วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 06:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2013, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




Rup28.gif
Rup28.gif [ 25.63 KiB | เปิดดู 4408 ครั้ง ]
หทยรูป
หทยรูป เป็นรูปธรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน ตั้งอยู่ภายในช่องเนื้อหัวใจ ซึ่งมีลักษณะเหมือนบ่อ
มีโลหิตอันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ อยู่ประมาน ๑ ซองมือ มีสัณฐานโตประมาณเท่าเมล็ดในดอกบุนนาค
เป็นที่อาศัยเกิดของมโนธาตุ และมโนวิญญานธาตุ มีวจัตถะว่า หทนฺติ สตฺตา ตํตํ อตฺถํ วา ปูเรนฺติ เอเตนาติ = หทยํ
แปลความว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมทำสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ให้เกิดขึ้น โดยอาศัยรูปนั้น
ฉะนั้น รูปที่เป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายทำที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์นั้น จึงชื่อว่าหทยรูป หมายความว่า
บรรดาการงานของสัตว์ทั้งหลายที่กระทำกันอยู่ทุกวันนี้ ถ้าทำในสิ่งที่ดีมีประโยชน์ เรียกว่ากุศลกรรม ถ้าทำสิ่งที่ไม่ดีไม่มีประโยชน์
เรียกว่าอกุศลกรรม ทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม เหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยหทยรูป สำหรับสัตว์ที่เกิดในปัญจโวการภูมินั้น
ถ้าไม่มีหทยรูปแล้ว ย่อมทำการงานต่างๆ หรือคิดเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้ คล้ายกับหุ่น ฉะนั้น รูปที่เป็นเหตุให้สำเร็จการงานต่างๆ
ดังกล่าวนั้น จึงชื่อว่า หทยรูป
หทยรูป มี ๒ อย่างคือ :-
๑. มังสหทยรูป ได้แก่ รูปหัวใจ ที่มีลักษณะคล้ายดอกบัวตูม
๒. วัตถุหทยรูป ได้แก่ กัมมชรูปชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดอยู่ในมังสหทยรูป
คำว่า หทยรูป ในที่นี้ จึงมุ่งหมายเอาหทยรูปที่เรียกว่า หทยวัตถุรูป ซึ่ง หมายถึงรูปอันเป็นที่ตั้งที่อาศัยของ มโนธาตุ
และมโนวิญญาณธาตุ นั่นเอง
หทยวัตถุรูปนี้ มีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตัว คือ :-
มโนธาตุมโนวิญญาณธาตูนํ นิสฺสย ลกฺขณํ........ มีการให้มโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุได้อาศัย.........เป็นลักษณะ
ตาสญฺเญว ธาตูนํ อธารน รสํ........................มีการทรงไว้ซึ่งมโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุ...........เป็นกิจ
ตทุพฺพหน ปจฺจุปฏฺฐานํ..............................มีการักษาไว้ซึ่งธาตุดักล่าว............................เป็นผล
จตุมหาภูต ปทฏฐานํ................................มีมหาภูตรูปทั้ง ๔.............................เป็นเหตุใกล้

ที่มา....
หนังสือพระอภิธรรมมัตถะสังคหหะ ปริเฉทที่ ๖

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2013, 09:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


[๑๐๘๖] จิต ๗ เป็นไฉน
คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณธาตุ
มโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุ
เหล่านี้เรียกว่า จิต ๗
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2013, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


[๗๖๗] ธรรมเป็นจิต เป็นไฉน?
จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนธาตุ
มโนวิญญาณธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นจิต.

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 04:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อันที่จริงไม่อยากยุ่งด้วย แต่ถ้าปล่อยผ่านไป มันทำให้รู้สึกเหมือนคนที่ขาดความ
รับผิดชอบไม่เป็นชาวพุทธที่ดี

เรียนท่านผู้อาวุโส ที่ใช้ยูธเนมนำหน้าว่าลุงครับ
พ่อใหญ่คร้าบ พ่อใหญ่เอารูปที่เกี่ยวกับรูปธรรม๒๘มาโพส
พ่อใหญ่ไม่รู้หรือว่า มันมีสิ่งที่ผิดปกติในรูปนั้น
ถามหน่อยครับ ไม่รู้หรอกหรือว่า มันผิดปกติ
อาจจะอ้างว่า ไม่ใช้รูปของตัวเอง แต่ก่อนจะโพส
เราต้องมีสติพิจารณาให้ดีก่อนซิครับ

เห็นโพสรูปนี่หลายหนแล้ว ไม่รู้เลยหรือว่ามันผิดปกติ
ไปหาดูดีๆ แล้วก็รีบๆมาคอมเม้นแก้ซะ เปิดโอกาสให้แล้วนะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ธัมมารมณ์ นั้น รู้ได้หมดนะคะ แม้จะเกิดได้ในทวารเดียวคือ มโนทวาร
และธัมมารมณ์รู้ จิตทั้งหมดคือ89 เจตสิก52 ปสาทรูป5 สุุขุมรูป16 นิพพาน บัญญัติ
เป็นเตกาลิกะ และกาลวิมุตติ คือรู้ได้หมด ส่วนวิสยรูป7 นั้นไปรู้ทางทวารทั้ง5
ธัมมารมณ์นั้นก็คือการนึกคิดนั่นเอง คิดอกุศลคือโลภะ โทสะ โมหะ ก็เป็น มโนวิญญาณธาตุ
เกิดขึ้นได้ในสมองที่คิดนึกในอารมณ์ คิดดีๆได้กุศลชั้นสูง (อปรเจตตนาหลังทำกุศล)
และมหากุศล ก็เป็น มโนวิญญาณธาตุ
สมองกับหัวใจ มันเป็นพวกเดียวกัน ทำงานเชื่อมโยงกัน ภวังคจิตก็คือมโนทวาร
องค์ธรรมของคำต่างๆ มันก็เป็นจิตบางประเภทในจิต 89 ที่กิจทางทวารต่างๆ ไปทวารใด
มันก็จับคู่กันเป็นกลุ่มโน้น กลุ่มนี้คือสัมปยุต ทำงานของมันไป แต่ก็เป็นจิตดวงเดียวทั้งสิ้น
ที่เกิดทีละขณะ เปลี่ยนไปทำกิจต่างๆ โดยมีเจ้าตัวอาวัชชนะค่อยหน่วงนำไปตาม
ทวารต่างๆ ทำกิจต่างๆ แล้วจิตก็เปลี่ยนไปเป็นขบวนการของมัน ทีละขณะทีละประเภท
เป็นประเภทต่างๆ ด้วยการทำงานของสมอง เพราะสมองมีอะไรบรรจุอยู่บ้าง
ในสมองมีปสาทรูปทั้ง 5 บรรจุอยู่ในเนื้อสมองนั้น และก้อนสมองทั้งหมดนั้นนึกคิด
ปรุงแต่งได้มีอยากกิน มีการคิดริเริ่ม การเรียน การทำงานทำการต่างๆ เป็นต้น
มีบริเวณสมองที่เป็นตัวสั่งการโดยเฉพาะในก้อนสมองนั้น มีการสั่งการอย่างเดียวที่จุดนั้นทำงาน
บริเวณเนื้อสมองบริเวณหนึ่งโดยเฉพาะของมัน และมีบริเวณเนื้อสมองส่วนหนึ่งก็ไปรู้อาการดิบๆ
ได้อย่างตรงตัว เรียกว่าหิวเป็นหิวจริงๆ ไม่ได้อยากจะกิน หิวแบบน้ำย่อยมาร่างกายต้องการ
อาหารจริงๆ เหล่านี้เป็นต้น
รวมๆ แล้ว ธัมมารมณ์ มันครอบคลุมทุกอย่างทั้งหมด เพราะเป็นการนึกคิด แม้แต่การเข้า
ถึงมรรคผล นิพพาน บัญญัติ ก็เป็นธัมมารมณ์

หากไม่มีปสาทรูป5 กับภวังคจิตแล้ว วิถีจิตก็เกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อวิถีจิตเกิดขึ้นไม่ได้แล้ว
ก็ไม่มี การทำ การพูด การคิด ที่ดีก็ตาม ไม่ดีก็ตาม เกิดขึ้นได้

ดังนั้น สมองกัีบหัวใจ มันกลมเกลียวกันทั้งทางวิทยาศาสตร์และพระอภิธรรม
เพราะ มันเป็นเหตุเป็นปัจจัยกันค่ะ อย่างในคัมภีร์ปัฏฐาน

ท่านกล่าวไว้ว่า
ในคัมภีร์มหาปัฏฐานซึ่งเป็นคัมภีร์หนึ่งในพระอภิธรรมปิฎก ได้กล่าวถึง
ที่อาศัยของมโนวิญญาณโดยมิได้เจาะจงอวัยวะในร่างกายว่า
" จิตอาศัยรูปใดย่อมเกิดขึ้น รูปนั้นเป็นปัจจัยแก่จิตโดยความเป็นที่อาศัย "

ในโลกใบนี้ มันมีเหตุและผลเท่านั้น ก็ไม่พ้นไปจากคัมภีร์มหาปัฏฐานแน่นอน
หากนอนเป็นผัก สมองไม่ทำงาน ถามว่า แม้มีหัวใจทำงานอยู่ มีจิตอยู่
แต่ การทำ การพูด การคิด เกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็คงมีแต่การหายใจเหมือนคนนอนหลับ
อยู่ในภวังค์ เป็นเจ้าชายนิทรา อย่างที่เราๆ ท่านๆ เห็นกันนั่นแหล่ะค่ะ

และความสำคัญอย่างยิ่งของคำว่า หทยวัตถุ ก็คือ ขาดหัวใจเมื่อไหร่
ก็ตายทันทีค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 09:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ได้ข่าวมานานแล้วว่า...เขาผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้สำเร็จ...แต่ไม่ทราบว่าจิตของผู้ผ่าตัดเปลี่ยนไปรึเปล่า..อิอิ

อีกรายนี้ร้ายใหญ่...เป้นหัวใจเทียม...ก้อไม่ทราบว่าคนนี้ยังมีจิตรึเปล่า!!!...

อิอิ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 09:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
อันที่จริงไม่อยากยุ่งด้วย แต่ถ้าปล่อยผ่านไป มันทำให้รู้สึกเหมือนคนที่ขาดความ
รับผิดชอบไม่เป็นชาวพุทธที่ดี

เรียนท่านผู้อาวุโส ที่ใช้ยูธเนมนำหน้าว่าลุงครับ
พ่อใหญ่คร้าบ พ่อใหญ่เอารูปที่เกี่ยวกับรูปธรรม๒๘มาโพส
พ่อใหญ่ไม่รู้หรือว่า มันมีสิ่งที่ผิดปกติในรูปนั้น
ถามหน่อยครับ ไม่รู้หรอกหรือว่า มันผิดปกติ
อาจจะอ้างว่า ไม่ใช้รูปของตัวเอง แต่ก่อนจะโพส
เราต้องมีสติพิจารณาให้ดีก่อนซิครับ

เห็นโพสรูปนี่หลายหนแล้ว ไม่รู้เลยหรือว่ามันผิดปกติ
ไปหาดูดีๆ แล้วก็รีบๆมาคอมเม้นแก้ซะ เปิดโอกาสให้แล้วนะ :b32:

[url][url=http://image.ohozaa.com/view2/wzdFc88LQ1wXS8D2]รูปภาพ
เอามาอธิบายหน่อยว่า รูป๒๘
ทำไมในรูปมีมหาภูติรูป..................๔
อุปาทายรูปมี............................๒๕

ทำไมรวมแล้วได้๒๙ คนที่เอารูปมาโพสมาอธิบายเล่าแจ้งแถลงไขหน่อยซิ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 10:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ได้ข่าวมานานแล้วว่า...เขาผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้สำเร็จ...แต่ไม่ทราบว่าจิตของผู้ผ่าตัดเปลี่ยนไปรึเปล่า..อิอิ

อีกรายนี้ร้ายใหญ่...เป้นหัวใจเทียม...ก้อไม่ทราบว่าคนนี้ยังมีจิตรึเปล่า!!!...

อิอิ..


ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นั้น อายุขัยยังไม่หมด กรรมก็ยังไม่หมด
อายุและกรรมยังไม่หมดพร้อมกัน และขณะนั้นผ่าตัดนั้นเราไม่ได้ถูกภัยอะไรกำลังทำร้ายแต่
เป็นการรักษาให้ดีขึ้น ซึ่งผ่าตัดสำเร็จเราก็มีชีิวิตต่อไปจนสิ้นอายุ เป็นต้น
หากว่าการผ่าตัดไม่สำเร็จก็ตัดเป็นอุปัจเฉก คือ มีภัยเข้ามาจนเราต้องตายก่อนอายุขัย

ในขณะที่ผ่าตัดอยู่นั้น
เรามีชีวิตรูป๑ รักษารูปร่างกายของเรา ชีวิตรูป๑ นั้นเกิดอยู่ในร่างกายทั่วไป
เรามีชีวิตินทรีย์เจตสิกรักษาจิตเรา คือ เกิดต่อเนื่องอยู่ไม่ขาดสายประกอบกับจิตทุกดวง
เป็นสัพพจิตตสาธารณะ
และเราก็มีภวังคจิต รักษาภพของเราอยู่ตอนสลบขณะผ่าตัด
ที่รักษาชีวิตของเราไว้ในขณะที่หมอเอาหัวใจเราออกไปจากร่างกาย
เอาหัวใจเดิมออกไปแล้ว แต่พลังของการเป็นที่ตั้งแห่งภวังคจิตยังคงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง
หลังจากปลูกถ่ายหัวใจใหม่ และมีกระแสโลหิตไหลเวียนเป็นปกติแล้ว ภวังคจิตก็จะ
กลับขึ้นมาทำหน้าที่ดังเดิม เช่นเดียวกับเนื้อเยื่อหรือแก้วตาที่ได้รับการปลูกถ่ายเรียบร้อย
และได้ผสานกับปสาทรูปในบริเวณข้างเคียงเป็นอย่างดีแล้ว

จิตของผู้ที่เปลี่ยนหัวใจใหม่ ก็ยังเป็นจิตของคนๆ เดิม เพราะหัวใจที่นั้นมาใส่นั้นเป็นเพียงรูป
ไม่มีจิตครองแล้วขณะนั้น หรือเป็นแค่อุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยร่ายกายต่างๆ ล้วนแต่เป็นเพียงรูป
เมื่อเข้ามาอยู่ในร่างกายเราแล้ว ทำหน้าที่แทนอวัยวะใดได้ ก็เป็นรูปนามของบุคคลนั้น
จิตไม่ได้เปลี่ยนไป แต่บางคนอาจจะมีพฤติกรรมอะไรหันเหเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง
เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรมทั้งสิ้น ไม่ว่าวิปากจะเป็นเช่นไร
ก็เป็นผลมาจากการกระทำของตนทั้งสิ้นไม่ว่าผลชาตินี้ที่ตามมาส่งผลทัน หรืออดีตชาติที่
ตามส่งผลอยู่ค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




Rup28P06.gif
Rup28P06.gif [ 26.7 KiB | เปิดดู 4337 ครั้ง ]
โฮฮับ เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อันที่จริงไม่อยากยุ่งด้วย แต่ถ้าปล่อยผ่านไป มันทำให้รู้สึกเหมือนคนที่ขาดความ
รับผิดชอบไม่เป็นชาวพุทธที่ดี

เรียนท่านผู้อาวุโส ที่ใช้ยูธเนมนำหน้าว่าลุงครับ
พ่อใหญ่คร้าบ พ่อใหญ่เอารูปที่เกี่ยวกับรูปธรรม๒๘มาโพส
พ่อใหญ่ไม่รู้หรือว่า มันมีสิ่งที่ผิดปกติในรูปนั้น
ถามหน่อยครับ ไม่รู้หรอกหรือว่า มันผิดปกติ
อาจจะอ้างว่า ไม่ใช้รูปของตัวเอง แต่ก่อนจะโพส
เราต้องมีสติพิจารณาให้ดีก่อนซิครับ

เห็นโพสรูปนี่หลายหนแล้ว ไม่รู้เลยหรือว่ามันผิดปกติ
ไปหาดูดีๆ แล้วก็รีบๆมาคอมเม้นแก้ซะ เปิดโอกาสให้แล้วนะ :b32:

เอามาอธิบายหน่อยว่า รูป๒๘
ทำไมในรูปมีมหาภูติรูป..................๔
อุปาทายรูปมี............................๒๕

ทำไมรวมแล้วได้๒๙ คนที่เอารูปมาโพสมาอธิบายเล่าแจ้งแถลงไขหน่อยซิ :b32:

นี่แหละน๊าเขาเรียกว่าคนฉลาดแต่ขาดเฉลียว จะถามมาตรงๆ ก็กลัวเสียเหลี่ยม
กลัวเขาจะว่าโง่ ไม่รู้ก็ถามได้ จะได้บอก ถ้าอยากจะฉลาดก็ควรทำตัวให้โง่ไว้บ้าง
ยอมโง่ครั้งเดียว ฉลาดไปตลอดชาติมันคุ้มนะ

ดังที่สงสัยในรูปนั้น อธิบายก็เพื่อเห็นเป็นคำถามที่ดีและเพื่อประโยชน์กับผู้สงสัย
ตามแถวที่มีลูกศรชี้สีแดง ดวงสุดท้ายนั่นแหละ ที่จะต้องชี้แจง ดังนี้
ตา คู่กับ สี
หู คู่กับ เสียง
จมูก คู่กับ กลี่น
ลิ้น คู่กับ รส
กาย คู่กับ โผฏฐัพ
สี เสียง กลี่น รส (โผฏฐัพพ) แถวนี้จะเรียกว่า โคจรรูป ๔ ถ้านับรวมจะเรียกว่า วิสยรูป ๗ ถ้าไม่นับโผฏฐัพพรวม จะได้โคจรรูป ๔ ถ้านับโผฏฐัพพรวมด้วยจะเรียกว่าวิสยรูป ๗ (เพราะโผฏฐัพพมี ๓ คือ ดิน ไฟ ลม)
ตรงนี้จะมีตัวย่อ ด.ฟ.ล หมายถึง ดิน ไฟ ลม
ทีนี้ ดินไฟ ลม มันไปซ้ำกับในมหาภูตรูป โดยที่มันมีอยู่แล้วในแถวบน
กายนั้นสัมผัสได้ ทั้งสามอย่าง คือ ดินไฟ ลม การที่ยกลงมาวางไว้นั้นก็เพื่อการศึกษา
เพื่อให้เข้าใจในการศึกษาง่ายขึ้น ถ้านับรวมด้วยก็จะได้ ๒๙ ถ้าไม่นับก็จะได้ ๒๘
ภาพนี้จึงไม่ผิด (แสดงให้เห็นได้เลยว่าไม่เคยได้ศึกษามาจริงๆ) ไม่รู้ก็อย่าเพิ่งด่วนรีบคัดค้าน
มันผิดทางธรรมนะ เพราะคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้าได้เป็นมิจทิฏฐิทันที

ถ้าอธิบายแล้วไม่เข้าใจก็ลองไปหาสถานที่ๆเขากำลังศึกษากันมีเยอะหลายที่ให้เลือกตามสะดวก
มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ บ้านอยู่จังหวัดอะไรล่ะ จะได้บอกสถานที่ไปมาสะดวก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 20:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ได้ข่าวมานานแล้วว่า...เขาผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้สำเร็จ...แต่ไม่ทราบว่าจิตของผู้ผ่าตัดเปลี่ยนไปรึเปล่า..อิอิ

อีกรายนี้ร้ายใหญ่...เป้นหัวใจเทียม...ก้อไม่ทราบว่าคนนี้ยังมีจิตรึเปล่า!!!...

อิอิ..


ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นั้น อายุขัยยังไม่หมด กรรมก็ยังไม่หมด
อายุและกรรมยังไม่หมดพร้อมกัน และขณะนั้นผ่าตัดนั้นเราไม่ได้ถูกภัยอะไรกำลังทำร้ายแต่
เป็นการรักษาให้ดีขึ้น ซึ่งผ่าตัดสำเร็จเราก็มีชีิวิตต่อไปจนสิ้นอายุ เป็นต้น
หากว่าการผ่าตัดไม่สำเร็จก็ตัดเป็นอุปัจเฉก คือ มีภัยเข้ามาจนเราต้องตายก่อนอายุขัย

ในขณะที่ผ่าตัดอยู่นั้น
เรามีชีวิตรูป๑ รักษารูปร่างกายของเรา ชีวิตรูป๑ นั้นเกิดอยู่ในร่างกายทั่วไป
เรามีชีวิตินทรีย์เจตสิกรักษาจิตเรา คือ เกิดต่อเนื่องอยู่ไม่ขาดสายประกอบกับจิตทุกดวง
เป็นสัพพจิตตสาธารณะ
และเราก็มีภวังคจิต รักษาภพของเราอยู่ตอนสลบขณะผ่าตัด
ที่รักษาชีวิตของเราไว้ในขณะที่หมอเอาหัวใจเราออกไปจากร่างกาย
เอาหัวใจเดิมออกไปแล้ว แต่พลังของการเป็นที่ตั้งแห่งภวังคจิตยังคงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง
หลังจากปลูกถ่ายหัวใจใหม่ และมีกระแสโลหิตไหลเวียนเป็นปกติแล้ว ภวังคจิตก็จะ
กลับขึ้นมาทำหน้าที่ดังเดิม เช่นเดียวกับเนื้อเยื่อหรือแก้วตาที่ได้รับการปลูกถ่ายเรียบร้อย
และได้ผสานกับปสาทรูปในบริเวณข้างเคียงเป็นอย่างดีแล้ว

จิตของผู้ที่เปลี่ยนหัวใจใหม่ ก็ยังเป็นจิตของคนๆ เดิม เพราะหัวใจที่นั้นมาใส่นั้นเป็นเพียงรูป
ไม่มีจิตครองแล้วขณะนั้น หรือเป็นแค่อุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยร่ายกายต่างๆ ล้วนแต่เป็นเพียงรูป
เมื่อเข้ามาอยู่ในร่างกายเราแล้ว ทำหน้าที่แทนอวัยวะใดได้ ก็เป็นรูปนามของบุคคลนั้น
จิตไม่ได้เปลี่ยนไป แต่บางคนอาจจะมีพฤติกรรมอะไรหันเหเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง
เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรมทั้งสิ้น ไม่ว่าวิปากจะเป็นเช่นไร
ก็เป็นผลมาจากการกระทำของตนทั้งสิ้นไม่ว่าผลชาตินี้ที่ตามมาส่งผลทัน หรืออดีตชาติที่
ตามส่งผลอยู่ค่ะ


ก็แสดงว่าจิต....ไม่ได้อยู่กับอวัยวะใดตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 04:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
นี่แหละน๊าเขาเรียกว่าคนฉลาดแต่ขาดเฉลียว จะถามมาตรงๆ ก็กลัวเสียเหลี่ยม
กลัวเขาจะว่าโง่ ไม่รู้ก็ถามได้ จะได้บอก ถ้าอยากจะฉลาดก็ควรทำตัวให้โง่ไว้บ้าง
ยอมโง่ครั้งเดียว ฉลาดไปตลอดชาติมันคุ้มนะ

จะโง่หรือฉลาดมันอยู่ที่การรู้จักสังเกตุ ผมเห็นผมก็ถามลุง เพราะลุงเป็นคนเอามาโพส
แล้วที่ถามไปน่ะไม่ได้ว่า แผนผังรูปนี้มันผิดหรือถูก แต่ความผิดความถูกมันอยู่ที่คน
ที่เอามาเผยแพร่ ต้องดูว่าคนที่เผยแพร่จะเข้าใจในสิ่่งนั้นหรือเปล่า
ด้วยเหตุผลนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องกลัวเสียเหลี่ยม กลัวใครเขาหาว่าโง่แบบที่ลุงคิด
ลุงหมานครับ การให้เกียรติ์ผู้ที่เป็นเจ้าของรูป ลุงอย่าเหมาว่าเป็นความโง่ซิครับ
เป็นเพราะผมไม่อยากก้าวล่วง อาจารย์ผู้เขียนรูปนี้ผมถึงให้ลุงมาอธิบาย มันก็ถูกต้อง
ตามคุณธรรมแล้วนี่ครับ

แต่กว่าลุงจะมาอธิบายความ มันก็นานผิดสังเกตุ ไม่ทราบว่าลุงไปปรึกษาอาจารย์
หรือเอาความเห็นคำให้การปรึกษาของอาจารย์มาตอบหรือเปล่า
ถ้าใช่ผมก็จะขออภัยไว้ล่วงหน้า เพราะผมมีปัญหาจะถาม
ถ้าเห็นเป็นการล่วงเกินก็ขออโหสิ

ลุงหมาน เขียน:
ดังที่สงสัยในรูปนั้น อธิบายก็เพื่อเห็นเป็นคำถามที่ดีและเพื่อประโยชน์กับผู้สงสัย
ตามแถวที่มีลูกศรชี้สีแดง ดวงสุดท้ายนั่นแหละ ที่จะต้องชี้แจง ดังนี้
ตา คู่กับ สี
หู คู่กับ เสียง
จมูก คู่กับ กลี่น
ลิ้น คู่กับ รส
กาย คู่กับ โผฏฐัพ
สี เสียง กลี่น รส (โผฏฐัพพ) แถวนี้จะเรียกว่า โคจรรูป ๔ ถ้านับรวมจะเรียกว่า วิสยรูป ๗ ถ้าไม่นับโผฏฐัพพรวม จะได้โคจรรูป ๔ ถ้านับโผฏฐัพพรวมด้วยจะเรียกว่าวิสยรูป ๗ (เพราะโผฏฐัพพมี ๓ คือ ดิน ไฟ ลม)
ตรงนี้จะมีตัวย่อ ด.ฟ.ล หมายถึง ดิน ไฟ ลม
ทีนี้ ดินไฟ ลม มันไปซ้ำกับในมหาภูตรูป โดยที่มันมีอยู่แล้วในแถวบน
กายนั้นสัมผัสได้ ทั้งสามอย่าง คือ ดินไฟ ลม การที่ยกลงมาวางไว้นั้นก็เพื่อการศึกษา
เพื่อให้เข้าใจในการศึกษาง่ายขึ้น ถ้านับรวมด้วยก็จะได้ ๒๙ ถ้าไม่นับก็จะได้ ๒๘
ภาพนี้จึงไม่ผิด (แสดงให้เห็นได้เลยว่าไม่เคยได้ศึกษามาจริงๆ) ไม่รู้ก็อย่าเพิ่งด่วนรีบคัดค้าน
มันผิดทางธรรมนะ เพราะคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้าได้เป็นมิจทิฏฐิทันที

ที่ผมถามลุงนั้นน่ะ แท้จริงแล้วผมไม่ได้มีปัญหาโดยตรงกับลุง แต่ปัญหาของผม
มันอยู่ตรงวิธีการสอน พูดง่ายๆมีปัญหากับอาจารย์ของลุง แต่ถ้าลุงไปก็อปปี้มาจาก
เว็บออนไลน์ก็ไม่เป็นไร เพราะพอเข้าใจได้ว่าลุงอาจไม่เข้าใจ

คนที่เอาเรื่องรูปธรรมมาสอน แล้วก็ให้ความหมายมันไปตามใจตัวเอง
แบบขาดหลักการ มันย่อมทำให้ผู้อื่นที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะมาก่อน ย่อมต้องสับสน
หรืออาจจะไม่รู้เรื่อง แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย ดูได้จากไม่เห็นมีใครมาชี้ให้เห็น
ตรงจุดที่ผมกำลังชี้ ถ้าเขากลัวลุงด่าเขาก็เป็นอีกเรื่อง
แต่ถ้าใครเชื่อเพราะไม่รู้ ไม่ดูข้อผิดปกติใดเลย ผมว่าน่าเป็นห่วงครับ

เข้าเรื่องนะครับ โดยหลักแล้วรูปธรรมมันมี๒๘ มีมหาภูติรูป....๔
มีอุปาทายรูป๒๔ รวมแล้วเป็น.....๒๘
ปัญหามันอยู่ตรงที่ในรูปของลุงบอกว่า.....อุปาทายรูปมี.......๒๕
แบบนี้มันไม่ใช่ มันต้องบอกว่า อุปาทายรูปมี...๒๔

ส่วนเรื่องการเป็นโคจรรูป เป็นวิสยรูป เป็นโผฏฐัพพะ
ลุงต้องแยกมาอธิบายโดยมีอุปาทายรูปเป็นหลัก และหลักของอุปาทายรูปก็คือ.....
อุปาทายรูปมี๒๔ ไม่ใช่มี๒๕ ตามแบบในภาพของลุงมันผิด


อนึ่งผมไม่ได้มาค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ผมมาแย้งคำสอนของคนที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า
เอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาดัดแปลง เป็นไปตามใจตัวเอง ขาดวิจารณญาณกับคำสอนของตัวเอง
แค่คำศัพท์มันก็วุ่นวายอยู่แล้ว ยังเอารูปภาพเข้ามาอีก มิหน่ำซ้ำดันเอาบัญญัติกับรูป
ไปคนละทางสองทาง :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2013, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
จิต นั้นอยู่ตรงส่วนไหนของร่างกาย

"จิต" ก็อยู่ที่ "อายตนะ" ทั้งหลายนั้นแหละ
สิ่งที่เชื่อม "จิต" กับอายตนะเรียกว่า "วิญญาณ" เช่น
โสตวิญญาณ
จักขุวิญญาณ
ฯลฯ

เหมือนเราอยู่ในห้อง ที่มีประตู ๖ บาน อันได้แก่
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ..

"จิต" ต้องไปวุ่นอยู่กับประตูทั้ง ๖ บาน ที่มักมีอาคันตุกะ
มาเยี่ยมเป็นประจำ บางครั้ง หลงไหล จนไม่มีเวลาพักผ่อน ..

อยากให้ "จิต" พักผ่อนก็ต้องทำให้ จิตสงบเรียกว่าการทำ "สมาธิ"
เมื่อเกิด "สมาธิ" ก็จะรู้เองแหละว่า "จิต" อยู่ตรงไหนในร่างกาย


:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ม.ค. 2013, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าหญิงนิทรายังไม่ถือว่าเป็นคนไข้สมองตาย ลองศึกษาเพิ่มเติมอีกหน่อยนะครับ

ปัจจุบันเราสามารถปลูกถ่ายอวัยวะได้เกือบทุกอย่างยกเว้นสมอง คนไข้ที่ปลูกถ่ายหัวใจจากผู้บริจาค ไม่เคยมีรายงานว่าผู้ได้รับบริจาคมี ความรู้สึก ความนึกคิดหรือความเป็นตัวตนเปลี่ยนไปเป็นของผู้ให้บริจาค
ในอนาคตถ้ามีการปลูกถ่ายสมองได้ เพื่อนสมาชิกเกิดภาวะสมองตายรอรับบริจาคสมอง และถ้าผมเป็นนักโทษประหารผมบริจาคสมองให้ หลังจากปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อนสมาชิกคิดว่า ความรู้สึก ความนึกคิด ความเป็นตัวตนควรจะเป็นของใคร ถ้ามันเป็นของผม เราไม่ควรเรียกว่าการปลูกถ่ายสมอง ควรเรียกว่าการเปลี่ยนร่างหรือการปลูกถ่ายร่างกาย

จิตมันควรจะอยู่ที่ไหนดีละครับหรือขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2013, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
จิตอยู่ในร่างกาย แต่อยู่ตรงส่วนไหน
หรือจิตอยู่ไม่เป็นที่ ในร่างกายเรา


ที่ไหนของร่างกายที่ระบบประสาท การรับรู้ การสัมผัส ความรู้สึก ได้

จิตย่อมไปได้ มีได้ ทำงานได้ถึง เท่ากับมีในที่นั้น


แต่ถ้าระบบนั้นขาดหายไป เช่นแขนขาขาด อัมพาต

จิตย่อมเกิดการทำงานไม่ได้ เท่ากับไม่มี ในที่นั้น


ประโยชน์อะไรกับการเสียเวลาสงสัยในจิต

เมื่อรู้แล้วพึงทำให้ถึงการอบรมจิตได้

ถึงความพ้นทุกข์ได้ก่อนตาย สำคัญกว่า

:b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2013, 01:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


แกงได เขียน:
เจ้าหญิงนิทรายังไม่ถือว่าเป็นคนไข้สมองตาย ลองศึกษาเพิ่มเติมอีกหน่อยนะครับ

ปัจจุบันเราสามารถปลูกถ่ายอวัยวะได้เกือบทุกอย่างยกเว้นสมอง คนไข้ที่ปลูกถ่ายหัวใจจากผู้บริจาค ไม่เคยมีรายงานว่าผู้ได้รับบริจาคมี ความรู้สึก ความนึกคิดหรือความเป็นตัวตนเปลี่ยนไปเป็นของผู้ให้บริจาค
ในอนาคตถ้ามีการปลูกถ่ายสมองได้ เพื่อนสมาชิกเกิดภาวะสมองตายรอรับบริจาคสมอง และถ้าผมเป็นนักโทษประหารผมบริจาคสมองให้ หลังจากปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อนสมาชิกคิดว่า ความรู้สึก ความนึกคิด ความเป็นตัวตนควรจะเป็นของใคร ถ้ามันเป็นของผม เราไม่ควรเรียกว่าการปลูกถ่ายสมอง ควรเรียกว่าการเปลี่ยนร่างหรือการปลูกถ่ายร่างกาย

จิตมันควรจะอยู่ที่ไหนดีละครับหรือขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน


จิตที่ฝึกดีแล้วจะอยู่ที่ปัจจุบัน แม้จะตั้งอยู่ปลายนิ้วมือก็เรียกปัจจุบัน แต่หากไม่ระวัง จิตก็ท่องเที่ยวไปทั่วแม้อดีตและอนาคต (เพราะมโน)

สิ่งที่ยกมาคือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เรียกว่าท่องเที่ยวไปอนาคต

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร