วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 228 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 16  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




005.jpg
005.jpg [ 23.58 KiB | เปิดดู 5888 ครั้ง ]
วิปัสสนาโดยไม่ใช้ฌานเลย คือไม่ใช้ฌาน 1-2-3-4 ได้ไหม ??
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 08:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ได้ครับ ! การเจริญวิปัสสนาเป็นการดับกิเลส
ไม่ใช่การทำให้เกิดฌาน เกิดอภิญญา
ฉะนั้นการเจริญวิปัสสนาจึงเป็นการดับกิเลสโดยตรง
พระอรหันต์ที่ไม่ได้ฌาน เรียกว่าสุกขวิปัสสกะ

ผู้บรรลุ มัคค ผล นิพพาน นั้นมีอยู่ ๒ จำพวกด้วยกัน คือ สุกขวิปัสสกจำพวกหนึ่ง
และฌานลาภีบุคคลอีกจำพวกหนึ่ง

สุกขวิปัสสกบุคคล นั้น เป็นผู้มีวิปัสสนาญาณอันแห้งแล้งจากโลกียฌาน คือ
พระอริยบุคคลจำพวกนี้ ไม่ได้เจริญสมถภาวนาจนเกิดฌานจิต มาแต่ก่อนเลย
เริ่มเจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างเดียวจนเป็นพระอริยบุคคล

ส่วน ฌานลาภีบุคคล นั้น หมายถึงผู้ที่ได้เจริญสมถภาวนาจนเกิดฌานจิต
มีปฐมญานเป็นต้นมาก่อนแล้ว เป็นฌานลาภีบุคคลมาแล้ว จึงได้มาเจริญวิปัสสนาภาวนา
ภายหลังอีก จนเป็นพระอริยบุคคล

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงหมาน เมื่อ 09 ก.ค. 2013, 06:57, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 12:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




GEDC1851_resize.JPG
GEDC1851_resize.JPG [ 78.12 KiB | เปิดดู 5845 ครั้ง ]
s006
อ้างคำพูด:
วิปัสสนาโดยไม่ใช้ฌานเลย คือไม่ใช้ฌาน 1-2-3-4 ได้ไหม ??


:b16: :b12: :b27:
ได้ซิครับ .....ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า เพียง ขณิกะสมาธิ สมาธิที่รวมตัวตั้งมั่นกันเป็นพักๆ ก็สามารถนำมาใช้เจริญวิปัสสนาภาวนาได้

แล้วหลังจากนั้น ขณิกะสมาธิ อันเหมือนน้ำทีละหยดนี้ จะมารวมตัวกันให้เกิด สมาธิที่ตั้งมั่น สงบได้นานๆเองโดยธรรม

สมาธิที่เกิดจากวิปัสสนาญาณ หรือวิปัสสนาปัญญานี้ จะเบาสบาย เกิดและเพิ่มขึ้นไปตามลำดับแห่งธรรม ไม่เหนื่อย ไม่หนัก ไม่ต้องบังคับธรรมชาติ.....ที่สุดแห่งความสงบและตั้งมั่นทางด้านวิปัสสนาภาวนา คือ

สังขารุเปกขาญาณ คือ การหยุดหรือสงบความนึกคิด ปรุงแต่งไปชั่วคราว คล้ายๆฌาณ 4 แต่มาจากฐานคนละฐานกัน

ฌาณ 4 มาจากฐานสมถะภาวนา

สังขารุเปกขาญาณ มาาจากฐาน วิปัสสนาภาวนา ครับ

onion onion :b27: :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=23&A=9041&Z=9145&pagebreak=0

วิปัสสนา ก็เป็นฌาน อยู่แล้ว

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 20:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s006
บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน โดย
คำนึงเป็นอารมณ์ว่า อะไรๆ หน่อยหนึ่งไม่มี เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย
คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีอยู่ในขณะแห่งอากิญจัญญายตนฌานนั้น
โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ... ว่างเปล่า เป็นอนัตตา เธอย่อมยังจิตให้
ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้น ครั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่น
ประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง
... นิพพาน เธอตั้งอยู่ใน
อากิญจัญญายตนะนั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้ายังไม่ถึงความ
สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เธอย่อมเป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอัน


:b10:
น่าสังเกตตรงนี้นะครับ ว่า ท่านถอนออกจากฌาณมาพิจารณา หรือยู่ในฌาณนั้น พิจารณาธรรม

อีกตัวอย่างเช่น ตอนอยู่ในฌาณ 4 คือเป็นเอกัคตารมณ์ จิตเป็น 1 เดียวอยู่ จะมีการพิจารณาได้อย่างไร

ต้องถอยลงมาพิจารณาในฌาณ 1 ซึ่งมีวิตกวิจารณ์ได้ อย่างนั้นหรือเปล่า .....กรุณาาช่วยอธิบายด้วยครับ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 22:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า...ต้องถอย....นี้..เหมือนมีการใส่เจตนาเข้าไป....คือ..คิดว่าจะถอย...หรือ..กำหนดให้ถอย

ซึ่ง..หากยังสามารถใส่เจตนา..อะไรลงไปได้อีกในฌานนั้น.....นั้นก็เป้นฌานปลอม..แล้วละ..คิดว่านะ

แต่..หากว่าฌานเคลื่อนมาเอง...อันนี้..ไร้เจตนา....การเคลื่อนนั้น..เป็นเรื่องปกติของธรรมทั้งหลาย...

ผู้พิจารณาเอง..ในขณะที่พิจารณาก็ไม่รู้หรอกว่าอยู่ฌานไหน....รู้แต่ว่า....เราพิจารณาได้..หรือ...มีการคิดได้
ตรงนี้...เราจึงมาตีความตามลักษณะของฌานว่า...น่าจะอยู่ฌาน1 หรือ..ตรงอุปจาระสมาธิ...จากลักษณะอาการแห่งการคิดได้....นี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 01:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s006
บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน โดย
คำนึงเป็นอารมณ์ว่า อะไรๆ หน่อยหนึ่งไม่มี เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย
คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีอยู่ในขณะแห่งอากิญจัญญายตนฌานนั้น
โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ... ว่างเปล่า เป็นอนัตตา เธอย่อมยังจิตให้
ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้น ครั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่น
ประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง
... นิพพาน เธอตั้งอยู่ใน
อากิญจัญญายตนะนั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้ายังไม่ถึงความ
สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เธอย่อมเป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอัน


:b10:
น่าสังเกตตรงนี้นะครับ ว่า ท่านถอนออกจากฌาณมาพิจารณา หรือยู่ในฌาณนั้น พิจารณาธรรม

อีกตัวอย่างเช่น ตอนอยู่ในฌาณ 4 คือเป็นเอกัคตารมณ์ จิตเป็น 1 เดียวอยู่ จะมีการพิจารณาได้อย่างไร

ต้องถอยลงมาพิจารณาในฌาณ 1 ซึ่งมีวิตกวิจารณ์ได้ อย่างนั้นหรือเปล่า .....กรุณาาช่วยอธิบายด้วยครับ

:b8:

ตอนที่ Asoka หายใจเข้าสุดๆ แล้วไม่หายใจออก Asoka เห็นแจ้งข้อธรรมอะไรไหม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 02:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


มหาราชันย์ เขียน:
วิปัสสนาโดยไม่ใช้ฌานเลย คือไม่ใช้ฌาน 1-2-3-4 ได้ไหม ??

ความเห็นผม ได้ครับ แต่เป็นวิปัสสนาขั้นแรก คือการเกิดดับของนามรูป ซึ่ง ปรากฏให้เห็นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

แต่เมื่อก้าวขึ้นสู่วิปัสสนาชั้นสูงขึ้น ความเห็นผม ต้องมีฐานอยู่ที่ อัปปนาสมาธิเป็นอย่างน้อย เพราะศีลต้องบริสุทธิ์ อันเนื่องมาจากนิวรณ์ทั้ง5ระงับลงเสียก่อน

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 04:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=23&A=9041&Z=9145&pagebreak=0

วิปัสสนา ก็เป็นฌาน อยู่แล้ว

วิปัสสนา ไม่เป็นฌาน และฌานก็ไม่ใช้วิปัสสนา

ฌานกับวิปัสสนา เป็นคนละสภาวะกัน

ฌานกับกับวิปัสนาเกี่ยวข้องกันอย่างไร กับพระสูตรที่เอามาอ้าง
นั้นก็คือการ ใช้อารมณ์ฌามมาเดินวิปัสสนา ฌานที่มาเดินวิปัสสนาเป็นสัญญา
จึงไม่ใช่วิปัสสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s006
บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน โดย
คำนึงเป็นอารมณ์ว่า อะไรๆ หน่อยหนึ่งไม่มี เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย
คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีอยู่ในขณะแห่งอากิญจัญญายตนฌานนั้น
โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ... ว่างเปล่า เป็นอนัตตา เธอย่อมยังจิตให้
ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้น ครั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่น
ประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง
... นิพพาน เธอตั้งอยู่ใน
อากิญจัญญายตนะนั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้ายังไม่ถึงความ
สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เธอย่อมเป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอัน


:b10:
น่าสังเกตตรงนี้นะครับ ว่า ท่านถอนออกจากฌาณมาพิจารณา หรือยู่ในฌาณนั้น พิจารณาธรรม

อีกตัวอย่างเช่น ตอนอยู่ในฌาณ 4 คือเป็นเอกัคตารมณ์ จิตเป็น 1 เดียวอยู่ จะมีการพิจารณาได้อย่างไร

ต้องถอยลงมาพิจารณาในฌาณ 1 ซึ่งมีวิตกวิจารณ์ได้ อย่างนั้นหรือเปล่า .....กรุณาาช่วยอธิบายด้วยครับ

:b8:


วิปัสสนาคือการ พิจารณาอารมณ์ฌาน ระลึกรู้ว่า ในปฐมฌานมีการเปลี่ยนแปลงอะไร
จากหนึ่งถึงสี่ หรือสี่ตกมามาที่หนึ่ง

การเอาฌานมาทำวิปัสสนา ไม่ได้หมายถึงเอาฌานใดฌานหนึ่งมาทำวิปัสสนา
แต่เป็นการดูการเปลี่ยนแปลงหรือดูความต่างของฌาน
ขณะที่อยู่ในฌานไม่สามารถทำวิปัสสนาได้ จะต้องมีสติระลึกรู้เสียก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=23&A=9041&Z=9145&pagebreak=0

วิปัสสนา ก็เป็นฌาน อยู่แล้ว

วิปัสสนา ไม่เป็นฌาน และฌานก็ไม่ใช้วิปัสสนา

ฌานกับวิปัสสนา เป็นคนละสภาวะกัน

ฌานกับกับวิปัสนาเกี่ยวข้องกันอย่างไร กับพระสูตรที่เอามาอ้าง
นั้นก็คือการ ใช้อารมณ์ฌามมาเดินวิปัสสนา ฌานที่มาเดินวิปัสสนาเป็นสัญญา
จึงไม่ใช่วิปัสสนา


โฮฮับ ไม่รู้จักแม้กระทั่งขันธ์ 5
โพธิปักขิยธรรม
ปฏิจสมุปบาท
รูปฌาน 1-4
อรูปฌาน ทั้ง 4

ย่อมไม่รู้จัก

แม้สภาวะธรรม ที่เป็นฌาน ....

ก็เลยคิดเองเออเองว่า เดินไปๆมาๆ ........อย่ามั่วเลยโฮฮับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 12:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


มหาราชันย์ เขียน:
วิปัสสนาโดยไม่ใช้ฌานเลย คือไม่ใช้ฌาน 1-2-3-4 ได้ไหม ??


เท่าที่รู้มา
วิปัสสนาเกิดร่วมกับกามาวจรกุศลจิตญาณสัมปยุตต์ ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=23&A=9041&Z=9145&pagebreak=0

วิปัสสนา ก็เป็นฌาน อยู่แล้ว

วิปัสสนา ไม่เป็นฌาน และฌานก็ไม่ใช้วิปัสสนา

ฌานกับวิปัสสนา เป็นคนละสภาวะกัน

ฌานกับกับวิปัสนาเกี่ยวข้องกันอย่างไร กับพระสูตรที่เอามาอ้าง
นั้นก็คือการ ใช้อารมณ์ฌามมาเดินวิปัสสนา ฌานที่มาเดินวิปัสสนาเป็นสัญญา
จึงไม่ใช่วิปัสสนา


โฮฮับ ไม่รู้จักแม้กระทั่งขันธ์ 5
โพธิปักขิยธรรม
ปฏิจสมุปบาท
รูปฌาน 1-4
อรูปฌาน ทั้ง 4

ย่อมไม่รู้จัก

แม้สภาวะธรรม ที่เป็นฌาน ....

ก็เลยคิดเองเออเองว่า เดินไปๆมาๆ ........อย่ามั่วเลยโฮฮับ

ผมน่ะรู้จักดีครับ ถ้าไม่รู้จะทำให้เช่นนั้นไปไม่ถูก จนหัวชนฝาแบบนี้หรือ :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=23&A=9041&Z=9145&pagebreak=0

วิปัสสนา ก็เป็นฌาน อยู่แล้ว

วิปัสสนา ไม่เป็นฌาน และฌานก็ไม่ใช้วิปัสสนา

ฌานกับวิปัสสนา เป็นคนละสภาวะกัน

ฌานกับกับวิปัสนาเกี่ยวข้องกันอย่างไร กับพระสูตรที่เอามาอ้าง
นั้นก็คือการ ใช้อารมณ์ฌามมาเดินวิปัสสนา ฌานที่มาเดินวิปัสสนาเป็นสัญญา
จึงไม่ใช่วิปัสสนา


โฮฮับ ไม่รู้จักแม้กระทั่งขันธ์ 5
โพธิปักขิยธรรม
ปฏิจสมุปบาท
รูปฌาน 1-4
อรูปฌาน ทั้ง 4

ย่อมไม่รู้จัก

แม้สภาวะธรรม ที่เป็นฌาน ....

ก็เลยคิดเองเออเองว่า เดินไปๆมาๆ ........อย่ามั่วเลยโฮฮับ

ผมน่ะรู้จักดีครับ ถ้าไม่รู้จะทำให้เช่นนั้นไปไม่ถูก จนหัวชนฝาแบบนี้หรือ :b9:


โฮฮับแถไงโฮฮับแถก ไปเรื่อยๆ :b17:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 21:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
asoka เขียน:
s006
บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน โดย
คำนึงเป็นอารมณ์ว่า อะไรๆ หน่อยหนึ่งไม่มี เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย
คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีอยู่ในขณะแห่งอากิญจัญญายตนฌานนั้น
โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ... ว่างเปล่า เป็นอนัตตา เธอย่อมยังจิตให้
ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้น ครั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่น
ประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง
... นิพพาน เธอตั้งอยู่ใน
อากิญจัญญายตนะนั้น ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ถ้ายังไม่ถึงความ
สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย เธอย่อมเป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น มีอัน


:b10:
น่าสังเกตตรงนี้นะครับ ว่า ท่านถอนออกจากฌาณมาพิจารณา หรือยู่ในฌาณนั้น พิจารณาธรรม

อีกตัวอย่างเช่น ตอนอยู่ในฌาณ 4 คือเป็นเอกัคตารมณ์ จิตเป็น 1 เดียวอยู่ จะมีการพิจารณาได้อย่างไร

ต้องถอยลงมาพิจารณาในฌาณ 1 ซึ่งมีวิตกวิจารณ์ได้ อย่างนั้นหรือเปล่า .....กรุณาาช่วยอธิบายด้วยครับ

:b8:

ตอนที่ Asoka หายใจเข้าสุดๆ แล้วไม่หายใจออก Asoka เห็นแจ้งข้อธรรมอะไรไหม

:b12: :b12: :b12:
เห็นทุกขัง......ความทนอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้ครับ.........ต้องเปลี่ยนแปลง..(อนิจจัง).......พอพิจารณาอย่างลึกซึ้ง ก็เห็นความบังคับไม่ได้ ของลมหายใจเข้าออก (อนัตตา) ครับ
:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 228 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 16  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร