วันเวลาปัจจุบัน 17 พ.ค. 2025, 18:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 223 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 06:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8564


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เหมือนหลายคนในนี้ เห็นธรรมใดธรรมหนึ่งอยากรู้แทนที่จะไปหาเหตุหรือหาธรรมตัวอื่น
ที่เป็นเหตุให้เกิดธรรตัวดังว่า ดันไปหาคำแปล หาคำศัพท์แบบนี้มันก็วนอยู่ในอ่างนั้นแหล่ะ


บานจนหุบไม่ลง คือ กายหรือรูปก็เห็นอยู่โด่ๆ แต่พวกเราชาวพุด (บางส่วน) ไปศึกษาที่ท่านจำแนกแจกแจงละเอียดออกไปๆ เช่น จำแนกออกเป็นรูป 28 เจตสิกสิก 52 จิต 89 หุบกลับมาที่เดิมคือที่กายกับใจไม่ได้ (จิตใจเอาไว้ก่อนเกินสามารถแล้วแบบนี้) เอาแค่ร่างกาย หรือกาย หรือรูป นี่ก็กู่ไม่กลับแล้ว

นี่นะถ้าไปศึกษาที่ท่านจำแนกแจกแจงชีวิตหรือกายกับใจละเอียดยิบๆ เข่น จำแนกโดยความเป็น ขันธ์ 5 (ยังจำแนกออกได้อีก) อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 น่าจะเตลิดเปิดเปิงไปสุดชีวิตกระมัง :b1: ไม่ไหวจะเคลีย :b32:

กรัชกาย เขียน:
ชีวิตมันก็ดำเนินไปตามธรรมชาติของมัน อวัยวะน้อยใหญ่ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ก็ทำงานไปตามหน้าที่ของมัน ไม่มีใครที่ไหนไปทำหน้าที่แทนมัน แต่คนไปคิดจัดการมันจนเละเทะยับเยืนไปหมด คิกๆๆ

ต้องการอะไรกัน ? ตอบ เพื่อต้องการรู้ธรรม แต่เปล่า ไม่ใช่การรู้ธรรม แต่ล่วงเลยธรรม ฟุ้งซ่านธรรม :b9:


มีความคิดอย่างนี้ แสดงว่ายังห่วงบ้านเก่า

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


โฮฮับ เขียน:
อย่าเอาคำศัพท์ที่ไม่ใช่พุทธพจน์มาพูด อย่างเช่น วัณณะรูป
ไอ้วัณณะรูปมันไม่ใช่พุทธพจน์ ดังนั้นการอธิบายความต้องเอาภาษาที่ฟังแล้วรู้ได้เข้าใจเลย
ไม่ใช่ให้มานึกว่าหมายถึงอะไร

ไอ้วัณณะรูปที่คุณไปหยิบมาจากไหนไม่รู้ ผมก็ได้อธิบายแล้วว่า มันก็คือ...
รูปายตนะหรือ สิ่งที่มากระทบกับตามันก็คือแสง กับทึบแสง(มืด)
แสงมันมีลักษณะในตัวมันคือมีสีเจ็ดสี ถ้าไม่มีอะไรไปขวางทาง
แสงที่ตาไปเห็นก็จะไม่มีสี เป็นเพียงแต่ความสว่าง

ตาหรือจักขุปสาทรูปสามารถรู้ถึงความมืด(ทึบแสง)และความสว่าง(แสง)ได้พร้อมกันในการกระทบหนึ่งครั้ง
ที่เราเห็นเป็นสีก็เพราะ สิ่งที่ทึบแสงไปบังแสงสว่างเข้า แสงซึ่งมีองค์ประกอบของสีหลายสี
องค์ประกอบของแสงตัวไหนถูกบดบัง มันก็จะเกิดเป็นสีขึ้น


คำว่า สี นี่ผมเห็น จากในรูปที่ลุงหมานเอามาแสดง และก็เจอในพระไตรปิฏกฉบับภาษาไทย ที่ผมยกมาข้างล่าง
คำว่า วัณณะรูป น่าจะเป็นศัพท์บาลีดั้งเดิม ของคำว่า สี นี่แหละครับ

Quote Tipitaka:
[๕๖๕] รูปเป็นรูปายตนะ นั้น เป็นไฉน?
รูปใด เป็นสี อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้เรียกว่า รูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง
รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นรูปายตนะ.


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 2%B5%B9%D0

ทำไมท่านโฮฮับ ชอบไปพูดว่า รูปายตนะ ล่ะครับ ไม่พูดว่า สีสัน ซึ่งเป็นคำยุคปัจจุบัน น่าจะเข้าใจง่ายกว่า :b12:

สำหรับผม จะพูดว่า ตา เห็น ภาพ ........................ดีมั๊ยเอ่ย เข้ากับยุคปัจจุบันขึ้นมาอีกนิด

แล้ว คำว่า สิ่งที่เห็น นี่เป็นพุทธพจน์ หรือปล่าว ท่านโฮฮับ

ตา เห็น สิ่งที่เห็น

คำว่า สิ่งที่เห็น เป็นภาษาบาลี เป็นพุทธพจน์ หรือเปล่า ท่านโฮฮับ

คำว่า สี เป็นภาษาบาลี เป็นพุทธพจน์ หรือเปล่า ท่านโฮฮับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ที่มาของวัณณะรูป ครับ

http://abhidhamonline.org/aphi/p6/052.htm

อ้างคำพูด:
คู่ที่ ๙ สนิทัสสนรูป กับ อนิทัสสนรูป

สนิทัสสนรูป แปลว่า รูปที่เห็นด้วยตาได้ มองเห็นด้วยสายตาได้ องค์ธรรม ได้แก่ วัณณะรูป หรือ รูปารมณ์ คือ สี หรือ วัณณะรูป รูปเดียวเท่านั้น เป็นรูปที่ เห็นด้วยนัยน์ตา เห็นโดยทางจักขุปสาทได้

ส่วนรูปที่เหลืออีก ๒๗ รูป นั้น เห็นด้วยตา หรือมองเห็นด้วยตาไม่ได้ หรือ เห็นโดยทางจักขุปสาทไม่ได้ จึงเรียกว่า อนิทัสสนรูป

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
คำว่า สี นี่ผมเห็น จากในรูปที่ลุงหมานเอามาแสดง และก็เจอในพระไตรปิฏกฉบับภาษาไทย ที่ผมยกมาข้างล่าง
คำว่า วัณณะรูป น่าจะเป็นศัพท์บาลีดั้งเดิม ของคำว่า สี นี่แหละครับ

Quote Tipitaka:
[๕๖๕] รูปเป็นรูปายตนะ นั้น เป็นไฉน?
รูปใด เป็นสี อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้เรียกว่า รูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง
รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นรูปายตนะ.


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 2%B5%B9%D0

ทำไมท่านโฮฮับ ชอบไปพูดว่า รูปายตนะ ล่ะครับ ไม่พูดว่า สีสัน ซึ่งเป็นคำยุคปัจจุบัน น่าจะเข้าใจง่ายกว่า :b12:

ที่ต้องเรียกว่า....รูปายตนะก็เพราะว่า มันเกิดการกระทบของอายตนะภายนอกและภายในแล้ว
ส่วนสีสันที่คุณบอก มันเป็นการเรียกธรรมนอกกายใจ ที่มันยังไม่มากระทบกายใจ
อย่าง เช่นเมื่อยังไม่มีการกระทบจักขายตนะจะต้องเรียกว่า...ปสาทตา
และเรียกรูปายตนะว่า สีสัน(แสง)

ที่พูดมาเป็นการไล่หาเหตุปัจจัย แต่มันยังมีอีกก็คือรู้เหตุปัจจัยทำให้เกิดผลอะไร
ถ้าจักขายตนะกระทบกับรูปายตนะ จนเกิดเป็นรูปารมณ์ขึ้น รูปที่เกิดขึ้นไม่ใช่สีสันอะไร มันเป็นเพียง
แสงสว่างหรือความมืดเท่านั้น (อยากรู้ว่าจริงมั้ย ก็ลองทำกรรมฐานเพ่งแผ่นสีสักสี ผลที่ได้ก็จะเป็น
ความว่างสว่างหรือมืดเท่านั้น)

รูปที่คุณไปเอามาจากลุงหมาน ในส่วนของโคจรรูปหรือวิสยะรูปนั้น
มันเป็นการอธิบายไม่ถูกต้อง ในสภาวะธรรมแท้ๆไม่ใช่แบบนั้น
เราจะเรียกรูปปรมัตถ์ว่า สี...กลิ่น...รส...เสียง...อ่อนแข็งไม่ได้
คำศัพท์พวกนี้เป็นสมมุติบัญญัติที่ใช้เรียกแทน ...สิ่งที่มากระทบกับรูปมันเป็นธรรมนอกกายใจ
ถ้าเรียกมันอย่างนั้นแสดงว่ามันยังไม่มีการกระทบ....มันยังไม่ใช่รูปปรมัตถ์

รูปของลุงหมานที่แสดงถึงรูปปรมัตถ์ ในส่วนของโคจรหรือวิสยรูป
จึงผิดจากความเป็นจริง ในความเป็นจริงแล้วเราต้องเรียก.....
สีว่า...รูปายตนะ เรียกเสียงว่า...สัททายตนะ เรียกกลิ่นว่า...คันธายตนะ
เรียกรสว่า....รสายตนะ และเรียกความอ่อนแข็งว่า....โผฏฐัพพายตนะ
แบบนี้มันถึงจะเป็นรูปปรมัตถ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
[
ทำไมท่านโฮฮับ ชอบไปพูดว่า รูปายตนะ ล่ะครับ ไม่พูดว่า สีสัน ซึ่งเป็นคำยุคปัจจุบัน น่าจะเข้าใจง่ายกว่า :b12:

สำหรับผม จะพูดว่า ตา เห็น ภาพ ........................ดีมั๊ยเอ่ย เข้ากับยุคปัจจุบันขึ้นมาอีกนิด

แล้ว คำว่า สิ่งที่เห็น นี่เป็นพุทธพจน์ หรือปล่าว ท่านโฮฮับ

ตา เห็น สิ่งที่เห็น

คำว่า สิ่งที่เห็น เป็นภาษาบาลี เป็นพุทธพจน์ หรือเปล่า ท่านโฮฮับ

คำว่า สี เป็นภาษาบาลี เป็นพุทธพจน์ หรือเปล่า ท่านโฮฮับ

คุณยังไม่เข้าใจว่า ธรรมนอกกายใจ กับธรรมภายในกายใจมันไม่เหมือนกัน
คำบางคำที่มันเป็นสภาวะ เราต้องพูดตามที่พระพุทธองค์บัญญัติ
แต่ถ้าเป็นคำนอกกายใจจะใช่คำไหนก็ได้ ขอให้ผู้ฟังรู้ว่าหมายถึงอะไร
อย่างเช่นคุณเอาวัณณะรูปมาใช้กับผม คำว่าวัณณะมันมีรากศัพท์มาจากบาลีก็จริง
แต่มันไม่ใช่พุทธพจน์หรือเป็นคำที่ใช้แทนสภาวะธรรม เป็นแบบนี้คนฟังจะสับสนไปกับคุณ
คิดว่า คำที่คุณอามาเป็นพุทธพจน์

จริงๆแล้วคำวัณณะที่คุณใช้ มันเป็นคำที่ใช้แทนสมมุติสัจจะหรือธรรมนอกกายใจ
แต่ที่คุณเรียกมันแบบนี้เพราะคุณเข้าใจผิด คิดว่ามันเป็นสภาวะภายในกายใจ
ถ้าจะใช้คำให้ถูกและให้คนอื่นเข้าใจ ก็แค่บอกว่า แสงมันมีองค์ประกอบของสีหลายสี
มารวมกันเป็นหนึ่งเดียว


ส่วนคำอื่นๆมันมีจุดเริ่มต้นมาจาก การไม่รู้หลักการใช้ภาษา
ไม่รู้ว่า บาลีควรใช้ในลักษณะไหน คำที่เป็นภาษาไทยธรรมดาควรใช้อย่างไร
สรุปก็คือไม่รู้ว่า อย่างไรคือคำอธิบายความ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ที่มาของวัณณะรูป ครับ

http://abhidhamonline.org/aphi/p6/052.htm

อ้างคำพูด:
คู่ที่ ๙ สนิทัสสนรูป กับ อนิทัสสนรูป

สนิทัสสนรูป แปลว่า รูปที่เห็นด้วยตาได้ มองเห็นด้วยสายตาได้ องค์ธรรม ได้แก่ วัณณะรูป หรือ รูปารมณ์ คือ สี หรือ วัณณะรูป รูปเดียวเท่านั้น เป็นรูปที่ เห็นด้วยนัยน์ตา เห็นโดยทางจักขุปสาทได้

ส่วนรูปที่เหลืออีก ๒๗ รูป นั้น เห็นด้วยตา หรือมองเห็นด้วยตาไม่ได้ หรือ เห็นโดยทางจักขุปสาทไม่ได้ จึงเรียกว่า อนิทัสสนรูป

แบบนี้ถ้าผมจะถามคุณว่า สิ่งที่คุณอ้าง เป็นพุทธพจน์หรือเปล่า คุณจะโกรธผมมั้ย
อย่าเอาคำที่ใช้ยกตัวอย่างในแบบเรียนมาอ้างในการถกธรรมครับ

การถกธรรมอ้างได้แต่พระธรรมวินัยครับ เดียวนี้แม้แต่พระอภิธรรมผู้รู้บางท่านยัง
ไม่เอามาเป็นหลักอ้างอิงเลยครับ

เตือนครับอย่าไปทำแบบนี้กับพวกศิษย์ที่เป็นสาขาวัดหนองป่าพงเป็นอันขาด
เดียวจะโดนเขาย้อนเอาครับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ถกธรรมกันเหมือนกับคุนหมอผุ้เชียวชาญ :b9: ที่ทำแบบแผนการสอนนักศึกษา ว่าร่างกายมนุษย์มีอะไรเป็นองค์ประกอบบ้าง แล้วก็ลงมือชำแหละ ตับ ไต ไส้ หัวใจ ปอด wink อยุ่บริเวณไหน ตรงนั้นสมอง ตรงนี้ชีพจร ตรงนี้เส้นเลือดใหญ่ ตรงนี้ทัดดอกไม้ :b32: :b32: โดยเฉพาะบริเวณทัดดอกไม้ ถ้าโดนกระทบกระเทือนรุนแรงอาจจะทำให้สลบหมดสติหรืออาจเสียชีวิตได้ :b14:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เหมือนหลายคนในนี้ เห็นธรรมใดธรรมหนึ่งอยากรู้แทนที่จะไปหาเหตุหรือหาธรรมตัวอื่น
ที่เป็นเหตุให้เกิดธรรตัวดังว่า ดันไปหาคำแปล หาคำศัพท์แบบนี้มันก็วนอยู่ในอ่างนั้นแหล่ะ


บานจนหุบไม่ลง คือ กายหรือรูปก็เห็นอยู่โด่ๆ แต่พวกเราชาวพุด (บางส่วน) ไปศึกษาที่ท่านจำแนกแจกแจงละเอียดออกไปๆ เช่น จำแนกออกเป็นรูป 28 เจตสิกสิก 52 จิต 89 หุบกลับมาที่เดิมคือที่กายกับใจไม่ได้ (จิตใจเอาไว้ก่อนเกินสามารถแล้วแบบนี้) เอาแค่ร่างกาย หรือกาย หรือรูป นี่ก็กู่ไม่กลับแล้ว

นี่นะถ้าไปศึกษาที่ท่านจำแนกแจกแจงชีวิตหรือกายกับใจละเอียดยิบๆ เข่น จำแนกโดยความเป็น ขันธ์ 5 (ยังจำแนกออกได้อีก) อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 น่าจะเตลิดเปิดเปิงไปสุดชีวิตกระมัง :b1: ไม่ไหวจะเคลีย :b32:

กรัชกาย เขียน:
ชีวิตมันก็ดำเนินไปตามธรรมชาติของมัน อวัยวะน้อยใหญ่ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ก็ทำงานไปตามหน้าที่ของมัน ไม่มีใครที่ไหนไปทำหน้าที่แทนมัน แต่คนไปคิดจัดการมันจนเละเทะยับเยืนไปหมด คิกๆๆ

ต้องการอะไรกัน ? ตอบ เพื่อต้องการรู้ธรรม แต่เปล่า ไม่ใช่การรู้ธรรม แต่ล่วงเลยธรรม ฟุ้งซ่านธรรม :b9:


มีความคิดอย่างนี้ แสดงว่ายังห่วงบ้านเก่า



มีบ้านเก่า แสดงว่าต้องมีบ้านใหม่ เหมือนกับมีบ้านเหนือ ก็ต้องมีบ้านใต้ คิกๆๆ

ถามลุงหมาน บ้านเก่าดังว่า ได้แก่อะไร? :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ถกธรรมกันเหมือนกับคุนหมอผุ้เชียวชาญ :b9: ที่ทำแบบแผนการสอนนักศึกษา ว่าร่างกายมนุษย์มีอะไรเป็นองค์ประกอบบ้าง แล้วก็ลงมือชำแหละ ตับ ไต ไส้ หัวใจ ปอด wink อยุ่บริเวณไหน ตรงนั้นสมอง ตรงนี้ชีพจร ตรงนี้เส้นเลือดใหญ่ ตรงนี้ทัดดอกไม้ :b32: :b32: โดยเฉพาะบริเวณทัดดอกไม้ ถ้าโดนกระทบกระเทือนรุนแรงอาจจะทำให้สลบหมดสติหรืออาจเสียชีวิตได้ :b14:



ขำ ทัดดอกไม้นั่นแหละธาตุดิน ทำไปทำมาพวกเราคิดไปไกลจากธรรมะมากๆ ถึงว่า กายานุปัสสนาไม่เข้าใจ รูปารมณ์ก็ไม่เข้าใจ คิกๆ คือท่านยักเรียกยังเยื้องศัพท์หน่อยงงเป็นไก่ตาแตก

เจริญธรรม :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
govit2552 เขียน:
คำว่า สี นี่ผมเห็น จากในรูปที่ลุงหมานเอามาแสดง และก็เจอในพระไตรปิฏกฉบับภาษาไทย ที่ผมยกมาข้างล่าง
คำว่า วัณณะรูป น่าจะเป็นศัพท์บาลีดั้งเดิม ของคำว่า สี นี่แหละครับ

Quote Tipitaka:
[๕๖๕] รูปเป็นรูปายตนะ นั้น เป็นไฉน?
รูปใด เป็นสี อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้เรียกว่า รูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง
รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นรูปายตนะ.


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 2%B5%B9%D0

ทำไมท่านโฮฮับ ชอบไปพูดว่า รูปายตนะ ล่ะครับ ไม่พูดว่า สีสัน ซึ่งเป็นคำยุคปัจจุบัน น่าจะเข้าใจง่ายกว่า :b12:

ที่ต้องเรียกว่า....รูปายตนะก็เพราะว่า มันเกิดการกระทบของอายตนะภายนอกและภายในแล้ว
ส่วนสีสันที่คุณบอก มันเป็นการเรียกธรรมนอกกายใจ ที่มันยังไม่มากระทบกายใจ
อย่าง เช่นเมื่อยังไม่มีการกระทบจักขายตนะจะต้องเรียกว่า...ปสาทตา
และเรียกรูปายตนะว่า สีสัน(แสง)

ที่พูดมาเป็นการไล่หาเหตุปัจจัย แต่มันยังมีอีกก็คือรู้เหตุปัจจัยทำให้เกิดผลอะไร
ถ้าจักขายตนะกระทบกับรูปายตนะ จนเกิดเป็นรูปารมณ์ขึ้น รูปที่เกิดขึ้นไม่ใช่สีสันอะไร มันเป็นเพียง
แสงสว่างหรือความมืดเท่านั้น (อยากรู้ว่าจริงมั้ย ก็ลองทำกรรมฐานเพ่งแผ่นสีสักสี ผลที่ได้ก็จะเป็น
ความว่างสว่างหรือมืดเท่านั้น)

รูปที่คุณไปเอามาจากลุงหมาน ในส่วนของโคจรรูปหรือวิสยะรูปนั้น
มันเป็นการอธิบายไม่ถูกต้อง ในสภาวะธรรมแท้ๆไม่ใช่แบบนั้น
เราจะเรียกรูปปรมัตถ์ว่า สี...กลิ่น...รส...เสียง...อ่อนแข็งไม่ได้
คำศัพท์พวกนี้เป็นสมมุติบัญญัติที่ใช้เรียกแทน ...สิ่งที่มากระทบกับรูปมันเป็นธรรมนอกกายใจ
ถ้าเรียกมันอย่างนั้นแสดงว่ามันยังไม่มีการกระทบ....มันยังไม่ใช่รูปปรมัตถ์

รูปของลุงหมานที่แสดงถึงรูปปรมัตถ์ ในส่วนของโคจรหรือวิสยรูป
จึงผิดจากความเป็นจริง ในความเป็นจริงแล้วเราต้องเรียก.....
สีว่า...รูปายตนะ เรียกเสียงว่า...สัททายตนะ เรียกกลิ่นว่า...คันธายตนะ
เรียกรสว่า....รสายตนะ และเรียกความอ่อนแข็งว่า....โผฏฐัพพายตนะ
แบบนี้มันถึงจะเป็นรูปปรมัตถ์


ปรมัตถธรรม มี 4 คือ จิต เจตสิกา รูป นิพพาน เขาก็บอกอยู่แล้ว แต่พวกเราว่ากันไปกันมา ไปดูที่เขาจำแนกรายละเอียดออกไปต่างๆ เรารู้ไม่ถึงรู้ไม่ทัน จนปรมัตถ์กลายเป็นปทปรมะ :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 12:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าวว ไหนใครก็ได้ ช่วยบอกรายละเอียดมหาภูตรูป 4 (ที่เรียกกันง่ายๆว่าธาตุ 4) คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม แต่ละอย่างที่ประกอบกันขึ้นเป็นกายหรือร่างกายโด่ๆนี่หน่อยดิ มีรางวัล :b36:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
ถกธรรมกันเหมือนกับคุนหมอผุ้เชียวชาญ :b9: ที่ทำแบบแผนการสอนนักศึกษา ว่าร่างกายมนุษย์มีอะไรเป็นองค์ประกอบบ้าง แล้วก็ลงมือชำแหละ ตับ ไต ไส้ หัวใจ ปอด wink อยุ่บริเวณไหน ตรงนั้นสมอง ตรงนี้ชีพจร ตรงนี้เส้นเลือดใหญ่ ตรงนี้ทัดดอกไม้ :b32: :b32: โดยเฉพาะบริเวณทัดดอกไม้ ถ้าโดนกระทบกระเทือนรุนแรงอาจจะทำให้สลบหมดสติหรืออาจเสียชีวิตได้ :b14:



ขำ ทัดดอกไม้นั่นแหละธาตุดิน ทำไปทำมาพวกเราคิดไปไกลจากธรรมะมากๆ ถึงว่า กายานุปัสสนาไม่เข้าใจ รูปารมณ์ก็ไม่เข้าใจ คิกๆ คือท่านยักเรียกยังเยื้องศัพท์หน่อยงงเป็นไก่ตาแตก

เจริญธรรม :b1:

จ้ะพี่กรัชกาย :b12: ถ้าเราพิจารณากายานุปัสนา เราจะเห็นว่ากายนี้คือการประชุมตัวกันของดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าบอกว่าธาตุลมไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่ทำไมคุนน้องกลับเห็นว่ามันมีจริงและอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์หละ :b4:
ลองกลั้นหายใจดูสิค่ะ :b32: นั่นหละค่ะไม่มีธาตุลม :b14: (เกือบตายกันเลยทีเดียว :b32: ) แล้วลองกำหนดลมหายใจโดย พุธ-โธ เห็นอะไรมั้ยค่ะ นั่นหละค่ะธาตุลม :b12: เพราะกายนี้ต้องอาศัยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟประชุมตัวกัน :b1:
( คิดอะไรที่มันอยู่ในหลักความจริงมันจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน :b9: )


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
ถกธรรมกันเหมือนกับคุนหมอผุ้เชียวชาญ :b9: ที่ทำแบบแผนการสอนนักศึกษา ว่าร่างกายมนุษย์มีอะไรเป็นองค์ประกอบบ้าง แล้วก็ลงมือชำแหละ ตับ ไต ไส้ หัวใจ ปอด wink อยุ่บริเวณไหน ตรงนั้นสมอง ตรงนี้ชีพจร ตรงนี้เส้นเลือดใหญ่ ตรงนี้ทัดดอกไม้ :b32: :b32: โดยเฉพาะบริเวณทัดดอกไม้ ถ้าโดนกระทบกระเทือนรุนแรงอาจจะทำให้สลบหมดสติหรืออาจเสียชีวิตได้ :b14:



ขำ ทัดดอกไม้นั่นแหละธาตุดิน ทำไปทำมาพวกเราคิดไปไกลจากธรรมะมากๆ ถึงว่า กายานุปัสสนาไม่เข้าใจ รูปารมณ์ก็ไม่เข้าใจ คิกๆ คือท่านยักเรียกยังเยื้องศัพท์หน่อยงงเป็นไก่ตาแตก

เจริญธรรม :b1:

จ้ะพี่กรัชกาย :b12: ถ้าเราพิจารณากายานุปัสนา เราจะเห็นว่ากายนี้คือการประชุมตัวกันของดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าบอกว่าธาตุลมไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่ทำไมคุนน้องกลับเห็นว่ามันมีจริงและอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์หละ :b4:
ลองกลั้นหายใจดูสิค่ะ :b32: นั่นหละค่ะไม่มีธาตุลม :b14: (เกือบตายกันเลยทีเดียว :b32: ) แล้วลองกำหนดลมหายใจโดย พุธ-โธ เห็นอะไรมั้ยค่ะ นั่นหละค่ะธาตุลม :b12: เพราะกายนี้ต้องอาศัยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟประชุมตัวกัน :b1:
( คิดอะไรที่มันอยู่ในหลักความจริงมันจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน :b9: )



คุณน้องผ่องอำไพ ไหนบอกชื่อ ธาตุทั้ง 4 มาแต่ละอยางซิ มีอะไรบ้าง บอกได้ครบ ก็จะเห็นธรรมชาติมากขึ้นนะ อ้าวว่าไป ธาตุดิน มี ได้แก่ มีอะไรบ้างก็ว่าไป

ธาตุน้ำ มี ได้แก่ อะไรบ้างก็ว่าไป

ธาตุไฟ มี ได้แก่ มีอะไรบ้างก็ว่าไป

ธาตุลม มี ได้แก่ มีอะไรบ้างก็ว่าไป

ไหนพูดถึงธาตุต่างๆ แล้ว ฟังเพลง "ฝากดิน" หน่อย อย่าคิดมากนะ ขำๆ คิกๆๆ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ

http://www.youtube.com/watch?v=pFzuHVF9CL8

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้าวว ไหนใครก็ได้ ช่วยบอกรายละเอียดมหาภูตรูป 4 (ที่เรียกกันง่ายๆว่าธาตุ 4) คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม แต่ละอย่างที่ประกอบกันขึ้นเป็นกายหรือร่างกายโด่ๆนี่หน่อยดิ มีรางวัล :b36:

ตอบธาตุลม ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาไปแล้วง่ะ ไหนอ่ะรางวัลชมเชย :b12: ธาตุอื่นๆรอผู้รู้มาตอบก็ได้ม้าง :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2013, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้าวว ไหนใครก็ได้ ช่วยบอกรายละเอียดมหาภูตรูป 4 (ที่เรียกกันง่ายๆว่าธาตุ 4) คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม แต่ละอย่างที่ประกอบกันขึ้นเป็นกายหรือร่างกายโด่ๆนี่หน่อยดิ มีรางวัล :b36:

ตอบธาตุลม ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาไปแล้วง่ะ ไหนอ่ะรางวัลชมเชย :b12: ธาตุอื่นๆรอผู้รู้มาตอบก็ได้ม้าง :b9:


ยังไม่สมบูรณ์ ตอบให้หมด และตอบให้ครบ มหาภูตรูป 4 ว่าไปแต่ละอย่างๆอะไรบ้าง อ้าว ๆ ช่วยกัน :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 223 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร