วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 09:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 05:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
จขกทสอนวิชาโยคีหรือครับ :b32:


:b12: :b12: :b12:
วิชาของพุทธศาสนานี่แหละครับ เป็นวิชาสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องและทรงเอาเป็นเครื่องอยู่ของพระองค์เองด้วยครับ

อาจดูเหมือนนอกตำราสักหน่อย แต่ก็เป็นธรรมะประยุกต์ คือเอาหลักธรรมะภาคปฏิบัติมาใช้ในชีวิตจริงครับ

ลองหาคำตอบให้ได้ก่อนซิครับ เดี๋ยวจะมีภาคขยายมาให้เห็นคุณค่าเองนะครับ


พระพุทธองค์สอนให้ดูลมหายใจ อานาปานสติ คือตามรู้ดูเฉยๆ สั้นรู้ยาวรู้
ไม่ใช่ไปบังคับลมหายใจ ไม่หายใจเท่าโน้นเท่านี้ หายใจเท่าโน้นเท่านี้
แบบนี้มันเป็นอัตตกิลมถานุโยค พระพุทธองค์ไม่ให้ทำ

ส่วนเครื่องอยู่เขาเรียกว่า สมาบัติ มีตั้งหลายวิธี การดูลมก็เป็นวิธีหนึ่ง
แต่ไม่ใช่การไปบังคับลมหายใจ เข้าใจมั้ย :b32:


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 11:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
asoka เขียน:

คำตอบก็ง่ายๆ ซื่อๆ รู้สึกอย่างไร?.....เมื่อหายใจเข้าสุดแล้ว ไม่หายใจออก หายใจออกสุดแล้ว ไม่หายใจเข้า
เอาความรู้สึกนั้นมาตอบก็จะเป็นคำตอบที่ถูกต้องเหมือนกันทั้งหมดทุกคนแหละครับ[/b][/color]
:b8:
:b12: :b12: :b12:


อ๊ะย๊ะ!!
รอไว้ไปเข้าฝัน ASoka ล่ะครับ
:b17:

:b12: :b12: :b12:
รับรองไม่ถึงตายหรอกนะครับ .....ไม่ถึงขนาดวิญญาณหลุดลอยไปเข้าฝันใครหรอก เพราะพอกลั้นลมหายใจไว้สุดๆ แล้วธรรมชาติภายในเขาจะสั่งการเองโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาก้อนชีวิตนี้ไม่ให้ตายดับ...แต่สิ่งที่เราจะต้องได้จากผลการพิสูจน์นี้ก็คือ คำตอบว่า

"อะไร? ทำให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก"

สังเกตดูดีๆนะครับ

:b12: :b12: :b12: :b13: :b13: :b13:


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 11:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
จขกทสอนวิชาโยคีหรือครับ :b32:


:b12: :b12: :b12:
วิชาของพุทธศาสนานี่แหละครับ เป็นวิชาสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องและทรงเอาเป็นเครื่องอยู่ของพระองค์เองด้วยครับ

อาจดูเหมือนนอกตำราสักหน่อย แต่ก็เป็นธรรมะประยุกต์ คือเอาหลักธรรมะภาคปฏิบัติมาใช้ในชีวิตจริงครับ

ลองหาคำตอบให้ได้ก่อนซิครับ เดี๋ยวจะมีภาคขยายมาให้เห็นคุณค่าเองนะครับ


พระพุทธองค์สอนให้ดูลมหายใจ อานาปานสติ คือตามรู้ดูเฉยๆ สั้นรู้ยาวรู้
ไม่ใช่ไปบังคับลมหายใจ ไม่หายใจเท่าโน้นเท่านี้ หายใจเท่าโน้นเท่านี้
แบบนี้มันเป็นอัตตกิลมถานุโยค พระพุทธองค์ไม่ให้ทำ

ส่วนเครื่องอยู่เขาเรียกว่า สมาบัติ มีตั้งหลายวิธี การดูลมก็เป็นวิธีหนึ่ง
แต่ไม่ใช่การไปบังคับลมหายใจ เข้าใจมั้ย :b32:


:b12: :b12: :b12:

อ้างคำพูด:
ลองพากันนั่งสำรวม กาย ใจ สงบกาย สงบใจ ใช้ตาสติและปัญญาสังเกตพิจารณาดูลมหายใจของตนเองให้ดีๆ

:b16:
ดูให้ดีๆก่อนนะครับ ข้อความดังที่ยกมาให้อ่านซ้ำอีกทีนี้ไม่มีตรงไหนที่เป็นเรื่องบังคับลมหายใจนะครับ คุณโฮฮับ
:b41:
แล้วที่ไปบอกว่า
:b48:
ไม่ใช่ไปบังคับลมหายใจ ไม่หายใจเท่าโน้นเท่านี้ หายใจเท่าโน้นเท่านี้
แบบนี้มันเป็นอัตตกิลมถานุโยค พระพุทธองค์ไม่ให้ทำ

:b48:
คำพูดนี้กระทบไปหมดเลยนะครับ ทั้งพุทโธ ทั้งพองหนอ ยุบหนอ ล้วนเป็นการกำหนดลมหายใจ บังคับลมหายใจทั้งสิ้น
:b55:
อันเรื่องอานาปานสติ 16 ขั้นตอนนั้นผมเข้าใจดีครับ รู้ด้วยว่านี่เป็นการปฏิบัติ สมถะร่วมไปกับวิปัสสนาภาวนาไปพร้อมๆกัน
:b16:
ติดตามไปเรื่อยๆก่อนเดียวก็จะเห็นเองว่า ปฏิบัติการเรื่องลมหายใจในครั้งนี้จะมีประโยชน์เกี่ยวเนื่องอย่างไร?

ตอบคำถามให้ได้เสียก่อนซิครับ แล้วค่อยวิตกวิจารณ์ไปเรื่องอื่นที่นอกประเด็นของกระทู้นะครับ
:b16: :b16:


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 12:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนเรากลั้นหายใจ....ตาย....ได้หรือไม่?

แบบหนังจีนกำลังภายในที่กัดลิ้นตัวเองตาย...นะ..ได้มั้ย?

อิอิ....


:b12: :b12: :b12:
น่าจะตายได้นะครับ ถ้าตั้งใจจะเอาให้ตายจริงๆ
:b12: :b12: :b12:
แต่การกลั้นหายใจเพื่อทดสอบ..หรือแม้จะไม่กลั้น...ถ้าความสังเกตดีๆ ก็จะพอรู้และได้คำตอบว่า

อะไร เป็นเหตุให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก

คุณกบลองดูหรือยังล่ะครับ?
:b16: :b16: :b16:

สำหรับคุณ Hanako รอไปอีกสักนิดหนึ่งนะครับแล้วเราค่อยมาเฉลยคำตอบกัน

เพราะเท่าที่เห็นตอนนี้ มีคนตอบจริงๆ อยู่ 2 ท่าน คือคุณกบนอกกะลา และคุณStudent แต่สังเกตดูแล้ว น่าจะเป็นการคิดแล้วตอบ ไม่ใช่พิสูจน์แล้วตอบ จึงยังไม่ตรงประเด็นของสภาวะธรรมจริงๆสำหรับคุณกบ แต่ตอบได้สั้นดีครับ ส่วนของคุณ Student นั้นตอบได้ดีมาก แต่มีคำอธิบายที่มากเกินไปนิดหนึ่ง

สำพหรับบางท่านเข้ามาอ่านกระทู้ปั๊บแล้วสงสัย วิจารณ์ทันที โดยไม่ลองค้นหาคำตอบเสียก่อน อันนี้เป็นธรรมดาของกระทู้ทั้งหลายในลานธรรมจักรแห่งนี้ เราจะมีผู้ร่วมสนทนาอย่างนี้เป็นส่วนใหญ่ครับ

นี่คือรสชาด และสีสรรใหม่ ในการสนทนาธรรมประกอบกับปฏิบัติการ ครับ ลองชิมกันดูเพื่อเป็นการแทรกบรรยากาศที่เราเคยชินนะครับ

เจริญสุข เจริญธรรมกันทุกๆท่านครับ

:b8: smiley tongue


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 13:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมทำบ่อยคับ..ยิ่งตอนเด็ก ๆ....ผมจับเวลา..ทำสติถิเลยเชียวคับ...


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 14:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

อ้างคำพูด:
ลองพากันนั่งสำรวม กาย ใจ สงบกาย สงบใจ ใช้ตาสติและปัญญาสังเกตพิจารณาดูลมหายใจของตนเองให้ดีๆ

:b16:
ดูให้ดีๆก่อนนะครับ ข้อความดังที่ยกมาให้อ่านซ้ำอีกทีนี้ไม่มีตรงไหนที่เป็นเรื่องบังคับลมหายใจนะครับ :


แล้วที่คุณพูดนี่หมายความว่าไงครับ.....
asoka เขียน:
ลองไม่หายใจออกดูสักครึ่งนาที หายใจออกสุดแล้ว ลองไม่หายใจเข้าดูสักครึ่งนาที....ดู หรือทำความสัมผัสรู้ให้ดีๆ ว่า

ถ้าคำตอบยังไม่ชัด ลองกลั้นหายใจไว้ให้นานนานกว่าครึ่งนาฑีดูนะครับ แล้วคำตอบจะชัดเป็นอันเดียวกันทันที


asoka เขียน:
คุณโฮฮับ
:b41:
แล้วที่ไปบอกว่า
ไม่ใช่ไปบังคับลมหายใจ ไม่หายใจเท่าโน้นเท่านี้ หายใจเท่าโน้นเท่านี้
แบบนี้มันเป็นอัตตกิลมถานุโยค พระพุทธองค์ไม่ให้ทำ

คำพูดนี้กระทบไปหมดเลยนะครับ ทั้งพุทโธ ทั้งพองหนอ ยุบหนอ ล้วนเป็นการกำหนดลมหายใจ
บังคับลมหายใจทั้งสิ้น

เละแล้วครับ มันไปบังคับอย่างไรครับ ที่คุณบอกมามันเป็นการบริกรรม
มันเป็นการเพ่งเพื่อให้สติอยู่กับคำบริกรรมหรือ อยู่กับสิ่งที่เราเพ่ง
มันไม่ได้ไปบังคับอะไรแบบที่คุณว่า
อัตตกิลมลถานุโยค คือการบังคับกายฝืนธรรมชาติครับ
การบังคับไม่หายใจครึ่งนาที่มันฝืนธรรมชาติมั้ย
asoka เขียน:
คุณโฮฮับ
:
อันเรื่องอานาปานสติ 16 ขั้นตอนนั้นผมเข้าใจดีครับ รู้ด้วยว่านี่เป็นการปฏิบัติ สมถะร่วมไปกับวิปัสสนาภาวนาไปพร้อมๆกัน
:b16:
ติดตามไปเรื่อยๆก่อนเดียวก็จะเห็นเองว่า ปฏิบัติการเรื่องลมหายใจในครั้งนี้จะมีประโยชน์เกี่ยวเนื่องอย่างไร?

ตอบคำถามให้ได้เสียก่อนซิครับ แล้วค่อยวิตกวิจารณ์ไปเรื่องอื่นที่นอกประเด็นของกระทู้นะครับ
:b16: :b16:

ก็ตอบแล้วไงว่าเป็นอัตตกิลมถานุโยค มันเป็นเรื่องของพวกโยคีชีเปลือย
เริ่มแรกมันก็ผิดแล้ว แล้วถามหน่อยมันนอกประเด็นตรงไหน

อยากรู้ครับสำนักไหนเขาสอนครับ ไม่หายใจครึ่งนาที ตลกเละครับ :b32:


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 14:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2011, 13:22
โพสต์: 79


 ข้อมูลส่วนตัว


Re: อะไร เป็นเหตุให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก
วิทยาศาสตร์เพื่อการดำรงอยู่และขยายเพ่าพันธุ์ พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกว่าเป็นไปตามธรรมตามกรรม อะเปล่าขอรับ


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
"ลมหายใจ เป็นกุญแจไขความลับของชีวิต"

เรื่องของลมหายใจเข้าออกมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ดังความสรุปในเรื่องของอานาปานสติสูตรว่า

อานาปานสติอันบุคคลทำให้มาก เจริญให้มากแล้ว ย่อมยัง สติปัฏฐาน 4 ให้สมบูรณ์
สติปัฏฐาน 4 ที่สมบูรณ์ ย่อมยังให้โพชฌงค์ 7 สมบูรณ์
โพชฌงค์ 7 สมบูรณ์ ย่อมยัง วิชชาและวิมุติให้สมบูรณ์


ความลับอันแรกของลมหายใจก็คือ......"อะไร? ทำให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก"

ลองพากันนั่งสำรวม กาย ใจ สงบกาย สงบใจ ใช้ตาสติและปัญญาสังเกตพิจารณาดูลมหายใจของตนเองให้ดีๆ แล้วค้นหาคำตอบออกมาให้ได้ว่า....อะไร? ทำให้เราต้องหายใจเข้าและหายใจออก แล้วนำคำตอบที่ค้นพบได้มาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังตามมุมมองของแต่ละท่านนะครับ เอาแง่มุมในทางธรรมนะครับ

:b37:
:b38:
:b16:


:b8: ถ้าตอบจากผลที่ได้จากการ เจริญวิปัสสนา ก็ต้องบอกว่า ความทุกข์บีบคั้นให้เราต้องหายใจเข้า
และบีบคั้นให้เราต้องหายใจออก...กล่าวโดยรวมว่าขันธ์ทั้งห้าเป็นทุกข์...เป็นสิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัยปรุงแต่ง.. :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion

"ลมหายใจ เป็นกุญแจไขความลับของชีวิต"

เรื่องของลมหายใจเข้าออกมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ดังความสรุปในเรื่องของอานาปานสติสูตรว่า

อานาปานสติอันบุคคลทำให้มาก เจริญให้มากแล้ว ย่อมยัง สติปัฏฐาน 4 ให้สมบูรณ์
สติปัฏฐาน 4 ที่สมบูรณ์ ย่อมยังให้โพชฌงค์ 7 สมบูรณ์
โพชฌงค์ 7 สมบูรณ์ ย่อมยัง วิชชาและวิมุติให้สมบูรณ์


ความลับอันแรกของลมหายใจก็คือ......"อะไร? ทำให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก"

ลองพากันนั่งสำรวม กาย ใจ สงบกาย สงบใจ ใช้ตาสติและปัญญาสังเกตพิจารณาดูลมหายใจของตนเองให้ดีๆ แล้วค้นหาคำตอบออกมาให้ได้ว่า....อะไร? ทำให้เราต้องหายใจเข้าและหายใจออก แล้วนำคำตอบที่ค้นพบได้มาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังตามมุมมองของแต่ละท่านนะครับ เอาแง่มุมในทางธรรมนะครับ





"ลมหายใจ เป็นกุญแจไขความลับของชีวิต"

ท่อนนี้ พอเข้าเค้า เพราะลมหายใจ บอกความสัมพันธ์กันระหว่างร่างกายกับจิตใจ คือเป็นเหตุเป็นผลหรือเป็นเหตุปัจจัยกันและกัน



ความลับอันแรกของลมหายใจก็คือ......"อะไร? ทำให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก"

แต่ท่อนนี้ คุณอโศก ชวนค้นหาว่า "อะไร" ทำให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก คงทำนองเดียวกับการค้นหาเหตุเกิดของโลกนี้ว่าเกิดจากสาเหตุใด ถ้ายังงั้นก็ยากครับ เหมือนตั้งเจตนาไว้ผิด ที่แท้ท่านให้ดูลมเข้า-ออกยาว ก็รู้ว่ามันยาว สั้นก็รู้ว่ามันสั้น สรุปก็คือรู้ตามที่มันเป็นของมัน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 16:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:

อ้างคำพูด:
ลองพากันนั่งสำรวม กาย ใจ สงบกาย สงบใจ ใช้ตาสติและปัญญาสังเกตพิจารณาดูลมหายใจของตนเองให้ดีๆ

:b16:
ดูให้ดีๆก่อนนะครับ ข้อความดังที่ยกมาให้อ่านซ้ำอีกทีนี้ไม่มีตรงไหนที่เป็นเรื่องบังคับลมหายใจนะครับ :


แล้วที่คุณพูดนี่หมายความว่าไงครับ.....
asoka เขียน:
ลองไม่หายใจออกดูสักครึ่งนาที หายใจออกสุดแล้ว ลองไม่หายใจเข้าดูสักครึ่งนาที....ดู หรือทำความสัมผัสรู้ให้ดีๆ ว่า

ถ้าคำตอบยังไม่ชัด ลองกลั้นหายใจไว้ให้นานนานกว่าครึ่งนาฑีดูนะครับ แล้วคำตอบจะชัดเป็นอันเดียวกันทันที


asoka เขียน:
คุณโฮฮับ
:b41:
แล้วที่ไปบอกว่า
ไม่ใช่ไปบังคับลมหายใจ ไม่หายใจเท่าโน้นเท่านี้ หายใจเท่าโน้นเท่านี้
แบบนี้มันเป็นอัตตกิลมถานุโยค พระพุทธองค์ไม่ให้ทำ

คำพูดนี้กระทบไปหมดเลยนะครับ ทั้งพุทโธ ทั้งพองหนอ ยุบหนอ ล้วนเป็นการกำหนดลมหายใจ
บังคับลมหายใจทั้งสิ้น

เละแล้วครับ มันไปบังคับอย่างไรครับ ที่คุณบอกมามันเป็นการบริกรรม
มันเป็นการเพ่งเพื่อให้สติอยู่กับคำบริกรรมหรือ อยู่กับสิ่งที่เราเพ่ง
มันไม่ได้ไปบังคับอะไรแบบที่คุณว่า
อัตตกิลมลถานุโยค คือการบังคับกายฝืนธรรมชาติครับ
การบังคับไม่หายใจครึ่งนาที่มันฝืนธรรมชาติมั้ย
asoka เขียน:
คุณโฮฮับ
:
อันเรื่องอานาปานสติ 16 ขั้นตอนนั้นผมเข้าใจดีครับ รู้ด้วยว่านี่เป็นการปฏิบัติ สมถะร่วมไปกับวิปัสสนาภาวนาไปพร้อมๆกัน
:b16:
ติดตามไปเรื่อยๆก่อนเดียวก็จะเห็นเองว่า ปฏิบัติการเรื่องลมหายใจในครั้งนี้จะมีประโยชน์เกี่ยวเนื่องอย่างไร?

ตอบคำถามให้ได้เสียก่อนซิครับ แล้วค่อยวิตกวิจารณ์ไปเรื่องอื่นที่นอกประเด็นของกระทู้นะครับ
:b16: :b16:

ก็ตอบแล้วไงว่าเป็นอัตตกิลมถานุโยค มันเป็นเรื่องของพวกโยคีชีเปลือย
เริ่มแรกมันก็ผิดแล้ว แล้วถามหน่อยมันนอกประเด็นตรงไหน

อยากรู้ครับสำนักไหนเขาสอนครับ ไม่หายใจครึ่งนาที ตลกเละครับ :b32:

grin
นอกประะเด็น เพราะ
1.ยังตอบไม่ได้ว่า "อะไร เป็นเหตุให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก"

2.ถ้าคำตอบยังไม่ชัด.......ดูคำนี้ให้ดี เมื่อนิ่งรู้ นิ่งสังเกต ลมหายใจเข้าออกแล้วยังไม่ได้คำตอบ แสดงว่าความคมของสติ ปัญญา และความสังเกตยังไม่เพียงพอ ต้องช่วยโดยลองกลั้นหายใจดู......ไม่ใช่ยึดเอาว่าการกลั้นหายใจ เป็นวิธีการปฏิบัติ คุณโฮฮับตีความหมายผิดไปแล้วครับ
เพราะตั้งแต่เริ่มต้นก็ได้บอกแล้วว่า



ประเด็นมันอยู่ที่ว่าทำอย่างไร ท่านผู้สนใจจะทดลองพิสูจน์จะพบคำตอบได้โดยง่ายและโดยเร็วต่างหาก

3
อ้างคำพูด:
.ก็ตอบแล้วไงว่าเป็นอัตตกิลมถานุโยค มันเป็นเรื่องของพวกโยคีชีเปลือย
เริ่มแรกมันก็ผิดแล้ว แล้วถามหน่อยมันนอกประเด็นตรงไหน


คำตอบอย่างนี้หรือที่เรียกว่าตรงประเด็นคำถาม.....ลองทบทวนดูให้ดีๆนะครับ

คำถามเขาถามว่า....."อะไร เป็นเหตุให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก"

....ขณะนี้ ผู้ตัดสินคือผู้อ่านทั่วโลก

ผมไม่เดือดร้อนอะไรหรอกครับ เพราะตั้งกระทู้ด้วยเจตนาดี มีเมตตา อยากให้บรรดามิตรสหายได้เปลี่ยนบรรยากาศมาพบกับธรรมะเชิงปฏิบัติ คือต้องทดลองทดสอบด้วยตนเองก่อนจึงจะได้คำตอบที่ถูกต้อง


4.
อ้างคำพูด:
เละแล้วครับ มันไปบังคับอย่างไรครับ ที่คุณบอกมามันเป็นการบริกรรม
มันเป็นการเพ่งเพื่อให้สติอยู่กับคำบริกรรมหรือ อยู่กับสิ่งที่เราเพ่ง
มันไม่ได้ไปบังคับอะไรแบบที่คุณว่า
อัตตกิลมลถานุโยค คือการบังคับกายฝืนธรรมชาติครับ
การบังคับไม่หายใจครึ่งนาที่มันฝืนธรรมชาติมั้ย

:b12: :b12: :b12:
นี่ก็อีกแล้ว ทำไมต้องใช้คำว่า เละแล้วครับ ด้วย ยังไม่มีอะไรเลอะเลย เป็นเพียงแต่คุณโฮฮับยังไม่เข้าใจละเอียดลึกซึ้งถึงเรื่องการบังคับธรรมชาติ และวัตถุประสงค์ของการทดลองบังคับธรรมชาติ

ถ้าคุณโฮฮับเคยบริกรรม พุทโธ ตามลมหายใจเข้าออก เช่น พุท เข้า โทร ออก พองหนอ ยุบหนอ คุณโฮ จะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า
ลมหายใจตามธรรมชาตินั้น เขาสั้น ยาว เร็ว ช้า ไปตามความต้องการอากาศหายใจ....แต่พอต้อง พุท เข้า โธ ออก หรือ พองหนอ ยุบหนอ ลมหายใจจะถูกกำกับด้วยคำบริกรรมทันที .....นี่แหละบังคับธรรมชาติ

พิจารณาเทียบกับ.คำว่า "นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ลมหายใจ" อันไหนจะบังคับธรรมชาติมากกว่ากัน

:b12: :b12: :b12:
เชิญวิพากษ์วิจารณ์ตามสบายนะครับคุณโฮฮับ แต่ควรกลับไปพิจารณาเจตนาของคุณโฮฮับด้วยว่า วิพากษ์วิจารณ์นี้ ด้วยมีวัตถุประสงค์อะไร เป็นบุญ หรือ เป็นบาป เป็นกุศล หรือ อกุศลจิต นะครับ
:b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
คำตอบอย่างนี้หรือที่เรียกว่าตรงประเด็นคำถาม.....ลองทบทวนดูให้ดีๆนะครับ
คำถามเขาถามว่า...."อะไร เป็นเหตุให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก"

....ขณะนี้ ผู้ตัดสินคือผู้อ่านทั่วโลก

ที่คุณบอกผมตอบไม่ตรงประเด็นคำถาม นั้นเป็นพราะความไม่รู้ของคุณ
คุณไม่รู้หรอกว่า คำถามคุณมันไม่มีคำตอบ ที่คุณเอามาตั้งคำถาม เพราะคุณ
กำลังเข้าใจผิด คุณสับสนระหว่างการปฏิบัติของคุณ กับคำถามที่คุณเอามาตั้งเป็นกระทู้

คุณถามว่า..."อะไร เป็นเหตุให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายต้องหายใจเข้าออก"
คุณอยากได้คำตอบที่เป็นแง่มุมในทางธรรม
แบบนี้ไงบ่งบอกถึงความไม่รู้ ตั้งคำถามเรื่อยเปื้อย
จะบอกให้ครับ คำถามของคุณ มันตอบได้แต่ในทางโลกวิทยาสตร์
ส่วนในทางธรรม มันเป็นเรื่องของกรรมเป็นวิบาก
แถมเป็นโลกวิสัย เป็นอจินไตย พระพุทธองค์ทรงบอกไว้ว่า...ไม่ให้ถาม


คำตอบมันเลยต้องเป็นลมหายใจที่เป็นเรื่องการปฏิบัติ ไม่ใช่มาถามว่า ทำไมต้องหายใจ
คำตอบผมตรงประเด็นตรงธรรมที่สุดแล้วที่สุดแล้ว


asoka เขียน:
ผมไม่เดือดร้อนอะไรหรอกครับ เพราะตั้งกระทู้ด้วยเจตนาดี มีเมตตา อยากให้บรรดามิตรสหายได้เปลี่ยนบรรยากาศมาพบกับธรรมะเชิงปฏิบัติ คือต้องทดลองทดสอบด้วยตนเองก่อนจึงจะได้คำตอบที่ถูกต้อง

ไม่เดือดร้อน แล้วทำไมต้อง พูดจากระแทกแดกดันด้วยครับ เอากันที่เหตุผล
เห็นว่าคำแย้งผมไม่ถูกตรงไหน ก็เอาเหตุผลมาล้างซิครับ
ทำไมต้องพูดเหมือนผมกำลังกลั่นแกล้งคนดี ไม่มีเหตุผลเลยครับ
asoka เขียน:
ผมไม่เดือดร้อนอะไรหรอกครับ เพราะตั้งกระทู้ด้วยเจตนาดี มีเมตตา อยากให้บรรดามิตรสหายได้เปลี่ยนบรรยากาศมาพบกับธรรมะเชิงปฏิบัติ คือต้องทดลองทดสอบด้วยตนเองก่อนจึงจะได้คำตอบที่ถูกต้อง[/b][/color]

4.
อ้างคำพูด:
เละแล้วครับ มันไปบังคับอย่างไรครับ ที่คุณบอกมามันเป็นการบริกรรม
มันเป็นการเพ่งเพื่อให้สติอยู่กับคำบริกรรมหรือ อยู่กับสิ่งที่เราเพ่ง
มันไม่ได้ไปบังคับอะไรแบบที่คุณว่า
อัตตกิลมลถานุโยค คือการบังคับกายฝืนธรรมชาติครับ
การบังคับไม่หายใจครึ่งนาที่มันฝืนธรรมชาติมั้ย

นี่ก็อีกแล้ว ทำไมต้องใช้คำว่า เละแล้วครับ ด้วย ยังไม่มีอะไรเลอะเลย เป็นเพียงแต่คุณโฮฮับยังไม่เข้าใจละเอียดลึกซึ้งถึงเรื่องการบังคับธรรมชาติ และวัตถุประสงค์ของการทดลองบังคับธรรมชาติ

ผมเข้าใจครับถ้าสิ่งที่คุณพูด มันเป็นเรื่องการปฏิบัติของพระพุทธเจ้า
ผมเห็นว่ามันผิดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าผมก็แย้ง ผมมีสิทธิ์

นอกเสียแต่ว่าคุณจะบอกว่า สิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องของโยคีชีเปือย
ผมจะได้ไม่ยุ่งกับคุณ
asoka เขียน:
ถ้าคุณโฮฮับเคยบริกรรม พุทโธ ตามลมหายใจเข้าออก เช่น พุท เข้า โทร ออก พองหนอ ยุบหนอ
คุณโฮ จะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า
ลมหายใจตามธรรมชาตินั้น เขาสั้น ยาว เร็ว ช้า ไปตามความต้องการอากาศหายใจ....แต่พอต้อง พุท เข้า โธ ออก หรือ พองหนอ ยุบหนอ ลมหายใจจะถูกกำกับด้วยคำบริกรรมทันที .....นี่แหละบังคับธรรมชาติ
พิจารณาเทียบกับ.คำว่า "นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ลมหายใจ" อันไหนจะบังคับธรรมชาติมากกว่ากัน

มันจะไปบังคับอะไรครับ ทั้งหมดมันเป็นเรื่องของจิต ธรรมชาติของจิตถ้ามันไม่เพ่งหรือบริกรรม
มันก็จะสอดส่ายไปคิดโน้นคิดนี่ขาดสมาธิ การในจิตอยู่กับคำบริกรรม มันก็เป็นธรรมชาติของจิต

แล้วที่ว่า นิ่งรู้นิ่งสังเกตุ ลมหายใจ ผมถามครับ คุณนิ่งรู้ นิ่งสังเกตุหรือครับ
การกลั้นลมหายใจเป็นการนิ่งรู้ลมหายใจหรือครับ แบบนี้จะไม่ให้ผมว่า เละได้ไงครับ
asoka เขียน:
เชิญวิพากษ์วิจารณ์ตามสบายนะครับคุณโฮฮับ แต่ควรกลับไปพิจารณาเจตนาของคุณโฮฮับด้วยว่า วิพากษ์วิจารณ์นี้ ด้วยมีวัตถุประสงค์อะไร เป็นบุญ หรือ เป็นบาป เป็นกุศล หรือ อกุศลจิต นะครับ

แล้วแต่คุณจะคิดครับ แต่ผมกำลังพูดธรรมด้วยเหตุผลครับ ผมไม่เอาเรื่องที่ไร้สาระทางธรรม
มาเสียดสีคนไม่เห็นด้วยหรอกครับ


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 18:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมทำบ่อยคับ..ยิ่งตอนเด็ก ๆ....ผมจับเวลา..ทำสติถิเลยเชียวคับ...

s006
อืมม์!......ทำมาตั้งแต่เด็กๆ
:b43:
แล้วพอจะทราบชัดกว่าที่ว่า กลัวตาย เป็นเหตุให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลาย ต้องหายใจเข้าออกบ้างไหมครับ?
:b10:
:b1:


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 19:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12: :b16: :b16:
สำหรับคุณโฮฮับ จะทำอะไร จะออกความคิดเห็นยังไงก็เชิญตามสบายเลยนะครับ ผมพอรู้จักนิสัยและแนวทางของคุณโฮฮับแล้ว คงไม่ต้องถกเถียงหรืออธิบายอะไรกันต่อ

:b4: :b4: :b4:
:b37: :b38:


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 19:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อึดอัด..สุด ๆ.. s002 s002
ไม่รู้ว่า..อะไรคือ..ชัด ๆ...ของอโศกะ..

:b10: :b10: :b10:


โพสต์ เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐานกว่าจะรู้เข้าใจชีวิตนี้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ของง่าย :b1:


เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิได้สองเดือนกว่า ช่วงแรกที่นั่งก็ใช้อานาปานสติ และพุทโธค่ะ ก็จะเอาจิตแนบกับลมหายใจตอนเข้าออก

ตอนแรกที่นั่งไม่มีความรู้อะไรเลยค่ะ ปรากฎว่านั่งได้นานกว่า ช.ม. มีอยู่ครั้งนึงเหมือนสัปหงก รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นหัวตัวเอง และช่วงบ่าจากด้านซ้ายมือ ทั้งที่นั่งตอนเย็นกลับรู้สึกเหมือนกลางวันค่ะ ก็แปลกใจระคนตกใจนิดหน่อย มีความรู้สึกว่ามีตัวตนอีกคนดูตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่

อีกครั้งนั่งดูลมหายใจ และภาวนาพุทโธก่อนจะหลับ เน้นยังไม่หลับค่ะ รู้ตัวตลอด รู้สึกเหมือนมีอาการคล้ายผีอำค่ะ แต่ขนลุกด้านหลังแบบเย็นวาบ เลยค่ะ แต่เรากลับเห็นแขนเรา กะขาหนึ่งข้าง (เรานอนตะแคงขวา) เราก็เกิดความกลัวระคนแปลกใจ นึกในใจว่า เฮ้ย วิญญานออกจากร่าง ก็เลยพยายามขยับแขนกะขาข้างที่เห็น ปรากฎว่าไม่สามารถค่ะ แถมมันสว่างเหมือนกลางวัน ต้องพยายามหมุนตัวให้แขนมันตรงกัน จนค่อยขยับออกมาได้ (ยังขำตัวเองจนถึงปัจจุบัน ที่พยายามหมุนให้แขนมันตรงกัน)


แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 208 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร