วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 06:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 176 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 02:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
พูดไปเรื่อย นับวันยิ่งทำตัวแปลกแยก อธิบายความผิดตรรกของภาษา
ผิดกาลเทศะต่อสังคม
เช่นนั้นอย่าพยายามมาสร้างเงื่อนไขให้กับชาวพุทธดีกว่า

ถ้าเช่นนั้นหรือผู้สอนธรรมท่านใด แน่ใจว่าธรรมตัวเองถูกต้อง
ก็สอนธรรมของท่านไป แต่อย่าเอาพระพุทธองค์มาโจมตีครูบาอาจารย์ท่านอื่น
มันไม่งาม ยิ่งเป็นนักบวชด้วยแล้วมันไม่สำรวม


แน่ใจว่าถูกต้อง
เพราะนำมาจากพระไตรปิฏก
และกล่าวแย้ง เฉพาะกับผู้ที่อ้างคำอาจารย์ หรือนั่งเทียนออกมา ลอยๆ

โดยเฉพาะ โฮฮับผู้นั่งเทียน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 02:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เนื่องจากพุทธวัจจนะไม่ใช่ "ตำรา"
ผู้ที่เข้าใจว่าเป็นเพียงตำรา ย่อมไม่เข้าใจ ว่าพุทธวัจจนะนั้นเป็นสวากขาตธรรม"

นึกจะพูดอะไรก็พูด ไม่รู้สิ่งแวดล้อม ไม่ดูกาลสมัย
ถ้าเป็นสมัยพุทธกาล พุทธวจนะย่อมต้องไม่ใช่ตำราอยู่แล้ว
เพราะพระพุทธองค์สอนสาวกด้วยปัญญาและคำพูดของพระองค์เอง

คำว่า"ตำรา" ไม่ใช่จะยึดเอาแต่ปัจจุบัน มันต้องคำนึงถึงยุคสมัยด้วย
ในสมัยพุทธกาลยังไม่มีตัวอักษร การเรียนการสอนจึงใช้วิธีถ่ายทอดด้วยคำพูด
ดังนั้นผู้ที่ถ่ายทอดปัญญาของพระพุทธเจ้า ก็คือตำรา
อย่างเช่นพระอานนท์ก็เป็นตำราของพระพุทธเจ้า

พุทธวจนะเป็นสวากขาธรรม ใช่ไม่มีใครเถียง แต่ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจ
ในสวากขาธรรม ธรรมนั้นมันก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นมันต้องมีผู้อธิบาย
สวากขาธรรม ซึ่งในความเป็นจริงคำอธิบายความ ตัวอักษรหรือคำพูดย่อมต้อง
ผิดไปจากคำพูดที่เป็นแม่แบบ(พุทธพจน์) ซึ่งหลักการโดยรวมของเรื่องนี้
ท่านให้ศึกษาบัญญัติหรือตำรา แล้วไปปฏิบัติที่กายใจ
อ่านบัญญัติแต่ต้องรู้ที่สภาวะธรรม



เป็นความเข้าใจเอง เออเอง ของโฮฮับ
ว่า พระอานนท์เป็นตำราของพระพุทธเจ้า
พระอานนท์ท่านถ่ายทอดพุทธวัจจนะ และเมื่อพระอานนท์ถ่ายทอดพุทธวัจจนะ
พระอานนท์ จะขึ้นต้นด้วย "ข้าพเจ้าสดับมาเช่นนี้...."

ดังนั้น พุทธวัจจนะที่พระอานนท์ถ่ายทอดออกมา จึงไม่ใช่เป็นการถ่ายทอดตำรา

พระอานนท์จึงไม่เป็นตำราของพระพุทธเจ้า

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 02:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
หากสองท่านมีความเห็นแย้งไม่ตรงกัน
ก็ต้องดูในพุทธวัจจนะ เป็นหลักไว้ก่อน
อย่าเทียบเคียงจากตำราอาจารย์แต่ง หรือประพันธ์ออกมาในชั้นหลัง

เช่นนั้นไปจำโวหารเขามาพูด มันไม่ได้เรื่องทั้งเจ้าของโวหารและคนจำเขามาพูด
ผมจะบอกให้โดยตรรกแล้ว ...............
ที่คนสองคนเขาเถียงกันนั้นน่ะ เขาเถียงกันในเรื่องพุทธวจนะ
ต่างคนต่างเข้าใจพุทธวจนะไปคนล่ะอย่าง แล้วจะให้เอาพุทธวจนะมาเป็นหลักได้อย่างไร

ถ้าคนสองคนเถียงกันในเรื่องพระสูตรบทใดหรือพุทธวจนะใด
มันไม่ใช่เอาพุทธวนะมาเป็นหลัก........มันต้องเอาสภาวะธรรมแท้ๆมาเป็นหลัก


ดังนั้นถ้าเรายังเป็นผู้ไม่มีปัญญาเห็นสภาวะธรรมแท้ๆ เราย่อมต้องไม่เข้าใจในพุทธวจนะ
เราจึงจำเป็นต้องอาศัย อรรถกถา ฎีกา ซึ่งความสำคัญเป็นอย่างยิ่งนั้นก็คือ
มีความศรัทธาต่อผู้ให้คำอรรถกถาหรือฎีกานั้นๆ

เถียงกันด้วยความเห็น(ครูสอนมา) มันต้องเอาอนุฎีกามาเป็นหลัก
เถียงกันในเรื่องอนุฎีกามันต้องเอาอรรถกถามาเป็นหลัก
เถียงกันในเรื่ออรรถกถา มันต้องเอาสภาวะธรรมมาเป็นหลัก
แบบนี้มันถึงจะเป็นเหตุเป็นผล
พุทธพจน์มาจากสภาวะธรรม อรรถกถามาจากพุทธพจน์
ฎีกามาจากอรรถกถา อนุฎีกามาจากฎีกา

ทั้งสี่เป็นหลักเป็นแบบแผนมา ถ้าศึกษาตามหลักนี้แหละเรียกว่าศึกษา พุทธวจนะ
ส่วนใครแสดงความเห็นที่ผิดไปจากหลักนี้ เขาเรียกความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่พุทธวจนะ เข้าใจมั้ย



เห็นคนที่สอนเรื่องพุทธวจนะ อ้างพุทธวจนะไปสอนไป
แต่พูดถึงสถาวะธรรมมันเป็นคนล่ะเรื่อง
อยากเอาคลิปมาโพสตั้งกระทู้แต่กลัวผิดกฎ :b13:

โฮฮับ เริ่มสับสน และเบลอๆๆ เมา
1.เช่นนั้น จำโวหารใครมาพูด บอกมา........
2.เขาเถึยงกัน พุทธวัจจนะ หรือ เขาเถียงกันต่อความเข้าใจในพุทธวัจจนะ ....
3.ไม่มีปัญญาเห็นสภาวะธรรมแท้ ย่อมต้องไม่เข้าในพุทธวัจจนะ....... เป็นอตรรกะ หรือตรรกะที่ใช้ไม่ได้ เพราะการเห็นสภาวะธรรม กับการเข้าใจ ...... ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
4. กระทู้นี้เช่นนั้น ไม่เคยพูดถึง ฎีกา อนุฎีกา อรรถกถา ใดๆ ไปมั่วที่อื่นอย่าเอามาปนกับความเห็นเช่นนั้น โฮฮับ
5. เห็นแต่คนที่พูดเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไม่รู้สักสภาวะธรรม ......ไม่อยากเสียดสี เพราะกลัวผิดกฏ อยู่เหมือนกันนะโฮฮับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 02:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเข้าใจต่อพุทธวัจจนะ ไม่ลงรอยกัน และเกิดการอ้างอาจารย์ หรือความคิดความเห็นส่วนตัว
จำเป็นต้อง อาศัยพุทธวัจจนะ เป็นหลักในการพิจารณา ทั้งหมดทั้งสิ้น

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 03:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
พูดไปเรื่อย นับวันยิ่งทำตัวแปลกแยก อธิบายความผิดตรรกของภาษา
ผิดกาลเทศะต่อสังคม
เช่นนั้นอย่าพยายามมาสร้างเงื่อนไขให้กับชาวพุทธดีกว่า

ถ้าเช่นนั้นหรือผู้สอนธรรมท่านใด แน่ใจว่าธรรมตัวเองถูกต้อง
ก็สอนธรรมของท่านไป แต่อย่าเอาพระพุทธองค์มาโจมตีครูบาอาจารย์ท่านอื่น
มันไม่งาม ยิ่งเป็นนักบวชด้วยแล้วมันไม่สำรวม


แน่ใจว่าถูกต้อง
เพราะนำมาจากพระไตรปิฏก
และกล่าวแย้ง เฉพาะกับผู้ที่อ้างคำอาจารย์ หรือนั่งเทียนออกมา ลอยๆ

โดยเฉพาะ โฮฮับผู้นั่งเทียน


แน่ะ!ยังไม่รู้ตัว อธิบายให้ฟังตั้งยืดยาว
ผมจะบอกให้น่ะ"เช่นนั้น" ไอ้การที่เช่นนั้นเอาพุทธวจนะมาอ้าง
มันผิดกาลเทศะ ผิดสถานะ เป็นสัญญาวิปลาศ

สงสัยจะยังไม่สำเหนียกกับคำว่า "ชอบอ้างพุทธวจนะ ชอบเอาพระพุทธเจ้ามาเป็นพวก"
คนอื่นเขาก็แน่ใจว่า ความเห็นของเขาเอามาจากพุทธพจน์ทั้งนั้น เพียงแต่เขาไม่อ้างกัน
เพราะเห็นว่า ทุกคนในที่นี้เป็นชาวพุทธเหมือนกัน

การแสดงความเห็นของคนในสมัยนี้ เขาก็ใช้ภาษาของเขา
พุทธวจนะของเป็นภาษาของพระพุทธเจ้า และเป็นยุคของพระพุทธเจ้า

คนอื่นเขาก็เข้าใจว่า ความเห็นของเขาเอามาจากพุทธวจนะ เหมือนกับที่เช่นนั้นอ้างนั้นแหล่ะ
ทั้งคำพูดของคนอื่นและเช่นนั้น ล้วนแล้วต่างก็เป็นความเห็นด้วยกันทั้งนั้น
และทั้งเขาและเช่นนั้นก็เชื่อว่า ความเห็นของตนเอามาจากพุทธวจนะ
มันก็แค่คนหนึ่งสู้เหตุผลของอีกคนไม่ได้ เลยต้องอ้างพุทธวจนะแบบเด็กๆ


ลักษณะการแสดงความเห็นของเช่นนั้น เป็นพวกไม่รู้จักใช้ธรรมในข้อ...ธัมมวิจยะ
ดีแต่อ้างพุทธวจนะ อ้างตะพึดตะพือแต่ไม่เข้าใจความหมาย นั้นเป็นเพราะไม่รู้จักการเลือกเฟ้นธรรม
การอ้างพุทธวจนะมันเลยเป็นคนละเรื่อง ไม่ตรงกับสิ่งที่ตัวกำลังอธิบายความ



คุณโกวิทแกก็เอาคำอธิบายเรื่องพุทธวจนะคืออะไร อรรถกถา
ฎีกาและอนุฎีกาคืออะไร เช่นนั้นยยังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณโกวิทเอามาโพส
แทนที่จะยอมรับ แล้วก็ถามไถ่ให้กระจ่างกลับไม่ทำ ยังตะบี้ตะบันพูดว่า
ไม่เป็นพุทธวจนะๆๆๆ
พระพุทธเจ้าก็คือพระพุทธเจ้า อรหันตสาวกก็คืออรหันตสาวก อริยสงฆ์ก็คืออริยสงฆ์
คำพูดของใครก็ของคนนั้น จะเอาสัญญาวิปลาศของตนมาเที่ยวแย้งคนอื่น
ด้วยเป็นเพราะท่านเหล่านั้นพูดไม่เหมือนกันไม่ได้ เพราะคำพูดแม้ไม่เหมือนกัน
แต่กล่าวถึงในสิ่งเดียวกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 03:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เป็นความเข้าใจเอง เออเอง ของโฮฮับ
ว่า พระอานนท์เป็นตำราของพระพุทธเจ้า
พระอานนท์ท่านถ่ายทอดพุทธวัจจนะ และเมื่อพระอานนท์ถ่ายทอดพุทธวัจจนะ
พระอานนท์ จะขึ้นต้นด้วย "ข้าพเจ้าสดับมาเช่นนี้...."

ดังนั้น พุทธวัจจนะที่พระอานนท์ถ่ายทอดออกมา จึงไม่ใช่เป็นการถ่ายทอดตำรา

พระอานนท์จึงไม่เป็นตำราของพระพุทธเจ้า

เป็นอย่างนี้ไง ถึงได้รั้นอยู่แค่พุทธวจนะๆๆๆ เพราะสมองไม่ยอมคิดตามไปด้วย
เขาเปรียบเทียบลักษณะให้ดู เขาอยากให้เช่นนั้นเข้าใจคำพูดของเขาหรือแม้แต่ของเช่นนั้นเอง
ยุคสมัยเปลี่ยน ภาษาเปลี่ยน คำพูดหลักการใช้ภาษาก็เปลี่ยน และวัตถุก็เปลี่ยน
เขาให้ดูที่ลักษณะอาการ ดันไปดูที่วัตถุและคำศัพท์

ความสำคัญของเรื่องนี้คือ การที่บุคคลต้องการให้ปัญญาและความรู้ของตนเผยแพร่
ให้คนอื่นรู้ มันต้องอาศัยเครื่องมือ ในสมัยพุทธกาลไม่มีตัวอักษร จึงต้องฝากคำพูดไว้กับตัวบุคคล
เพื่อถ่ายทอดออกไป มันก็เหมือนกับในสมัยนี้ มันมีกระดาษมีตัวอักษรเพิ่มขึ้นมา
เขาจึงใช่สิ่งที่ว่า และเรียกมันว่า "ตำรา"


ดังนั้นความหมายของตำราก็คือ การเอาปัญญาของตนบันทึกหรือให้ผู้อื่นจดจำไว้
แทนตนเอง จะเป็นพระอานนท์หรือกระดาษ มันมีความหมายเหมือนกันก็คือ"ตำรา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 04:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เริ่มสับสน และเบลอๆๆ เมา
1.เช่นนั้น จำโวหารใครมาพูด บอกมา........

จำใครมาพูดไม่รู้ แต่เคยเห็นคนอื่นพูดเหมือนเช่นนั้น ไอ้คำที่ว่า...พุทธวนะๆๆๆ
แล้วทำไมผมถึงบอกว่า"จำโวหารเขามาพูด" ก็เพราะ
เขากล่าวพุทธวจนะของเช่นนั้น กับความหมายที่เช่นนั้นแสดงมันเป็นคนละเรื่อง
ดังนั้นคำอ้าง"พุทธวจนะ"ของเช่นนั้น จึงเป็นแค่โวหารไว้ปรามาสคนอื่นแบบไร้เหตุผล
เช่นนั้น เขียน:
2.เขาเถึยงกัน พุทธวัจจนะ หรือ เขาเถียงกันต่อความเข้าใจในพุทธวัจจนะ ....


ที่เขาเถียงกัน เป็นความเข้าใจในพุทธวจนะ สิ่งที่เถียงกันเป็นการตีความพุทธวจนะ
แต่ด้วยสัญญาวิปลาศของเช่นนั้น เข้าใจไปว่า คนอื่นเขาเถียงกันเรื่องพุทธวจนะ

ที่ว่าเช่นนั้นมีสัญญาวิปลาศก็คือ เช่นนั้นกำลังเข้าใจในสัญญาผิด
ยกตัวอย่างให้ดู(กรุณาคิดตามไปด้วย) นี้เป็นตัวอย่างสมมุติน่ะอย่าเอามาเป็นประเด็นอีกล่ะ

อย่างเช่น พระพุทธองค์พูดว่า "กินอาหาร" แล้วมีผู้แสดงความเห็นว่า
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า"เสวยพระกระยาหาร" เช่นนั้นมาจากไหนไม่รู้มาปรามาส
คนที่แสดงความเห็นว่า กล่าวผิดไปจากพุทธวจนะ
แบบนี้พุทธวจนะของเช่นนั้นมันเป็นคนล่ะเรื่องมั้ย

ถ้าลักษณะเถียงกันในพุทธวจนะ จะต้องเป็นการเถียงว่า พระพุทธองค์กล่าวผิด
คำพูดพระพุทธองค์เชื่อถือไม่ได้ แต่คนที่เขาแสดงความเห็นไม่ได้คิดแบบนั้น
แต่เขาเชื่อศรัทธาในพุทธวจนะ เพียงแต่เขาจะเข้าใจในพุทธวจนะไปในทางใด


สรุปก็คือคนที่ชอบเอาพุทธวจนะมาปรามาสคนอื่น
ก็แค่ไม่มีมสมาธิแยกแยะบัญญัติว่า อันนั้นเป็นพุทธพจน์ อันไหนเป็นความเห็น
และที่สำคัญความเห็นนั้น เป็นความเห็นของพุทธศาสนิกชน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 05:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
3.ไม่มีปัญญาเห็นสภาวะธรรมแท้ ย่อมต้องไม่เข้าในพุทธวัจจนะ....... เป็นอตรรกะ หรือตรรกะที่ใช้ไม่ได้ เพราะการเห็นสภาวะธรรม กับการเข้าใจ ...... ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

สิ่งที่ผมกล่าว มันเป็นตรรกะที่มีปัญญานำ
ก็เพราะความเข้าใจ กับการเห็นสภาวะธรรมไม่ใช่สิ่งเดียวกันไง
มันถึงต้องเห็นสภาวะธรรมก่อน

เพราะมันเป็นเหตุปัจจัยแก่กัน อย่างเช่น มีตำราสอนขี่มอเตอร์ไซด์ต่อให้อ่านให้หมดและจำได้ทั้งเล่ม
มันก็ยังไม่เรียกว่าเข้าใจ สมมุติในตำราเขียนว่า คุณต้องขี่จักรยานให้ได้เสียก่อน
จึงจะขี่มอเตอร์ไซด์ได้ นั้นคือคุณต้องไปขี่จักยานให้เป็นเสียก่อน ถ้าขี่จักรยานเป็น
นั้นแหล่ะถึงจะพูดได้ว่า มีความเข้าใจต่อตำรา

ย้อนกลับมาที่เช่นนั้น เช่นนั้นยึดเอาบัญญัติตัวหนังสือที่เช่นนั้นไปจำมา
พอมีคนกล่าวคำพูดที่ไม่ตรงกับความจำของเช่นนั้น เช่นนั้นก็เลยไปปรามาสเขาไง
เช่นนั้น เขียน:
4. กระทู้นี้เช่นนั้น ไม่เคยพูดถึง ฎีกา อนุฎีกา อรรถกถา ใดๆ ไปมั่วที่อื่นอย่าเอามาปนกับความเห็นเช่นนั้น โฮฮับ

ที่เขาไม่พูดหรือเขาไม่อ้าง แยกแยะให้ดี
คุณโกวิทเอาเรื่องนี้มาโพสให้ดูเพื่อให้แยกแยะ แต่เช่นนั้นไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณโกวิทเอามาโพส ก็เพื่อให้เช่นนั้นแยกแยะ พุทธวจนะก็คือพุทธวจนะ
อรรถกถาก็คืออรรถ ฎีกาก็คือฎีกา ที่สำคัญความเห็นก็คือความเห็น
ลักษณะการพูดไม่เหมือนกัน แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน
อย่างเช่นคนเขาแสดงความเห็นเขาใช้ภาษาพูดของเขา เขาอธิบายตามความเข้าใจ
ที่มีต่อพุทธวนะ ดันมาบอกได้ไม่ใช่พุทธวจนะ ก็เขาไม่ใช่พระพุทธเจ้าแล้วจะให้เป็น
พุทธวจนะได้ไง


การจะดูว่าสิ่งใดไม่ใช่พุทธวจนะ มันต้องเป็นการเปรียบเทียบ
ไม่ใช่คำอะธิบายในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว
เช่น จะบอกว่าคำพูดใดไม่ใช่พุทธวจนะ นั้นคือคำพูดของศาสดาในศาสนาอื่น
จึงจะไม่ใช่พุทธวจนะ

และอีกกรณีก็คือ การเอาพุทธพจน์ในธรรมวินัยบทหนึ่งมากล่าวอีกบทหนึ่ง
แบบนี้ก็ไม่ใช่พุทธวจนะ ซึ่งตัวอย่างนี้"เช่นนั้น"ทำอยู่บ่อยๆ

เอาพุทธพจน์ที่แปรปวนและอาพาท ไปให้ความหมายผิดธรรมวินัย
ที่จะลืมไม่ได้นั้นก็คือ ที่บอกว่า ไตรลักษณ์เป็นลักษณะสามของสังขตธรรมและอสังขตธรรม
นี่อย่างนี้ครับ กล่าวผิดพุทธวจนะ
เช่นนั้น เขียน:
5. เห็นแต่คนที่พูดเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไม่รู้สักสภาวะธรรม ......ไม่อยากเสียดสี เพราะกลัวผิดกฏ อยู่เหมือนกันนะโฮฮับ

ที่ผมพูดจนเช่นนั้นเอามาย้อน จนมีคำว่าเสียดสี เช่นนั้นหลงตัวเองครับ
คำพูดของผม หมายถึงบุคคลนั้นเป็นนักบวชที่ชอบปรามาสคนอื่นด้วยเรื่อง พุทธวจนะ
อย่างเช่นนั้น มีความเห็นในนี้ผมเห็นผมก็ตอบตามเหตุ ไม่ถึงกับลงทุนลงแรงไปเอามาจากคลิปที่อื่นหรอกครับ มันเสียเวลา :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 06:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ความเข้าใจต่อพุทธวัจจนะ ไม่ลงรอยกัน และเกิดการอ้างอาจารย์ หรือความคิดความเห็นส่วนตัว
จำเป็นต้อง อาศัยพุทธวัจจนะ เป็นหลักในการพิจารณา ทั้งหมดทั้งสิ้น

ที่เช่นนั้นพุดแบบนี้ก็เพราะ พูดเอาแต่ได้พูดเข้าข้างตัวเองไง
ถึงว่าไม่ได้เข้าใจสิ่งที่คุณโกวิทเอามาโพส

มันจะเป็นความเห็น ฎีกา อรรถกถา พุทธวนะ บาลีแปลทั้งหมดล้วนมีรากเหง้า
มากจากพุทธพจน์

ความเห็นของบุคคลหรือของอาจารย์ มันก็มาจากพุทธวจนะ
เมื่อความเห็นของบุคคลต่อบุคคล หรือความเห็นอาจารย์ต่ออาจารย์
มันขัดแย้งกัน มันต้องดูว่าขัดแย้งกันในเรื่องใด ขัดแย้งกันในความหมายของพุทธวนะ

ดันบอกว่า ต้องใช้พุทธวจนะเป็นหลักในการพิจารณา
พูดเหมือนคนขาดสติ ต่างคนต่างเข้าใจพุทธวจนะไปตามความคิดของตน
ตัวปัญหามันอยู่ตรงพุทธวจนะ
เช่นนั้นอ้างว่าความเห็นตัวเองเป็นพุทธวจนะ
ชาวบ้านเขาก็อ้างได้ว่าของเขาเป็นพุทธวจนะ


มันก็เหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน กำลังเถียงว่าแม่ฉันไม่ใช่แม่แก
ไร้สติจริงๆ
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 06:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คุณเช่นนั้น

"ผู้ชี้ขุมทรัพย์" ปรากฏแล้ว

:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
พูดไปเรื่อย นับวันยิ่งทำตัวแปลกแยก อธิบายความผิดตรรกของภาษา
ผิดกาลเทศะต่อสังคม
เช่นนั้นอย่าพยายามมาสร้างเงื่อนไขให้กับชาวพุทธดีกว่า

ถ้าเช่นนั้นหรือผู้สอนธรรมท่านใด แน่ใจว่าธรรมตัวเองถูกต้อง
ก็สอนธรรมของท่านไป แต่อย่าเอาพระพุทธองค์มาโจมตีครูบาอาจารย์ท่านอื่น
มันไม่งาม ยิ่งเป็นนักบวชด้วยแล้วมันไม่สำรวม


แน่ใจว่าถูกต้อง
เพราะนำมาจากพระไตรปิฏก
และกล่าวแย้ง เฉพาะกับผู้ที่อ้างคำอาจารย์ หรือนั่งเทียนออกมา ลอยๆ

โดยเฉพาะ โฮฮับผู้นั่งเทียน


แน่ะ!ยังไม่รู้ตัว อธิบายให้ฟังตั้งยืดยาว
ผมจะบอกให้น่ะ"เช่นนั้น" ไอ้การที่เช่นนั้นเอาพุทธวจนะมาอ้าง
มันผิดกาลเทศะ ผิดสถานะ เป็นสัญญาวิปลาศ

สงสัยจะยังไม่สำเหนียกกับคำว่า "ชอบอ้างพุทธวจนะ ชอบเอาพระพุทธเจ้ามาเป็นพวก"
คนอื่นเขาก็แน่ใจว่า ความเห็นของเขาเอามาจากพุทธพจน์ทั้งนั้น เพียงแต่เขาไม่อ้างกัน
เพราะเห็นว่า ทุกคนในที่นี้เป็นชาวพุทธเหมือนกัน

การแสดงความเห็นของคนในสมัยนี้ เขาก็ใช้ภาษาของเขา
พุทธวจนะของเป็นภาษาของพระพุทธเจ้า และเป็นยุคของพระพุทธเจ้า

คนอื่นเขาก็เข้าใจว่า ความเห็นของเขาเอามาจากพุทธวจนะ เหมือนกับที่เช่นนั้นอ้างนั้นแหล่ะ
ทั้งคำพูดของคนอื่นและเช่นนั้น ล้วนแล้วต่างก็เป็นความเห็นด้วยกันทั้งนั้น
และทั้งเขาและเช่นนั้นก็เชื่อว่า ความเห็นของตนเอามาจากพุทธวจนะ
มันก็แค่คนหนึ่งสู้เหตุผลของอีกคนไม่ได้ เลยต้องอ้างพุทธวจนะแบบเด็กๆ


ลักษณะการแสดงความเห็นของเช่นนั้น เป็นพวกไม่รู้จักใช้ธรรมในข้อ...ธัมมวิจยะ
ดีแต่อ้างพุทธวจนะ อ้างตะพึดตะพือแต่ไม่เข้าใจความหมาย นั้นเป็นเพราะไม่รู้จักการเลือกเฟ้นธรรม
การอ้างพุทธวจนะมันเลยเป็นคนละเรื่อง ไม่ตรงกับสิ่งที่ตัวกำลังอธิบายความ



คุณโกวิทแกก็เอาคำอธิบายเรื่องพุทธวจนะคืออะไร อรรถกถา
ฎีกาและอนุฎีกาคืออะไร เช่นนั้นยยังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณโกวิทเอามาโพส
แทนที่จะยอมรับ แล้วก็ถามไถ่ให้กระจ่างกลับไม่ทำ ยังตะบี้ตะบันพูดว่า
ไม่เป็นพุทธวจนะๆๆๆ
พระพุทธเจ้าก็คือพระพุทธเจ้า อรหันตสาวกก็คืออรหันตสาวก อริยสงฆ์ก็คืออริยสงฆ์
คำพูดของใครก็ของคนนั้น จะเอาสัญญาวิปลาศของตนมาเที่ยวแย้งคนอื่น
ด้วยเป็นเพราะท่านเหล่านั้นพูดไม่เหมือนกันไม่ได้ เพราะคำพูดแม้ไม่เหมือนกัน
แต่กล่าวถึงในสิ่งเดียวกัน


ส่วนไหนของกระทู้นี้ ที่ เช่นนั้น อ้างพุทธวัจจนะ มาคัดง้างความเห็น ของผู้ร่วมสนทนา??????

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เป็นความเข้าใจเอง เออเอง ของโฮฮับ
ว่า พระอานนท์เป็นตำราของพระพุทธเจ้า
พระอานนท์ท่านถ่ายทอดพุทธวัจจนะ และเมื่อพระอานนท์ถ่ายทอดพุทธวัจจนะ
พระอานนท์ จะขึ้นต้นด้วย "ข้าพเจ้าสดับมาเช่นนี้...."

ดังนั้น พุทธวัจจนะที่พระอานนท์ถ่ายทอดออกมา จึงไม่ใช่เป็นการถ่ายทอดตำรา

พระอานนท์จึงไม่เป็นตำราของพระพุทธเจ้า

เป็นอย่างนี้ไง ถึงได้รั้นอยู่แค่พุทธวจนะๆๆๆ เพราะสมองไม่ยอมคิดตามไปด้วย
เขาเปรียบเทียบลักษณะให้ดู เขาอยากให้เช่นนั้นเข้าใจคำพูดของเขาหรือแม้แต่ของเช่นนั้นเอง
ยุคสมัยเปลี่ยน ภาษาเปลี่ยน คำพูดหลักการใช้ภาษาก็เปลี่ยน และวัตถุก็เปลี่ยน
เขาให้ดูที่ลักษณะอาการ ดันไปดูที่วัตถุและคำศัพท์

ความสำคัญของเรื่องนี้คือ การที่บุคคลต้องการให้ปัญญาและความรู้ของตนเผยแพร่
ให้คนอื่นรู้ มันต้องอาศัยเครื่องมือ ในสมัยพุทธกาลไม่มีตัวอักษร จึงต้องฝากคำพูดไว้กับตัวบุคคล
เพื่อถ่ายทอดออกไป มันก็เหมือนกับในสมัยนี้ มันมีกระดาษมีตัวอักษรเพิ่มขึ้นมา
เขาจึงใช่สิ่งที่ว่า และเรียกมันว่า "ตำรา"


ดังนั้นความหมายของตำราก็คือ การเอาปัญญาของตนบันทึกหรือให้ผู้อื่นจดจำไว้
แทนตนเอง จะเป็นพระอานนท์หรือกระดาษ มันมีความหมายเหมือนกันก็คือ"ตำรา"


เมื่อพุทธวัจจนะ ไม่ใช่ตำรา
พุทธวัจจนะ ไม่ว่าใครก็ตาม จะกล่าวออกมา
พุทธวัจจนะนั้น ก็ไม่ใช่ตำรา ตลอดกาล

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เริ่มสับสน และเบลอๆๆ เมา
1.เช่นนั้น จำโวหารใครมาพูด บอกมา........

จำใครมาพูดไม่รู้ แต่เคยเห็นคนอื่นพูดเหมือนเช่นนั้น ไอ้คำที่ว่า...พุทธวนะๆๆๆ
แล้วทำไมผมถึงบอกว่า"จำโวหารเขามาพูด" ก็เพราะ
เขากล่าวพุทธวจนะของเช่นนั้น กับความหมายที่เช่นนั้นแสดงมันเป็นคนละเรื่อง
ดังนั้นคำอ้าง"พุทธวจนะ"ของเช่นนั้น จึงเป็นแค่โวหารไว้ปรามาสคนอื่นแบบไร้เหตุผล
เช่นนั้น เขียน:
2.เขาเถึยงกัน พุทธวัจจนะ หรือ เขาเถียงกันต่อความเข้าใจในพุทธวัจจนะ ....


ที่เขาเถียงกัน เป็นความเข้าใจในพุทธวจนะ สิ่งที่เถียงกันเป็นการตีความพุทธวจนะ
แต่ด้วยสัญญาวิปลาศของเช่นนั้น เข้าใจไปว่า คนอื่นเขาเถียงกันเรื่องพุทธวจนะ

ที่ว่าเช่นนั้นมีสัญญาวิปลาศก็คือ เช่นนั้นกำลังเข้าใจในสัญญาผิด
ยกตัวอย่างให้ดู(กรุณาคิดตามไปด้วย) นี้เป็นตัวอย่างสมมุติน่ะอย่าเอามาเป็นประเด็นอีกล่ะ

อย่างเช่น พระพุทธองค์พูดว่า "กินอาหาร" แล้วมีผู้แสดงความเห็นว่า
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า"เสวยพระกระยาหาร" เช่นนั้นมาจากไหนไม่รู้มาปรามาส
คนที่แสดงความเห็นว่า กล่าวผิดไปจากพุทธวจนะ
แบบนี้พุทธวจนะของเช่นนั้นมันเป็นคนล่ะเรื่องมั้ย

ถ้าลักษณะเถียงกันในพุทธวจนะ จะต้องเป็นการเถียงว่า พระพุทธองค์กล่าวผิด
คำพูดพระพุทธองค์เชื่อถือไม่ได้ แต่คนที่เขาแสดงความเห็นไม่ได้คิดแบบนั้น
แต่เขาเชื่อศรัทธาในพุทธวจนะ เพียงแต่เขาจะเข้าใจในพุทธวจนะไปในทางใด


สรุปก็คือคนที่ชอบเอาพุทธวจนะมาปรามาสคนอื่น
ก็แค่ไม่มีมสมาธิแยกแยะบัญญัติว่า อันนั้นเป็นพุทธพจน์ อันไหนเป็นความเห็น
และที่สำคัญความเห็นนั้น เป็นความเห็นของพุทธศาสนิกชน

1.เมื่อเช่นนั้น ถามโฮฮับว่า "เช่นนั้น จำโวหารใครพูด ..บอกมา"
โฮฮับ ยอมรับว่า "จำใครมาพูดไม่รู้"
นี่คือความเลื่อนลอย ไร้แก่นสารของโฮฮับ
2."เขาเถียงกันต่อความเข้าใจในพุทธวัจจนะ" ...เป็นสิ่งที่โฮฮับบอกออกมาเอง
เป็นความเข้าใจของโฮฮับเอง เช่นนั้นจึงถามว่า "เขาเถึยงกัน พุทธวัจจนะ หรือ เขาเถียงกันต่อความเข้าใจในพุทธวัจจนะ" .....แต่ก็ไร้คำตอบจากโฮฮับ
3.โฮฮับ นิยามการลักษณะการเถียงกันในพุทธวัจจนะ ไว้ว่า
"ถ้าลักษณะเถียงกันในพุทธวจนะ จะต้องเป็นการเถียงว่า พระพุทธองค์กล่าวผิด
คำพูดพระพุทธองค์เชื่อถือไม่ได้ แต่คนที่เขาแสดงความเห็นไม่ได้คิดแบบนั้น
แต่เขาเชื่อศรัทธาในพุทธวจนะ เพียงแต่เขาจะเข้าใจในพุทธวจนะไปในทางใด
"
คงมีแต่โฮฮับ เถึยงพระองค์อยู่คนเดียว เพราะแม้แต่การกล่าวตู่พุทธวัจจนะ แสดงสิ่งที่พระพุทธองค์ไม่เคยตรัส ว่าเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสสอน เป็นเรื่องปรกติธรรมดาของโฮฮับ
4.ความเห็นของพุทธศาสนิกชินที่ถูกต้อง คือ
เมื่อมีความขัดแย้งในความเข้าใจ ในความคิดความเห็นต่อพุทธวัจจนะ ต้องกลับไปตั้งต้นใหม่นำพุทธวัจจนะมาพิจารณาอีกครั้งโดยไม่แต่งเติม ตัวบทนั้นๆ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 12:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
3.ไม่มีปัญญาเห็นสภาวะธรรมแท้ ย่อมต้องไม่เข้าในพุทธวัจจนะ....... เป็นอตรรกะ หรือตรรกะที่ใช้ไม่ได้ เพราะการเห็นสภาวะธรรม กับการเข้าใจ ...... ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

สิ่งที่ผมกล่าว มันเป็นตรรกะที่มีปัญญานำ
ก็เพราะความเข้าใจ กับการเห็นสภาวะธรรมไม่ใช่สิ่งเดียวกันไง
มันถึงต้องเห็นสภาวะธรรมก่อน

เพราะมันเป็นเหตุปัจจัยแก่กัน อย่างเช่น มีตำราสอนขี่มอเตอร์ไซด์ต่อให้อ่านให้หมดและจำได้ทั้งเล่ม
มันก็ยังไม่เรียกว่าเข้าใจ สมมุติในตำราเขียนว่า คุณต้องขี่จักรยานให้ได้เสียก่อน
จึงจะขี่มอเตอร์ไซด์ได้ นั้นคือคุณต้องไปขี่จักยานให้เป็นเสียก่อน ถ้าขี่จักรยานเป็น
นั้นแหล่ะถึงจะพูดได้ว่า มีความเข้าใจต่อตำรา

ย้อนกลับมาที่เช่นนั้น เช่นนั้นยึดเอาบัญญัติตัวหนังสือที่เช่นนั้นไปจำมา
พอมีคนกล่าวคำพูดที่ไม่ตรงกับความจำของเช่นนั้น เช่นนั้นก็เลยไปปรามาสเขาไง

โฮฮับจะสักหนแห่งที่ไม่เคยไป
โฮฮับมีแผนที่
โฮฮับต้องอ่านแผนที่ และทำความเข้าใจต่อแผนที่ ก่อน
หรือโฮฮับต้องไปหนแห่งนั้นก่อน แล้วจึงค่อยกางแผนที่ ??????
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
4. กระทู้นี้เช่นนั้น ไม่เคยพูดถึง ฎีกา อนุฎีกา อรรถกถา ใดๆ ไปมั่วที่อื่นอย่าเอามาปนกับความเห็นเช่นนั้น โฮฮับ

ที่เขาไม่พูดหรือเขาไม่อ้าง แยกแยะให้ดี
คุณโกวิทเอาเรื่องนี้มาโพสให้ดูเพื่อให้แยกแยะ แต่เช่นนั้นไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณโกวิทเอามาโพส ก็เพื่อให้เช่นนั้นแยกแยะ พุทธวจนะก็คือพุทธวจนะ
อรรถกถาก็คืออรรถ ฎีกาก็คือฎีกา ที่สำคัญความเห็นก็คือความเห็น

นั่นโฮฮับ ต้องไปบอกคุณโกวิทเอง
เพราะสิ่งที่ คุณโกวิท แสดงมา เช่นนั้น เข้าใจ
โฮฮับ เขียน:
การจะดูว่าสิ่งใดไม่ใช่พุทธวจนะ มันต้องเป็นการเปรียบเทียบ
ไม่ใช่คำอะธิบายในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว
เช่น จะบอกว่าคำพูดใดไม่ใช่พุทธวจนะ นั้นคือคำพูดของศาสดาในศาสนาอื่น
จึงจะไม่ใช่พุทธวจนะ


พุทธวัจจนะ ไม่ต้องเปรียบเทียบกับสิ่งใด ไม่ต้องแต่งเติม ไม่ต้องบัญญัติเพิ่มเติม

โฮฮับ เขียน:
และอีกกรณีก็คือ การเอาพุทธพจน์ในธรรมวินัยบทหนึ่งมากล่าวอีกบทหนึ่ง
แบบนี้ก็ไม่ใช่พุทธวจนะ ซึ่งตัวอย่างนี้"เช่นนั้น"ทำอยู่บ่อยๆ

เอาพุทธพจน์ที่แปรปวนและอาพาท ไปให้ความหมายผิดธรรมวินัย
ที่จะลืมไม่ได้นั้นก็คือ ที่บอกว่า ไตรลักษณ์เป็นลักษณะสามของสังขตธรรมและอสังขตธรรม
นี่อย่างนี้ครับ กล่าวผิดพุทธวจนะ

ยกพระสูตรออกมาสักทีสิโฮฮับ ว่า "ไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
เน้นๆ เอาตามบาลีพุทธวัจจนะ โดยไม่มีการแต่งเติมอ้างอาจารย์ อ้างอรรถกถา อ้างฏีกา อ้างอนุฏีกา
อย่าแถ ข้างๆ คูๆ
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
5. เห็นแต่คนที่พูดเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไม่รู้สักสภาวะธรรม ......ไม่อยากเสียดสี เพราะกลัวผิดกฏ อยู่เหมือนกันนะโฮฮับ

ที่ผมพูดจนเช่นนั้นเอามาย้อน จนมีคำว่าเสียดสี เช่นนั้นหลงตัวเองครับ
คำพูดของผม หมายถึงบุคคลนั้นเป็นนักบวชที่ชอบปรามาสคนอื่นด้วยเรื่อง พุทธวจนะ
อย่างเช่นนั้น มีความเห็นในนี้ผมเห็นผมก็ตอบตามเหตุ ไม่ถึงกับลงทุนลงแรงไปเอามาจากคลิปที่อื่นหรอกครับ มันเสียเวลา :b13:

โฮฮับ ยังไม่ได้ฟังหรือดูการแสดง ปุจฉาวิสัชนา ของนักบวชสองรูปนั้น ในตอนต่อไป
แล้วลงความเห็นว่า "ปรามาส" ........นั่นล่ะคือสิ่งที่เช่นนั้นเข้าใจ จึงย้ำโฮฮับว่า "ไม่อยากเสียดสีโฮฮับว่า "โง่อวดฉลาด" เพราะกลัวผิดกฎ นะโฮฮับ หรือโฮฮับ อยากฟัง "ไอ้ชาติโง่...." อีกสัก clip ดีไม๊

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2013, 13:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ส่วนไหนของกระทู้นี้ ที่ เช่นนั้น อ้างพุทธวัจจนะ มาคัดง้างความเห็น ของผู้ร่วมสนทนา??????

ตั๊บแก! แน่ใจแล้วหรือว่าไม่ได้ทำ :b9:
เช่นนั้น เขียน:
เมื่อพุทธวัจจนะ ไม่ใช่ตำรา
พุทธวัจจนะ ไม่ว่าใครก็ตาม จะกล่าวออกมา
พุทธวัจจนะนั้น ก็ไม่ใช่ตำรา ตลอดกาล

มันก็อีหร๊อบเดียวกับ โน้น นี่ นั้นไม่ใช่พุทธวจนะนั้นแหละ ขี้เกียจอธิบายแล้วซ้ำซาก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 176 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร