วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 04:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2013, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: มงคลชีวิต
พระธรรมเทศนาโดย...หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
วัดแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่

------------

ความมงคลของคนอยู่ที่ไหน ความมงคลของคนก็อยู่ที่จิตใจที่ประเสริฐ จิตใจที่มีคุณธรรม มีความเมตตากรุณา มีความยิ้มแย้มแจ่มใส

เวลาเช้ามงคลอยู่ที่ใบหน้า ตื่นขึ้นมาก็ให้มีความเบิกบานใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส ระลึกถึงแต่สิ่งที่ดี นึกถึงบุญกุศลความดี เมื่อพบหน้ากันสิ่งแรกที่ทำก็คือให้รอยยิ้มแก่กัน รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นมีเมตตากัน เมืองไทยถึงได้ชื่อว่าสยามเมืองยิ้ม


รูปภาพ
หลวงปู่ชา สุภัทโท


เวลากลางวันมงคลอยู่ที่หน้าอก หมายถึงอยู่ที่ใจคนเรา ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจ ต้องเข้ามาแก้ไขที่จิตใจเหมือนกับคลื่นวิทยุที่ต้องปรับเข้าหากัน เราต้องปรับใจเข้าหากัน ทำใจให้เย็นไว้ก่อน อย่าไปทำตามอารมณ์ ตามสิ่งแวดล้อมที่มันดึงไป ตั้งมั่นไว้ในคุณธรรม จะพูดจะทำสิ่งใดก็คิดพิจารณาด้วยสติปัญญาก่อน ถ้าไม่มีการคิดพิจารณาให้รอบคอบ เมื่อทำไปแล้ว ตอนแรกอาจสบาย แต่ในภายหลังจะได้รับความลำบาก เพราะบาปกรรมมีจริง นรกสวรรค์มีจริง ให้เรายับยั้งรั้งจิตใจ เหมือนรถที่ดีก็ต้องมีเบรกดี ระบบการควบคุมก็ดี เราอย่าไปทำตามโลก ตามอารมณ์ ทำตามใจได้ก็ว่าดี ไม่ได้ตามใจก็ว่าไม่ดี มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

พระพุทธเจ้าท่านให้เรารู้จักทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ กลางวันจิตใจของเราเร่าร้อน สิ่งแวดล้อมมันกดดันให้ร้อน คนหัวดีคนฉลาดก็ต้องมีความอดทน รู้จักพอ สิ่งแวดล้อมภายนอกทำไปเท่าไรก็ไม่จบสักที ถ้าไม่รู้จักพอ เราจะไปแก้สิ่งภายนอกก็ไม่ได้ ห้ามไม่ให้แก่ ให้เจ็บ ให้ตายก็ห้ามไม่ได้ ถ้าเราไม่รู้จักความจริงและยอมรับหรือพอใจได้ เราก็ทุกข์

มงคลตอนเย็นอยู่ที่เท้า ทำไมว่าอยู่ที่เท้า เพราะเท้านี้จะนำทางเราเดินไปไหนมาไหน จะเหยียบย่ำทั้งของปฏิกูลและของสะอาด

เราต้องชำระล้างเท้าของเราก่อนหลับนอน จึงจะเป็นมงคล หมายความว่าท่านให้เราชำระบาปอกุศลออกจากกายวาจาใจของเรา ดังโอวาทของพระพุทธเจ้าว่า ส จิตฺต ปริ โย ท ป นํ การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ การชำระจิตของตนเองก็ดูว่าใจของเราเป็นอย่างไร มันโลภ มันโกรธ หรือมันหลง เราจะได้ละได้ปล่อยได้วาง เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันพึงมีมาภายหลัง ทรัพย์สินเงินทอง บุตร ธิดา ภรรยา สามี เหล่านี้มีมาทีหลัง ชื่อของเราก็มาสมมติขึ้นทีหลัง ให้ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าให้สบาย หายใจเข้าให้สบาย หายใจออกให้สบาย พระพุทธเจ้าท่านก็เคยหลงเหมือนเรา แต่ท่านก็ไม่หลง แล้วก็มาสอนเราให้ทำตาม เราก็ทำตามท่าน เราทำใจให้ว่างได้ ๑-๒ นาที ก็เป็นบุญหาประมาณมิได้ ให้เราฝึกทำใจให้เป็นนิพพานไว้ เมื่อเราใกล้ตาย เราจะได้รู้วิธีทำใจให้ปล่อยวาง


การให้ทานเป็นสิ่งที่จำเป็นในขณะที่เรากำลังท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏะสงสาร จะช่วยยกระดับจิตใจของเราให้สูงขึ้น ทำให้เรามีความสุข มีโภคทรัพย์ มีสมบัติในขณะที่เรายังท่องเที่ยวในวัฏฏะสงสาร

การรักษาศีลก็เหมือนกัน จะช่วยยกจิตใจเราให้สูงขึ้น เป็นการชำระล้างบาปอกุศลตั้งแต่หยาบ ปานกลาง ละเอียด ออกจากจิตใจของเรา เราทั้งหลายก็ให้มาชำระล้างบาปอกุศลออกจากกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์ อย่าไปเอามันไว้ ชีวิตของคนเราต้องพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่ใช่เหมือนเดิมหรือจมหนักไปกว่าเก่า ให้ดูตัวอย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ท่านทำความดีตลอดเวลา

รูปภาพ

การทำบุญสุนทานตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นการสร้างเหตุปัจจัยเข้าสู่คุณงามความดี เพราะธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ เย ธมฺมา เหตุ ปพฺพวา ความดีเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำ เหมือนกับลมหายใจเข้าออกที่จำเป็นต้องหายใจ เช่น กราบพระทุกวัน ทำวัตรสวดมนต์ทุกวัน สิ่งนี้เป็นเรื่องจำเป็นเหมือนกับลมหายใจ ถ้าเราไม่หายใจก็ตาย ถ้าเราไม่ทำความดี เราก็ตายจากความดี หากทำความดีทุกวันเป็นปฏิปทา จะทำให้ตนเองมีหลักการ มีจุดยืน

ความดีนี้เราต้องทำจะขี้เกียจขี้คร้านไม่ได้ ไม่ว่าเป็นการงานหรือการปฏิบัติธรรม เราต้องทำ เราถึงจะสบายในบั้นปลาย เพราะความขี้เกียจขี้คร้านนี้ไม่ดี ความดีนี้ขยันก็ต้องทำ ไม่ขยันก็ต้องทำ ต้องทำตลอดทั้งกาย วาจา ใจ

เหตุที่เราไม่เข้าถึงคุณธรรมก็เพราะความขี้เกียจขี้คร้าน ขยันถึงทำ ไม่ขยันก็ไม่ทำ ให้เห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เห็นภัยในการเวียนว่ายตายเกิด เหมือนคนจนเห็นภัยของความยากจน

เรื่องบุญเก่ากรรมเก่าของแต่ละคนแต่ละท่านไม่เหมือนกัน บางคนอายุยืน บางคนอายุสั้น บางคนสุขภาพดี บางคนสุขภาพไม่ดี บางคนพิการทางกาย ทางระบบสมอง อันนี้ก็เนื่องจากกรรมเก่า ความขยันอดทนใกล้เคียงกัน แต่ความร่ำรวยแตกต่างกัน แม้แต่ชื่อเสียงเกียรติยศ ตำแหน่งก็ต่างกัน ซึ่งล้วนมาจากกรรมเก่าทั้งนั้น

ตัวอย่างนางวิสาขามหาอุบาสิกา ท่านเป็นผู้มีบุญมาก ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันตั้งแต่ ๗ ขวบ ทุกคนเคารพรักนับถือ ถึงแม้ว่าจะมีความสะดวกสบาย ท่านก็ไม่ลืมพระรัตนตรัย ปรากฏทำแต่ความดีอยู่เสมอ นางวิสาขานั้นมีความงาม ๕ ประการ เรียกว่า “เบญจกัลยาณี” คือ มีผมงาม มีฟันงาม มีผิวงาม มีเล็บงาม และมีวัยงาม คืองามทุกวัย เมื่อมีอายุมากแล้วก็มีความงามอยู่มาก จนดูไม่ออกว่านางวิสาขาคือคนไหนเมื่อนั่งอยู่ท่ามกลางลูกหลานบริวารทั้งหลาย จนเมื่อนางลุกขึ้นด้วยวัยอันชรา ต้องใช้มือค้ำยันพื้นยืนขึ้น จึงรู้ว่าเป็นนางวิสาขา ทุกคนรักนางวิสาขา แม้แต่โคก็ยังกระโดดออกจากคอกตามนางวิสาขาไป ข้าทาสบริวารมากมายก็อยากตามนางไปอยู่ด้วย

เมื่อนางไปสู่ตระกูลของสามีซึ่งไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัย นางจึงพูดเตือนสติให้พ่อสามีซึ่งเป็นเศรษฐีผู้มีความตระหนี่ว่า บริโภคของเก่า คือ กินบุญเก่าอยู่ ไม่สะสมบุญใหม่ จนพ่อสามีกลับใจมานับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุดของชีวิต

พวกเราทุกคนก็มาสว่าง มีความสุข มีความร่ำรวย มีรถ มีบ้าน เราก็มาเพิ่มบารมีของเราด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา

การให้ทานจะทำให้จิตใจของเรามีคุณธรรม มีจิตใจสูงขึ้น อาหารทางจิตใจของเราก็จะได้รับมากขึ้น อาหารทางกายทำให้ร่างกายอยู่สบาย อาหารทางใจก็ทำให้จิตใจสงบสบายใจสูงขึ้น มหาชนส่วนใหญ่นั้นยังไม่เห็นคุณค่าในการเสียสละ ในการทำก็ทำสักแต่ว่าทำตามประเพณี ทำตามปู่ย่าตายาย ยังไม่เข้าถึงจิตถึงใจ ไม่เหมือนกับพระอริยเจ้าที่ท่านเต็มเปี่ยมด้วยการให้ทานในการรักษาศีล เจริญภาวนา

พระอริยเจ้าครั้งพุทธกาล ตั้งแต่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ท่านก็ยังเป็นพระโสดาบันบ้าง พระสกทาคามีบ้าง พระอนาคามีบ้าง บางท่านมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ยากจน เพราะท่านให้ทานในอดีตไว้น้อย แต่ทางจิตใจท่านก็เป็นผู้ที่รู้จักพอ

ท่านจึงเป็นผู้ที่ร่ำรวยทางจิตใจ เวลาพระไปภิกขาจารบิณฑบาต ท่านมีข้าวจานเดียว ท่านก็ตักบาตรให้พระไปหมด จนพระพุทธองค์ท่านได้บัญญัติพระวินัย ห้ามภิกษุไปบิณฑบาตในตระกูลที่ได้รับสมมติว่าเป็นเสขะ ถ้าพระรูปใดไปรับบิณฑบาตก็ต้องอาบัติ แสดงให้เห็นว่า พระอริยเจ้าท่านมีจิตใจยินดีในการให้ทานอย่างเต็มเปี่ยม


การรักษาศีลก็เหมือนกัน ท่านก็รักษาศีลให้บริสุทธิ์เต็มเปี่ยมเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ให้ดูที่เจตนาของเรา เจตนาที่จะละที่จะงดเว้น ไม่ลังเลสงสัย ไม่ลูบคลำศีล การรักษาศีลเป็นของง่าย ถ้าเราดูที่เจตนาของเรา บางทีก็กลัวที่จะรักษาศีล กลัวจะอยู่กับเพื่อนกับสังคมลำบาก ยากในการเข้าสังคม นี้ยังเป็นการเข้าใจผิด การทำความดีตอนแรกยากบ้างเป็นธรรมดา แต่ที่เราสบายได้ก็เพราะเรามีศีล ถ้าเรารักษาศีลได้ เราก็ไม่ไปตกนรก เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ รูปสวย รูปงาม มีโภคทรัพย์

รูปภาพ
หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม (หลานหลวงปู่ชา สุภัทโท)
วัดป่าทรัพย์ทวี จ.นครราชสีมา


รูปภาพ
พระอาจารย์ฟิลลิป ญาณธัมโม แห่งวัดป่ารัตนวัน
นำคณะสงฆ์เข้ากราบนมัสการหลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
ณ วัดป่าทรัพย์ทวี จ.นครราชสีมา

:b8: :b8: :b8: คัดลอกเนื้อหามาจาก ::
หนังสือ ธรรมะมงคล โดย พระอาจารย์กัณหา สุขกาโม
วัดแพร่ธรรมาราม ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่
หัวข้อ มงคลชีวิต หน้า ๑-๕


:b44: รวมคำสอน “หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=47448

:b44: ประมวลภาพ “หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=37258

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2013, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: “…การดำเนินชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทนก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้วไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ ๆ...” :b20:

:b44: ♡✿(◕‿◕)✿♡ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่าน บุญรักษา ธรรมคุ้มครองให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะเจ้าค่ะ ♡✿(◕‿◕)✿♡ :b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร