วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2013, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


อาหาร มี 4 ประเภท ดังนี้

1.กพฬิงการาหาร หมายถึง รูปอาหารที่เป็นคำ ๆ ที่เราบริโภคเข้าไปส่วนที่จะเป็น

ประโยชน์หล่อเลี้ยงร่างกาย อาหารที่เป็นคำๆ นำมาซึ่ง โอชารูป

2.ผัสสาหาร หมายถึง ผัสสเจตสิก ซึ่งเป็นปัจจัยให้สัมปยุตธรรมเกิดขึ้น นำมาซึ่ง

เวทนา

3.มโนสัญเจตนาหาร หมายถึง เจตนาเจตสิกที่เป็นกรรม ทั้งกุศลกรรม และ

อกุศลกรรม ย่อมนำมา

ซึ่งปฏิสนธิวิญญาณ(การเกิด)

4.วิญญาณาหาร หมายถึง ปฏิสนธิวิญญาณ ย่อมนำมาซึ่งนามรูป และอีกนัยหนึ่ง

จิตอื่นๆที่นำมาซึ่งผล คือ นาม รูป หรือว่า นาม หรือ รูป อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ไม่พ้น

จากอาหารปัจจัยที่เป็นวิญญาณอาหารด้วย


วจีสุจริต
1.เว้นจากการ พูดเท็จ
2.เว้นจากการ พูดส่อเสียด
3.เว้นจากการ พูดคำหยาบ
4.เว้นจากการ พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล

คือแม้ว่าจะเป็นความจริง
แต่หากว่า เป็นคำส่อเสียดก่อให้เกิดความแตกร้าว
เช่นนำความข้างนี้ไปบอกข้างนั้น
นำความข้างนั้นมาบอกข้างนี้
เพื่อจะยุให้ทั้งสองฝ่ายแตกกัน
แม้จะเป็นความจริงที่ไม่ควรพูด
เพราะทำให้เขาแตกกัน
เข้าในพวกส่อเสียด

หรือแม้ว่าเป็นคำหยาบ
ไม่ได้มุ่งจะหลอกลวงให้เข้าใจผิด
แต่ว่า เป็นคำหยาบคาย
เช่นเป็นคำด่าว่า
เป็นสัตว์ดิรัจฉานอย่างโน้นอย่างนี้ อะไรเป็นต้น
หรือแม้วาจาอย่างอื่นซึ่งเป็นการกล่าว
กดให้เลวลง
ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และก็ไม่ได้มุ่งที่จะหลอก
แต่ว่ากล่าวด้วยความโกรธ
ด้วยความเหยียดหยาม
ต้องการจะกดเขาให้เลว
ก็ไม่ควรพูด
และแม้ว่าเป็นคำที่เพ้อเจ้อเหลวไหล
ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย
ไม่มีขอบเขตจำกัด หาสาระแก่นสารมิได้
หรือว่ามีสาระแก่นสารน้อยเกินไป
ก็เป็นคำไม่ควรพูด

วจีทุจริต
วาจาเช่นที่กล่าวมานี้ คือ

การพูดเท็จก็ดี
การพูดส่อเสียดก็ดี
การพูดคำหยาบก็ดี
การพูดเพ้อเจ้อเหลวไหลก็ดี
ก็นับว่าเป็น วจีทุจริต

คือการพูดที่เป็นทุจริตเสมอกัน
เพราะฉะนั้นแม้เป็นความจริง
ก็ไม่ใช่ว่าเป็นข้อที่ควรพูดเสมอไป
ต้องอยู่ในขอบเขตอันสมควร




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2013, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 6172 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2013, 18:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


อชิตมาณพ ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ท่าน-

พราหมณ์พาวรี ถามถึงธรรมเป็นศีรษะ และ

ธรรมเป็นเหตุให้ศีรษะตกไป ขอพระองค์

ตรัสพยากรณ์ข้อนั้น กำจัดความสงสัยของ-

พวกข้าพระองค์ ผู้เป็นฤาษีเสียเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพยากรณ์ว่า

ท่านจงรู้เถิดว่า อวิชชาชื่อว่าธรรม

เป็นศีรษะ วิชชาประกอบด้วยศรัทธา สติ

สมาธิ ฉันทะ และวิริยะ ชื่อว่าเป็นธรรม
เรื่องพระปูติคัตตติสสเถระ

ได้ยินว่า กุลบุตรชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่ง ฟังธรรมกถาในสำนักของพระศาสดา

ถวายชีวิตในพระศาสนา ได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว ได้ชื่อว่า พระติสสเถระ.

เมื่อกาลล่วงไป ๆ โรคเกิดขึ้นในสรีระของท่าน. ต่อมทั้งหลาย ประมาณเท่าเมล็ด

ผักกาดผุดขึ้น. มัน (โตขึ้น) โดยลำดับประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว ประมาณเท่า

เมล็ดถั่วดำ ประมาณเท่าเมล็ดกระเบา ประมาณเท่าผลมะขามป้อม ประมาณเท่าผล

มะตูม แตกแล้ว. สรีระทั้งสิ้น ได้เป็นช่องเล็กช่องน้อย ชื่อของท่านเกิดขึ้นแล้ว

ว่า พระปูติคัตตติสสเถระ (พระติสสเถระผู้มีกายเน่า). ต่อมา ในกาลเป็นส่วนอื่น

กระดูกของท่าน แตกแล้ว. ท่านได้เป็นผู้ที่ใคร ๆ ปฏิบัติไม่ได้. ผ้านุ่งและผ้าห่ม

เปื้อนด้วยหนองและเลือด ได้เป็นเช่นกับขนมร่างแห. พวกภิกษุมีสัทธิวิหาริกเป็นต้น

ไม่อาจจะปฏิบัติได้ (จึงพากัน) ทอดทิ้งแล้ว. ท่านเป็นผู้ไม่มีที่พึ่งนอน ( แซ่ว ) แล้ว.

ก็ธรรมดาว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมไม่ทรงละการตรวจดูโลก สิ้น ๒ วาระ

(คือ) ในกาลใกล้รุ่ง เมื่อทรงตรวจดูโลก ทรงตรวจดูจำเดิมแต่ขอบปากจักรวาล ทำ

พระญาณให้มุ่งต่อพระคันธกุฎี. เมื่อทรงตรวจดูเวลาเย็น ทรงตรวจดูจำเดิมแต่พระ

คันธกุฎี ทำพระญาณให้มุ่งต่อที่(ออกไป ) ภายนอก. ก็ในสมัยนั้น พระปูติคัตต-

ติสสเถระ ปรากฏแล้วภายในข่ายคือพระญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า. พระศาสดา

ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งพระอรหัตของติสสภิกษุ ทรงดำริว่า "ภิกษุนี้ ถูกพวกสัทธิวิหาริก

เป็นต้น ทอดทิ้งแล้ว, บัดนี้ เธอยกเว้นเราเสีย ก็ไม่มีที่พึ่งอื่น" ดังนี้ แล้ว จึงเสด็จ

ออกจากพระคันธกุฎี เหมือนเสด็จเที่ยวจาริกในวิหาร เสด็จไปสู่โรงไฟ ทรงล้างหม้อ

ใส่น้ำ ยกตั้งบนเตา เมื่อทรงรอให้น้ำร้อน ได้ประทับยืนในโรงไฟนั่นเอง: ทรงรู้ว่า

น้ำร้อนแล้ว เสด็จไปจับปลายเตียงที่ติสสภิกษุนอน. ในกาลนั้น พวกภิกษุ กราบทูลว่า

"ขอพระองค์ จงเสด็จหลีกไป พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์จักยก (เอง) แล้ว ( ช่วย

กัน ) ยกเตียง นำไปสู่โรงไฟ. พระศาสดาทรงให้นำรางมาทรงเทน้ำร้อนใส่ แล้ว

ทรงสั่งภิกษุเหล่านั้นให้ ( เปลื้อง ) เอาผ้าห่มของเธอ ให้ขยำด้วยน้ำร้อน แล้วให้

ผึ่งแดด ลำดับนั้น พระศาสดา ประทับยืนอยู่ในที่ใกล้ของเธอ ทรงรดสรีระนั้น

ให้ชุ่มด้วยน้ำอุ่นทรงถูสรีระของเธอ ให้เธออาบแล้ว. ในที่สุดแห่งการอาบของเธอ,

ผ้าห่มนั้นแห้งแล้ว. ทีนั้น พระศาสดาทรงช่วยเธอให้นุ่งผ้าห่มนั้น ทรงให้ขยำผ้า

กาสาวะที่เธอนุ่งด้วยน้ำ แล้วให้ผึ่งแดด. ทีนั้น เมื่อน้ำที่กายของเธอพอขาด (แห้ง)

ผ้านุ่งนั้นก็แห้ง. เธอนุ่งผ้ากาสาวะผืนหนึ่งห่มผ้ากาสาวะผืนหนึ่ง เป็นผู้มีสรีระเบา

มีจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง นอนบนเตียงแล้ว. พระศาสดาประทับยืน ณ ที่เหนือศีรษะของ

เธอ ตรัสว่า ภิกษุ กายของเธอนี้ มีวิญญาณไปปราศแล้ว หาอุปการะมิได้ จักนอน

บนแผ่นดิน เหมือนท่อนไม้ ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า

"ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน. กายนี้

มีวิญญาณไปปราศ อันบุคคลทิ้งแล้ว, ราวกับ

ท่อนไม้ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น."




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2013, 21:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6149 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแ้ล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2013, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


สมถะ เป็นภาษาบาลี แปลว่า สงบ ในคัมภีร์มีใช้ใน 3 แบบ ดังนี้ :

1.จิตตสมถะ - ความสงบระงับจากอกุศลนิวรณ์แห่งจิต ดู : สมถกรรมฐาน.
2.อธิกรณสมถะ - วิธีการสงบระงับอธิกรณ์การทะเลาะมีเรื่องมีราวกันในหมู่สงฆ์ มี 7 อย่าง เรียก สัตตาธิกรณสมถะ.
3.สัพพสังขารสมถะ ความสงบระงับสังขารทั้งปวง หมายถึง พระนิพพาน


สมถะ --- วิปัสสนา
๑. สมถะ คือ ตัวสมาธิ ส่วน วิปัสสนา ก็คือ ตัวปัญญา (ที่เห็นลักษณะต่างๆ มีอนิจจลักษณะ เป็นต้น)
๒. ศีลธรรมดา มีอารมณ์เป็นภายนอก ส่วนศีลที่เกิดร่วมกับวิปัสสนานั้น เป็นศีลที่มีอารมณ์เป็นภายใน หมายถึง อินทรีย์สังวรศีลนั่นเอง เพราะอินทรีย์สังวรศีล เป็นศีลที่มีประสิทธิภาพในอันที่จะกางกั้น อาสวธรรมที่จะไหลเข้าทางตา เป็นต้นได้
๓. สมถะ มีประสิทธิภาพ ในการกำจัดกิเลสอย่างกลาง ด้วยอำนาจของวิกขัมภนปหาน ส่วนวิปัสสนานั้น มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุสัยกิเลสอย่างละเอียด ที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดานได้ด้วยอำนาจของตทังคปหาน
๔. สมถะ ไม่สามารถจะละหรือทำลายอนุสัยกิเลสอย่างละเอียดได้ เพราะแม้ในฌานสมาบัติเอง ก็ยังมีอนุสัยกิเลสอย่างละเอียดนอนเนื่องอยู่ เหตุนั้นจึงทำให้ผู้ได้ฌานสมาบัติยังมีความชื่นชมยินดี ในความสุขที่เกิดจากฌานนั้นอยู่ ส่วนวิปัสสนานั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็สามารถเปิดเผยความจริงของนามรูป ที่อวิชชา คือ ความไม่รู้ อันเป็นตัวปิดบังความจริงไว้ เมื่ออวิชชาทำกิจปกปิดความจริงไม่ได้แล้ว ก็ได้ชื่อว่า “กำลังถูกวิปัสสนาทำลายให้หมดไปในตัวอีกส่วนหนึ่งด้วย”
๕. สมถะ เมื่อทำไปจนเกิดผลก็ทำให้เกิดความสงบสุข ส่วนวิปัสสนานั้นเมื่อทำไปจนเกิดวิปัสสนา(ปัญญา)แล้ว ก็ทำให้เห็นแต่ทุกข์อย่างเดียว เมื่อผู้ปฏิบัติเห็นทุกข์แล้ว ตัณหาและทิฏฐิ ก็ไม่อาจจะอาศัยเกิดได้ในอารมณ์เช่นที่ว่านั้น
๖. สมถะ คือ สมาธิที่เกิดในฌานนั้น สามารถเกิดมีได้ทั้ง อุปจาระ และ อัปปนาสมาธิ ส่วนสมถะ คือ สมาธิที่เกิดร่วมกับวิปัสสนาปัญญานั้น จะเกิดมีได้เฉพาะ ขณิกสมาธิที่เกิดตามสภาวะอารมณ์ชั่วขณะที่อารมณ์นั้นๆ ยังปรากฏอยู่ชั่วขณะหนึ่งๆ เท่านั้น เมื่ออารมณ์นั้นดับไปแล้ว สมาธิที่เกิดร่วมกับวิปัสสนาปัญญานั้น ก็พลอยดับไปด้วย
๗. การทำสมถะ เพื่อให้เกิดสมาบัตินั้น สามารถทำได้เพียง ๒ ประตู คือ ประตูตา และ ประตูใจ เท่านั้น อันนี้หมายความว่า ใช้ตาเพ่งดูกสิณหรืออสุภะ เป็นต้น เพื่อให้ไปติดถึงใจ หรือกำหนดลมด้วยใจเพียงอย่างเดียว ส่วนวิปัสสนานั้น สามารถทำได้ทั้ง ๖ ประตู ทีเดียว
๘. การทำสมถะ เพื่อให้ได้มาซึ่งสมาธินั้น จะทำไปหยุดไป เป็นชั่วโมง หรือ ๒ ชั่วโมง ก็อาจทำได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องให้ติดกัน และส่วนใหญ่จะทำได้ใน อิริยาบถนั่ง เท่านั้น ส่วนวิปัสสนานั้น สามารถทำได้ทุกๆ อิริยาบถ โดยไม่จำกัดและเวลาทำก็หยุดไม่ได้ จำเป็นจะต้องทำติดต่อกันไปเว้นแต่เวลาหลับเท่านั้น
๙. สมถะ ใช้อารมณ์เป็นบัญญัติ เช่น บัญญัติกสิณหรืออสุภะเป็นต้น ส่วนวิปัสสนานั้น ต้องใช้สภาวะ คือ นามรูป มาเป็นอารมณ์จึงจะใช้ได้
๑๐. อานิสงส์ของสมถะกับวิปัสสนา ที่จะพึงได้จากการปฏิบัติ ก็แตกต่างกันทั้งในส่วนปัจจุบัน และอนาคต คืออานิสงส์ของสมถะในชาติปัจจุบันนั้น ทำให้ได้อภิญญา เหาะเหินเดินอากาศได้ หรือ ดำไปในดินดุจดำน้ำเป็นต้นก็ได้ อานิสงส์ของสมถะในอนาคตชาติ คือ ชาติหน้านั้น ถ้าฌานไม่เสื่อม ก็ช่วยให้ได้ไปเกิดเสวยสุขอยู่ในพรหมโลก ตามอำนาจของฌานนั้นๆ ส่วนอานิสงส์ของวิปัสสนั้น ในชาติปัจจุบัน ทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นผู้สิ้นจากอาสวะกิเลส คือ กามาสวะ ภวาสวะ ทิฏฐาสวะ และ อวิชชาสวะ หรือสิ้นจากกิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปดนั่นเอง ส่วนอานิสงส์ในอนาคตชาตินั้น ก็ทำให้ผู้ปฏิบัติพ้นจากชาติกันดาร ชรากันดาร และมรณกันดาร ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ และตายในชาติอื่นๆ อีกต่อไป ดังนั้นสมถะกับวิปัสสนา จึงมีความแตกต่างกันดังแสดงมาโดยสังเขปนี้


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2013, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 6125 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 08:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ในวิสุทธิมรรค สมาธินิทเทส พรหมวิหารนิเทส แสดงลักษณะของเมตตาพรหมวิหารไว้ว่า

เมตตามีอาการประพฤติเกื้อกูลเป็นลักษณะ
มีการน้อมนำเข้าไปเกื้อกูลประโยชน์ในสัตว์เป็นรส
มีการบำบัดความอาฆาตเป็นปัจจุปัฏฐาน (อาการที่ปรากฏ)
มีการเห็นสัตว์เป็นที่ชอบใจ คือไม่โกรธเคือง ไม่ขุ่นเคืองในขณะนั้นเป็นปทัฏฐาน (เหตุใกล้)
มีการเข้าไปสงบความพยาบาทเป็นสมบัติ
มีความเสน่หาเป็นวิบัติ
ตามอัฏสาลินี อรรถกถา พระธัมมสังคณีปกรณ์ ทุกนิกเขปกถา เหตุโคจฉกะ พระบาลีนิทเทอโทสะ (1062) ได้แสดงลักษณะของเมตตาไว้ว่า

เมตตามีชื่อว่าไมตรี เนื่องจากเป็นกิริยาที่สนิทสนม
เมตตามีชื่อว่าการเอ็นดู เพราะคอยปกป้องคุมครอง
เมตตามีชื่อว่าความแสวงหาผลประโยชน์เกื้อกูล
เมตตามีชื่อว่าความสงสาร เนื่องจากคอยหวั่นไหวตามไปด้วย
ดังนั้น การจะแสดงว่ามีเมตตาต่อบุคคลใด จึงต้องมีลักษณะดังกล่าว ซึ่งหากว่าไม่ใช่อาการเหล่านี้ จิตขณะนั้นอาจเป็นโลภะหรือโทสะซึ่งเป็นอกุศลจิต ไม่ใช่เมตตา

ในอังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต เมตตาวรรคที่ 1 เมตตาสูตร และในอังคุตรนิกาย เอกาทสนิบาต เมตตาสูตร ได้สรุปอานิสงส์ของเมตตาไว้ดังนี้

ย่อมหลับเป็นสุข
ย่อมตื่นเป็นสุข
ย่อมไม่ฝันลามก (คืออกุศลทั้งหลาย)
ย่อมเป็นที่รักแห่งมนุษย์ทั้งหลาย
ย่อมเป็นที่รักแห่งอมนุษย์ทั้งหลาย
เทวดาย่อมรักษา
ไฟ ยาพิษ หรือศาสตรา ย่อมไม่กล้ำกราย
จิตย่อมตั้งมั่นโดยเร็ว
สีหน้าย่อมผ่องใส
เป็นผู้ไม่หลงใหลทำกาละ
เมื่อไม่แทงตลอดคุณที่ยิ่งยอด (เป็นพระอรหันต์) ย่อมเข้าถึงพรหมโลก

พรหมวิหาร 4
ความหมายของพรหมวิหาร 4
- พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่

เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
อุเบกขา การรู้จักวางเฉย


คำอธิบายพรหมวิหาร 4
1. เมตตา : ความปราถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้
และความสุขเกิดจากการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นต้น
2. กรุณา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกาย
ไม่สบายใจ และเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ว่าความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

- ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และ
ความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์

- ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์

3. มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี คำว่า "ดี" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เช่น เห็นเพื่อนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครูชมเชยก็เกิดความริษยาจึงแกล้งเอาเศษชอล์ก โคลน หรือหมึกไปป้ายตามเสื้อกางเกงของเพื่อนนักเรียนคนนั้นให้สกปรกเลอะเทอะ เราต้องหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง

4. อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 12:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J.bmp
B J.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 6116 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2013, 10:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุ ท. ! มรรคมีองค์ ๘ นี้นั่นเอง
เป็นกัมมนิโรธคามินีปฏิปทา

ฉกฺก. อํ. ๒๒ / ๔๕๘,๔๖๓ - ๔๖๔ /๓๓๔.

... กัมม = กรรม
นิโรธ = ดับ
มินิปฏิปทา = การปฏิบัติ

มรรคมีองค์แปด เท่านั้น (การปฏิบัติ กาย
วาจา ใจ ) คือการแก้กรรมที่ถูกต้อง และ
สามารถปฏิบัติได้ แม้จะไม่ได้บวชก็ตาม

ต่อให้ทุกข์ที่สุด... ก็ต้องผ่านพ้นไปจนได้
เมื่อเรานั่งมองอดีต เรายังผ่านทุกข์มาได้ตั้งหลายทุกข์
ในเมื่อ... ชีวิต... มันยังมีชีวิต
ขอแค่อย่าทุกข์ก่อนเจอทุกข์
หลังทุกข์ อย่าทุกข์อีก
ให้ทุกข์ แค่ตอนทุกข์
แล้วทุกข์ที่สุด... ก็จะเป็นทุกข์แค่นี้เอง!


"อารมณ์โกรธเคือง ย่อมมีน้อยในผู้ปฏิบัติธรรม หากปฏิบัติและอารมณ์โกรธเคืองไม่ลดลง ถือว่าใช้ไม่ได้"




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



ขอเชิญร่วมบุญสร้างศาลาเอนกประสงค์

081-8639-660




ขอเชิญร่วมบริจาคสร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์ กับ หลวงปู่ชื่น วัดในปราบ

โทร ๐๘๘ ๕๐๘ ๙๔๘๒





ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างห้องน้ำ ห้องสุขา โรงครัว วัดศรีทองสามัคคี

โทรศัพท์ 084-0935817



ขอเชิญร่วมซื้ออิฐสร้างกำแพงวัด

เบอร์ ๐๘๔๔๐๔๔๖๗๗





ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสามัคคีมหากุศลสร้างวิหารทาน

โทร. 090-9891889





หล่อองค์ปฐมจำนวนสามองค์หน้าตัก 108 นิ้ว และจะมีการบรรจุพระธาตุองค์ปฐมไว้ที่พระเกศจำนวนองค์ละ 3 พระธาตุ

0874886055





ขอเชิญแสวงบุญสู่แดนพุทธภูมิ อินเดีย–เนปาลวันที่ ๒๗ ธ.ค.๕๖ - ๕ ม.ค. ๕๗

086 100 2195



เชิญสร้างบุญก่อพระเจดีย์ทรายถวายเป็นพุทธบูชา ท่านพระครูบาวิฑูรย์ ชินวโร 15 เม.ย. 56

ณ ปรียนันท์ธรรมสถาน อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์





ขอเชิญร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดพรุตู อ.เทพา จ.สงขลา

๐๘-๑๓๔๔-๕๙๕๙





สร้างศาลาปฏิบัติธรรม ห้องสุขา

วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ น.
ณ สำนักวิปัสสนาคุณธรรมนำชีวิต ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา







ร่วมสร้างบุษบกประดิษฐานพระบรมธาตุ เนื่องในวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ

โทร.๐๘๒-๑๑๒๕๙๕๔



ขอเชิญร่วมบุญใหญ่สร้างพระศิลาชมพู หน้าตัก 5 ม สูง 9 ม ทำจากหินสีชมพู ณ วัดใหม่สันติ

085-775-3466





เชิญสร้างเสาหงส์ขนาดใหญ่ ถวายเป็นมหาพุทธบูชา

โทร. ๐๘ ๔๘๑๓ ๑๓๑๕



ขอเชิญร่วมบุญสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ 2 องค์ และ หลวงปู่เทพโลกอุดร 1 องค์

087-938-1586





ขอเชิญร่วมบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม จากหวายทั้งองค์ องค์แรกของโลก

หมายเลขโทรศัพท์ 0835749048





ร่วมสร้าง รูปหล่อ หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ ราชบุรี



ขอเชิญร่วมสร้างโบสถ์, มณฑปครอบรอยพระพุทธบาท ณ วัดใหม่สันติ จ.นครราชสีมา

087-253-8055



เชิญร่วมสร้างบุษบกและถวายฉัตร5ชั้นแด่พระพุทธรูป16นิ้วที่วัดป่าบัวงาม

โทร 0860813558





ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
ในวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2556 เวลา 11:00 น.
ณ สุสานทุ่งมน ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์





ขอเชิญร่วมสร้างอุโบสถวัดป่าเลา อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย

โทร. 08-0121-1504



ร่วมไถ่ชีวิตโค(ลูกวัว)และปล่อยปลาเงินปลาทองเพื่อเป็นศิริมงคล

087-3599998





!! หล่อพระอาจารย์ธรรมโชติผู้เป็นศูนย์รวมขวัญกำลังใจบางระจัน และบูรณะบันได !!

๐๘๒-๒๕๐๑๕๖๐



ขอเชิญร่วมทำบุญซื้ออิฐประสาน จำนวน ๕,๐๐๐ ก้อนสร้างฐานท่านพ่อท้าวเวสสุวรรณ

โทร. 084 – 7972215



ขอเชิญร่วมบุญสร้างกุฏิพระ เณร วัดดอนแก้ว





สร้างกุฏิสงฆ์ทรงไทย

โทร. 085-1982911





ขอเชิญร่วมลงลายฐานพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม และร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างลานธรรม

โทร.082-1125954









ทอดผ้าป่า ที่วัดวังม่วงน้อย จ.สระบุรี

(087)1193542





เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่า เพื่อสมทบทุนสร้างลานธรรม

โทร 082-112-5954

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี
เพื่อสมทบทุนสร้างโรงทาน สำนักปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา
ทอด ณ สำนักปฏิบัติธรรมพุทธพัฒนา
๑๙๖ หมู่ ๒๕ ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว

Tel: 089-188-7997





ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างท้าวเวสสุวรรณ

โทร. 084 – 7972215



ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสร้างโรงทานและหล่อพระเกศเพลิงสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๕.๙ เมตร

ณ สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ (วัดป่าเขาดิน)

ในวันอาทิตย์ขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๕ ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๖



ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพกองผ้าป่าสามัคคี พระครูปราสาทพรหมคุณ (หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ)

ณ. สุสานทุ่งมน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

ในวันอาทิตย์ ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖





ร่วมบริจาคเงินเพื่อร่วมทำบุญทุกเดือน กับธนาคารบุญของวัดป่าทุ่งกุลาเฉลิมราช

โดยขอให้โอนเข้าบัญชีธนาคารดังนี้
ธนาคารกรุงเทพ สาขาเกษตรวิสัย
ชื่อบัญชี พระครูวินัยธรปริพัฒน์ ติกขปัญโญ
(เพื่อสมทบกองทุนธนาคารบุญ)
เลขที่บัญชี 4820652370





ทำบุญวันสงกรานต์วัดสักใหญ่ จ.นนทบุรี วันที่ 12 - 18 เมษายน 2556
สร้างศาลาหลวงพ่อสุโขทัย 2 ชั้น



ขอเชิญร่วมทอดผ้าบังสุกุล(ผ้าป่า)ตามแบบสมัยพุทธกาล โครงการปี๕๗

โทร.๐๘๒-๑๑๒๕๙๕๔



ร่วมสมทบทุนสร้างพระไตรปิฏก ถวาย 5 วัด 1สำนัก ดังนี้
1.วัดธาตุน้อย อ.จันดี จ.นครศรีธรรมราช
2.วัดมาบฟักทอง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
3.วัดคลองรี อ.สิงหนคร จ.สงขลา
4.วัดศิลา อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
5.วัดบ้านชาติห้องน้อย อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ
6.สำนักสงฆ์ ม่อนนาบัง จ.ลำปาง
ขออนุโมทนาสาธุ สาธุ
สอบถามติดต่อ พระอาจารย์เมฆชัย 081-0999494





ขอเชิญเข้าชมเข้ารับฟัง เทศนาธรรมและหนังสือ รวมถึง MP3 เทศนาธรรม โดยพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี

http://www.phrasuchart.com/



ท่านใดมีหนังสือธัมมวิโมกข์เก่า ตั้งแต่เล่มที่ 1-200

กรุณาติดต่อ ธัมมวิโมกข์ โทร 056-502507



โครงการทำบุญทอดผ้าป่าสร้างพระไตรปิฎก 9 ชุดพร้อมตู้ (ครั้งที่ 4) 13 พ.ค. 56

โทร. ๐๘๙-๐๖๓๓-๘๖๓



ขอเชิญร่วมทำบุญงานบรรพชาสามเณร

๐๘๔-๓๖๓-๖๕๔๗





โครงการบวชภาคร้อน วัดบึงลัฏฐิวัน (สาขาที่ 20 วัดหนองป่าพง) ** รับสมัครบวชจนถึง 16 เมษานี้ **

เบอร์โทร ๐๘๕-๐๔๕-๙๕๐๙ หรือ มาสมัครและกรอกใบสมัครได้ที่ มูลนิธิบ้านอารีย์ ติดต่อ ชาย ไอติม โทร. ๐๘๗-๑๐๖-๕๖๓๙



ขอเชิญเป็นเจ้าภาพบวชสามเณร12รูป บวชเรียน มัธยม บาลี นักธรรม

โทร 0847020194





ขอเชิญเป็นเจ้าภาพ บรรพชา-อุปสมบท ปฏิบัติธรรม ณ สำนักปฏิบัติธรรมเืรืองศรีมั่น

0879117991



ขอเชิญร่วมทำบุญตามศรัทธากับสามเณรน้อย วัดฟ้าห่วนใต้ จ.ยโสธร

โทร 087-9609715





ขุดสระนำ้ทำถนน สำนักสงฆ์ภูเหล็ก

086 382 4090





ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพซื้อดินถมที่

081-0999494







ขอเชิญบริจาคโลหิตรักษาอาพาธหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดชลประทาน ฯ ที่รพ.ศิริราช

โทรศัพท์ 02-583-8845





ขอเชิญร่วมบุญ "ซื้อเครื่องสูบน้ำและท่อส่งน้ำ 300 เมตร"

ธ.กสิกรไทย สาขาสยามสแควร์ บช.ออมทรัพย์ เลขที่
026-2-25377-7 ชื่อบัญชี “มูลนิธิธรรมดี” และแฟกซ์
เอกสารโอนเงิน พร้อม ชื่้อ/ที่อยู่ มาที่ 02 6102378
หรือ dhamdeeonline@gmail.com เพื่อรวบรวมให้
ทางวัดออกใบอนุโมทนาบัตรต่อไป





ขอเชิญบำเพ็ญกุศลมหาเถระบูชาองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญครบ 100 วัน(ศตมวารแห่งการมรณภาพ)



เชิญสรงน้ำพระพุทธเมตตาบารมี-ทอดผ้าป่าสามัคคี 13/4/56 ณ วัดป่าสันติธรรม สระบุรี

ขอเชิญร่วมทำบุญ...ถวายสังฆทานพ่อแม่ครูอาจารย์
เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2556
วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2556 ณ หอประชุมคุรุสภา
กับชมรมพุทธศาสตร์วังจันทร์เกษม กระทรวงศึกษาธิการ

02-2827453






ร่วมซื้อพัดลม (ตัวใหญ่) ถวายวัด

086-3885109





ถวายโต๊ะบูชาพระรัตนตรัยถวายที่วิหารสมเด็จองค์ปฐม

http://www.facebook.com/bing.ibe



ร่วมถวายภัตตาหารพระภิกษุ-สามเณร และตั้งโรงทาน 3 วัน วันละๆ 2,500 บาท

082-8672501



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพซื้อรถบรรทุกน้ำถวายสงฆ์

สามารถร่วมทำบุญได้โดยการโอนเงินเข้าธนาคารกรุงเทพ สาขาพิษณุโลก ชื่อบัญชี พระสมบูรณ์ กนตสีโล เลขที่บัญชี ๒๖๓-๕-๓๙๓๑๐-๗


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2013, 12:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 6083 ครั้ง ]
.. :b8:


อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2013, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


การบริโภคกาม การเสวยความสุข

ของเทวดาแต่ละชั้น ก็แตกต่างกัยไปตามอำนาจของกรรม ผลของบุญ ของเทวดา

แต่ละชั้นที่มีความประณีตแตกต่างกัน

สำหรับ มนุษย์ ก็บริโภคกาม ด้วยการแสวงหา ไม่ใช่ สามารถที่จะเนรมิตขึ้นมา

และ วัตถุเหล่านั้นก็ไม่ได้ประณีต และ เป็นทิพย์ดังเช่่นของเทวดา ส่วนการบริโภค

กามของเทวดาแต่ละชั้นก็แตกต่างกันไป สำหรับเทพชั้นที่ 5 คือ นิมมานรดี นั้น

สามารถเนรมิตรูปที่ตนชอบ ปรารถนาและเสวยสุขในนรูปนั้น เช่น เนริต รูปหญิง

ที่สวยงามในลักษณะที่ตนชอบ และ เสวยวุขเสพกามกับรูปหญิงนั้นก็ได้ หรือ ชอบ

อาหารแบบนี้ ก็เนรมิตอาหารในลักษณะแบบนั้น และ บริโภคอาหาร ตามที่ตนชอบ

ได้ เป็นต้น

ส่วนเทพชั้นปรนิมมิตวสวัสดี ด้วยเพราะเป็นเทพชั้นสูงสุด มีบุญมาก เมื่อตน

ปรารถนาอะไร ก็มีคนเนรมิตให้ แม้ไม่ไ้ด้บอก ก็เนรมิตให้ในสิ่งตนชอบ

ซึ่งจากคำถามที่ว่า

พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้า 78

บทว่า มนาปานาม เต เทวา ได้แก่ เทวดาชั้นนิมมานรดี. ก็จริงอยู่ เทวดา

เหล่านั้นเรียกกันว่า นิมมานรดีและมนาปา เพราะเนรมิตรูปที่ตนปรารถนา ๆ

แล้วอภิรมย์.


เทพชั้น นิมมานรดี ไม่ไ้ด้เนรมิตรูปของตนเอง ให้เป็นไป

ตามปรารถนา แต่ เนรมิตรูปอย่างอื่น เพือให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนอช ซึ่ง ในอรรถกถา

ส่วนอื่นอธิบายว่า ก็เทพมีการเสพเมถุนธรรมหรือไม่ คำตอบ คือ มี โดยเทพชั้น

นิมมานรดี ก็เนรมิตรูปหญิงอื่น เป็นต้น ไม่ใช่เนรมิตรูปตนเอง มาเพื่อเสพเมถุรธรรม

และ แม้เทพชั้นปรนิม ก็มีเทพ เนรมิตให้ โดยตนไม่ไ้ด้เนรมิต ครับ เพราะฉะนั้น จึง

ไม่ได้หมายถึง เนรมิตรูปตนเอง ให้เป็นชาย หรือ เป็นหญิง แต่ เนรมิตรูปที่ตนชอบ

ตนปรารถนา ที่เป็นรูปอื่น เพื่อความสุขของตนเอง
ส่วน เทวดา ผู้มีฤทธิ์ แม้ไม่ใช่อยู่บนสวรรค์ชั้นที่ 5 และ 6 มีชั้นที่สอง ที่เป็น

เทพชั้นดาวดึงส์ผู้มีฤทธิ์ก็สามารถเนรมิตกายของตน ตามปรารถนาด้วยฤทธิ์ของ

ตนได้ เช่น เนรมิตอัตภาพให้ละเอียดเท่าปลายขนทราย เมื่อคราวมาเฝ้าฟังธรรม

กับพระพุทธเจ้า ในมหาสมัยสูตร เพราะ เทวดาเยอะมาก หรือ เมื่อคราวที่มาเฝ้า

พระพุทธเจ้าเมื่อคราวที่พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ส่วน การเนรมิต

รูปอย่างอื่นของตนก็ทำให้ เช่น ท้าวสักกะ เนรมิตเป็นคนยากจน เป็นต้น เพื่อทำ

บุญกับท่านพระมาหกัสสปะ ซึ่ง เทวดาผู้มีฤทธิ์ก็สามารถที่จะเนรมิตตนเอง เป็น

ผู้ชาย หรือ ผู้หญิงได้ แต่ ไม่สามารถเปลี่ยนลักษณะของ อิตถีภาวะรูป และ ปุริส

ภาวะรูปที่เกิดจากกรรรมได้


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2013, 22:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6067 ครั้ง ]
:b8: ..

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ บุพพาราม ปราสาทของ

นางวิสาขามิคารมารดา ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล เมื่อคืนเพ็ญพระ-

จันทร์เต็มดวงในวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ พระผู้มีพระภาคเจ้าอันภิกษุสงฆ์แวดล้อม

ประทับนั่งอยู่กลางแจ้ง ทรงชำเลืองเห็นภิกษุสงฆ์สงบนิ่ง จึงตรัสกะภิกษุ

ทั้งหลายว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ถ้าจะพึงมีผู้ถามว่า จะมีประโยชน์อะไร

เพื่อการฟังกุศลธรรมอันเป็นอริยะ เป็นเครื่องนำออกไป อันให้ถึงปัญญาเป็น

เครื่องตรัสรู้ แก่ท่านทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงตอบเขาอย่างนี้ว่า มีประโยชน์

เพื่อรู้ธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างตามความเป็นจริง ถ้าจะพึงมีผู้ถามว่า ท่าน

ทั้งหลายกล่าวอะไรว่า เป็นธรรม ๒ อย่าง พึงตอบเขาอย่างนี้ว่า การพิจารณา

เห็นเนือง ๆ ว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ข้อที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนือง ๆ ว่า

นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา นี้เป็นข้อที่ ๒ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุผู้พิจารณาเห็นธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบเนือง ๆ อย่างนี้ เป็นผู้

ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่ พึงหวังผล ๒ อย่าง อย่างใด

อย่างหนึ่ง คือ อรหัตผลในปัจจุบันนี้ หรือเมื่อยังมีความถือมั่นเหลืออยู่ เป็น

พระอนาคามี

พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว

จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
ชนเหล่าใด ไม่รู้ทุกข์ เหตุ

เกิดแห่งทุกข์ ธรรมชาติเป็นที่ดับทุกข์ไม่มี

ส่วนเหลือ โดยประการทั้งปวง และไม่รู้

มรรคอันให้ถึงความเข้าไประงับทุกข์ ชน

เหล่านั้น เสื่อมแล้วจากเจโตวิมุตติและปัญญา-

วิมุตติ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะทำที่สุดแห่งทุกข์

ได้ เป็นผู้เข้าถึงชาติและชราแท้

ส่วนชนเหล่าใดรู้ทุกข์ เหตุเกิดแห่ง

ทุกข์ ธรรมชาติเป็นที่ดับทุกข์ไม่มีส่วนเหลือ

โดยประการทั้งปวง และรู้มรรคอันให้ถึง

ความเข้าไประงับทุกข์ ชนเหล่านั้นถึงพร้อม

แล้วด้วยเจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ เป็นผู้

ควรที่จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ และเป็นผู้ไม่

เข้าถึงชาติและชรา
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ถ้าจะพึงมีผู้ถามว่า การพิจารณาเห็น

ธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบเนื่อง ๆ จนพึงมีโดยปริยายอย่างอื่นบ้างไหม

พึงตอบเขาว่าพึงมี ถ้าเขาพึงถามว่า พึงมีอย่างไรเล่า พึงตอบว่า การพิจารณา

เห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมด ย่อมเกิดขึ้นเพราะอุปธิเป็นปัจจัย

นี้เป็นข้อ ๑ การพิจารณาเห็นเนือง ๆ ว่า เพราะอุปธิทั้งหลายนี้เองดับไป

เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด นี้เป็นข้อที่ ๒ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นธรรม ๒ อย่าง โดยชอบอย่างนี้ เป็นผู้

ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่ พึงหวังผล ๒ อย่าง อย่างใด

อย่างหนึ่ง คือ อรหัตผลในปัจจุบันนี้ หรือเมื่อยังมีความถือมั่นเหลืออยู่ เป็น

พระอนาคามี

พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว

จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

ทุกข์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีเป็นอันมาก

ในโลก ย่อมเกิดเพราะอุปธิเป็นเหตุ ผู้ใดแล

รู้ย่อมกระทำอุปธิ ผู้นั้นเป็นผู้เขลา ย่อม

เข้าถึงทุกข์บ่อยๆ เพราะเหตุนั้น ผู้พิจารณา

เห็นเหตุเกิดแห่งชาติเนือง ๆ ทราบชัดอยู่

ไม่พึงทำอุปธิ
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ถ้าจะพึงมีผู้ถามว่า การพิจารณาเห็น

ธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบเนือง ๆ พึงมีโดยปริยายอย่างอื่นบ้างไหม

ควรตอบเขาว่า พึงมี ถ้าเขาถามว่า พึงมีอย่างไรเล่า พึงตอบเขาว่า การพิจารณา

เห็นเนือง ๆ ว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมด ย่อมเกิดขึ้นเพราะอวิชชาเป็น

ปัจจัย นี้เป็นข้อที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนือง ๆ ว่า เพราะอวิชชานั่นเองดับไป

เพราะสำรอกโดยไม่มีเหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด นี้เป็นข้อที่ ๒ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบอย่างนี้ เป็นผู้

ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่ พึงหวังผล ๒ อย่าง อย่างใด

อย่างหนึ่ง คือ อรหัตผลในปัจจุบันนี้ หรือเมื่อยังมีความถือมั่นเหลืออยู่ เป็น

พระอนาคามี

พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว

จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

อวิชชานั้นเอง เป็นคติของสัตว์

ทั้งหลายผู้เข้าถึงชาติ มรณะและสงสาร อัน

มีความเป็นอย่างนี้ และความเป็นอย่างอื่น

บ่อย ๆ อวิชชา คือ ความหลงใหญ่นี้ เป็น

ความเที่ยงอยู่สิ้นกาลนาน สัตว์ทั้งหลายผู้ไป

ด้วยวิชชาเท่านั้น ย่อมไม่ไปสู่ภพใหม่

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ถ้าจะพึงมีผู้ถามว่า การพิจารณาเห็น

ธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบเนือง ๆ พึงมีโดยปริยายอย่างอื่นบ้างไหม

พึงตอบเขาว่า การพิจารณาเห็นเนือง ๆ ว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมด

ย่อมเกิดขึ้นเพราะสังขารเป็นปัจจัย นี้เป็นข้อที่ ๑ การพิจารณาเห็นเนือง ๆ ว่า

เพราะสังขารทั้งหลายนั่นเองดับไป เพราะสำรอกโดยไม่มีเหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด

นี้เป็นข้อที่ ๒ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นธรรม

๒ อย่าง โดยชอบอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่

พึงหวังผล ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตผลในปัจจุบันนี้ หรือเมื่อ

ยังมีความถือมั่นเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี

พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว

จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมด ย่อม

เกิดขึ้นเพราะสังขารเป็นปัจจัย เพราะสังขาร

ทั้งหลายดับโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด

ภิกษุ รู้โทษนี้ว่า เพราะสังขารเป็น

ปัจจัย ทุกข์จึงเกิดขึ้น เพราะความสงบแห่ง

สังขารทั้งมวล สัญญาทั้งหลายจึงดับ ความ

สิ้นไปแห่งทุกข์ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้

ภิกษุ รู้ความสิ้นไปแห่งทุกข์นี้โดย

ถ่องแท้ บัณฑิตทั้งหลายผู้เห็นชอบ ผู้ถึงเวท

รู้โดยชอบแล้ว ครอบงำกิเลสเป็นเครื่อง

ประกอบของมารได้แล้ว ย่อมไม่ไปสู่ภพใหม่



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 13:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 6062 ครั้ง ]
.. :b8:

.. อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องถาดจากการอฐิษฐาน (พระโพธิสัตว์) ครั้นเสวยข้าวมธุปายาสนั้นแล้ว ทรงถือถาด

ทองตรัสว่า ถ้าเราจักได้เป็นพระพุทธเจ้าในวันนี้ ถาดนี้จงทวนกระแส

น้ำไป ถ้าจักไม่ได้เป็น จงลอยไปตามกระแสน้ำ ครั้นตรัสแล้วทรงลอย

ไปในกระแสแม่น้ำ.

ถาดนั้นกระแสน้ำไปถึงกลางแม่น้ำ ตรงสถานที่กลางแม่น้ำ

นั่นแหละ ได้ทวนกระแสน้ำไปสิ้นที่ประมาณ ๘๐ ศอก เสมือนม้าตัวที่

สมบูรณ์ด้วยความเร็วฉะนั้น แล้วจมลง ณ ที่นำวนแห่งหนึ่งไปถึงภพของ

พญากาฬนาคราช กระทบถาดเครื่องใช้สอยของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓

พระองค์ ส่งเสียงดังกริ๊ก ๆ แล้วได้รองอยู่ใต้ถาดเหล่านั้น. พญากาฬ-

นาคราชได้ยินเสียงนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า เมื่อวาน พระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น

องค์หนึ่ง วันนี้ บังเกิดขึ้นอีกหนึ่งองค์ แล้วลุกขึ้นกล่าวสรรเสริญด้วย

บทหลายร้อยบท. ได้ยินว่า เวลาที่แผ่นดินใหญ่งอกขึ้นเต็มท้องฟ้า

ประมาณ ๑ โยชน์ ๓ คาวุต ได้เป็นเสมือนวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ สำหรับ

พญากาฬนาคราชนั้น.

หากว่าเคยได้เข้าใจในส่วนของทางโลก สิ่งของวัตถุเดียวกัน แต่อยู่ในสภาพ

แวดล้อมที่แตกต่างกัน กาเสื่อมสลายก็จะปรากฎ ในระยะเวลาที่ไม่เท่ากันด้วย อย่าง

เช่น สถานที่หนึ่ง ที่เป็น เจดีย์ ภูเขา เป็นต้น หากถูกไฟเผา คือ อุตุ ในสภาพที่ร้อน

จัด ก็ทำให้เกิดความแตกสลาย พังทำลายชัดเจน เช่น ที่ กรุงศรีอยุธยา เจดีย์ต่างๆ

ก็แสดงลักษณะของความเสื่อม ทำลายได้ และ สถานที่บางแห่ง เป็น ลักษณะชื้น

มากๆ เพราะ อาศัยการกัดเซาะของ น้ำ ก็ทำให้แตกทำลาย ปรากฎความเสื่อมของรูป

ได้ง่าย ที่เห็นด้วยตาเปล่า ส่วน ที่พุกาม มีเจดีย์มากมาย แม้จะผ่านเวลาไปเป็นพันปี

แต่เพราะ สภาพอากาศ คือ อุตุที่แห้งแล้วง ไม่มีความชื้น เพราะฉะนั้น การเสื่อม

ทำลาย จึงน้อยกว่าในสภาพอากาศบางอย่าง และ ในอวกาศ ที่เป็นสูญญากาศ ก็

เป็นโอกาสของ การเสื่อมสลาย ของรูปที่ปรากฎชัดด้วยตาเปล่า ก็น้อยกว่า สภาพ

บรรยากาศที่อื่นๆ แต่ ในความเป็นจริง รูปก็เกิดขึ้นและดับไปอยู่แล้ว เป็นธรรมดา

ดังนั้น อุตุ สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม จึงมีผลต่อ ความเสื่อมสลายของรูปด้วย ที่

สภาพแวดล้อมแตกต่างกัน อากาศแตกต่างกัน ก็ทำให้ การเสื่อมสลายที่ปรากฎทาง

ตา ให้เห็น ไม่เท่ากัน

ซึ่ง สำหรับ ถาดของพระโพธิสัตว์ ในสมัยพระพุทธเจ้า ในกัปนี้ เป็นองค์ที่ 4 ทั้งหมด

มี 5 พระองค์ในกัปนี้ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ก็ได้อธิษฐาน และ ลอยถาด ทวน

กระแสน้ำ และ ถาดนั้นก็อยู่ใน พิภพของนาคราช เพราะฉะนั้น ถาดที่อยู่ในภพของ

นาคราชที่เป็ฯทิพย์ ไม่ใช่ อยู่ในแม่น้ำ แต่เป็นอีกมิติหนึ่ง ที่เป็นที่อยู่ของนาคราช

ผู้มีฤทธิ์ ย่อมยังไม่เสื่อมสลายไป เพราะ อาศัย อุตุเป็นปัจจัย ที่เป็นสภาพอากาศที่ดี

ในภพของนาคราช แต่ หากว่า ถาดอยู่ในแม่น้ำจริงๆ ย่อมจะถูกกัดเซาะ จนไม่เหลือ

มาในสมัยปัจจุบัน เพราะ ระยะเวลาของพระพุทธเจ้าแต่ละัพระองค์ก็ห่างกันนานมาก

ซึ่ง นาคราชเคยเกิดเป็นเณร ทำกุศล และ อธิษฐานที่จะได้หลับเป็นเวลายาวนาน

จึงทำให้ มีอายุยาวนาน และ โดยมากก็หลับ ครับ ซึ่งถาดอยู่ในภพนาคราช แม้น้ำ

แห้งหมด ก็มีถาดอยู่ในภพนาคราชอีก มิติหนึ่ง เพราะฉะนั้น ตามที่กล่าวมา ถาดของ

พระโพธิสัตว์ก็อยู่ในภพของนาคราช ที่อุตุ ที่ดี สภาพอากาศที่ดี จึงยังอยู่ได้ แต่ก็

มีการเิกิดขึ้นของรูปอยู่แล้ว เพียงแต่ การปรากฎความเสื่อมของรูป ที่ปรากฎทางตา

ย่อมช้าไปตามสภาพอุตุในภพนาคาราช



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร