วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 03:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 30 ธ.ค. 2012, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ทำไมคนรวยบางคนมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่ไม่สามารถใช้ทรัพย์นั้นได้เต็มที่
เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่คะ บางคนมีเงินสดติดบ้านเยอะแยะ ในธนาคารอีกมากมาย
แต่ตระหนี่ที่จะใช้เงิน ไม่ยอมซื้อของกินของใช้ที่ดีให้เหมาะสมกับฐานะ จะทำบุญก็
ทำเพียงเล็กน้อย ไม่ยอมใช้เงินทองที่มีอยู่มากมาย นั่งกอดทรัพย์ไว้อย่างเดียว
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้.....เพราะอะไร รวยแต่ไม่สามารถใช้ทรัพย์ได้ :b44: :b44: :b44:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 30 ธ.ค. 2012, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


เราก็เห็นคนที่มีเงินเป็นแบบที่คุณเขียนมาเยอะน่ะ ที่เราเห็นมีอยู่คนหนึ่ง
เดือนหนึ่งมีรายได้เป็นล้านๆ คือเงินเยอะมาก... มีลูกก็พิการทางสมอง
ใส่เสื้อผ้าก็เก่าๆขาดๆ ก้อสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเค้าถึงไม่กล้าใช้เงิน :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 30 ธ.ค. 2012, 23:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 20:58
โพสต์: 36

แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ-พองหนอ
งานอดิเรก: ฟังเพลง
ชื่อเล่น: เด่น
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


สงสัยส่วนหนึ่งเคยทำบุญแบบยึดติดหรือ ให้ไม่ขาดก็ได้ เช่นทำบุญสร้างศาลาแต่ว่ามีคนมาใช้ก็หวงว่าของฉันนะ ถ้าจะใช้ต้องขอฉันก่อน จึงใช้ได้ ฉันต้องอนุญาติฉันก่อน พอใครมาใช้โดยไม่ขออนุญาติก็ไม่พอใจให้อาหารเป็นทาน ก็ให้แบบหวงๆว่าจงกินแต่อันนี้สิ อย่ากินมากสิ อะไร ประมาณนี้ เป็นต้น คือให้แบบห่วงๆอยู่ หรือทำบุญแบบ ยึดติด คล้ายๆให้แบบไม่สละขาด (ขออภัยอธิบายไม่เก่ง) tongue tongue tongue


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 03:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เงินของเขา เขาย่อมมีเหตุผลของเขา ถ้าเราเอาเหตุผลของเราไปใช้กับเงินของเขา
นั้นแสดงว่า เราสงสารเห็นใจหรือไม่ก็อิจฉาริษยาเขา

ดูจากคำพูดของคุณแล้ว ผมว่าน่าจะริษยาเขามากกว่า :b13:


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 03:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
เราก็เห็นคนที่มีเงินเป็นแบบที่คุณเขียนมาเยอะน่ะ ที่เราเห็นมีอยู่คนหนึ่ง
เดือนหนึ่งมีรายได้เป็นล้านๆ คือเงินเยอะมาก... มีลูกก็พิการทางสมอง
ใส่เสื้อผ้าก็เก่าๆขาดๆ ก้อสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเค้าถึงไม่กล้าใช้เงิน :b41: :b55: :b49:

ก็บอกเองไม่ใช่หรือว่า..............เขามีลูกพิการทางสมอง :b13:


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 08:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนทนากันค่ะ

ดูกันที่การให้แบบสละขาด คนที่ให้แบบสละขาด หรือ แบบคว่ำขัน
หากสร้างเหตุไว้อย่างนี้ อาจารย์ท่านเคยอธิบายให้ฟังไว้ว่า ผลของคนที่ให้แบบนี้
จะเป็นคนใช้ทรัพย์ตามความปราถนา เป็นทรัพย์ที่เหมือนน้ำไหลมาตามท่อไม่ขาดสาย
มีให้ใช้ตลอด ตามความปราถนาเรียกว่าจะกินจะใช้ยังไง ก็ทำได้ ทรัพย์ไหลมาให้ใช้ตลอด

แต่ผู้ที่มีมัจฉริยะ มีความตระหนี่หวงแหนทรัพย์ ทำบุญแบบมีมัจฉริยะเป็นเหตุ ผลก็จะเป็นได้แค่
คนเฝ้าทรัพย์ไว้ให้คนอื่นมาใช้ ทรัพย์นั้นตนเองไม่ได้ใช้ตามความปราถนา

มีคนตอบได้เข้าประมาณนี้ด้วยค่ะ 1 ท่าน
:b4: เก่งมากค่ะ ผู้ที่ตอบทำนองนี้ค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 08:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


denchai เขียน:
สงสัยส่วนหนึ่งเคยทำบุญแบบยึดติดหรือ ให้ไม่ขาดก็ได้ เช่นทำบุญสร้างศาลาแต่ว่ามีคนมาใช้ก็หวงว่าของฉันนะ ถ้าจะใช้ต้องขอฉันก่อน จึงใช้ได้ ฉันต้องอนุญาติฉันก่อน พอใครมาใช้โดยไม่ขออนุญาติก็ไม่พอใจให้อาหารเป็นทาน ก็ให้แบบหวงๆว่าจงกินแต่อันนี้สิ อย่ากินมากสิ อะไร ประมาณนี้ เป็นต้น คือให้แบบห่วงๆอยู่ หรือทำบุญแบบ ยึดติด คล้ายๆให้แบบไม่สละขาด (ขออภัยอธิบายไม่เก่ง) tongue tongue tongue


:b17: ใช่ค่ะ ทำบุญแบบไม่สละขาด ทำบุญแบบมีมัจฉริยะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
เราก็เห็นคนที่มีเงินเป็นแบบที่คุณเขียนมาเยอะน่ะ ที่เราเห็นมีอยู่คนหนึ่ง
เดือนหนึ่งมีรายได้เป็นล้านๆ คือเงินเยอะมาก... มีลูกก็พิการทางสมอง
ใส่เสื้อผ้าก็เก่าๆขาดๆ ก้อสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเค้าถึงไม่กล้าใช้เงิน :b41: :b55: :b49:


ค่ะ มีเยอะมากคนแบบนี้ ในสมัยพุทธกาลก็มีเศรษฐีขี้เหนียว ขี้เหนียวจนกระทั่งลูกชายคนเีดียว
ต้องตายจากไป เพราะขี้เหนียวรักษาเอง ไม่ยอมเสียเงินให้หมอ เรื่อง มัฏฐกุณฑลี
ลองหาอ่านดูนะคะ

ในสมัยนี้ก็มีเยอะมากคนแบบนี้ กินอยู่อย่างประหยัดมากๆๆ ทั้งๆ ที่มีเงินมากมาย ไม่กล้าใช้เงิน
เสียดายเงินถ้าจะมาซื้อหาของกิน ไม่ใช่ดีนะคะ ที่เงินมีเยอะๆ แล้วตนเองเป็นทุกข์ จะใช้แต่ละ
ครั้งก็เสียดาย มีอกุศลกำกับด้วยตลอดแม้แต่ยามที่ทำบุญ ก็จะวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์
แบบนี้ไปเรื่อย หากยังไม่มีความเข้าใจในพระธรรม

แม้แต่หมานะคะ หมาบ้านคนรวย แต่กินอาหารไม่ได้ตามอยากกิน เพราะไอ้โน้นก็แสลง
ไอ้นี่สัตวแพทย์ก็สั่งห้าม ผิดกับหมาบางบ้าน เจ้าของไปกินสเต๊กที่ร้านหรูๆ ยังแบ่งใส่ถุง
เอากลับมาให้หมาได้กินของอร่อยด้วยเลยค่ะ บางทีก็ซื้อของอร่อยๆ กลับบ้านไปฝากหมาก็มีค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
SOAMUSA เขียน:
tongue
ทำไมคนรวยบางคนมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่ไม่สามารถใช้ทรัพย์นั้นได้เต็มที่
เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่คะ บางคนมีเงินสดติดบ้านเยอะแยะ ในธนาคารอีกมากมาย
แต่ตระหนี่ที่จะใช้เงิน ไม่ยอมซื้อของกินของใช้ที่ดีให้เหมาะสมกับฐานะ จะทำบุญก็
ทำเพียงเล็กน้อย ไม่ยอมใช้เงินทองที่มีอยู่มากมาย นั่งกอดทรัพย์ไว้อย่างเดียว
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้.....เพราะอะไร รวยแต่ไม่สามารถใช้ทรัพย์ได้ :b44: :b44: :b44:

เงินของเขา เขาย่อมมีเหตุผลของเขา ถ้าเราเอาเหตุผลของเราไปใช้กับเงินของเขา
นั้นแสดงว่า เราสงสารเห็นใจหรือไม่ก็อิจฉาริษยาเขา

ดูจากคำพูดของคุณแล้ว ผมว่าน่าจะริษยาเขามากกว่า :b13:


อืม...ใครๆ ก็ชอบที่จะเป็นคนรวย รวยแล้วมีเงินได้ใช้ตามปราถนา ชอบแบบนี้มากกว่าค่ะ

แล้วอิชั้นจะไปริษยาเค้าทำไม น่าสงสารมากกว่านะคะ ที่มีเงินแล้วไม่มีบุญได้ใช้
น่าริษยาตรงไหน

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
อืม...ใครๆ ก็ชอบที่จะเป็นคนรวย รวยแล้วมีเงินได้ใช้ตามปราถนา ชอบแบบนี้มากกว่าค่ะ

แบบนี้เรียกมักง่ายครับ เอะอะจะใช้อย่างเดียว ใช้อย่างเดียวมันเป็นนิสัยของกระยาจกนะครับ
ส่วนเก็บและใช้แต่น้อยเป็นนิสัยของเศรษฐีครับ
SOAMUSA เขียน:
แล้วอิชั้นจะไปริษยาเค้าทำไม น่าสงสารมากกว่านะคะ ที่มีเงินแล้วไม่มีบุญได้ใช้
น่าริษยาตรงไหน

คุณใบโพธิ์ครับ คุณว่ามนุษย์ทุกคนรู้หรือเปล่าว่า ตายแล้วเอาสมบัติไปไม่ได้
ผมว่า เขารู้กันทั้งนั้น รู้แบบนี้แล้วทำไมเศรษฐีเขาถึงไม่ชอบใช้เงิน
เป็นเพราะเขาห่วงลูกหลานนะซิครับ เพราะเขามีความคิดที่เผื่อแผร่ ตายไปก็ตายตาหลับ
ไม่เหมือนใครบางคน จ้องจะใช้เงินอย่างเดียว ไม่ห่วงลูกหลาน
:b13:


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
tongue
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนทนากันค่ะ

ดูกันที่การให้แบบสละขาด คนที่ให้แบบสละขาด หรือ แบบคว่ำขัน
หากสร้างเหตุไว้อย่างนี้ อาจารย์ท่านเคยอธิบายให้ฟังไว้ว่า ผลของคนที่ให้แบบนี้
จะเป็นคนใช้ทรัพย์ตามความปราถนา เป็นทรัพย์ที่เหมือนน้ำไหลมาตามท่อไม่ขาดสาย
มีให้ใช้ตลอด ตามความปราถนาเรียกว่าจะกินจะใช้ยังไง ก็ทำได้ ทรัพย์ไหลมาให้ใช้ตลอด

แต่ผู้ที่มีมัจฉริยะ มีความตระหนี่หวงแหนทรัพย์ ทำบุญแบบมีมัจฉริยะเป็นเหตุ ผลก็จะเป็นได้แค่
คนเฝ้าทรัพย์ไว้ให้คนอื่นมาใช้ ทรัพย์นั้นตนเองไม่ได้ใช้ตามความปราถนา

มีคนตอบได้เข้าประมาณนี้ด้วยค่ะ 1 ท่าน
:b4: เก่งมากค่ะ ผู้ที่ตอบทำนองนี้ค่ะ

คุณใบโพธิครับ สมมุติว่า คุณใบโพธิ์กำลังทำบุญ เผอิญไปเห็นเศรษฐีกำลัง
ทำบุญเหมือนกัน แล้วคุณไปวิพากวิจารณ์เขาแบบนี้ ท่านว่าเกิดชาติหน้า
จะเป็นหนึ่งในพวก อาภัพบุคคลไม่สามารถบรรลุธรรมได้ มิหน่ำซ้ำยังพิการด้วยนะครับ
นี่ไม่ได้พูดเล่นนะครับ เขาเรียกว่า...สุคติอเหตุกบุคคล

ลักษณะก็คือ ตัวเองกำลังทำบุญ แต่ปากก็ด่าว่านินทาชาวบ้าน
แบบนี้เขาว่า ชาติหน้าจะเกิดเป็น บ้าใบ้ บอดหนวกครับ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 10:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
คุณใบโพธิ์ครับ คุณว่ามนุษย์ทุกคนรู้หรือเปล่าว่า ตายแล้วเอาสมบัติไปไม่ได้
ผมว่า เขารู้กันทั้งนั้น รู้แบบนี้แล้วทำไมเศรษฐีเขาถึงไม่ชอบใช้เงิน
เป็นเพราะเขาห่วงลูกหลานนะซิครับ เพราะเขามีความคิดที่เผื่อแผร่ ตายไปก็ตายตาหลับ
ไม่เหมือนใครบางคน จ้องจะใช้เงินอย่างเดียว ไม่ห่วงลูกหลาน
:b13:


ศึกษาเรื่องการใช้ทรัพย์ที่หามาได้สิ พระพุทธเจ้าสอนให้ใช้อย่างไร
แล้วถ้าคิดตามหลักเศรษฐศาสตร์ ถ้าทุกคนพากันออมหมด ใช้จ่ายแค่เล็กน้อยสุดๆ แล้วจะเป็น
อย่างไร และในเรื่องการทำกุศล หากมีเงินทองเหลือล้น และเข้าใจเรื่องกัมมัสสกตาญาณ
ก็จะไม่มัวแต่นั่งกอดทรัพย์แน่นอน มีเศรษฐีมากมายให้โดยไม่ต้องให้ใครมาขอ เจอใครเดือดร้อน
ก็ช่วยด้วยความจริงใจ เต็มใจ ทำบุญแบบไม่เอาหน้าด้วย เพราะเค้ามีเงินแล้วมีปัญญา

ถ้าศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าจริงๆ ไม่ต้องห่วงว่าเงินทองจะวอดวาย ยิ่งให้ก็ยิ่งเพิ่ม แต่การให้
ทำอย่างไร เรียกว่า ให้เป็นมีหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์อยู่แล้ว

แล้วไม่ต้องห่วงลูกหลานหรอก มันเป็นเรื่องของอนาคต บางทีลูกหลานรับมรดกไปผลาญ
ก็เยอะแยะไป มานึกตรงปัจจุบันดีกว่า ทำเหตุไว้ให้ดีขณะปัจจุบันสิ่งดีๆ ก็จะเกิดตามมาเองค่ะ

คุณโฮควรหาธรรมะอ่านดูบ้าง ปีใหม่แล้ว

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
คุณใบโพธิครับ สมมุติว่า คุณใบโพธิ์กำลังทำบุญ เผอิญไปเห็นเศรษฐีกำลัง
ทำบุญเหมือนกัน แล้วคุณไปวิพากวิจารณ์เขาแบบนี้ ท่านว่าเกิดชาติหน้า
จะเป็นหนึ่งในพวก อาภัพบุคคลไม่สามารถบรรลุธรรมได้ มิหน่ำซ้ำยังพิการด้วยนะครับ
นี่ไม่ได้พูดเล่นนะครับ เขาเรียกว่า...สุคติอเหตุกบุคคล

ลักษณะก็คือ ตัวเองกำลังทำบุญ แต่ปากก็ด่าว่านินทาชาวบ้าน
แบบนี้เขาว่า ชาติหน้าจะเกิดเป็น บ้าใบ้ บอดหนวกครับ :b13:


ถ้าคนที่มีปัญญา เข้าใจธรรมะ ขณะทำกุศลทั้ง 3 กาล ขณะทำกุศลนั้น
เค้ารู้ว่าขณะนั้นเค้าทำกิจอะไรอยู่

แต่ที่ยกมาเป็นเรื่องให้คิดกันนี้เป็นเรื่องปกติที่เราเห็นหลากหลายบนโลกใบนี้
ยกมาแสดงมาพูดมาคุย เพื่อประโยชน์ให้พิจารณา ศึกษา เพื่อให้เห็นประโยชน์
เห็นโทษได้ถูกต้อง
ถ้ายกมาแสดงแล้วเป็นการนินทา แล้วนิทานชาดกเรื่องต่างๆ ล่ะ ก็กล่าวถึงบุคคลทั้งนั้น

คุณโฮ คุณนี่อ่อนจริงๆ
ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองไปวันๆ.....ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับการเข้ามาในเวปธรรม
หากเข้ามาหาประโยชน์จริงๆ อาการของคุณจะไม่เป็นเช่นนี้ เพราะดูตามความเก่าแล้ว
คุณก็วนเวียนอยู่เวปนี้มานาน

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโฮฮับเขียน


อ้างคำพูด:
ก็บอกเองไม่ใช่หรือว่า..............เขามีลูกพิการทางสมอง :b13:




ก็ลูกพิการทางสมองน่ะสิค่ะ ถ้ามีเงินต้องกล้าใช้เงินค่ะ :b1:
โอ้โห๋!คุณโฮฮับค่ะ เงินของบ้านเค้าเรามองว่าเงินเข้ามาทุกทิศค่ะ
เคยคิดค่ะว่ากรรมจากอะไรน่ะ เค้าถึงต้องเป็นอย่างนี้(ที่พูดนี่ไม่ใช่อิจฉาเค้าน่ะค่ะ)
เพราะควมอิจฉาผู้อื่นเป็นทุกข์ค่ะ :b12: :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณSOAMUSA


อ้างคำพูด:
ในสมัยนี้ก็มีเยอะมากคนแบบนี้ กินอยู่อย่างประหยัดมากๆๆ ทั้งๆ ที่มีเงินมากมาย ไม่กล้าใช้เงิน
เสียดายเงินถ้าจะมาซื้อหาของกิน ไม่ใช่ดีนะคะ ที่เงินมีเยอะๆ แล้วตนเองเป็นทุกข์ จะใช้แต่ละ
ครั้งก็เสียดาย มีอกุศลกำกับด้วยตลอดแม้แต่ยามที่ทำบุญ ก็จะวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์
แบบนี้ไปเรื่อย หากยังไม่มีความเข้าใจในพระธรรม



คุณมองว่าเพราะกรรมหรือปล่าวค่ะ ถึงต้องทำให้เป็นแบบนี้
จริงๆแล้วเรามองว่า เค้ามีโอกาสในการสร้างบุญ_บารมี
สูงด้วยเพราะปัจจัยพร้อม :b1:

เอ๊ะ!คุยแบบนี้ เค้าเรียกว่าไปคุยเรื่องของคนอื่นเค้าหรือปล่าวค่ะเนี่ย :b32: :b32: :b41: :b55: :b49:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร