วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 11:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 18:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีเข้าถึงธรรมตามพระตถาคต คือกายคตาสติ หลังจากได้ศึกษาธรรมกันมาบ้างแล้วรูปนามคืออะไร อนิจจังงทุกขัง อนัตตาเป้นอย่างไรในเชิงการศึกษา ลองลงมือปฎิบัติตามพุทธวจนที่ท่านกล่าวไว้ว่า การบริโภคกายคตาสตินั้นคือการบริโภคอมตะธรรม และชนเหล่าใดไม่บริโภคกาคตาสติชนเหล่านั้นไม่ได้บริโภคอมตะธรรม ด้วยบทพยัญชนะที่สั้นๆง่ายๆ ที่อะไรคือกาคตาสติ พระองค์บอกทางคือมรรคมีองค์8 แบบย่อลงเหลือสาม ก็ ศิลสมาธิปัญญา ย่อเหลือ1นั้นก็คืออานาปานสติ อานาปานสตินั้นคือการมีสติระลึกชัดอยู่ที่ลมหายใจนั้นเอง และสิ่งที่ผมจะบอกคืออะไรจะเกิดขึนนั้นไม่ตองสนใจ สนใจเพียงให้สติอยู่ที่ลมหายใจตลอด ทำใหมากเจริญให้มาก เมื่อถึงที่สุดแล้วธรรมแท้ก็จะปรากฎเองขอเพียงมั่นใจในพระองงค์ให้ทำเพียงเท่านี้(ในเรื่องการปฎิบัติ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2013, 23:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันหนึ่ง อันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
ย่อมมีผลมาก ธรรมอันหนึ่งเป็นไฉน? คืออานาปานสติ.
[๑๓๐๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
อย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก?

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า
เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าหายใจออกยาว
เมื่อหายใจเข้ายาวก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว
เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้แจ้งกายทั้งปวงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้แจ้งกายทั้งปวงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้ระงับกายสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้ระงับกายสังขารหายใจเข้า

ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งปีติหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งปีติหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งสุขหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งสุขหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งจิตสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งจิตสังขารหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้ระงับจิตสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิตสังขารหายใจเข้า

ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้แจ้งจิตหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้แจ้งจิตหายใจ เข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้บันเทิงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักทำจิตใจให้บันเทิงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตมั่นหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจเข้า

ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความคลายกำหนัดหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความคลายกำหนัดหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความดับหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความดับหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจเข้า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วอย่างนี้แล
ย่อมมีผลมากมีอานิสงส์มาก.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=19&A=7593&w=%CD%D2%B9%D2%BB%D2%B9%CA%B5%D4

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2013, 04:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
วิธีเข้าถึงธรรมตามพระตถาคต คือกายคตาสติ หลังจากได้ศึกษาธรรมกันมาบ้างแล้วรูปนามคืออะไร อนิจจังงทุกขัง อนัตตาเป้นอย่างไรในเชิงการศึกษา ลองลงมือปฎิบัติตามพุทธวจนที่ท่านกล่าวไว้ว่า การบริโภคกายคตาสตินั้นคือการบริโภคอมตะธรรม และชนเหล่าใดไม่บริโภคกาคตาสติชนเหล่านั้นไม่ได้บริโภคอมตะธรรม ด้วยบทพยัญชนะที่สั้นๆง่ายๆ ที่อะไรคือกาคตาสติ พระองค์บอกทางคือมรรคมีองค์8 แบบย่อลงเหลือสาม ก็ ศิลสมาธิปัญญา ย่อเหลือ1นั้นก็คืออานาปานสติ อานาปานสตินั้นคือการมีสติระลึกชัดอยู่ที่ลมหายใจนั้นเอง และสิ่งที่ผมจะบอกคืออะไรจะเกิดขึนนั้นไม่ตองสนใจ สนใจเพียงให้สติอยู่ที่ลมหายใจตลอด ทำใหมากเจริญให้มาก เมื่อถึงที่สุดแล้วธรรมแท้ก็จะปรากฎเองขอเพียงมั่นใจในพระองงค์ให้ทำเพียงเท่านี้(ในเรื่องการปฎิบัติ)

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ได้เกิดจากการศึกษา สภาวะนี้เกิดจากการปฏิบัติ
การรู้ตามความจริงที่เกิด ไม่ใช่การท่องบัญญัติ

ดังนั้นการทำกายคตาสติ ในลักษณะของ กายานุปัสสนา จะต้องมีปัญญาเห็นสภาวะใน
อนิจจัง ทุกขังและอนัตตา

สติในการทำวิปัสสนา คือการระลึกรู้ปัญญาเพื่อเอามาเป็นฐานในการพิจารณากาย
ปัญญาก็คือไตรลักษณ์อันมีเหตุมาจาก การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

การที่อเมซิ่งบอกว่า ...สติระลึกชัดอยู่ที่ลมหายใจ แล้วโยงไปที่มรรคมีองค์แปด
คำกล่าวเหล่านี้ ล้วนเป็นการจับแพะชนแกะ ความหมายก็คือ พูดโดยขาดความเข้าใจในกรรมฐาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2013, 07:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
วิธีเข้าถึงธรรมตามพระตถาคต คือกายคตาสติ หลังจากได้ศึกษาธรรมกันมาบ้างแล้วรูปนามคืออะไร อนิจจังงทุกขัง อนัตตาเป้นอย่างไรในเชิงการศึกษา ลองลงมือปฎิบัติตามพุทธวจนที่ท่านกล่าวไว้ว่า การบริโภคกายคตาสตินั้นคือการบริโภคอมตะธรรม และชนเหล่าใดไม่บริโภคกาคตาสติชนเหล่านั้นไม่ได้บริโภคอมตะธรรม ด้วยบทพยัญชนะที่สั้นๆง่ายๆ ที่อะไรคือกาคตาสติ พระองค์บอกทางคือมรรคมีองค์8 แบบย่อลงเหลือสาม ก็ ศิลสมาธิปัญญา ย่อเหลือ1นั้นก็คืออานาปานสติ อานาปานสตินั้นคือการมีสติระลึกชัดอยู่ที่ลมหายใจนั้นเอง และสิ่งที่ผมจะบอกคืออะไรจะเกิดขึนนั้นไม่ตองสนใจ สนใจเพียงให้สติอยู่ที่ลมหายใจตลอด ทำใหมากเจริญให้มาก เมื่อถึงที่สุดแล้วธรรมแท้ก็จะปรากฎเองขอเพียงมั่นใจในพระองงค์ให้ทำเพียงเท่านี้(ในเรื่องการปฎิบัติ)

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ได้เกิดจากการศึกษา สภาวะนี้เกิดจากการปฏิบัติ
การรู้ตามความจริงที่เกิด ไม่ใช่การท่องบัญญัติ

ดังนั้นการทำกายคตาสติ ในลักษณะของ กายานุปัสสนา จะต้องมีปัญญาเห็นสภาวะใน
อนิจจัง ทุกขังและอนัตตา

สติในการทำวิปัสสนา คือการระลึกรู้ปัญญาเพื่อเอามาเป็นฐานในการพิจารณากาย
ปัญญาก็คือไตรลักษณ์อันมีเหตุมาจาก การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

การที่อเมซิ่งบอกว่า ...สติระลึกชัดอยู่ที่ลมหายใจ แล้วโยงไปที่มรรคมีองค์แปด
คำกล่าวเหล่านี้ ล้วนเป็นการจับแพะชนแกะ ความหมายก็คือ พูดโดยขาดความเข้าใจในกรรมฐาน
ถาคุณไม่ได้โยนิโสมนสิการจากการได้ยินไดฟังมาปัญญาคุณจะรู้เหรอครับเป็นไปไม่ได้ อยู่ๆที่คุณลงนั่งแล้วรู้เอง เป็นไป บ่ได้ ส่วนเรื่องอนิจจัง ทุกขังอนัตตา นั้นไม่ต้องมากหรอกแค่ตัวลมมันเองนั้นก็มีครบแล้ว ไม่ต้องไปดูอาการอื่นเลยก็ยังได้ มันแสดงตัวให้เห็นจนเกิดปัญญาหมดแล้ว มีอยู่อย่างเดียวที่ไม่ได้แสดงตัวคือความไม่เกิดไม่ดับ จะแสดงความไม่เกิดไม่ดับนั้นมันจะต้องแยกออกจากจิตมันถึงแสดงตัวแก่จิตไม่มีการเกิดการดับของรูปและนาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2013, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
วิธีเข้าถึงธรรมตามพระตถาคต คือกายคตาสติ หลังจากได้ศึกษาธรรมกันมาบ้างแล้วรูปนามคืออะไร อนิจจังงทุกขัง อนัตตาเป้นอย่างไรในเชิงการศึกษา ลองลงมือปฎิบัติตามพุทธวจนที่ท่านกล่าวไว้ว่า การบริโภคกายคตาสตินั้นคือการบริโภคอมตะธรรม และชนเหล่าใดไม่บริโภคกาคตาสติชนเหล่านั้นไม่ได้บริโภคอมตะธรรม ด้วยบทพยัญชนะที่สั้นๆง่ายๆ ที่อะไรคือกาคตาสติ พระองค์บอกทางคือมรรคมีองค์8 แบบย่อลงเหลือสาม ก็ ศิลสมาธิปัญญา ย่อเหลือ1นั้นก็คืออานาปานสติ อานาปานสตินั้นคือการมีสติระลึกชัดอยู่ที่ลมหายใจนั้นเอง และสิ่งที่ผมจะบอกคืออะไรจะเกิดขึนนั้นไม่ตองสนใจ สนใจเพียงให้สติอยู่ที่ลมหายใจตลอด ทำใหมากเจริญให้มาก เมื่อถึงที่สุดแล้วธรรมแท้ก็จะปรากฎเองขอเพียงมั่นใจในพระองงค์ให้ทำเพียงเท่านี้(ในเรื่องการปฎิบัติ)

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ได้เกิดจากการศึกษา สภาวะนี้เกิดจากการปฏิบัติ
การรู้ตามความจริงที่เกิด ไม่ใช่การท่องบัญญัติ

ดังนั้นการทำกายคตาสติ ในลักษณะของ กายานุปัสสนา จะต้องมีปัญญาเห็นสภาวะใน
อนิจจัง ทุกขังและอนัตตา

สติในการทำวิปัสสนา คือการระลึกรู้ปัญญาเพื่อเอามาเป็นฐานในการพิจารณากาย
ปัญญาก็คือไตรลักษณ์อันมีเหตุมาจาก การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

การที่อเมซิ่งบอกว่า ...สติระลึกชัดอยู่ที่ลมหายใจ แล้วโยงไปที่มรรคมีองค์แปด
คำกล่าวเหล่านี้ ล้วนเป็นการจับแพะชนแกะ ความหมายก็คือ พูดโดยขาดความเข้าใจในกรรมฐาน
ถาคุณไม่ได้โยนิโสมนสิการจากการได้ยินไดฟังมาปัญญาคุณจะรู้เหรอครับเป็นไปไม่ได้ อยู่ๆที่คุณลงนั่งแล้วรู้เอง เป็นไป บ่ได้ ส่วนเรื่องอนิจจัง ทุกขังอนัตตา นั้นไม่ต้องมากหรอกแค่ตัวลมมันเองนั้นก็มีครบแล้ว ไม่ต้องไปดูอาการอื่นเลยก็ยังได้ มันแสดงตัวให้เห็นจนเกิดปัญญาหมดแล้ว มีอยู่อย่างเดียวที่ไม่ได้แสดงตัวคือความไม่เกิดไม่ดับ จะแสดงความไม่เกิดไม่ดับนั้นมันจะต้องแยกออกจากจิตมันถึงแสดงตัวแก่จิตไม่มีการเกิดการดับของรูปและนาม

สรุปก็คือยังไม่มีปัญญานั้นเอง :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2013, 12:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
amazing เขียน:
วิธีเข้าถึงธรรมตามพระตถาคต คือกายคตาสติ หลังจากได้ศึกษาธรรมกันมาบ้างแล้วรูปนามคืออะไร อนิจจังงทุกขัง อนัตตาเป้นอย่างไรในเชิงการศึกษา ลองลงมือปฎิบัติตามพุทธวจนที่ท่านกล่าวไว้ว่า การบริโภคกายคตาสตินั้นคือการบริโภคอมตะธรรม และชนเหล่าใดไม่บริโภคกาคตาสติชนเหล่านั้นไม่ได้บริโภคอมตะธรรม ด้วยบทพยัญชนะที่สั้นๆง่ายๆ ที่อะไรคือกาคตาสติ พระองค์บอกทางคือมรรคมีองค์8 แบบย่อลงเหลือสาม ก็ ศิลสมาธิปัญญา ย่อเหลือ1นั้นก็คืออานาปานสติ อานาปานสตินั้นคือการมีสติระลึกชัดอยู่ที่ลมหายใจนั้นเอง และสิ่งที่ผมจะบอกคืออะไรจะเกิดขึนนั้นไม่ตองสนใจ สนใจเพียงให้สติอยู่ที่ลมหายใจตลอด ทำใหมากเจริญให้มาก เมื่อถึงที่สุดแล้วธรรมแท้ก็จะปรากฎเองขอเพียงมั่นใจในพระองงค์ให้ทำเพียงเท่านี้(ในเรื่องการปฎิบัติ)

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ได้เกิดจากการศึกษา สภาวะนี้เกิดจากการปฏิบัติ
การรู้ตามความจริงที่เกิด ไม่ใช่การท่องบัญญัติ

ดังนั้นการทำกายคตาสติ ในลักษณะของ กายานุปัสสนา จะต้องมีปัญญาเห็นสภาวะใน
อนิจจัง ทุกขังและอนัตตา

สติในการทำวิปัสสนา คือการระลึกรู้ปัญญาเพื่อเอามาเป็นฐานในการพิจารณากาย
ปัญญาก็คือไตรลักษณ์อันมีเหตุมาจาก การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

การที่อเมซิ่งบอกว่า ...สติระลึกชัดอยู่ที่ลมหายใจ แล้วโยงไปที่มรรคมีองค์แปด
คำกล่าวเหล่านี้ ล้วนเป็นการจับแพะชนแกะ ความหมายก็คือ พูดโดยขาดความเข้าใจในกรรมฐาน
ถาคุณไม่ได้โยนิโสมนสิการจากการได้ยินไดฟังมาปัญญาคุณจะรู้เหรอครับเป็นไปไม่ได้ อยู่ๆที่คุณลงนั่งแล้วรู้เอง เป็นไป บ่ได้ ส่วนเรื่องอนิจจัง ทุกขังอนัตตา นั้นไม่ต้องมากหรอกแค่ตัวลมมันเองนั้นก็มีครบแล้ว ไม่ต้องไปดูอาการอื่นเลยก็ยังได้ มันแสดงตัวให้เห็นจนเกิดปัญญาหมดแล้ว มีอยู่อย่างเดียวที่ไม่ได้แสดงตัวคือความไม่เกิดไม่ดับ จะแสดงความไม่เกิดไม่ดับนั้นมันจะต้องแยกออกจากจิตมันถึงแสดงตัวแก่จิตไม่มีการเกิดการดับของรูปและนาม

สรุปก็คือยังไม่มีปัญญานั้นเอง :b13:
โฮฮับผู้ที่ยังไม่หยั่งลงมั่นในตถาคต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2013, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมใช้วิธีกำหนดลมหายใจ
ปกติ ขณะวิปัสสนา ลมหายใจจะเป็นท่อนยาว ๆ เข้าออก

มีบางครั้งที่ลมหายใจจะกลายเป็นเม็ดเล็ก ๆ ต่อเนื่องกันเข้าออก
แล้วสักพักก็จะเกิดปิติ เมื่อละปิติ สักพักลมหายใจก็จะหายไปครับ

มีอยู่ครั้งนึง หลังจากลมหายใจหายไปแล้ว พอปล่อยทิ้งไว้ ร่างกายก็จะหายไปด้วยครับ
ไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของร่างกาย โล่ง ๆ ว่างเปล่า นิ่ง ๆ ไม่รู้สึกอะไร

ใครพอทราบไหมครับ ว่าถ้าลมหายใจหายไป หรือว่าร่างกายหายไปแล้ว ควรทำยังไงต่อครับ



ติลักขณะ กล่าวคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มนุษย์จะรู้เข้าใจหรือไม่ก้ตาม มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทุกเมื่อเชื่อวัน

ต่อให้มันปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่มนุษย์มองภาพของมันบิดเบียนไป หรือไม่เข้าใจมัน ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ทำให้มนุษย์เป็นทุกข์เพราะมันได้ เพราะอะไร? ตอบ เพราะมันไม่เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ :b1: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2013, 21:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมใช้วิธีกำหนดลมหายใจ
ปกติ ขณะวิปัสสนา ลมหายใจจะเป็นท่อนยาว ๆ เข้าออก

มีบางครั้งที่ลมหายใจจะกลายเป็นเม็ดเล็ก ๆ ต่อเนื่องกันเข้าออก
แล้วสักพักก็จะเกิดปิติ เมื่อละปิติ สักพักลมหายใจก็จะหายไปครับ

มีอยู่ครั้งนึง หลังจากลมหายใจหายไปแล้ว พอปล่อยทิ้งไว้ ร่างกายก็จะหายไปด้วยครับ
ไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของร่างกาย โล่ง ๆ ว่างเปล่า นิ่ง ๆ ไม่รู้สึกอะไร

ใครพอทราบไหมครับ ว่าถ้าลมหายใจหายไป หรือว่าร่างกายหายไปแล้ว ควรทำยังไงต่อครับ



ติลักขณะ กล่าวคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มนุษย์จะรู้เข้าใจหรือไม่ก้ตาม มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทุกเมื่อเชื่อวัน

ต่อให้มันปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่มนุษย์มองภาพของมันบิดเบียนไป หรือไม่เข้าใจมัน ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ทำให้มนุษย์เป็นทุกข์เพราะมันได้ เพราะอะไร? ตอบ เพราะมันไม่เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ :b1: :b32:
ถ้า3อย่างนี้ไม่มี แก่ เจ็บ ตาย พระองค์ก็จะไม่อุบัติขึ้น พระองค์อุบัติขึ้นบนโลกมนุษย์มาเพื่อแก้ปัญหา3อย่างนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2013, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมใช้วิธีกำหนดลมหายใจ
ปกติ ขณะวิปัสสนา ลมหายใจจะเป็นท่อนยาว ๆ เข้าออก

มีบางครั้งที่ลมหายใจจะกลายเป็นเม็ดเล็ก ๆ ต่อเนื่องกันเข้าออก
แล้วสักพักก็จะเกิดปิติ เมื่อละปิติ สักพักลมหายใจก็จะหายไปครับ

มีอยู่ครั้งนึง หลังจากลมหายใจหายไปแล้ว พอปล่อยทิ้งไว้ ร่างกายก็จะหายไปด้วยครับ
ไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของร่างกาย โล่ง ๆ ว่างเปล่า นิ่ง ๆ ไม่รู้สึกอะไร

ใครพอทราบไหมครับ ว่าถ้าลมหายใจหายไป หรือว่าร่างกายหายไปแล้ว ควรทำยังไงต่อครับ



ติลักขณะ กล่าวคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มนุษย์จะรู้เข้าใจหรือไม่ก้ตาม มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทุกเมื่อเชื่อวัน

ต่อให้มันปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่มนุษย์มองภาพของมันบิดเบียนไป หรือไม่เข้าใจมัน ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ทำให้มนุษย์เป็นทุกข์เพราะมันได้ เพราะอะไร? ตอบ เพราะมันไม่เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ :b1: :b32:
ถ้า3อย่างนี้ไม่มี แก่ เจ็บ ตาย พระองค์ก็จะไม่อุบัติขึ้น พระองค์อุบัติขึ้นบนโลกมนุษย์มาเพื่อแก้ปัญหา3อย่างนี้




พระพุทธเจ้าแก้ไม่ได้ เพราะธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นอย่าง่นั้น แต่พระองค์รู้เห็นธรรมชาติตามที่มันป็น จึงเข้าใจธรรมชาติธรรมดา เรียกว่ารู้ธรรมะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2013, 21:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมใช้วิธีกำหนดลมหายใจ
ปกติ ขณะวิปัสสนา ลมหายใจจะเป็นท่อนยาว ๆ เข้าออก

มีบางครั้งที่ลมหายใจจะกลายเป็นเม็ดเล็ก ๆ ต่อเนื่องกันเข้าออก
แล้วสักพักก็จะเกิดปิติ เมื่อละปิติ สักพักลมหายใจก็จะหายไปครับ

มีอยู่ครั้งนึง หลังจากลมหายใจหายไปแล้ว พอปล่อยทิ้งไว้ ร่างกายก็จะหายไปด้วยครับ
ไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของร่างกาย โล่ง ๆ ว่างเปล่า นิ่ง ๆ ไม่รู้สึกอะไร

ใครพอทราบไหมครับ ว่าถ้าลมหายใจหายไป หรือว่าร่างกายหายไปแล้ว ควรทำยังไงต่อครับ



ติลักขณะ กล่าวคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มนุษย์จะรู้เข้าใจหรือไม่ก้ตาม มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทุกเมื่อเชื่อวัน

ต่อให้มันปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่มนุษย์มองภาพของมันบิดเบียนไป หรือไม่เข้าใจมัน ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ทำให้มนุษย์เป็นทุกข์เพราะมันได้ เพราะอะไร? ตอบ เพราะมันไม่เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ :b1: :b32:
ถ้า3อย่างนี้ไม่มี แก่ เจ็บ ตาย พระองค์ก็จะไม่อุบัติขึ้น พระองค์อุบัติขึ้นบนโลกมนุษย์มาเพื่อแก้ปัญหา3อย่างนี้




พระพุทธเจ้าแก้ไม่ได้ เพราะธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นอย่าง่นั้น แต่พระองค์รู้เห็นธรรมชาติตามที่มันป็น จึงเข้าใจธรรมชาติธรรมดา เรียกว่ารู้ธรรมะ
ผู้ใดเดินบนเส้นทางมรรคก็แก้ปัญหา3อย่างนี้ได้แน่นอน เพราะหนทางนี้เป็นหนทางที่ทำให้สิ้นกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2013, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมใช้วิธีกำหนดลมหายใจ
ปกติ ขณะวิปัสสนา ลมหายใจจะเป็นท่อนยาว ๆ เข้าออก

มีบางครั้งที่ลมหายใจจะกลายเป็นเม็ดเล็ก ๆ ต่อเนื่องกันเข้าออก
แล้วสักพักก็จะเกิดปิติ เมื่อละปิติ สักพักลมหายใจก็จะหายไปครับ

มีอยู่ครั้งนึง หลังจากลมหายใจหายไปแล้ว พอปล่อยทิ้งไว้ ร่างกายก็จะหายไปด้วยครับ
ไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของร่างกาย โล่ง ๆ ว่างเปล่า นิ่ง ๆ ไม่รู้สึกอะไร

ใครพอทราบไหมครับ ว่าถ้าลมหายใจหายไป หรือว่าร่างกายหายไปแล้ว ควรทำยังไงต่อครับ



ติลักขณะ กล่าวคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มนุษย์จะรู้เข้าใจหรือไม่ก้ตาม มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทุกเมื่อเชื่อวัน

ต่อให้มันปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่มนุษย์มองภาพของมันบิดเบียนไป หรือไม่เข้าใจมัน ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ทำให้มนุษย์เป็นทุกข์เพราะมันได้ เพราะอะไร? ตอบ เพราะมันไม่เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ :b1: :b32:
ถ้า3อย่างนี้ไม่มี แก่ เจ็บ ตาย พระองค์ก็จะไม่อุบัติขึ้น พระองค์อุบัติขึ้นบนโลกมนุษย์มาเพื่อแก้ปัญหา3อย่างนี้




พระพุทธเจ้าแก้ไม่ได้ เพราะธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นอย่าง่นั้น แต่พระองค์รู้เห็นธรรมชาติตามที่มันป็น จึงเข้าใจธรรมชาติธรรมดา เรียกว่ารู้ธรรมะ



ผู้ใดเดินบนเส้นทางมรรคก็แก้ปัญหา3อย่างนี้ได้แน่นอน เพราะหนทางนี้เป็นหนทางที่ทำให้สิ้นกรรม



ผู้ใดเดินบนเส้นทางมรรคก็แก้ปัญหา 3 อย่างนี้ได้แน่นอน เพราะหนทางนี้เป็นหนทางที่ทำให้สิ้นกรรม

ขอคำแนะนำครับ แก้ยังไง, เดินทางนั้นยังไง แล้วจะทำให้สิ้นกรรมอะไรครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2013, 07:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมใช้วิธีกำหนดลมหายใจ
ปกติ ขณะวิปัสสนา ลมหายใจจะเป็นท่อนยาว ๆ เข้าออก

มีบางครั้งที่ลมหายใจจะกลายเป็นเม็ดเล็ก ๆ ต่อเนื่องกันเข้าออก
แล้วสักพักก็จะเกิดปิติ เมื่อละปิติ สักพักลมหายใจก็จะหายไปครับ

มีอยู่ครั้งนึง หลังจากลมหายใจหายไปแล้ว พอปล่อยทิ้งไว้ ร่างกายก็จะหายไปด้วยครับ
ไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของร่างกาย โล่ง ๆ ว่างเปล่า นิ่ง ๆ ไม่รู้สึกอะไร

ใครพอทราบไหมครับ ว่าถ้าลมหายใจหายไป หรือว่าร่างกายหายไปแล้ว ควรทำยังไงต่อครับ



ติลักขณะ กล่าวคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มนุษย์จะรู้เข้าใจหรือไม่ก้ตาม มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาทุกเมื่อเชื่อวัน

ต่อให้มันปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่มนุษย์มองภาพของมันบิดเบียนไป หรือไม่เข้าใจมัน ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ทำให้มนุษย์เป็นทุกข์เพราะมันได้ เพราะอะไร? ตอบ เพราะมันไม่เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ :b1: :b32:
ถ้า3อย่างนี้ไม่มี แก่ เจ็บ ตาย พระองค์ก็จะไม่อุบัติขึ้น พระองค์อุบัติขึ้นบนโลกมนุษย์มาเพื่อแก้ปัญหา3อย่างนี้




พระพุทธเจ้าแก้ไม่ได้ เพราะธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นอย่าง่นั้น แต่พระองค์รู้เห็นธรรมชาติตามที่มันป็น จึงเข้าใจธรรมชาติธรรมดา เรียกว่ารู้ธรรมะ

ผู้ใดเดินบนเส้นทางมรรคก็แก้ปัญหา3อย่างนี้ได้แน่นอน เพราะหนทางนี้เป็นหนทางที่ทำให้สิ้นกรรม



ผู้ใดเดินบนเส้นทางมรรคก็แก้ปัญหา 3 อย่างนี้ได้แน่นอน เพราะหนทางนี้เป็นหนทางที่ทำให้สิ้นกรรม

ขอคำแนะนำครับ แก้ยังไง, เดินทางนั้นยังไง แล้วจะทำให้สิ้นกรรมอะไรครับ :b10:
ผมขอแนะนำแบบสั้นๆและได้ผลแน่แท้คือฟังพุทธวจนและอานปานสติ เพราะอานาปานสติจะทำให้วิมุติ พอแล้วทำแค่นี้พระองค์ยืนยัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2013, 07:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:

ผมขอแนะนำแบบสั้นๆและได้ผลแน่แท้คือ

ฟังพุทธวจน

และอานปานสติ เพราะอานาปานสติจะทำให้วิมุติ พอแล้วทำแค่นี้พระองค์ยืนยัน



ฟัง ฟังพุทธวจน ฟังจากใครครับ

อานาปานสติ อะไรครับ หรืออ่าน/ท่องจำ อานาปานสติๆๆๆๆๆๆ ก็วิมุตติแล้ว หรือยังไงครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2013, 08:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

ผมขอแนะนำแบบสั้นๆและได้ผลแน่แท้คือ

ฟังพุทธวจน

และอานปานสติ เพราะอานาปานสติจะทำให้วิมุติ พอแล้วทำแค่นี้พระองค์ยืนยัน



ฟัง ฟังพุทธวจน ฟังจากใครครับ

อานาปานสติ อะไรครับ หรืออ่าน/ท่องจำ อานาปานสติๆๆๆๆๆๆ ก็วิมุตติแล้ว หรือยังไงครับ :b10:
จากใครก็ได้ อ่านเองก็ได้ ทำตามความเข้าใจเท่าที่มีแล้วธรรมชาติจะค่อยๆปรับให้ลงตัว ขอเพียงเริ่มต้น สตาร์ทเลยอย่าเสียเวลา หยั่งลงมั่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2013, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:

ผมขอแนะนำแบบสั้นๆและได้ผลแน่แท้คือ

ฟังพุทธวจน

และอานปานสติ เพราะอานาปานสติจะทำให้วิมุติ พอแล้วทำแค่นี้พระองค์ยืนยัน



ฟัง ฟังพุทธวจน ฟังจากใครครับ

อานาปานสติ อะไรครับ หรืออ่าน/ท่องจำ อานาปานสติๆๆๆๆๆๆ ก็วิมุตติแล้ว หรือยังไงครับ :b10:

จากใครก็ได้ อ่านเองก็ได้ ทำตามความเข้าใจเท่าที่มีแล้วธรรมชาติจะค่อยๆปรับให้ลงตัว ขอเพียงเริ่มต้น สตาร์ทเลยอย่าเสียเวลา หยั่งลงมั่น



อ้อ...ครับๆ ถ้างั้นพวกเราพากันและกันอ่านพุทธวจน อ่านอานาปานสติกันเถอะครับ :b1: จะได้พ้นจากเกิด แก่ เจ็บ ตาย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร