วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 20:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 60 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 13 ม.ค. 2013, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณนะครับ ..คุณขณะจิต คุณธรรมดาครับ :b20:
ตุ๊กกี๊มาแซว แล้วหายจ้อยเลย .. :b9:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสต์ เมื่อ: 19 ม.ค. 2013, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 11:11
โพสต์: 94


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ยากหรอกครับถ้าเรามีสัจจะ ที่ยากเพราะสัจจะมีน้อย ไม่ค่อยจริงจังทำเดี๋ยวเดียวก็เลิก :b16:


โพสต์ เมื่อ: 20 ม.ค. 2013, 00:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
ขอบคุณนะครับ ..คุณขณะจิต คุณธรรมดาครับ :b20:
ตุ๊กกี๊มาแซว แล้วหายจ้อยเลย .. :b9:


พอพูดถึงกิเลส เอกอนจะนึกถึง นิมิต อันนี้ทุกที

สามง่าม กับ สนามพลังงาน

มันเกินจะเรียบเรียงออกมาได้น่ะ

การแก้ไม่มี มีแต่การจัดการ
มันเหมือนกับการขับรถไปบนถนน
ทั้งสภาพรถ สภาพถนน สภาพสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
มันคล้าย ๆ กับการขับรถนั่นล่ะ

ไม่ว่าสภาพทุกอย่างจะอย่างไร เราก็ขับมันไป
อยู่ที่ว่าเราจะขับไปอย่างไร

ถ้าเบื่อที่จะขับ ก็หาทางจอด และก็ลงจากรถไปซะ
กิเลส มันปรากฎอยู่เฉพาะที่ ไอ้ที่ไปแล้วมันไม่ตามไปด้วย


โพสต์ เมื่อ: 20 ม.ค. 2013, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ .. "กิเลสอยู่ที่จิต" จะไปไหนขึ้นเขาลงห้วย ข้ามน้ำข้ามทะเล
ในถ้ำในซอกเขา บนเรือ บนเครื่องบิน บนรถยนต์ เราก็หนีไม่พ้นดอก ..

เหมือนเงาที่ติดตามไปตลอด ต่อเมื่อเราหยุด เราจึงจะเห็นเงาตัวเอง
"เหมือนจิตที่สงบจึงจะเห็นกิเลสที่อยู่ในจิต"

เปรียบได้กับน้ำที่สงบนิ่ง สิ่งที่สกปรกที่อยู่ในน้ำยอมตกตะกอนนอนก้น
มองเห็นได้ชัดเจน ..


ท่านจึงสอนให้ทำสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ จะให้เห็นกิเลสทั้งหลาย
เพื่อหาหนทางละวางกิเลสเหล่านั้นให้ได้ ด้วยปัญญาต่อไป ..


:b1: :b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสต์ เมื่อ: 20 ม.ค. 2013, 09:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนที่พระพุทธองค์ตรัสกับองค์คุลีมารว่า เราหยุดแล้ว แต่เจ้าเองที่ไม่หยุดเชื่อมั้ยค่ะว่าคำนี้จะคอยเตือนคุนน้องตลอดเวลาคุนน้องจะตบะแตกคือเริ่มจะทนไม่ไหว เสียงของพระพุทธองค์จะดังสะท้อนขึ้นในหัว :b12: และคุนน้องก็รู้ว่าพระพุทธ์องค์ต้องการจะบอกกับมนุษย์เราให้หยุด แต่ไม่ใช่จะบอกกับองค์คุลีมารเพียงคนเดียวแต่จะมีซักกี่คนจะมองผู้อื่นแล้วหันกลับมามองตัวตนของตนเอง Kiss


โพสต์ เมื่อ: 20 ม.ค. 2013, 11:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b15: :b15: :b15:

ตอบได้น่ารักไปหมดเรยยยยย

rolleyes rolleyes rolleyes


โพสต์ เมื่อ: 20 ม.ค. 2013, 11:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

ตอบได้น่ารักไปหมดเรยยยยย

rolleyes rolleyes rolleyes

สงสัยคนตอบจะน่ารักม้างงงงง :b12: :b4:
:b9:


โพสต์ เมื่อ: 20 ม.ค. 2013, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ตอนที่พระพุทธองค์ตรัสกับองค์คุลีมารว่า เราหยุดแล้ว แต่เจ้าเองที่ไม่หยุดเชื่อมั้ยค่ะว่าคำนี้จะคอยเตือนคุนน้องตลอดเวลาคุนน้องจะตบะแตกคือเริ่มจะทนไม่ไหว เสียงของพระพุทธองค์จะดังสะท้อนขึ้นในหัว :b12: และคุนน้องก็รู้ว่าพระพุทธ์องค์ต้องการจะบอกกับมนุษย์เราให้หยุด แต่ไม่ใช่จะบอกกับองค์คุลีมารเพียงคนเดียวแต่จะมีซักกี่คนจะมองผู้อื่นแล้วหันกลับมามองตัวตนของตนเอง Kiss

บางที่เราก็เรียกว่า "คติธรรม ประจำใจ" ของใครของมันนะ
เมื่อเรามีเหตุให้เกิดความวุ่นวายใจ หากเราคิดถึง "คติธรรม"
ก็จะทำให้ได้ "สติ" ความวุ่นวายนั้นก็ค่อย ๆ สงบลงได้ .. :b1:


eragon_joe เขียน:
:b15: :b15: :b15:

ตอบได้น่ารักไปหมดเรยยยยย

rolleyes rolleyes rolleyes

อิอิ ... ธรรมของพระพุทธเจ้า ชื่อว่า ..
"งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในเบื้องปลาย" :b8:

ฟังไม่มีเบื่อ .. :b1:
:b8:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 06:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
อิอิ .. "กิเลสอยู่ที่จิต" จะไปไหนขึ้นเขาลงห้วย ข้ามน้ำข้ามทะเล
ในถ้ำในซอกเขา บนเรือ บนเครื่องบิน บนรถยนต์ เราก็หนีไม่พ้นดอก ..

เหมือนเงาที่ติดตามไปตลอด ต่อเมื่อเราหยุด เราจึงจะเห็นเงาตัวเอง
"เหมือนจิตที่สงบจึงจะเห็นกิเลสที่อยู่ในจิต"

เปรียบได้กับน้ำที่สงบนิ่ง สิ่งที่สกปรกที่อยู่ในน้ำยอมตกตะกอนนอนก้น
มองเห็นได้ชัดเจน ..


ท่านจึงสอนให้ทำสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ จะให้เห็นกิเลสทั้งหลาย
เพื่อหาหนทางละวางกิเลสเหล่านั้นให้ได้ ด้วยปัญญาต่อไป ..


:b1: :b1:


ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ จะให้เห็นกิเลสทั้งหลาย
หมายถึงจิตสงบขณะที่นั่งสมาธิขณะนั้นจะทำให้เห็นกิเลสได้หรือคะ
ช่วยอธิบายด้วยค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 07:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
วิริยะ เขียน:
อิอิ .. "กิเลสอยู่ที่จิต" จะไปไหนขึ้นเขาลงห้วย ข้ามน้ำข้ามทะเล
ในถ้ำในซอกเขา บนเรือ บนเครื่องบิน บนรถยนต์ เราก็หนีไม่พ้นดอก ..

เหมือนเงาที่ติดตามไปตลอด ต่อเมื่อเราหยุด เราจึงจะเห็นเงาตัวเอง
"เหมือนจิตที่สงบจึงจะเห็นกิเลสที่อยู่ในจิต"

เปรียบได้กับน้ำที่สงบนิ่ง สิ่งที่สกปรกที่อยู่ในน้ำยอมตกตะกอนนอนก้น
มองเห็นได้ชัดเจน ..


ท่านจึงสอนให้ทำสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ จะให้เห็นกิเลสทั้งหลาย
เพื่อหาหนทางละวางกิเลสเหล่านั้นให้ได้ ด้วยปัญญาต่อไป ..


:b1: :b1:


ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ จะให้เห็นกิเลสทั้งหลาย
หมายถึงจิตสงบขณะที่นั่งสมาธิขณะนั้นจะทำให้เห็นกิเลสได้หรือคะ
ช่วยอธิบายด้วยค่ะ


จิตสงบ สามารถสงบได้ทุกขณะ ไม่ว่าจะนั่งหรือไม่นั่งสมาธิ แม้ทำงานอยู่จิตก็สงบได้

เป็นความสงบพอดี ไม่ใช่สงบจนนิ่งลึกหรือหลับอันนี้ทำงานไม่ได้

แต่ที่เริ่มจากการนั่งเพราะเป็นการทำที่ง่ายสุดสำหรับผู้เริ่มต้น


เมื่อจิตสงบ จิตจะผ่องใสนิ่งพอ เมื่อมีความกระเพื่อมของจิตด้วยกิเลส โลภ โกรธ หลง

ก็จะเห็น แยกแยะ พิเคราะห์ พิจารณา และเรียนรู้ตัวกิเลสนั้นๆ


แต่แม้จิตจะไม่สงบ ในเวลาปกติทั่วไป กิเลสก็เกิดขึ้นเป็นประจำ

แต่เรามักไม่รู้ตัวเพราะจิตจมอยู่ในอารมณ์กิเลสเสียเอง


ที่ดีควรฝึกสติความรู้สึกตัว จะรู้เท่าทันเป็นประโยชน์ คือสติปัฏฐานสี่ มีประโยชน์มาก :b42:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
วิริยะ เขียน:
อิอิ .. "กิเลสอยู่ที่จิต" จะไปไหนขึ้นเขาลงห้วย ข้ามน้ำข้ามทะเล
ในถ้ำในซอกเขา บนเรือ บนเครื่องบิน บนรถยนต์ เราก็หนีไม่พ้นดอก ..

เหมือนเงาที่ติดตามไปตลอด ต่อเมื่อเราหยุด เราจึงจะเห็นเงาตัวเอง
"เหมือนจิตที่สงบจึงจะเห็นกิเลสที่อยู่ในจิต"

เปรียบได้กับน้ำที่สงบนิ่ง สิ่งที่สกปรกที่อยู่ในน้ำยอมตกตะกอนนอนก้น
มองเห็นได้ชัดเจน ..


ท่านจึงสอนให้ทำสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ จะให้เห็นกิเลสทั้งหลาย
เพื่อหาหนทางละวางกิเลสเหล่านั้นให้ได้ ด้วยปัญญาต่อไป ..


:b1: :b1:


ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ จะให้เห็นกิเลสทั้งหลาย
หมายถึงจิตสงบขณะที่นั่งสมาธิขณะนั้นจะทำให้เห็นกิเลสได้หรือคะ
ช่วยอธิบายด้วยค่ะ

เป็นคำที่ใช้ เปรียบเทียบอุปมาอุปมัย การเห็นกิเลสในที่นี้
ไม่ใช่การเห็นด้วยตา แต่หมายถึงการเห็นด้วย "สติปัญญา"

"สติ" เปรียบเหมือน "ยาม" หรือ "กล้อง CCTV" ผู้ใดมี "สติ"
ก็เหมือนมียามคอยเฝ้าระวังรักษา ใครผ่านไปผ่านมาย่อมมองเห็น
ส่วน "ปัญญา" ก็เหมือนอาวุธ ไว้ต่อกรกับโจร ..

การทำสมาธิ ก็คือ การฝึกสติ การสร้างปัญญา ..

:b1:

ขณะจิต เขียน:
เมื่อจิตสงบ จิตจะผ่องใสนิ่งพอ เมื่อมีความกระเพื่อมของจิตด้วยกิเลส โลภ โกรธ หลง

ก็จะเห็น แยกแยะ พิเคราะห์ พิจารณา และเรียนรู้ตัวกิเลสนั้นๆ

:b4: :b4:

ผู้เห็น คือ "สติ" ผู้รู้ ผู้แยกแยะ คือ "ปัญญา"

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 08:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
อิอิ .. "กิเลสอยู่ที่จิต" จะไปไหนขึ้นเขาลงห้วย ข้ามน้ำข้ามทะเล
ในถ้ำในซอกเขา บนเรือ บนเครื่องบิน บนรถยนต์ เราก็หนีไม่พ้นดอก ..

เหมือนเงาที่ติดตามไปตลอด ต่อเมื่อเราหยุด เราจึงจะเห็นเงาตัวเอง
"เหมือนจิตที่สงบจึงจะเห็นกิเลสที่อยู่ในจิต"

เปรียบได้กับน้ำที่สงบนิ่ง สิ่งที่สกปรกที่อยู่ในน้ำยอมตกตะกอนนอนก้น
มองเห็นได้ชัดเจน ..


ท่านจึงสอนให้ทำสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ จะให้เห็นกิเลสทั้งหลาย
เพื่อหาหนทางละวางกิเลสเหล่านั้นให้ได้ ด้วยปัญญาต่อไป ..


:b1: :b1:


แนะนำฟังที่ชมรมพุทธคุณ
มีอาจารย์หลายท่านบรรยายให้ฟัง ดีมากๆ ค่ะ

กิเลสอยู่ที่จิต กิเลสไม่อยู่ที่ไหนเลยนะคะ
กิเลสจะปรากฏขึ้นตามเหตุปัจจัย จะหาว่ากิเลสมันอยู่ตรงไหนหาไม่เจอค่ะ

งานสมถะ กับงานวิปัสสนา เป็นคนละงานกัน
หากจะกล่าวก็ต้องกล่าวให้ชัดเจน

และอนุสัยที่นอนเนื่องอยู่ในขันธสันดานนั้นเป็นธรรมที่เร้นลับ ไม่มีใครสามารถ
มองเห็นได้ ยกเว้นแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น คนธรรมดา
นั่งสมาธิอยู่ในสมาธิขณะนั้นเห็นไม่ได้แน่นอน

ในคนทั่วไปตามปกติอนุสัยกิเลสนี้ สงบนิ่ง ไม่ปรากฏออกมาโดยทางหนึ่งทางใดเลย
ต่อมาเมื่อมีอารมณ์ต่างๆ ที่ดีก็ตามไม่ดีก็ตาม มากระทบทางทวารใดทวารหนึ่ง
จึงจะปรากฏออกมาทางใจ และล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 09:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 12:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นั้นงั้ย....กิเลสถึงแก้ได้ยาก..อิอิ..
:b12: :b12:

สมาธิ...ถูกวาดภาพใว้แค่...นิ่ง..บื้อ..ใบ้...อย่างเดียวเลย..

มรรค..คงเหลือแค่.7..แล้วมั้ง..?

cry cry


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:

งานสมถะ กับงานวิปัสสนา เป็นคนละงานกัน
หากจะกล่าวก็ต้องกล่าวให้ชัดเจน


พอจะอธิบายเพิ่มเติมสักเล็กน้อย
เพื่อเป็นธรรมทานได้หรือเปล่าครับ ..


:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 60 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร