วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 21:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 06:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ความเย่อหยิ่งถือตัว ทำให้คนแสดงออกมาทางกาย ทางวาจาอย่างไรคะ
เอาปัญญาที่เกิดจากสุตมยปัญญามาตอบนะคะ
หากใครจะตอบก็เชิญนะคะ :b51:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 08:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


۶ ٩(●̮̮̃•̃)۶ ; ก่อนอื่นนั้นเราต้องเข้าใจคำว่ามานะเสียก่อน
เราจะเคยได้ยินบ่อยๆ ว่าคนนี้มีมานะ มีความขยันหมั่นเพียร ทำมาหากิน
ซึ่งจะมองเห็นได้ได้ว่าเป็นบุคคลที่น่าสรรเสริญยินดีเป็นอย่างยิ่ง

แต่มันจะตรงกันข้ามกับทางธรรมที่แปลว่าเป็นกิเลสชนิดหนึ่งที่จะต้องละ
คำว่ามานะนั้นมี ๙ อย่าง คือ
๑. เราดีกว่าเขา สำคัญว่า เราดีกว่าเขา
๒. เราดีกว่าเขา สำคัญว่า เราเสมอเขา
๓. เราดีกว่าเขา สำคัญว่า เราเลวกว่าเขา
๔. เราเสมอเขา สำคัญว่า เราดีกว่าเขา
๕. เราเสมอเขา สำคัญว่า เราเสมอเขา
๖. เราเสมอเขา สำคัญว่า เราเลวกว่าเขา
๗. เราเลวกว่าเขา สำคัญว่า เราดีกว่าเขา
๘. เราเลวกว่าเขา สำคัญว่า เราเสมอเขา
๙. เราเลวกว่าเขา สำคัญว่า เราเลวกว่าเขา

มีการยกเทียบตัวเองกับบุคคลอื่นนั้นเป็นมานะทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น ทางใจ ทางกาย ทางวาจามานะเป็นกิเลสอย่างละเอียด
ที่นอนเนื่องเป็นอนุสัยกิเลส ที่พระอรหันต์พึงจะละได้

จะอธิบายให้เห็นได้ง่ายๆ มานะนั้นมีความเย่อหยิ่งถือตน ในเรื่อง ชาติ ตระกูล ความรู้
ที่อธิบายไว้ด้านบนนั้นทั้ง ๙ ข้อ อาจจะอธิบายไม่ชัดเจน รอท่านใหม่ก็แล้วกัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมคนที่สนใจธรรมะ ถึงคุยกันแล้วรู้สึกขัดใจกัน เพราะต่างคนก็ต่างคิดว่า
ตนเองนั้นปฏิบัติถูกต้อง ศึกษาหาอ่าน สอบถามครูอาจารย์ และทำความเข้าใจมาดีแล้ว
เวลาคุยกันจึงเหมือนผู้รู้คุยกัน เธอก็รู้ ชั้นก็รู้ ต่างคนต่างรู้ รู้มาเหมือนๆ กันบ้าง
คล้ายๆ กันบ้าง แต่บางทีก็ไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเท่าไหร่ ก็คุยกันแบบขัดใจกันก็มี
บางทีก็เกทับกันบ้าง มานะจึงโผล่ออกมาในการสนทนาบ่อยๆ ค่ะ และคนเรานั้น
เวลากล่าวอะไรออกมาก็ต้องนำเสนอเนื้อหาสาระที่น่าสนใจ ไม่เช่นนั้นก็จะดูไม่ดี

คนเรานั้นจะรักจะชอบใครคนใดคนหนึ่งนั้น ด้วยเหตุผลง่ายๆ คำเดียวคือ เค้าไม่ขัดใจเรา
คุยกันแล้วเค้ายอมฟังเรา จะมีขัดใจบ้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นปัญหา หากขัดใจมากก็มึนใส่กัน
ตามระเบียบค่ะ

หากเราจะยอมรับให้ใครสักคนอนุญาติให้เค้าขัดใครเราได้ ตำหนิ หรือโน้มน้าวใจเราได้
เราก็ต้องเกิดศรัทธากับคนๆ นั้น เราถึงจะยอมให้เค้าขัดใจเราได้

คนเราบางทีคุยกันไม่ได้นานหรอกค่ะ เพราะทุกคนก็เชื่อในสิ่งที่ตนเข้าใจในสิ่งที่ตนรู้
จะรู้มากรู้น้อยก็ขึ้นชื่อว่า ชั้นรู้ แต่หากจะยอมรับว่าตนเองนั้นว่าโง่เมื่อไร ก็เมื่อพบกับ
สิ่งที่ถูกต้องนั่นแหล่ะ เราถึงจะยอมรับว่า เราโง่ และวันนี้ดิฉันก็ยอมรับแหล่ะค่ะว่าดิฉันโง่

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 18:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 12:27
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจเป็นเพราะเรายึดถือความเห็นของเราว่าถูกต้องมั้งค่ะ เคยอ่านเจอคะท่านเขียนว่า เพราะทิฏฐิ สมณะกับสมณะก็ทะเลาะกัน หากเราไม่ถือมั่นจนเกินไป ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่เป็นไร เราก็จะเฉย ๆ ไม่น่าทุกข์ร้อนอะไรนะค่ะ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บังคับใครให้เชื่อพระองค์ สาธุคะ :b8:


โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 19:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อะไร....ทำให้มองเห็นความเย่อหยิ่งของผู้อื่น...แล้วตัวเราเองก็ขัดใจตะหงิด..ตะหงิด

ผมว่า...ก็ความเย่อหยิ่งของตัวเราเองนั้นแหละ...

อิอิ...

ความเย่อหยิ่งของผู้อื่น...เหมือนอายตนะภายนอก...
ของเรา...เหมือนอายตนะภายใน...

ถ้าขาดตัวใดตัวหนึ่ง...ซะ...ผัสสะก็ไม่เกิด

แต่เราดูเหมือนจะเรียกร้องให้....ของผู้อื่น...หายไป....แต่ไม่ใคร่จะทำลายของตัวเอง...อิอิ

หลวงปู่ว่า...อย่าส่งจิตออกนอก

จิตเราเป็นเช่นไร...ก็มักจะเห็นการกระทำผู้อื่นเป็นอย่างนั้น...แต่ก็ไม่รู้ว่าที่เห็น...มันจริงหรือเท็จ...เพราะมันคือผลงานการปรุงแต่งของจิตเรา


โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 19:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มานะ....มันมีหยาบ...มีละเอียด

อย่างหยาบ....มันอยู่ในสังโยชน์ขั้นต่ำ...
อย่างละเอียด...มันก็อยู่ในสังโยชน์ขั้นสูง...

ดังนั้น...เรื่องไม่ให้ขัดกันเลย..นั้น...พวกเรา ๆ นี้...มันไม่มีหรอก

เป็นธรรมดาครับ...แต่ขอให้มีศีลมีธรรม..มีพรหมวิหาร...คุมกายวาจา...ให้เป็นสัมมา

ก็น่าจะอยู่กันได้อย่างสงบ...อิอิ


โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทำไมคนที่สนใจธรรมะ ถึงคุยกันแล้วรู้สึกขัดใจกัน เพราะต่างคนก็ต่างคิดว่า
ตนเองนั้นปฏิบัติถูกต้อง




ไม่จริงหรอกค่ะ ถ้าอีกฝ่ายไม่ไปยึดติดในคำพูดของอีกฝ่ายหนึ่งมาเป็นอารมณ์
ทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไปกับอากาศหมดแล้วค่ะ

เราเคยอ่านเจอคำสอนของหลวงปู่ชาน่ะค่ะ ท่านสอนว่า
"อันตรายของผู้ที่ปฎิบัติธรรมคือ พอปฎิบัติธรรมไปเรื่อยๆ มักจะคิดว่าตัวเองเป็นคนดี"

ในความคิดของเรา เราคิดว่าเป็นบางคนค่ะ ที่เข้าใจอย่างนั้นหรืออาจจะน้อยมาก
ถ้าคุยแล้วรู้สึกว่า การเข้าสู่ธรรมะของเรากับของเค้าไม่ตรงกัน
ก็ใช้วิธีนิ่งสิค่ะ ฟังเค้าพูด


อ้างคำพูด:
และวันนี้ดิฉันก็ยอมรับแหล่ะค่ะว่าดิฉันโง่


:b32: :b32: :b32:


การศึกษาธรรมะ ไม่มีคำว่าโง่หรือฉลาดหรอกค่ะ
มีแค่คำว่าผู้รู้กับผู้ไม่รู้แค่นั้นเองค่ะ :b1: :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


เขียนแบบกล่าวโดยทั่วๆ ไปค่ะ เพราะดิฉันยังละอกุศลไม่ได้เลยสักตัว
เชิญร่วมสนทนากันตามสะดวกค่ะ tongue ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน :b51:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


แก้ไขล่าสุดโดย SOAMUSA เมื่อ 09 ม.ค. 2013, 20:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


จันทร์เจ้าขา เขียน:
อาจเป็นเพราะเรายึดถือความเห็นของเราว่าถูกต้องมั้งค่ะ เคยอ่านเจอคะท่านเขียนว่า เพราะทิฏฐิ สมณะกับสมณะก็ทะเลาะกัน หากเราไม่ถือมั่นจนเกินไป ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่เป็นไร เราก็จะเฉย ๆ ไม่น่าทุกข์ร้อนอะไรนะค่ะ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บังคับใครให้เชื่อพระองค์ สาธุคะ :b8:


:b8: สาธุค่ะ ขอบคุณค่ะ :b47: :b47: :b47:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


เรามีเรื่องขำๆ :b32: ของเพื่อนเราคนหนึ่งให้ฟังค่ะ

เพื่อนเราเค้าเข้าสู่ธรรมทางสายอนุตรธรรม คือเค้าจะเคร่งมาก ทานเจ ไม่นินทาใคร ไม่ว่าใคร
ไม่พูดคำหยาบ ใจเราก็คิดว่าคงจะเป็นเหตุที่เค้าสร้างสมมาทางนี้
เพราะดูแล้วถูกจริตกับเค้ามาก นี่คือสวนที่เราคิดกับเค้าน่ะค่ะ :b1:


แต่ทางเพื่อนของเราไม่คิดแบบที่เราคิดค่ะ เค้าคิดแต่ว่าเค้าจะต้องให้เราเข้าสู่ธรรมะ
แนวเดียวกับเค้า ซึ่งเราก็ให้เหตุผลว่า คนแต่ล่ะคนสร้างเหตุมาไม่เหมือนกัน
ชั้นไม่ถนัดทางนั้น ชั้นถนัดแบบนี้

เพื่อนเราไม่ฟังหรอกค่ะ เวลาที่พวกเค้าทำพิธีกัน เพื่ของเราก็จะโทรมาตามทุกทีค่ะ
เราก็ปฏิเสธทุกทีเช่นกัน

จนมีวันหนึ่งค่ะ เราเจอกับเค้า เค้าก็ชวนเราอีก เราก็ส่ายหน้า ยกมือปฏิเสธ
เพื่อนเราคงจะหมดความอดทนค่ะ เค้าก็พูดเสียงดังน่ะ

เค้าพูดว่า " เต้จริงๆแล้วเนี่ยะ เธอเป็นคนดีน่ะ ดีมากด้วย ชั้นพยายามที่จะช่วยให้เธอได้ขึ้นสรรค์น่ะ
แต่ชั้นช่วยเธอไม่ได้จริงๆ ถ้าตายไปอ่ะ ชั้นได้ไปสวรรค์ แต่เธอน่ะต้องตกนรก
หรือไม่เธอตายไป เธอจะต้องไปนั่งวดมนต์ แต่ชั้นน่ะได้ไปสวรค์แล้ว"

ใจเราก็คิด ออมิโธพุท :b8:
เป็นเหมือนอย่างที่หลวงปู่ชาท่านสอนจริงๆ ที่เพื่นเราพูด
ไม่ใช่เราไม่รู้ร้อนรู้หนาวน่ะค่ะ เพราะเรารู้ร้อนรู้หนาวนี่แหล่ะค่ะ
เราถึงไม่ยึดติดในคำพูดของเค้า เราพูดแค่ "วันนี้ชั้นไม่ว่างน่ะ วันหลังค่อยคุยกันใหม่"

พอเราเดินหันหลังให้เค้า เรายังนึกขำเลยค่ะ :b32:
พอได้หลายวันเหมือกันน่ะค่ะ เค้าคงจะคิดได้ เค้าซื้อผลไม้ซื้อคุ๊กกี้มาให้เรา
เราก็รับค่ะ จนทุกวันนี้เค้าไม่คุยเรื่องที่จะให้เราไปกับเค้าอีกเลยค่ะ
คุยเรื่องอื่นค่ะบางครั้งการนิ่งการไม่โต้ตอบ
ก็ทำให้เราไม่ต้องเสียกัลญามิตรที่ดีไปค่ะ :b1: :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 10 ม.ค. 2013, 01:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
เขียนแบบกล่าวโดยทั่วๆ ไปค่ะ เพราะดิฉันยังละอกุศลไม่ได้เลยสักตัว
เชิญร่วมสนทนากันตามสะดวกค่ะ tongue ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน :b51:


ความบริสุทธิ์หมดจดนั้น ทุกท่านมีพร้อมอยู่แล้ว อย่าเผลอทำให้หม่นหมอง

:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสต์ เมื่อ: 10 ม.ค. 2013, 02:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเพิ่งมีโอกาสได้ถามเรื่องคล้ายๆกรณีนี้กับหลวงพ่อท่านหนึ่ง ท่านสอนได้ประทับใจผมมาก

ท่านบอกว่าพวกเราก็เหมือนไก่ที่เขาจับมาใส่รวมๆกันในเล้า เขาจะเอาไปฆ่ากินวันนี้พรุ่งนี้อยู่แล้ว แต่ไก่บางตัวก็ยังเอาแต่จะตีกัน เอาแต่จะเถียงกันว่าตัวนี้ดีตัวนี้ไม่ดีอยู่

ผมฟังแล้วสะดุ้งเลย

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสต์ เมื่อ: 10 ม.ค. 2013, 06:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


อุ้ย ! ตกใจหมดเลย
พอได้อ่านกระทู้นี้ช่างกระหนุงกระหนิงจริงๆ น่ารักอ่ะ
ขอบคุณทุกโพสท์ครับ มาเล่าต่อ มาคุยต่อนะ..ชอบๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 10 ม.ค. 2013, 07:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: :b48: :b48:

คำที่คนด่ากันที่เกี่ยวกับมานะคือคำว่า ไม่มีชาติตระกูล
ดิฉันเคยฟังเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เค้าถูกผู้จัดการด่าเค้าว่า ไม่มีชาติตระกูล
เพื่อนคนนี้เค้าบอกกับดิฉันว่า หากเค้าไม่มีลูกกับเมีย รออยู่ที่บ้าน เค้าคงติดคุกไปแล้ว

ทำไมแค่คำๆ เดียว จึงสร้างปัญหาให้ขนาดจะติดคุกได้ สำคัญจริงๆ คำเดียวสั้นๆ :b44:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 10 ม.ค. 2013, 09:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พูดยากนะ....มันคงเป็นจุด....สำคัญ...ของเขา

เราเองก็มี....แต่อาจเป็นคนละจุด...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร