วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 141 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 12:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2013, 21:54
โพสต์: 63

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็น จขกท. พูดถึงหลวงปู่ๆ อยากรู้จักชื่อ :b1: :b12:



ทุกๆท่านก็รู้จัก ก็หลวงปู่ดังๆมากมาก หลวงปู่ชา หลวงปู่ท่อน หลวงปู่แบน หลวงตาบัว หลวงปู่ดุลย์

หลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงปู่ศรี ฯลฯ เยอะมะ ก็เหมือนกันท่านๆรู้จักกันนะแหละ ไม่ต่างอะไรเลย :b13: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านข้อความที่ส่งให้แล้วครับ รู้ล่ะ :b1:

กำลังสนทนากับสหายธรรมคนหนึ่งพอดี

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... n#msg18487

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 13:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เทียนหยด เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็น จขกท. พูดถึงหลวงปู่ๆ อยากรู้จักชื่อ :b1: :b12:



ทุกๆท่านก็รู้จัก ก็หลวงปู่ดังๆมากมาก หลวงปู่ชา หลวงปู่ท่อน หลวงปู่แบน หลวงตาบัว หลวงปู่ดุลย์

หลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงปู่ศรี ฯลฯ เยอะมะ ก็เหมือนกันท่านๆรู้จักกันนะแหละ ไม่ต่างอะไรเลย :b13: :b12:



ขอบคุณครับ ขอบคุณเยอะจริงๆดังว่า เสริมตรง ฯลฯ คือหลวงปู่เณรคำ หลวงปู่พุทธอิสระ :b14: :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 13:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2013, 21:54
โพสต์: 63

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาติถามต่อได้ไหมคะ :b8: :b20: :b20:

จากคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ :b8: ...ที่ว่า

" หยุดปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต มันก็จบแค่นี้...."


ถามว่า...กิริยาจิต คืออะไร และหยุดกิริยาจิตคืออะไร :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 15:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

"ความกระหาย ที่จะรู้เรื่องนี้" ท่านสามารถมองเห็นหรือยัง?

ถ้าความสามารถในการเห็นยังไม่มี ขอให้เพียรเจริญสติและมีศีลช่วยกำกับกายวาจาใจ

ถ้ามีความสามารถในการเห็นความอยาก ความกระหายใคร่จะรู้ ใคร่จะบรรลุในทุกสิ่งแล้ว ก็ขอให้พิจารณาความเกิดขึ้นของสิ่งนั้น และความดับไปของสิ่งนั้น

เฝ้าสังเกตุไปๆ ก็จะเห็นเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งนั้น

เฝ้าสังเกตุต่อไป ก็จะเห็นกระบวนการที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติ

เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมคงได้คุยกันอีกครับเพื่อนรัก

:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เทียนหยด เขียน:

เมื่อเดินในเส้นทางของมรรคแปด ผลก็คือละสังโยชน์ได้

ในส่วนตัวแล้วไม่ค่อยจำและจำไม่ได้ว่ามรรคแปดมีอะไรบ้าง

แต่จำผลของการเดินในเส้นทางของมรรคแปดได้ดี คือสังโยชน์

สังโยชน์สิบ คือผลที่เราต้องทำให้ถึงละให้ได้
:b5: ...............ด้วยความเคารพ :b8:


ตามอ่านมาเพิ่งจะสะดุดข้อความ เมื่อจะเดินทาง แต่จำทางไม่ค่อยได้ น่ากลัวหลงนะครับ

แม้มรรค ๘ เอง หลายคนก็ปฏิบัติต่างกันไป ผมขอเสนอแนวทาง >>มหาจัตตารีสกสูตร ดังนี้

ก่อนอื่นใด ต้องทำสัมมาทิฐิให้เกิดขึ้นก่อนโดย ปัจจัย ๒ ประการคือ
๑. ปรโตโฆสะ (ความได้สดับฟังสัจจะอื่น จากผู้รู้อื่นๆหรือบัณฑิตอื่น)
๒. โยนิโสมนสิการ (ปรับใจ ปฏิบัติกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ถ่องแท้
ให้หยั่งลงไปถึงแดนเกิดคือ..ใจ)

ต่อไปก็เริ่มทำมรรคข้ออื่นๆคือ
...ทุกเรื่องราวที่เราคิด(ให้เป็นสัมมาสังกัปปะ)
สัมมาสังกัปปะ ๓
๑. ความดำริออกจากกาม (เนกขัมมสังกัปโป)
๒. ดำริในความไม่พยาบาท (อพยาปาทสังกัปโป)
๓. ดำริในความไม่เบียดเบียน (อวิหิงสาสังกัปโป)

...ทุกกิจที่เราทำ(ให้เป็นสัมมากัมมันตะ)
สัมมากัมมันตะ ๓
๑. งดเว้นจากปาณาติบาต (ปาณาติปาตา เวรมณี)
๒. งดเว้นจากอทินนาทาน (อทินนาทานา เวรมณี)
๓. งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร (กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณี)

...ทุกคำที่เรากล่าว(ให้เป็นสัมมาวาจา)
สัมมาวาจา๔
๑. งดเว้นจากการ พูดเท็จ (มุสาวาทา เวรมณี)
๒. งดเว้นจากการ พูดส่อเสียด (ปิสุณาย วาจาย เวรมณี)
๓. งดเว้นจากการ พูดคำหยาบ (ผรุสาย วาจาย เวรมณี)
๔. งดเว้นจากการ เจรจาเพ้อเจ้อ (สัมผัปปลาปา เวรมณี)

...ทำงานอาชีพ(ให้เป็นสัมมาอาชีวะ)
สัมมาอาชีวะ ๕
๑. งดเว้นจาก การโกง (กุหะนา)
๒. งดเว้นจาก การล่อลวง (ลปะนา)
๓. งดเว้นจาก การตลบตะแลง (เนมิตตกะตา)
๔. งดเว้นจาก การยอมมอบตนในทางผิด (นิปเปสิกะตา)
๕. งดเว้นจาก การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนะตา)

ทำทั้ง ๕มรรคนั้นด้วย ความพยายาม(สัมมาวายามะ)
และมีสติคอยควบคุมไม่ไห้หลงออกนอกทาง(สัมมาสติ)

เมื่อมรรคทั้ง ๗องค์เจริญขึ้นและสั่สมลงเป็นสัมมาสมาธิ

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


เทียนหยด เขียน:
ขออนุญาติถามต่อได้ไหมคะ :b8: :b20: :b20:

จากคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ :b8: ...ที่ว่า

" หยุดปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต มันก็จบแค่นี้...."


ถามว่า...กิริยาจิต คืออะไร และหยุดกิริยาจิตคืออะไร :b8:


แม้แต่พระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่
สังขารทั้งหลายย่อมมีการปรุงแต่งเสมอ
มี กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร ตราบเท่าดับขันธปรินิพพานเมื่อใด
เมื่อนั้น สังขารทั้ง ๓ ย่อมดับด้วย แต่จิตของพระอรหันต์ทั้งหลายย่อมเป็นกิริยาจิต
คือเป็นจิตที่ไม่สร้างบุญ สร้างบาป สร้างภพ สร้างชาติให้เกิดขึ้นอีกแล้ว
เป็นอันว่าท่านได้สิ้นสุดแห่งพรหมจรรย์แล้ว ภพหน้าไม่มีอีกต่อไป

กริยาจิต คือจิตของพระอรหันต์ :b8: ให้หยุดกิริยาจิตนั้นก็คือการเข้าปรินิพพาน :b8:

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 16:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2013, 21:54
โพสต์: 63

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โกเมศวร์ เขียน:
:b8:

"ความกระหาย ที่จะรู้เรื่องนี้" ท่านสามารถมองเห็นหรือยัง?

ถ้าความสามารถในการเห็นยังไม่มี ขอให้เพียรเจริญสติและมีศีลช่วยกำกับกายวาจาใจ

ถ้ามีความสามารถในการเห็นความอยาก ความกระหายใคร่จะรู้ ใคร่จะบรรลุในทุกสิ่งแล้ว ก็ขอให้พิจารณาความเกิดขึ้นของสิ่งนั้น และความดับไปของสิ่งนั้น

เฝ้าสังเกตุไปๆ ก็จะเห็นเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งนั้น

เฝ้าสังเกตุต่อไป ก็จะเห็นกระบวนการที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติ

เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมคงได้คุยกันอีกครับเพื่อนรัก

:b8:



:b8: ขอบคุณคะ...ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเป็นความกระหายใคร่รู้ หรือทะยานอยากแต่อย่างใด

มันเป็นเพียง ฉันทะ ความพอใจในการเรียนรู้ พอใจที่จะศึกษาหาความรุ้เพื่อแก้ไขของบกพร่อง

ของตนก็เพียงเท่านั้น ..... เราอาจจมองคนละมุม.... :b8:

(สงสัย...ดิฉันเพิ่งเข้ามา...เราไปเป็นเพื่อนรักกันตอนไหนหว่าา :b6: :b6:...โอๆ เพื่อนรักก็เพือนรัก

:b15: :b15: )


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 16:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2013, 21:54
โพสต์: 63

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wic เขียน:
เทียนหยด เขียน:

เมื่อเดินในเส้นทางของมรรคแปด ผลก็คือละสังโยชน์ได้

ในส่วนตัวแล้วไม่ค่อยจำและจำไม่ได้ว่ามรรคแปดมีอะไรบ้าง

แต่จำผลของการเดินในเส้นทางของมรรคแปดได้ดี คือสังโยชน์

สังโยชน์สิบ คือผลที่เราต้องทำให้ถึงละให้ได้
:b5: ...............ด้วยความเคารพ :b8:


ตามอ่านมาเพิ่งจะสะดุดข้อความ เมื่อจะเดินทาง แต่จำทางไม่ค่อยได้ น่ากลัวหลงนะครับ

แม้มรรค ๘ เอง หลายคนก็ปฏิบัติต่างกันไป ผมขอเสนอแนวทาง >>มหาจัตตารีสกสูตร ดังนี้

ก่อนอื่นใด ต้องทำสัมมาทิฐิให้เกิดขึ้นก่อนโดย ปัจจัย ๒ ประการคือ
๑. ปรโตโฆสะ (ความได้สดับฟังสัจจะอื่น จากผู้รู้อื่นๆหรือบัณฑิตอื่น)
๒. โยนิโสมนสิการ (ปรับใจ ปฏิบัติกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ถ่องแท้
ให้หยั่งลงไปถึงแดนเกิดคือ..ใจ)

ต่อไปก็เริ่มทำมรรคข้ออื่นๆคือ
...ทุกเรื่องราวที่เราคิด(ให้เป็นสัมมาสังกัปปะ)
สัมมาสังกัปปะ ๓
๑. ความดำริออกจากกาม (เนกขัมมสังกัปโป)
๒. ดำริในความไม่พยาบาท (อพยาปาทสังกัปโป)
๓. ดำริในความไม่เบียดเบียน (อวิหิงสาสังกัปโป)

...ทุกกิจที่เราทำ(ให้เป็นสัมมากัมมันตะ)
สัมมากัมมันตะ ๓
๑. งดเว้นจากปาณาติบาต (ปาณาติปาตา เวรมณี)
๒. งดเว้นจากอทินนาทาน (อทินนาทานา เวรมณี)
๓. งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร (กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณี)

...ทุกคำที่เรากล่าว(ให้เป็นสัมมาวาจา)
สัมมาวาจา๔
๑. งดเว้นจากการ พูดเท็จ (มุสาวาทา เวรมณี)
๒. งดเว้นจากการ พูดส่อเสียด (ปิสุณาย วาจาย เวรมณี)
๓. งดเว้นจากการ พูดคำหยาบ (ผรุสาย วาจาย เวรมณี)
๔. งดเว้นจากการ เจรจาเพ้อเจ้อ (สัมผัปปลาปา เวรมณี)

...ทำงานอาชีพ(ให้เป็นสัมมาอาชีวะ)
สัมมาอาชีวะ ๕
๑. งดเว้นจาก การโกง (กุหะนา)
๒. งดเว้นจาก การล่อลวง (ลปะนา)
๓. งดเว้นจาก การตลบตะแลง (เนมิตตกะตา)
๔. งดเว้นจาก การยอมมอบตนในทางผิด (นิปเปสิกะตา)
๕. งดเว้นจาก การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนะตา)

ทำทั้ง ๕มรรคนั้นด้วย ความพยายาม(สัมมาวายามะ)
และมีสติคอยควบคุมไม่ไห้หลงออกนอกทาง(สัมมาสติ)

เมื่อมรรคทั้ง ๗องค์เจริญขึ้นและสั่สมลงเป็นสัมมาสมาธิ


:b8: ขอบคุณคะที่มาเพิ่มเติมความรุ้ให้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2013, 17:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2013, 21:54
โพสต์: 63

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เทียนหยด เขียน:
ขออนุญาติถามต่อได้ไหมคะ :b8: :b20: :b20:

จากคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ :b8: ...ที่ว่า

" หยุดปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต มันก็จบแค่นี้...."


ถามว่า...กิริยาจิต คืออะไร และหยุดกิริยาจิตคืออะไร :b8:


แม้แต่พระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่
สังขารทั้งหลายย่อมมีการปรุงแต่งเสมอ
มี กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร ตราบเท่าดับขันธปรินิพพานเมื่อใด
เมื่อนั้น สังขารทั้ง ๓ ย่อมดับด้วย แต่จิตของพระอรหันต์ทั้งหลายย่อมเป็นกิริยาจิต
คือเป็นจิตที่ไม่สร้างบุญ สร้างบาป สร้างภพ สร้างชาติให้เกิดขึ้นอีกแล้ว
เป็นอันว่าท่านได้สิ้นสุดแห่งพรหมจรรย์แล้ว ภพหน้าไม่มีอีกต่อไป

กริยาจิต คือจิตของพระอรหันต์ :b8: ให้หยุดกิริยาจิตนั้นก็คือการเข้าปรินิพพาน :b8:


:b8: ขอบคุณคะที่มาชี้แนะให้....ของยากนะเนี้ยะ :b5: :b5: ...อลังการสุดๆ s005 s005


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2013, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เทียนหยด เขียน:
ขออนุญาติถามต่อได้ไหมคะ :b8: :b20: :b20:

จากคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ :b8: ...ที่ว่า

" หยุดปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต มันก็จบแค่นี้...."


ถามว่า...กิริยาจิต คืออะไร และหยุดกิริยาจิตคืออะไร :b8:


ความเห็นส่วนตัว กิริยาจิตนั้นคือทุกข์ หยุดกิริยาจิตก็คงหมายถึงหยุดทุกข์(กิจที่จะทำยิ่งไปกว่านี้ไม่มี) ยังคงเหลือแต่รูปที่เป็นทุกข์(สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์)

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2013, 15:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2013, 21:54
โพสต์: 63

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
เทียนหยด เขียน:
ขออนุญาติถามต่อได้ไหมคะ :b8: :b20: :b20:

จากคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ :b8: ...ที่ว่า

" หยุดปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต มันก็จบแค่นี้...."


ถามว่า...กิริยาจิต คืออะไร และหยุดกิริยาจิตคืออะไร :b8:


ความเห็นส่วนตัว กิริยาจิตนั้นคือทุกข์ หยุดกิริยาจิตก็คงหมายถึงหยุดทุกข์(กิจที่จะทำยิ่งไปกว่านี้ไม่มี) ยังคงเหลือแต่รูปที่เป็นทุกข์(สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์)



:b8: ขอบคุณคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2013, 15:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2013, 21:54
โพสต์: 63

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จากการมีผู้รู้แนะนำมาหลายๆด้านตอนนี้ ดิฉันเข้าใจว่า....

จิตนั้นเป็นธาตุรู้ รู้อย่างเดียว แต่ปกติ จิตจะรู้ไปใน....(ขันธ์ห้า)....

การที่จิตรู้ไปในขันธ์ห้าและมีการเสวยอารมณ์ต่างๆในขันธ์ห้า

นี่เรียกว่า กิริยาจิต


การ หยุดกิริยาจิต คือ การหยุด การรุ้ของการเสวยอารมณ์

ไปในขันธ์ห้า คือจิตจะมีแค่รู้ และ ขันธ์ห้าที่อิงกันอยู่ในร่างกาย ก็สักแต่ว่าทำ

สักแต่ว่าดู สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าคุย สักแต่ว่าหัวเราะ มีแต่จิตเท่านั้นที่อยู่กับ รู้



การรุ้ นั้น รู้เฉยๆ แต่ไม่มีผุ้รุ้ หรือผู้ดูจิต...เป็นจิตที่มีอิสระในการรู้ และเป็นตัวของมันเอง

ไม่มีผุ้ใดเป็นเจ้าของ...ตอนนี้เข้าใจแค่นี้นะคะ :b8:


(เข้าใจอย่างนี้และยังทำไม่ได้ s005 )


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2013, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เทียนหยด เขียน:
จากการมีผู้รู้แนะนำมาหลายๆด้านตอนนี้ ดิฉันเข้าใจว่า....

จิตนั้นเป็นธาตุรู้ รู้อย่างเดียว แต่ปกติ จิตจะรู้ไปใน....(ขันธ์ห้า)....

การที่จิตรู้ไปในขันธ์ห้าและมีการเสวยอารมณ์ต่างๆในขันธ์ห้า

นี่เรียกว่า กิริยาจิต


การ หยุดกิริยาจิต คือ การหยุด การรุ้ของการเสวยอารมณ์

ไปในขันธ์ห้า คือจิตจะมีแค่รู้ และ ขันธ์ห้าที่อิงกันอยู่ในร่างกาย ก็สักแต่ว่าทำ

สักแต่ว่าดู สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าคุย สักแต่ว่าหัวเราะ มีแต่จิตเท่านั้นที่อยู่กับ รู้



การรุ้ นั้น รู้เฉยๆ แต่ไม่มีผุ้รุ้ หรือผู้ดูจิต...เป็นจิตที่มีอิสระในการรู้ และเป็นตัวของมันเอง

ไม่มีผุ้ใดเป็นเจ้าของ...ตอนนี้เข้าใจแค่นี้นะคะ :b8:


(เข้าใจอย่างนี้และยังทำไม่ได้ s005 )



แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าที่เข้าใจนั่นเป็นธรรม :b10: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2013, 16:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2013, 21:54
โพสต์: 63

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เทียนหยด เขียน:
จากการมีผู้รู้แนะนำมาหลายๆด้านตอนนี้ ดิฉันเข้าใจว่า....

จิตนั้นเป็นธาตุรู้ รู้อย่างเดียว แต่ปกติ จิตจะรู้ไปใน....(ขันธ์ห้า)....

การที่จิตรู้ไปในขันธ์ห้าและมีการเสวยอารมณ์ต่างๆในขันธ์ห้า

นี่เรียกว่า กิริยาจิต


การ หยุดกิริยาจิต คือ การหยุด การรุ้ของการเสวยอารมณ์

ไปในขันธ์ห้า คือจิตจะมีแค่รู้ และ ขันธ์ห้าที่อิงกันอยู่ในร่างกาย ก็สักแต่ว่าทำ

สักแต่ว่าดู สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าคุย สักแต่ว่าหัวเราะ มีแต่จิตเท่านั้นที่อยู่กับ รู้



การรุ้ นั้น รู้เฉยๆ แต่ไม่มีผุ้รุ้ หรือผู้ดูจิต...เป็นจิตที่มีอิสระในการรู้ และเป็นตัวของมันเอง

ไม่มีผุ้ใดเป็นเจ้าของ...ตอนนี้เข้าใจแค่นี้นะคะ :b8:


(เข้าใจอย่างนี้และยังทำไม่ได้ s005 )



แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าที่เข้าใจนั่นเป็นธรรม :b10: :b12:


ก็ใจมันเป็นอย่างนั้น เข้าใจอย่างนั้น..ก็ทำไปก่อน ผิดก็ปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูก

ก็แค่นั้น :b15: :b15:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 141 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร