วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 00:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2013, 18:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน

แม้ถูกอาจารย์ และ พระอุปัชฌาย์

แสดงอานิสงส์และโทษอย่างนี้ว่า อัสสาทะ

เป็นเพียงโสมนัสที่เกิดขึ้นในกามคุณ ๕ ด้วยอำนาจการเห็นเป็นต้น

แต่โทษมีประการต่าง ๆเป็นอันมากเป็นไปในปัจจุบันและสัมปรายภพ

กามทั้งหลายมีคุณน้อย

มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก

แล้วโอวาทอย่างนี้ว่า

เธอจงปฏิบัติสมณปฏิปทา

จงคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย

จงรู้จักประมาณในโภชนะ

จงประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเพียรเป็นเครื่องตื่น

ดังนี้
คำว่า สนฺโต ในอุเทศว่า " สนฺโต วิธูโม อนีโฆ นิราโส

อตาริ โส ชาติชรนฺติ พฺรูมิ " ดังนี้ ความว่า ชื่อว่า

สันตะ

เพราะเป็นผู้มีราคะสงบ มีโทสะสงบ มีโมหะสงบ ชื่อว่าสงบแล้ว คือ

เข้าไปสงบแล้ว ระงับแล้ว ดับแล้ว ระงับเฉพาะแล้ว เพราะเป็นผู้สงบแล้ว

ถึงความสงบแล้ว เข้าไปสงบแล้ว เผาแล้ว ดับแล้ว ปราศจากแล้ว

ระงับเฉพาะแล้วซึ่งความโกรธ ความผูกโกรธ ความลบหลู่ ความตีเสมอ

ความริษยา ความตระหนี่ ความลวง ความโอ้อวด ความกระด้าง

ความแข่งดี ความเมา ความประมาท กิเลสทั้งปวง ทุจริตทั้งปวง

ความกระวนกระวายทั้งปวง ความเร่าร้อนทั้งปวง ความเดือดร้อนทั้งปวง

อกุสลาภิสังขารทั้งปวง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า สงบ.

คำว่า วิธูโม ความว่า กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต อัน

พระอรหันตขีณาสพขจัดแล้ว กำจัดแล้ว ทำให้เหือดแห้งแล้ว ทำให้สิ้นสุด

แล้ว ราคะ โทสะ โมหะ ความโกรธ . . . ความประมาท กิเลส

ทั้งปวง . . . อกุสลาภิสังขารทั้งปวง อันพระอรหันตขีณาสพขจัดแล้ว

กำจัดแล้ว ทำให้เหือดแห้งแล้ว ทำให้สิ้นสุดแล้ว.

อนึ่ง ความโกรธ ท่านกล่าวว่าเป็นดังควัน

ดูก่อนพราหมณ์ ท่านมีมานะเปรียบเหมือนดังเครื่อง

หาบ มีความโกรธเปรียบเหมือนควัน มีการพูดเท็จ

เปรียบเหมือนเถ้า มีลิ้นเปรียบเหมือนทัพพี หฤทัยของ

สัตว์ทั้งหลายเปรียบเหมือนสถานที่บูชายัญของท่าน ตน

ที่ฝึกดีแล้ว เป็นกำเนิดของบุรุษ.

อนึ่ง ความโกรธย่อมเกิดด้วยอาการ ๑๐ อย่าง คือ ความโกรธ

เกิดด้วยผูกใจว่า คนโน้นได้ประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่เราแล้ว ๑

คนโน้นประพฤติอยู่ซึ่งสิ่งไม่เป็นประโยชน์แก่เรา ๑ คนโน้นจักประพฤติ

สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่เรา ๑ คนโน้นได้ประพฤติแล้วซึ่งสิ่งที่ไม่เป็น

ประโยชน์แก่บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ๑ คนโน้นประพฤติอยู่ซึ่ง

สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ๑ คนโน้นจัก

ประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ๑ คนโน้น

ได้ประพฤติแล้วซึ่งประโยชน์แก่บุคคลผู้ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ๑

คนโน้นประพฤติอยู่ซึ่งประโยชน์แก่บุคคลผู้ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ๑

คนโน้นจะประพฤติซึ่งสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บุคคลผู้ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจ

ของเรา ๑ อีกอย่างหนึ่ง ความโกรธย่อมเกิดในฐานะอันไม่ควร ๑

ความปองร้าย ความมุ่งร้าย ความขัดเคือง ความโกรธตอบ ความเคือง

ความเคืองทั่ว ความเคืองเสมอ ความชัง ความชังทั่ว ความชังเสมอ

ความพยาบาทแห่งจิต ความประทุษร้ายในใจ ความโกรธ กิริยาที่โกรธ

ความเป็นผู้โกรธ ความชัง กิริยาที่ชัง ความเป็นผู้ชัง ความพยาบาท

กิริยาที่พยาบาท ความเป็นผู้พยาบาท ความพิโรธ ความพิโรธตอบ

ความเป็นผู้ดุร้าย ความเพาะวาจาชั่ว ความไม่พอใจของจิต นี้เรียกว่า

ความโกรธ.

อนึ่ง พึงทราบความโกรธมาก โกรธน้อย ความโกรธเป็นแต่

เพียงทำจิตให้ขุ่นมัวในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงให้มีหน้าเง้าหน้างอ ความ

โกรธเป็นแต่เพียงทำให้หน้าเง้าหน้างอในบางครั้งก็มี แต่ไม่ถึงให้คางสั่น

ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้คางสั่นในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงเปล่งผรุสวาจา

ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้เปล่งผรุสวาจาในบางครั้งก็มี

แต่ยังไม่ถึงให้เหลียวดูทิศทางต่าง ๆ ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้เหลียวดู

ทิศต่างๆ ในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงการจับท่อนไม้และศัสตรา ความโกรธ

เป็นแต่เพียงทำให้จับท่อนไม้และศัสตราในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึง

เงื้อท่อนไม้และศัสตรา ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้เงื้อท่อนไม้และศัสตรา

ในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงตีฟัน ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้ตีฟัน

ในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงฉีกขาดเป็นบาดแผล ความโกรธเป็นแต่เพียงทำ

ให้ถึงฉีกขาดเป็นบาดแผลในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ให้หักให้แหลก ความ

โกรธเป็นแต่เพียงทำให้หักให้แหลกในบางครั้งก็มี แต่ยังไม่ให้อวัยวะน้อย

ใหญ่เคลื่อนที่ ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้อวัยวะน้อยใหญ่เคลื่อนที่ใน

บางครั้งก็มี แต่ยังไม่ให้ชีวิตดับ ความโกรธเป็นแต่เพียงทำให้ชีวิตดับใน

บางครั้งก็มี แต่ยังไม่ถึงความสละบริจาคอวัยวะทั้งหมด เมื่อใดความโกรธ

ให้ฆ่าบุคคลอื่นแล้วให้ฆ่าตน เมื่อนั้นความโกรธถึงความเป็นความโกรธ

แรงยิ่ง ถึงความเป็นความโกรธมากยิ่ง โดยอาการอย่างนี้. ความโกรธนั้น

อันพระอรหันตขีณาสพใด ละได้แล้ว ตัดขาดแล้ว สงบระงับแล้ว

ทำไม่ให้อาจเกิดขึ้นอีก เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ พระอรหันตขีณาสพนั้น

เรียกว่าผู้กำจัดกิเลสเพียงดังควัน. พระอรหันตขีณาสพชื่อว่าวิธูมะ

เพราะเป็นผู้ละความโกรธ เพราะเป็นผู้กำหนดรู้วัตถุแห่งความโกรธ

เพราะเป็นผู้ตัดขาดซึ่งเหตุแห่งความโกรธ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า วิธูมะ.

คำว่า อนีโฆ ความว่า ราคะเป็นทุกข์ โทสะเป็นทุกข์ โมหะ

เป็นทุกข์ ความโกรธเป็นทุกข์ ความผูกโกรธเป็นทุกข์ ฯ ล ฯ อกุสลา-

ภิสังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ทุกข์เหล่านั้น อันพระอรหันตขีณาสพใดละได้

แล้ว . . . เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ พระอรหันตขีณาสพนั้น เรียกว่า

ผู้ไม่มีทุกข์.

คำว่า ไม่มีความหวัง ความว่า ตัณหาเรียกว่าความหวัง ราคะ

สาราคะ ฯ ล ฯ อภิชฌา โลภะ อกุศลมูล เรียกว่าความหวัง ตัณหา

อันเป็นความหวังนั้น อันพระอรหันตขีณาสพใดละได้แล้ว เผาเสียได้แล้ว

ด้วยไฟคือ ญาณ พระอรหันตขีณาสพนั้น เรียกว่า ผู้ไม่มีความหวัง.


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2013, 13:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 2239 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2013, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


อุปาทาน คือ การยึดมั่นถือมั่นทางจิตใจ เช่น

ยึดมั่นถือมั่นในเบญจขันธ์ คือร่างกายและจิตใจรวมกันว่าเป็น"ตัวตน" และยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ถูกใจ อันมาเกี่ยวข้องด้วยว่าเป็น"ของตน"
หรือที่ละเอียดลงไปกว่านั้นก็คือยึดถือจิตส่วนหนึ่งว่าเป็น"ตัวเรา" แล้วยึดถือเอารูปร่างกาย ความรู้สึก ความจำ และความนึกคิด ๔ อย่างนี้ว่าเป็น"ของเรา"

1.กามุปาทาน ยึดติดในกาม
2.ทิฏฐุปาทาน ยึดถือในทิฏฐิ
3.สีลัพพัตตุปาทาน ติดยึดในศีลวัตรที่งมงาย
4.อัตตวาทุปาทาน ยึดมั่นในตัวเอง ของตัวเอง
พุทธภาษิตมีอยู่ว่า "เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว เบญจขันธ์ที่ประกอบอยู่ด้วยอุปาทานนั่นแหละเป็นตัวทุกข์"

ดังนั้น เบญจขันธ์ที่ไม่มีอุปาทานครอบงำนั้นหาเป็นทุกข์ไม่ ฉะนั้น คำว่าบริสุทธิ์หรือหลุดพ้นจึงหมายถึง การหลุดพ้นจากอุปาทานว่า"ตัวเรา" ว่า"ของเรา"นี้โดยตรง ดังมีพุทธภาษิตว่า "คนทั้งหลายย่อมหลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน"





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2013, 22:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 2234 ครั้ง ]
.. :b8:

k อนุโมทนาแล้วๆๆ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2013, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าด้วยความเสื่อม ๑๒ อย่าง

ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม

ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยาม

สิ้นไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้

สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มี

พระภาคเจ้าแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มี

พระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า

ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถาม

ถึงผู้เสื่อม และคนผู้เจริญกะท่านพระโคดม

จึงขอทูลถามว่า อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า

ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม

ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้เสื่อม

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑.

คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก

ชอบใจธรรมของอสัตบุรุษ

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๒.

คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๓.

คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือบิดาผู้แก่เฒ่า

ผ่านวัยหนุ่มสาวไปแล้ว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๔.

คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๕.

คนมีทรัพย์มาก มีเงินทอง ของกิน

กินของอร่อยแต่ผู้เดียว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๖.

คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร

ย่อมดูหมิ่นญาติของตน

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๗.

คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา

และเป็นนักเลงการพนัน ผลาญทรัพย์ที่ตนหามาได้

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๘.

คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตน

ประทุษร้ายในภริยาของคนอื่นเหมือนประทุษร้ายในหญิงแพศยา

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๙.

ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา

ย่อมนอนไม่หลับ เพราะความหึงหวงหญิงรุ่นสาวนั้น

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๐.

คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย

หรือแม้ชายเช่นนั้นไว้ในความเป็นใหญ่

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั่น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๑.

ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภคทรัพย์น้อย

มีความมักใหญ่ ปรารถนาราชสมบัติ

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม.

บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ

พิจารณาเห็นคนเหล่านี้

เป็นผู้เสื่อมในโลก

ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คนผู้เจริญ).


พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้า ๔๒๙

"เมื่อบุคคลให้ทาน กระทำการบูชาด้วยของหอมเป็นต้น แล้วให้ส่วนบุญว่า ขอส่วน

บุญ จงมีแก่บุคคลชื่อโน้น หรือว่า ขอส่วนบุญจงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้

พึงทราบว่า เป็นบุญกิริยาวัตถุอันเกิดแต่การให้ส่วนบุญ".

ฉัพพรรณรังสี คือ รัศมี ที่ออกมาจากพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ซึ่ง ในพระไตรปิฎก

แสดงว่า สิ่งที่ไม่สามารถทำลายได้ ประการหนึ่ง คือ ฉัพพรรณรังสี และ รัศมีของ

พระพุทธแต่ละพระองค์ ก็มีความกว้างรัศมีแตกต่างกันไป อย่าง พระุพุทธเจ้าของเรา

มี รัศมีแผ่ออกไป 1 วา สองเมตร ตลอดเวลา แต่จะทำให้แผ่ออกไปมากกว่านั้น จน

สุดจักรวาลก็ได้ เพียงแต่ ปกติ ที่พระพุทธเจ้าสมณโคดม ไม่ได้อธิษฐานให้รัศมีแผ่ไป

รัศมี ฉัพพรรณรังสี ก็แผ่ออกไปเป็นปกติ 1 วา แต่พระพุทธเจ้าบางพระองค์ ก็มีรัศมี

แผ่ออกไป หมื่นจักรวาล ตลอดเวลาไม่มีกลางคืนเลย คือ พระมังคลพระพุทธเจ้า

ด้วยเหตุที่ในชาติก่อนจะอุบัติ เกิดเป็นชาติที่คล้ายพระเวสสันดร ยักษ์ปลอมตัวเป็น

พราหมณ์ มาขอบุตรที่รักของพระองค์ทั้งสองพระองค์ พอพระโพธิสัตว์มังคละยกให้

แล้ว ยักษ์ก็แปลงกลับเป็นร่างเดิม คือ เป็นยักษ์ มีเขี้ยวยาว และ ก็กัดกินบุตรน้อยทั้

สองของพระโพธิสัตว์ เลือดพุ่งออกจากปากของยักษ์ พระโพธิสัตว์มังคละเห็น เกิด

ความปิติโสมนัสใจ ไม่เกิดความทุกข์ใจแม้แต่น้อยเลย ปิติโสมนัสว่า ทานเราให้ดี

แล้วหนอ และ ก็อธิษฐานว่า ขอให้เมื่อเราเป็นพระพุทธเจ้า มีรัศมีแผ่ออกไปดั่งสาย

เลือดของบุตรน้อย และเมื่อพระโพธิสัตว์ บรรลุเป็นพะรพุทธเจ้า พระนามว่า มังคล

พระพุทธเจ้า พระองค์จึงมีฉัพพรรณรังสี หรือ รัศมี แผ่ออกไปโดยปกติ หมื่นจักรวาล

แต่อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ จะต้องมีฉัพพรรณรังสี ต้องมี 6 สี ดังนี้

1.สีนีละ - สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน

2.สีปีตะ - สีเหลืองเหมือนหรดาลทอง

3.สีโรหิตะ - สีแดงเหมือนแสงตะวันอ่อน

4.สีโอทาตะ - สีขาวเงินยวง

5.สีมัญเชฏฐะ - สีแสดเหมือนหงอนไก่

6.สีประภัสสร - สีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก

พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 34

ว่าด้วยพระฉัพพรรณรังสี

เมื่อพระศาสดา ทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามความสบาย

ด้วยพระสัพพัญญุตญาณซึ่งมีโอกาส (ช่อง) อันได้แล้วอย่างนี้ พระฉัพพรรณ-

รังสี (รัศมี ๖ ประการ) คือ นีละ (เขียวเหมือนดอกอัญชัน ) ปีตะ (เหลือง

เหมือนหรดาล) โลหิตะ (แดงเหมือนตะวันอ่อน) โอทาตะ ( ขาวเหมือน

แผ่นเงิน) มัญเชฏฐะ (สีหงสบาท เหมือนดอกหงอนไก่) ประภัสสร (เลื่อมพราย

เหมือนแก้วผลึก) ก็ซ่านออกจากพระสรีระ


พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 34

ว่าด้วยพระฉัพพรรณรังสี

เมื่อพระศาสดา ทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามความสบาย

ด้วยพระสัพพัญญุตญาณซึ่งมีโอกาส (ช่อง) อันได้แล้วอย่างนี้ พระฉัพพรรณ-

รังสี (รัศมี ๖ ประการ) คือ นีละ (เขียวเหมือนดอกอัญชัน ) ปีตะ (เหลือง

เหมือนหรดาล) โลหิตะ (แดงเหมือนตะวันอ่อน) โอทาตะ ( ขาวเหมือน

แผ่นเงิน) มัญเชฏฐะ (สีหงสบาท เหมือนดอกหงอนไก่) ประภัสสร (เลื่อมพราย

เหมือนแก้วผลึก) ก็ซ่านออกจากพระสรีระ พื้นแห่งท้องฟ้า ได้เป็นราวกะว่า

เต็มด้วยดอกอัญชันกระจายอยู่ทั่วไป เหมือนดารดาษด้วยดอกสามหาวหรือกลีบ

อุบลเขียว เหมือนขั้วตาลประดับด้วยแก้วมณีที่แกว่งไปมา และเหมือนแผ่น

วัตถุสีเขียวเข้มที่ขึงออก ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีเขียวเหล่าใด พระรัศมีสีเขียว

เหล่านี้ ออกไปแล้วจากพระเกศา แลพระมัสสุทั้งหลาย และจากที่สีเขียว

แห่งพระเนตรทั้งสอง.

ทศาภาคทั้งหลายย่อมรุ่งโรจน์ เหมือนโสรจสรง (ชำระ) ด้วยน้ำทองคำ

เหมือนแผ่แผ่นทองคำออกไป เหมือนย้อมด้วยจุณแห่งนกกดไฟ (น่าจะเป็น

ผงขมิ้น) และเหมือนเรียงรายด้วยดอกกรรณิการ์ ด้วยอำนาจแห่งรัศมีสีเหลือง

เหล่าใด รัศมีสีเหลืองเหล่านั้น ท่านออกแล้วจากพระฉวีวรรณ และจากที่

สีเหลืองแห่งพระเนตรทั้งสอง.

ทิศาภาคทั้งหลายรุ่งโรจน์แล้ว เหมือนย้อมด้วยจุณแห่งชาด เหมือน

รดด้วยน้ำครั่งที่สุกดีแล้ว เหมือนคลุมด้วยผ้ากัมพลแดง เหมือนเรียงรายด้วย

ดอกชัยพฤกษ์ ดอกทองกวาว และดอกชบา ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีแดง

เหล่าใด พระรัศมีสีแดงเหล่านั้น ซ่านออกแล้วจากพระมังสะ พระโลหิต

และที่สีแดงแห่งพระเนตรทั้งสอง.

ทิศาภาคทั้งหลายรุ่งโรจน์แล้ว เหมือนเกลื่อนกล่นด้วยขีรธาราที่เท

ออกจากหม้อเงิน เหมือนเพดานแผ่นเงินที่เขาขึงไว้ เหมือนขั้วตาลเงินที่แกว่ง

ไปมา เหมือนดาดาษด้วยดอกคล้า ดอกโกมุท ดอกย่างทราย ดอกมะลิวัลย์

ดอกมะลิซ้อนเป็นต้น ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีขาวเหล่าใด รัศมีสีขาวเหล่านั้น

ซ่านออกแล้วจากพระอัฐิทั้งหลาย จากพระทนต์ทั้งหลาย และจากที่

สีขาวแห่งพระเนตรทั้งสอง.



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2013, 14:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 2232 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 10:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เรามีข้าวสำเร็จแล้ว มีน้ำนม

รีด (จากแม่โค) รองไว้แล้ว มีการอยู่กับ

ชนผู้เป็นบริวาร ผู้มีความประพฤติอนุกูล

เสมอกันที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำมหี เรามุงบังกระ-

ท่อมแล้ว ก่อไฟไว้แล้ว แน่ะฝน หากว่า

ท่านย่อมปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถาตอบว่า

เราเป็นผู้ไม่โกรธ มีกิเลสดุจหลักตอ

ปราศไปแล้ว เรามีการอยู่สิ้นราตรีหนึ่งที่

ใกล้ฝั่งแม่น้ำมหี กระท่อมมีหลังคาอันเปิด

แล้ว ไฟดับแล้ว แน่ะฝน หากว่าท่าน

ปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด.

นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า

เหลือบและยุงย่อมไม่มี โคทั้งหลาย

ย่อมเที่ยวไปในประเทศใกล้แม่น้ำ ซึ่งมีหญ้า

งอกขึ้นแล้ว พึงอดทนแม้ซึ่งฝนที่ตกลงมา

ได้ แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญตก

ลงมาเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถาตอบว่า

ก็เราผูกแพไว้แล้ว ตกแต่งดีแล้ว

กำจัดโอฆะ ข้ามถึงฝั่งแล้ว ความต้องการ

ด้วยแพย่อมไม่มี แน่ะฝน หากว่าท่าน

ปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด.

นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า

ภริยาเชื่อฟังเรา ไม่โลเล เป็นที่

พอใจ อยู่ร่วมกันสิ้นกาลนาน เราไม่ได้ยิน

ความชั่วอะไร ๆ ของภริยานั้น แน่ะฝน

หากท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถาตอบว่า

จิตเชื่อฟังเรา หลุดพ้นแล้ว เรา

อบรมแล้ว ฝึกหัดดีแล้วสิ้นกาลนาน และ

ความชั่วของเราย่อมไม่มี แน่ะฝน หากว่า

ท่านปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด.

นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า

เราเป็นผู้เลี้ยงตนด้วยอาหารและ

เครื่องนุ่งห่มและบุตรทั้งหลายของเราดำรง

อยู่ดี ไม่มีโรค เราไม่ได้ยินความชั่วอะไร ๆ

ของบุตรเหล่านั้น แน่ะฝน หากว่าท่าน

ปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถาตอบว่า

เราไม่เป็นลูกจ้างของใคร ๆ เราเที่ยว

ไปด้วยความเป็นพระสัพพัญญู ผู้ไม่มีความ

ต้องการในโลกทั้งปวง เราไม่มีความต้องการ

ค่าจ้าง แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญ

ตกลงมาเถิด.

นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า

โคแก่ ลูกโคอ่อนที่ยังไม่ได้ฝึก แม่

โคที่มีครรภ์ ลูกโคหนุ่ม แม่โคตัวปรารถนา

ประเวณีก็มีอยู่ อนึ่ง แม้โคที่เป็นเจ้าฝูงแห่ง

โคก็มีอยู่ แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็

เชิญตกลงมาเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถาตอบว่า

โคแก่ ลูกโคอ่อนที่ยังไม่ได้ฝึก

แม่โคที่มีครรภ์ ลูกโคหนุ่ม แม่โคที่ปรารถนา

ประเวณีก็ไม่มี อนึ่ง แม้โคที่เป็นเจ้าฝูงแห่ง

โคก็ไม่มี แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็

เชิญตกลงมาเถิด.

นายธนิยะคนเลี้ยงโคได้กล่าวคาถาว่า

เสาเป็นที่ผูกโคเราฝังไว้แล้ว ไม่

หวั่นไหว เชือกสำหรับผูกพิเศษประกอบ

ด้วยปมและบ่วงเราทำไว้แล้ว สำเร็จด้วย

หญ้ามุงกระต่าย เป็นของใหม่ มีสันฐานดี

สำหรับผูกโคทั้งหลาย แม้โคหนุ่ม ๆ ก็ไม่

อาจจะให้ขาดได้เลย แน่ะฝน หากว่าท่าน

ปรารถนาก็เชิญตกลงมาเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถาตอบว่า

เราจักไม่เข้าถึงการนอนในครรภ์อีก

เหมือนโคตัดเชือกสำหรับผูกขาดแล้ว

เหมือนช้างทำลายเถากระพังโหมได้แล้ว

ฉะนั้น แน่ะฝน หากว่าท่านปรารถนาก็เชิญ

ตกลงมาเถิด.

-------------------------

ฝนได้ตกเต็มทั้งที่ลุ่ม ทั้งที่ดอน ใน

ขณะนั้นเอง นายธนิยะคนเลี้ยงโค ได้ยิน

เสียงฝนตกอยู่ ได้กราบทูลเนื้อความนี้ว่า

เป็นลาภของข้าพระองค์ไม่น้อยหนอ ที่ข้า

พระองค์ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าแต่

พระองค์ผู้มีจักษุ ข้าพระองค์ขอถึง พระองค์

ว่าเป็นสรณะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมหามุนี

ขอพระองค์ทรงเป็นพระศาสดาของข้าพระ-

องค์ ทั้งภริยาทั้งข้าพระองค์เป็นผู้เชื่อฟัง

ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสุคต ข้า-

พระองค์เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งชาติ และมรณะ

จะเป็นผู้กระทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ได้.



มารผู้มีบาปได้กล่าวคาถาว่า

คนย่อมเพลิดเพลินเพราะอุปธิทั้ง

หลาย เปรียบเหมือนบุคคลผู้มีบุตร ย่อม

เพลิดเพลินเพราะบุตร บุคคลมีโค ย่อม

เพลิดเพลินเพราะโค ฉะนั้น คนผู้ไม่มีอุปธิ

ย่อมไม่เพลิดเพลินเลย.



พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระคาถาตอบว่า

คนย่อมเศร้าโศกเพราะอุปธิทั้งหลาย

เปรียบเหมือนบุคคลผู้มีบุตร ย่อมเศร้าโศก

เพราะบุตร บุคคลผู้มีโค ย่อมเศร้าโศก

เพราะโค ฉะนั้น คนผู้ไม่มีอุปธิ ย่อมไม่

เศร้าโศกเลย.



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 12:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 2228 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2013, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ คยาสีสะประเทศ

ใกล้บ้านคยา ก็สมัยนั้นแล ชฎิลมากด้วยกันผุดขึ้นบ้าง ตำลงบ้าง ผุดขึ้น

และตำลงบ้าง รดน้ำบ้าง บูชาไฟบ้าง ที่แม่น้ำคยา ในสมัยหิมะตก

ระหว่าง ๘ วัน ในราตรีมีความหนาวในเหมันตฤดู ด้วยคิดเห็นว่า ความ

หมดจดย่อมมีได้ด้วยการกระทำนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทอดพระเนตร

เห็นพวกชฎิลเหล่านั้น ผุดขึ้นบ้าง ตำลงบ้าง ผุดขึ้นและตำลงบ้าง รดน้ำ

บ้าง บูชาไฟบ้าง ที่ท่าแม่น้ำคยา ในสมัยหิมะตก ระหว่าง ๘ วัน ใน

ราตรีมีความหนาวในเหมันตฤดู ด้วยคิดเห็นว่า ความหมดจดย่อมมีได้

ด้วยการกระทำนี้.

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึง

ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

ความสะอาดย่อมไม่มีเพราะน้ำ (แต่) ชนเป็นอันมาก

ยังอาบอยู่ในน้ำนี้

สัจจะ และ ธรรม มีอยู่ในผู้ใด

ผู้นั้นเป็นผู้สะอาด และ เป็นพราหมณ์.
ข้อความบางตอนจากพระไตรปิฏก

ผู้มีความสุข

ท่านเป็นคนจงกำจัดความพอใจในคนเสีย

แต่นั้นท่านจักเป็นผู้มีความสุข ปราศจากความกำหนัด

ท่านมีสติ ละความยินดีเสียได้

เราเตือนให้ท่านระลึกถึงธรรมของสัตบุรุษ

ธุลีคือกิเลสประดุจบาดาลที่ข้ามได้ยาก

ได้แก่ความกำหนัดในกามอย่าได้ครอบงำท่านเลย



[๑๖๔๕] ช่างทำรองเท้าหนังเลี้ยงชีพ เมื่อประกอบรองเท้า

ส่วนใดควรเว้นก็เว้น เลือกเอาแต่ส่วนที่ดีๆ

มาทำรองเท้าขายได้ราคาแล้ว

ย่อมมีความสุข

ฉันใดเราก็ฉันนั้นเหมือนกัน

พิจารณาด้วยปัญญาแล้ว ละทิ้งส่วนแห่งกามเสีย

ย่อมถึงความสุข

ถ้าพึงปรารถนาความสุขทั้งปวง ก็พึงละกามทั้งปวงเสีย



[๑๖๔๔] ไม่พึงสั่งสมกามทั้งหลาย พึงเป็นผู้มี

ความปรารถนาน้อย ไม่มีความละโมบ

บุรุษผู้มีปัญญา เปรียบด้วยมหาสมุทร

ย่อมไม่เดือดร้อนด้วยกามทั้งหลาย.



[๑๖๔๒] เมื่อยังระลึกถึงกามอยู่ตราบใด ก็ไม่ได้

ความอิ่มด้วยใจตราบนั้น

ชนเหล่าใดบริบูรณ์ด้วยปัญญา

มีกายและใจหลีกเว้นจากกามทั้งหลาย


เห็นโทษด้วยญาณ ชนเหล่านั้นแลชื่อว่าเป็นผู้อิ่ม.

[๑๖๔๓] บรรดาความอิ่มทั้งหลาย ความอิ่มด้วยปัญญาประเสริฐ


เพราะผู้อิ่มด้วยปัญญานั้น

ย่อมไม่เดือดร้อนด้วยกามทั้งหลาย คนผู้อิ่มด้วยปัญญา

ตัณหาย่อมกระทำให้อยู่ในอำนาจไม่ได้.



[๑๖๔๗] ข้าพระบาทไม่ต้องการด้วยทรัพย์ร้อยทรัพย์พันหรือทรัพย์หมื่น

เมื่อข้าพระบาทกล่าวคาถาสุดท้าย

ใจของข้าพระบาทไม่ยินดีในกาม.
[๑๖๔๓] บรรดาความอิ่มทั้งหลาย ความอิ่มด้วย

ปัญญาประเสริฐ เพราะผู้อิ่มด้วยปัญญานั้น ย่อมไม่

เดือดร้อนด้วยกามทั้งหลาย คนผู้อิ่มด้วยปัญญา

ตัณหาย่อมกระทำให้อยู่ในอำนาจไม่ได้.




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2013, 13:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 2221 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


" ใจย่อมจดจ่อ, แม้จิตก็เลื่อมใสในบุคคลใด,

เขาย่อมสนิทสนมในบุคคลแม้นั้น ซึ่งตนไม่เคยเห็น

โดยแท้ ความรักนั้นย่อมเกิด เพราะอาศัยเหตุ ๒

ประการอย่างนี้ คือ เพราะการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑,

เพราะการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ๑ เปรียบเหมือน

ดอกบัวเกิดในน้ำได้(เพราะอาศัยเปือกตมและน้ำ)ฉะนั้น."
การไม่ถูกชะตากัน มี 2 สาเหตุ

1. มาจากกิเลสของเราเอง เช่น ไม่ชอบกิริยาท่าทางชองเขา ไม่ชอบหน้าตาของเขา

หรือนิสัยเขา

2. ในอดีตเคยมีเวรต่อกัน เช่น พระเทวทัต เกิดมาทุกชาติก็จองเวรกับพระพุทธเจ้า เป็น

ต้น
ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ คยาสีสะประเทศ

ใกล้บ้านคยา ก็สมัยนั้นแล ชฎิลมากด้วยกันผุดขึ้นบ้าง ตำลงบ้าง ผุดขึ้น

และตำลงบ้าง รดน้ำบ้าง บูชาไฟบ้าง ที่แม่น้ำคยา ในสมัยหิมะตก

ระหว่าง ๘ วัน ในราตรีมีความหนาวในเหมันตฤดู ด้วยคิดเห็นว่า ความ

หมดจดย่อมมีได้ด้วยการกระทำนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทอดพระเนตร

เห็นพวกชฎิลเหล่านั้น ผุดขึ้นบ้าง ตำลงบ้าง ผุดขึ้นและตำลงบ้าง รดน้ำ

บ้าง บูชาไฟบ้าง ที่ท่าแม่น้ำคยา ในสมัยหิมะตก ระหว่าง ๘ วัน ใน

ราตรีมีความหนาวในเหมันตฤดู ด้วยคิดเห็นว่า ความหมดจดย่อมมีได้

ด้วยการกระทำนี้.

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึง

ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

ความสะอาดย่อมไม่มีเพราะน้ำ (แต่) ชนเป็นอันมาก

ยังอาบอยู่ในน้ำนี้

สัจจะ และ ธรรม มีอยู่ในผู้ใด

ผู้นั้นเป็นผู้สะอาด และ เป็นพราหมณ์



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 13:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 2207 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร