่องหนี้สินค่ารถ หรือ แผนมีเงินล้านในอนาคต นั้นเป็นงานและหน้าที่ที่เข้าคิวรอการทำให้เสร็จ
เมื่อถึงคิวมันจะมาปรากฏในปัจจุบันจิตให้ระลึกรู้และทำงานลงไปให้หมดหนี้หรือมีเงิน ตามโอกาสและวาระของเขา

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอโสกจัดความหมายคำว่า ปัจจุบัน, อดีต,อนาคต ทางธรรมสิครับ :b8: จากไหนถึงไหนปัจจุบัน ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 26 ก.ค. 2013, 10:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 10:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
เรื่องนี้ ต้องมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับพระอรหันตเจ้าที่มีตัวตนอยู่ในยุคปัจจุบัน
หลายองค์ ....อยู่เหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจไม่ทำงาน.....หลายองค์ มีลมหายใจ......ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สร้างสมมาแต่ก่อนเก่าของแต่ละท่าน

เละแล้วล่ะโสกะ นี่แหล่ะน่าสักแต่ว่าพูด ขาดสติ ขาดการพิจารณาธรรม
บอกหลายครั้งแล้วว่า มั่นเจริญสติจะได้มีปัญญามีสัมมาทิฐิ มองธรรมตามความเป็นจริง

ดันบอกมาได้ พระอรหันต์ลมหายใจไม่ทำงาน

โสกะกำลังเข้าใจผิดในเรื่องของภาษา ไม่ใช่ว่าพระอรหันต์ไม่หายใจ
ถ้าคำพูดของโสกะ หมายความว่า พระอรหันต์ไม่ปรุงแต่งลมหายใจ แบบนี้จึงจะถูก

จิตของปุถุชนยังยึดมั่นถือมั่นกายอยู่ เมื่อจิตไปอยู่ที่ลมหายใจ จิตก็จะปรุงแต่งจนเกิดขันธ์ห้า
จิตพระอรหันต์ซึ่งละสักกายทิฐิแล้ว รู้แค่ลมหายใจยังมี และรู้ว่าลมหายใจเป็นเพียง ธาตุหนึ่งใน
มหาภูติรูปสี่ ท่านไม่ได้ยึดมั่น
asoka เขียน:
พระอรหันต์...ไม่ทุกข์กับอะไรแล้วครับ......เพราะผู้รับทุกข์ คือ สักกายทิฏฐิ และ มานะทิฏฐิ (กูพี่ กับ กูน้อง ) ตายไปแล้ว......จิตของพระอรหันต์เหมือนกับเลขศูนย์......เอาอะไร มีค่าความหมายมากมายเพียงแค่ไหน ยิ่งใหญ่แค่ไหนเข้าไปคูณ ก็เป็นสูญ ไปหมดครับ......ท่านอยู่ด้วยกิริยาจิต
[/b]

พระอรหันต์ยังมีเวทนาอยู่ ร่างกายของท่านยังมีความเจ็บป่วย เพราะรูปนามยังอยู่
เวทนาก็ยังมี สัญญาก็ยังมี เพียงแต่มันไม่ใช่ขันธ์ เป็นกิริยาจิต
asoka เขียน:
แม้เพียงแค่พระอนาคามี...ถ้าท่านทรงฌาณอยู่....บางครั้งก็ไม่มีลมหายใจครับ เพราะพระอนาคามีต้องถือว่าชนะนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 เกือบจะเด็ดขาดแล้ว คงเหลือ อุทธัจจะ นิดเดียวครับ
:b48:

การทรงฌานของพระอนาคามี แล้วบอกว่า บางครั้งไม่มีลมหายใจ
แบบนี้ต้องให้บุคคลอื่นเป็นคนพิสูจน์ ว่าท่านมีหรือไม่มีลมหายใจ
ตัวพระอนาคามี ท่านอยู่ในฌาน จิตไม่รับรู้สิ่งอื่นนอกจากสภาวะของฌาน

asoka เขียน:
เรื่องอย่างนี้ไม่มีบอกในตำรา.....มีให้รู้เห็นแค่ในประสบการณ์จริงเท่านั้นครับ

ถ้าตำราที่คุณบอกหมายถึงพระไตรปิฎก และถ้าผลการปฏิบัติที่คุณได้ แล้วบอกว่าไม่มีในตำรา
นั้นก็แสดงว่า คุณกำลังปฏิบัติผิดมันไม่ใช่อริยมรรคตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน เข้าใจมั้ยครับ

บอกหลายหนแล้วว่า พระไตรปิฎกมีไว้เทียบเคียงความถูกผิด ผลของการปฏิบัติ
พระไตรปิฎกไม่ได้มีไว้เป็นแบบเรียน

ไม่ใช่ว่า ใครๆจะอ่านพระไตรปิฎกเข้าใจ ความเข้าใจหมายถึงการใช้ปัญญา
ไปพิจารณาเลือกเฟ้นธรรมในพระไตรปิฎก

อย่าหลงเข้าใจผิดว่า ปริยัติคือการอ่านหรือท่องจำพระไตรปิฎก
ปริยัติคือ แนวทางของการปฏิบัติ นั้นก็คือมรรคในองค์แปดนั้นเอง

:b12: :b12: :b12:
ตกลงลุงโฮ ก็อดรนทนไม่ได้ที่จะต้องมาแจมกับเขานะครับ

มีหลายความเห็นและคำพูดคำถามของคุณโฮฮับที่ต้องอ้างอิงมาทั้งพวง

เอาอันที่ 1
อ้างคำพูด:
ดันบอกมาได้ พระอรหันต์ลมหายใจไม่ทำงาน

โสกะกำลังเข้าใจผิดในเรื่องของภาษา ไม่ใช่ว่าพระอรหันต์ไม่หายใจ
ถ้าคำพูดของโสกะ หมายความว่า พระอรหันต์ไม่ปรุงแต่งลมหายใจ แบบนี้จึงจะถูก

จิตของปุถุชนยังยึดมั่นถือมั่นกายอยู่ เมื่อจิตไปอยู่ที่ลมหายใจ จิตก็จะปรุงแต่งจนเกิดขันธ์ห้า
จิตพระอรหันต์ซึ่งละสักกายทิฐิแล้ว รู้แค่ลมหายใจยังมี และรู้ว่าลมหายใจเป็นเพียง ธาตุหนึ่งใน
มหาภูติรูปสี่ ท่านไม่ได้ยึดมั่น

:b13: :b13: :b13:
เรื่องพระอรหันต์และพระอนาคามีบางองค์ ไม่มีลมหายใจนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ยากที่คุณโฮฮับจะเข้าใจ หากไม่ไปสัมผัสใกล้ชิดกับท่านด้วยตนเอง.....ขอให้คุณโฮฮับอย่าเพิ่งไปตีความแล้วตัดสินเอาตามอัตโนมัย ใจคิดนะครับ.....หาให้เจอแล้วพิสูจน์ด้วยตนเองให้แจ้งใจ.....ใกล้ๆ กทม.นี่มีที่เขาตะบองนาค....จ.นครสวรรค์ลองไปค้นหาดูนะครับ
:b43: :b43: :b43:
เรื่องที่ 2

อ้างคำพูด:
การทรงฌานของพระอนาคามี แล้วบอกว่า บางครั้งไม่มีลมหายใจ
แบบนี้ต้องให้บุคคลอื่นเป็นคนพิสูจน์ ว่าท่านมีหรือไม่มีลมหายใจ
ตัวพระอนาคามี ท่านอยู่ในฌาน จิตไม่รับรู้สิ่งอื่นนอกจากสภาวะของฌาน

:b12: :b12: :b12:
ข้อนี้ก็เหมือนกัน คุณโฮฮับ คิดเอาตามเหตุผลในตำรา จึงเห็นไปอย่างนี้.....พระอนาคามี ท่านมีสติสัมปชัญญะเกือบจะเต็ม 100 % แล้ว ท่านรู้ตัวของท่านเอง เวลาลมหายใจสันดาปตรงผ่านทางรูขุมขน..ไม่มีใครต้องมาบอกท่านหรอกครับ......คุณโฮฮับจะลองไปขอดูผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ตอนกบและหมีจำศีลดูก็ได้นะครับ ใกล้เคียงกับการเข้าอัปปนาฌาณ ของฤาษีและพระอริเจ้ามากครับ
:b11: :b11: :b13: :b13:

เรื่องที่ 3

อ้างคำพูด:
ถ้าตำราที่คุณบอกหมายถึงพระไตรปิฎก และถ้าผลการปฏิบัติที่คุณได้ แล้วบอกว่าไม่มีในตำรา
นั้นก็แสดงว่า คุณกำลังปฏิบัติผิดมันไม่ใช่อริยมรรคตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน เข้าใจมั้ยครับ

บอกหลายหนแล้วว่า พระไตรปิฎกมีไว้เทียบเคียงความถูกผิด ผลของการปฏิบัติ
พระไตรปิฎกไม่ได้มีไว้เป็นแบบเรียน

ไม่ใช่ว่า ใครๆจะอ่านพระไตรปิฎกเข้าใจ ความเข้าใจหมายถึงการใช้ปัญญา
ไปพิจารณาเลือกเฟ้นธรรมในพระไตรปิฎก

อย่าหลงเข้าใจผิดว่า ปริยัติคือการอ่านหรือท่องจำพระไตรปิฎก
ปริยัติคือ แนวทางของการปฏิบัติ นั้นก็คือมรรคในองค์แปดนั้นเอง

:b12: :b12: :b12:
[b]ถ้าคุณโฮฮับยังหลงคิดและยึดอยู่ว่า ในตำรานั้นบอกสัจจธรรมไว้ทั้งหมด ถ้าไม่มีในตำราแสดงว่าผิด ไม่ใช่ นั้น คุณโฮฮับกำลังเห็นผิดจากทำนองคลองธรรมที่แท้จริงนะครับ......เรื่องในตำระนั้นเพียงตัวอย่างและคำชี้แนะบอกวิธีปฏิบัติ....ส่วนผลของการปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องไปพิสูจน์เอาเอง รู้เอง จากประสบการณ์จริง ซึ่งยากจะมีกล่าวไว้ในตำราครบทั้งหมด

มีตัวอย่างหนึ่งที่ผมเคยได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์จากเมืองต้างยานประเทศเมียนม่าร์.....ท่่านบอกว่า

คนที่จะบรรลุธรรมครั้งแรกนั้น

1. เขาจะมีความฝันว่าทำงานอะไรสำเร็จก่อนบรรลุธรรม......

2.บางคนจะมีการถ่ายท้องระบายของเสียในกายอย่างรุนแรงแต่ไม่มีเหตุจากเชื้อโรค

และอีก 2 - 3 ข้อ ที่ผมยังระลึกไม่ได้ จำได้แล้วจะนำมาเล่าให้ฟัง
:b4: :b16: :b16:
ขอให้คุณกบมีความสุขความเจริญในปริยัติ และต่อมาถึงการปฏิบัติยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
:b39: :b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 11:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณอโสกจัดความหมายคำว่า ปัจจุบัน, อดีต,อนาคต ทางธรรมสิครับ :b8:

:b12: :b12: :b12:
อดีต.......สิ่งที่ผ่านพ้นไปจากการรับรู้ของจิต

ปัจจุบัน......สิ่งที่จิตกำลังรู้อยู่

อนาคต......สิ่งที่ยังมาไม่ถึงการรับรู้ของจิต

:b8: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 14:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ตกลงลุงโฮ ก็อดรนทนไม่ได้ที่จะต้องมาแจมกับเขานะครับ
มีหลายความเห็นและคำพูดคำถามของคุณโฮฮับที่ต้องอ้างอิงมาทั้งพวง


ผมก็เป็นแบบนี่แหล่ะครับ ถ้าความเห็นใคร ที่ผมรู้สึกไม่เข้าท่า
นอกลู่นอกทาง มันก็ต้องลงไปสะกิดสะเกาให้รู้ตัวกันหน่อยครับ


asoka เขียน:
เรื่องพระอรหันต์และพระอนาคามีบางองค์ ไม่มีลมหายใจนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ยากที่คุณโฮฮับจะเข้าใจ หากไม่ไปสัมผัสใกล้ชิดกับท่านด้วยตนเอง.....ขอให้คุณโฮฮับอย่าเพิ่งไปตีความแล้วตัดสินเอาตามอัตโนมัย ใจคิดนะครับ.....หาให้เจอแล้วพิสูจน์ด้วยตนเองให้แจ้งใจ.....ใกล้ๆ กทม.นี่มีที่เขาตะบองนาค....จ.นครสวรรค์ลองไปค้นหาดูนะครับ

ก่อนอื่นขอถามหน่อย ไอ้เรื่องอรหันต์หรืออนาคามีเนี่ยน่ะ อาจารย์คุณบอกคุณหรือครับว่า
ท่านเป็นอรหันต์ หรือคุณอุปโหลกขึ้นมาเอง เรื่องแบบนี้มีสติหน่อยก็ดีน่ะครับ ที่เตือนก็ไม่อยากให้
เสียใจภายหลัง พักนี้ยิ่งมีข่าวทำนองนี้อยู่ด้วย

แล้วอีกเรื่อง อย่าพยายามอวยอาจารย์ซะจนทำให้ พุทธศาสนากลายเป็นไสยศาสตร์เลยครับ
แบบนี้ไงเด็กมันถึงได้โพสว่า...เป็นลัทธิพุทธศาสนา
asoka เขียน:

อ้างคำพูด:
การทรงฌานของพระอนาคามี แล้วบอกว่า บางครั้งไม่มีลมหายใจ
แบบนี้ต้องให้บุคคลอื่นเป็นคนพิสูจน์ ว่าท่านมีหรือไม่มีลมหายใจ
ตัวพระอนาคามี ท่านอยู่ในฌาน จิตไม่รับรู้สิ่งอื่นนอกจากสภาวะของฌาน

ข้อนี้ก็เหมือนกัน คุณโฮฮับ คิดเอาตามเหตุผลในตำรา จึงเห็นไปอย่างนี้.....พระอนาคามี ท่านมีสติสัมปชัญญะเกือบจะเต็ม 100 % แล้ว ท่านรู้ตัวของท่านเอง เวลาลมหายใจสันดาปตรงผ่านทางรูขุมขน..ไม่มีใครต้องมาบอกท่านหรอกครับ......คุณโฮฮับจะลองไปขอดูผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ตอนกบและหมีจำศีลดูก็ได้นะครับ ใกล้เคียงกับการเข้าอัปปนาฌาณ ของฤาษีและพระอริเจ้ามากครับ

ผมไม่คิดเอาเองแบบคุณหรอกครับ ถ้าไม่รู้ไม่เคยปฏิบัติ ไม่มาพูดให้คนเข้าดูถูกหรอกครับ
ฌานทำไมผมจะไม่รู้จักครับ รู้ครับเคยทำได้ครับ ถึงแม้จะไม่ได้ถึงสมาบัติก็ตาม แต่รู้ครับว่า
รูปฌานและอรูปฌานเป็นอย่างไร
และจะบอกให้นะครับ สติในฌานเข้าไม่เรียกสติสัมปชัญญะ แต่เขาเรียก สติสมถะ

แล้วที่ว่านักวิทยาสตร์ไปทดลองกับกบและหมี แล้วทดลองกับฤษีกับพระอริยเจ้าหรือเปล่าครับ
ทำไมรู้ว่าใกล้เคียงกัน ...นักวิทยาสตร์รู้ด้วยหรือใครเป็นอริยเจ้า
คุณโสกะพูดจาไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย

asoka เขียน:

เรื่องที่ 3

อ้างคำพูด:
ถ้าตำราที่คุณบอกหมายถึงพระไตรปิฎก และถ้าผลการปฏิบัติที่คุณได้ แล้วบอกว่าไม่มีในตำรา
นั้นก็แสดงว่า คุณกำลังปฏิบัติผิดมันไม่ใช่อริยมรรคตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน เข้าใจมั้ยครับ

บอกหลายหนแล้วว่า พระไตรปิฎกมีไว้เทียบเคียงความถูกผิด ผลของการปฏิบัติ
พระไตรปิฎกไม่ได้มีไว้เป็นแบบเรียน

ไม่ใช่ว่า ใครๆจะอ่านพระไตรปิฎกเข้าใจ ความเข้าใจหมายถึงการใช้ปัญญา
ไปพิจารณาเลือกเฟ้นธรรมในพระไตรปิฎก

อย่าหลงเข้าใจผิดว่า ปริยัติคือการอ่านหรือท่องจำพระไตรปิฎก
ปริยัติคือ แนวทางของการปฏิบัติ นั้นก็คือมรรคในองค์แปดนั้นเอง

:b12: :b12: :b12:
ถ้าคุณโฮฮับยังหลงคิดและยึดอยู่ว่า ในตำรานั้นบอกสัจจธรรมไว้ทั้งหมด ถ้าไม่มีในตำราแสดงว่าผิด ไม่ใช่ นั้น คุณโฮฮับกำลังเห็นผิดจากทำนองคลองธรรมที่แท้จริงนะครับ......เรื่องในตำระนั้นเพียงตัวอย่างและคำชี้แนะบอกวิธีปฏิบัติ....ส่วนผลของการปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องไปพิสูจน์เอาเอง รู้เอง จากประสบการณ์จริง ซึ่งยากจะมีกล่าวไว้ในตำราครบทั้งหมด

เพ้อเจ้อแล้วครับ ผลการปฏิบัติถ้าใช่ มีหรือที่จะไม่มีกล่าวไว้ พระธรรมมีถึง๘๔๐๐๐ธรรมขันธ์
มันก็แค่คุณอ่านพระไตรปิฎกไม่เข้าใจ และอีกอย่างก็คือ คุณไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทาง
ของพระพุทธองค์ ผลที่ได้จึงไม่มีในพระไตรปิฎก
asoka เขียน:
มีตัวอย่างหนึ่งที่ผมเคยได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์จากเมืองต้างยานประเทศเมียนม่าร์.....ท่่านบอกว่า
คนที่จะบรรลุธรรมครั้งแรกนั้น
1. เขาจะมีความฝันว่าทำงานอะไรสำเร็จก่อนบรรลุธรรม......
2.บางคนจะมีการถ่ายท้องระบายของเสียในกายอย่างรุนแรงแต่ไม่มีเหตุจากเชื้อโรค

และอีก 2 - 3 ข้อ ที่ผมยังระลึกไม่ได้ จำได้แล้วจะนำมาเล่าให้ฟัง

อีก2-3ข้อที่เหลือไม่ต้องไประลึกมันแล้วครับ แค่นี้ผมคิดว่า คุณจะหลุดโลกแล้วน่ะครับ
กลับมา หมั่นเจริญสติตามที่ผมแนะนำเถอะ ไม่งั้นวันไหนคุณคิดว่า คุณเหาะได้ขึ้นมา
อย่าให้พูดเลยว่าผลจะเป็นอย่างไร นั้นคือลมหายใจคุณจะหายไปสมใจปรารถนาครับ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2013, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมะถ้าคิดมากไป ก็เลยเถิดคือล่วงเลยจากชีวิตปัจจุบันไป

แต่ถ้าคิดแต่พอดีๆ หมั่นสังเกต ก็จะเป็นเช่นตัวอย่างนี้ :b1: คือเขาอ่านตัวเองออก บอกตัวเองได้ ใช้ตัวเองเป็น หลังจากฝึกจิตจนสงบเป็นสมาธิแล้ว


อ้างคำพูด:
แต่ก่อนเคยเข้าวัดค่ะ ไปปฏิบัติจริงจังดู แต่กลับรู้สึกว่าไม่ใช่ทางค่ะ ยิ่งทำยิ่งน่าเบื่อ ยิ่งทำยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่ น่าจะเป็นหลักที่ไม่ตรงกับจริตของตัวเอง เลยห่างหายไปนานมาก ไม่ทำต่อ แต่ใจก็ชอบสวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตา และให้ทานเป็นปกติแต่ไหนแต่ไรค่ะ ก็เลยทำแค่นี้

วันหนึ่งลองฟังธรรมะทางเน็ตดูค่ะ สายพุทโธนะคะ ก็นั่งเล่นเน็ตไปด้วยฟังไปด้วย ฟังได้ประมาณ 3-4 วัน วันละบทค่ะ ก็เลยลองปฏิบัติตามดูก็นั่งหลับตาท่องพุทโธไปด้วย เปิดธรรมฟังไปด้วย คิดว่าเปลี่ยนจากความน่าเบื่อในธรรมะให้กลายเป็นเหมือนฟังเพลงไปค่ะ ความยาวแต่ละบทประมาณ 40 นาที แรกๆก็ได้วันละบทค่ะ พอวันต่อๆ มาก็นั่งได้เป็น 2 บท คือ 1 ชั่วโมงกว่า มีประมาณ 40 ตอน ตอนนี้ฟังซ้ำไปหลายรอบแล้วค่ะ แล้วก็หยุดฟังไปนานแล้ว เดือนกว่าๆ ตอนนี้รู้สึกว่าใจสงบดีมากค่ะ

แต่ก่อนจะนั่งสมาธิทีฟุ้งซ่านมาก เรียกว่าใช้เวลานานมากกว่าจะสงบ บางทีเป็นชั่วโมงยังไม่สงบค่ะ แต่ตอนนี้นั่งปุ๊บสงบทันที เป็นสมาธิทันทีทันใจค่ะ เรียกว่า ตัดทุกอย่างได้อัตโนมัติค่ะ รู้สึกดีมากจริงๆ ทุกวันนี้นั่งสมาธิทุกคืนค่ะ ทุกๆ เช้า ก็จะให้อาหารนกกระจิบกระจอกแถวบ้านค่ะ เอาข้าวสารหว่านให้นก นกจะมากินทุกเช้าค่ะ (ไม่รู้ว่าทำถูกไหมนะคะ) แต่ส่วนตัวรู้สึกดี ถือว่าเป็นการให้ทานทุกวัน แล้วก็กำหนดรักษาศีล 5 ค่ะ กลางคืนก็นั่งสมาธิภาวนา คืออยากทำให้วันหนึ่งครบทั้ง ทาน ศีล และภาวนาค่ะ ตอนนี้ทำได้ครบแล้วประมาณ 3 เดือนแล้ว ทำแบบนี้ไม่ขาดเลยค่ะ

สิ่งที่คิดว่าเปลี่ยนไปมากนะคะ คือ

1. นอนหลับสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คือจะหลับลึกค่ะ ตื่นมาไม่รู้สึกเพลีย ไม่รู้สึกเหนื่อย และจะหลับเป็นเวลาและตื่นเป็นเวลาเป๊ะๆค่ะ (ชอบมาก) ต่างจากก่อนหน้าที่ยังไม่ปฏิบัติคือหลับไม่เป็นเวลา กว่าจะหลับวกไปคิดโน่น ฟุ้งซ่าน ตื่นมาจะเพลียถึงจะนอนเยอะแค่ไหนก็ตาม

2. รู้สึกร่าเริง สดใส หน้าตาผ่องแผ้วค่ะ อันนี้ตัวเองรู้เองเลย (น่าจะมากจากการหลับเพียงพอ ตรงเวลา และไม่ฟุ้งซ่านค่ะ) จากการปฏิบัติแบบนี้ ทำให้เรามีวินัยในเรื่องของเวลาค่ะ คือจะต้องทำทานให้อาหารนกตอนนี้ เช้า- เย็น รักษาศีล และสมาธิตอนนี้ ก็ทำให้เรากำหนดวิถีการใช้ชีวิตประจำวันได้เป๊ะขึ้นค่ะ เช่น ต้องออกกำลังกายเวลานี้ ไปดูหนังหรือสังสรรค์กับเพื่อนเวลานี้ เพื่อให้เรากลับมาปฏิบัติธรรมตรงเวลาค่ะ

3. รู้สึกหัวไวค่ะ เชื่อไหมว่า แต่ก่อนคิดงานอะไรหัวตื้อคิดไม่ออก ผิดพลาดค่อนข้างบ่อย เป็นผลมาจากการที่ขยะในหัวเยอะค่ะ ทำให้เรื่องง่ายๆกลายเป็นเรื่องยาก พอได้ปฏิบัติกลับคิดได้ไว คล้ายๆ กับเรามีกึ๋นขึ้นค่ะ จะรู้ปุ๊บ กลายเป็นปัญหาเหมือนเส้นผมบังภูเขาแค่นี้เอง เนื่องจากสมาธิดีขึ้นทำให้จดจำอะไรได้ง่ายขึ้นค่ะ (ข้อนี้ชอบมากค่ะ ทำให้เรารู้สึกว่าเราฉลาดขึ้นค่ะ คิดรอบคอบทุกอย่าง) ทำงานแต่ก่อนแค่แผนเดียวก็กว่าจะคิดออก เดี๋ยวนี้ 2-3 แผนสำรองคิดได้เป๊ะขึ้นค่ะ

4. รู้สึกว่าชีวิตอุปสรรคน้อยลง น่าจะเป็นผลจากการให้ทาน และรักษาศีลค่ะ (ศีล 5 ก็ครอบคลุมความชั่วทั้งหมดแล้วนะคะ) คือแต่ก่อนทำงานเงินเดือนชนเดือนค่ะ เพราะฟุ้งเฟ้อ อยากได้อะไรก็ซื้อๆ ทำให้เดือดร้อนบางทีเงินไม่พอก็ต้องขอพ่อแม่เพิ่มค่ะ แต่ 3 เดือนนี้ รู้สึกเบื่อหน่ายกับของต่างๆ รู้สึกว่า มีเท่าที่จำเป็นค่ะ ไม่บ้าวัตถุแล้ว ทำให้ใช้ชีวิตสบายขึ้นค่ะ

5. อันนี้น่าจะเป็นผลที่เปลี่ยนชัดเจนกับตัวเองที่สุดค่ะ เป็นผลจากการภาวนาค่ะ คิดว่านะ ..แต่ก่อนใจร้อน พูดไม่คิดค่ะ ใครพูดไม่ตรงใจสวนกลับทันที พอพูดแล้วมาคิดทีหลังบางทีก็ทำให้เรารู้สึกแย่ค่ะ ไปทำร้ายจิตใจคนอื่นโดยที่ไม่ตั้งใจ ถึงจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เช่น บอกว่าเพื่อนสนิทว่าหน้าตาเหมือนตลกคนโน้นคนนี้ ทำให้เพื่อนเสียความมั่นใจไปเลยค่ะ มาแย่ตอนเราพูดไปแล้ว คำพูดนั้นมันก็จะติดไปในใจเพื่อนตลอดค่ะ สังเกตจากพอคนอื่นๆพูดถึงรายการตลกหรือดาราตลก เพื่อนจะเงียบหรือจะปลีกตัวหนีไม่คุย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ร้ายแรงแต่มันทำลายความมั่นใจของเพื่อนไปค่ะ .หรือบางทีทำอะไรไม่ได้ดังใจ (ในใจนะคะ จะคิดทันที ด่าตัวเองทันที ทำไมตรูมันโง่วะ เป็นบ้าอะไรนี่ คำอะไรต่างๆในหัวเต็มไปหมด ทำลายความมั่นใจตัวเองค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเป็นปกติของหลายๆคน) แต่ตอนนี้ใจเย็นขึ้น เวลาพูดหรือทำอะไร กับใครๆ จะหยุดคิดทันทีค่ะ ไม่สวนกลับปั๊บเหมือนแต่ก่อน มันจะอัตโนมัติในหัวเลยค่ะ คือมันเหมือนตั้งระบบไว้ให้คิดก่อนพูดให้กลั่น กรองคำพูดค่ะ (จะกลัวพูดอะไรแล้วทำให้ใครเสียใจ) เวลาทำงานอะไรผิดพลาด ในหัวจากคำด่าตัวเอง กลับกลายเป็นคำให้กำลังใจ คือ เอาใหม่ๆลองคิดใหม่ ปรากฏว่าใช้ได้ค่ะ ปลื้มมาก

ส่วนตัวคิดว่า ใน ทาน ศีล สมาธิ แค่ศีล 5 ก็ครอบคลุมทุกอย่างของชีวิตปัจจุบันได้แล้วนะคะ หลังจากปฏิบัติมารู้ซึ้ง ว่าเป็นของจริงๆค่ะ ถ้าใครไม่มีเวลา ปฏิบัติหรือเบื่อๆ แค่รักษาศีล5 ก็ครอบคลุมความไม่ดีทั้งหลาย แค่นี้ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขได้แล้วค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ


ปัจจุบันส่วนตัวคิดว่าธรรมะครอบคลุมทุกอย่าง ศีล 5 ถ้าปฏิบัติก็จะไม่ทำให้เราเดือดร้อนแน่นอน เอาแค่รักษาศีล 5 ได้ก็ถือว่าดีเยี่ยมแล้วค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2013, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การบำเพ็ญสมาธิไม่ยาก ดังบุคคลตัวอย่างข้างบนนั้นทำ อีกทั้งผลของสมาธิก็มีมากดังว่านั่น

ดังนั้น ดูแบบเทียบเคียงไว้หน่อย



สภาพจิตที่เป็นสมาธินั้นมีลักษณะที่เป็นคุณสมบัติสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะ

๑. ทำให้จิตมีกำลัง

๒ ทำให้จิตใส

๓. ทำให้จิตสงบ

คุณสมบัติของจิตที่เป็นสมาธินี้ ขยายความหน่อยว่า

๑. ทำให้จิตมีพลัง ในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าตรัสอุปมาว่า เหมือนสายธารที่ไหลจากภูเขา ซึ่งปิดช่องทางที่น้ำจะแยกกระจายออกไปหมดแล้ว ไหลลงไปทางเดียว ย่อมมีกำลังแรงมาก (องฺ. ปญฺจก.๒๒/๕๑)

ถ้าจะทำในขณะนี้ ก็เหมือนกับคนขึ้นไปบนยอดเขา เอาน้ำขึ้นไปด้วยถังใหญ่ถังหนึ่ง พอถึงยอดเนินเขาแล้วก็สาดน้ำโครมลงไปอย่างไม่มีทิศทาง น้ำกระจายทั้งถังหายเงียบหมด ไม่เกิดอะไรขึ้น

ทีนี้เอาใหม่ แบกน้ำถังเท่ากันขึ้นไป แต่คราวนี้เทน้ำถังเท่ากันนั้นลงในร่องในรางหรือในท่อ น้ำไหลไปทางเดียว ก็มีกำลังมาก สามารถพัดพาสิ่งที่ขวางหน้า เช่นกิ่งไม้ไปได้ เหมือนกับจิตที่เป็นสมาธิซึ่งแน่วแน่ พุ่งไปทางเดียว ก็มีกำลังมาก

นี่เป็นคุณสมบัติของจิตที่เป็นสมาธิประการที่หนึ่ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร