วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2012, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ควรอโหสิก็อโหสิเถอะ จองกันไปจองกันมามันยังเวียนว่ายอยู่เหมือนเดิม เอาความคิดทางธรรมมาใช้จะได้สบายใจ คิดทางโลกก็วุ่นวายไม่หยุด อภัยให้กัน คิดอยู่อย่างงี้ มันจะส่งผลถึงคนใกล้ตัว เเละครอบครัวไม่หยุดกรรมน่ะมันยังเดินทางเรื่อยๆมันจะไม่หยุดทำงาน ตราบใดถ้าการกระทำการคิดการพูดของคนไม่หยุด...

สภาวธรรมที่ผุดขึ้นมาในกายในใจ คือครูที่จะสอนเรา***

ไม่มีใครสอนธรรมะเราได้ แต่สภาวธรรมที่ผุดขึ้นมาในกายในใจ อันนี้แหละคือครูที่จะสอนเรา คนอื่นสอนไม่ได้ หลวงพ่อก็สอนไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านก็ยังบอกว่า ท่านเป็นแค่คนบอกทาง บอกทางก็คือให้มารู้กาย รู้ใจ เรียกว่ารู้ทุกข์นะ ถ้ารู้ทุกข์แจ่มแจ้งก็ละสมุหทัย ละสมุหทัย จิตก็ไม่ดิ้นรน เข้าถึงสันติสุข เรียกว่า นิโรธหรือนิพพาน นี่ท่านบอกทางให้ เราก็มีหน้าที่เดินทางไปเอง แล้วไปเรียนรู้ของจริงเอาเอง ธรรมะน่ะของใครของมัน


หัดรู้สึกตัว****

หัดรู้สึกตัวไปเรื่อย วันๆนึงเอาเวลาไปล้างผลาญซะเยอะละ ลองใช้เวลาวันละ 15 นาทีนะมาคอยรู้สึกตัว รู้สึกกายรู้สึกใจไปเรื่อยๆ ดูเล่นๆ ดูสบายๆ ไปเรื่อย ต้องทำเล่นๆ นะ อย่าทำเคร่งเครียด ฝึกเล่นๆ รู้สึกๆๆ ไปเรื่อย เราจะเห็นเลยใจนี้ลอยแว้บๆ ทั้งวัน เดี๋ยวหนีไปโน่น เดี๋ยวหนีไปนี่ ส่ายไปส่ายมา ให้เรารู้ทันนะ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น จิตเรายินดีให้เรารู้ทัน จิตเรายินร้ายให้รู้ทัน คอยรู้ทันจิตตัวเองไปเรื่อยๆ ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์แล้ว จิตก็ยินดีขึ้นมาบ้าง ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์แล้ว จิตยินร้ายบ้าง กระทบแล้วจิตแกว่งไปแกว่งมาคอยรู้ไปเรื่อยๆ

*ต่อไปก็จะเห็นเลยทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างชั่วคราวหมดเลย ความสุขความทุกข์ กุศลอกุศลชั่วคราวทั้งหมดเลย*


ติดบ่วงแห่งรัก...
บุตร บิดา มารดา...ออกบวชตามกันตามลําดับ แต่ทั้งสามก็ยัง คลุกคลีใกล้ชิดกันเป็นที่รําคาญของภิกษุและภิกษุณีทั้งหลาย พระพุทธเจ้า เรียกมาตักเตือนแล้วตรัสภาษิตว่า..
พยายามในสิ่งที่ไม่ควรพยายาม
ไม่พยายามในสิ่งที่ควรพยายาม
ละเลยสิ่งที่เป็นประโยชน์ ติดอยู่ในปิยารมณ์
...คนเช่นนี้ก็ได้แต่ริษยาผู้ที่พยายามช่วยตัวเอง
อย่าติดอยู่ในสิ่งที่เรารัก หรือไม่รัก
การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก เป็นทุกข์
การพบเห็นแต่สิ่งที่ไม่รัก ก็เป็นทุกข์
เพราะฉะนั้น ไม่ควรรักสิ่งใด
เพราะการพลัดพรากจากของรัก เป็นทุกข์
ผู้ที่หมดความรักและความไม่รักแล้ว
เครื่องผูกพันก็พลอยหมดไปด้วย
พุทธวจนะ...


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ขอเชิญเป็นเจ้าภาพสร้างห้องน้ำถวายวัดอุดรหนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
โทร..0870237294


เชิญร่วมทำบุญพระประธาน ณ วัดแหลมรัง จ.พิจิตร
081-582-5613



ขอเชิญมหาชนร่วมบุญสร้างพระมหาธาตุเจดีย์วัดกัลยาณธัมโม จ. สกลนคร (5 ธันวาคม 2555)
________________________________________
โอนเงินเข้าบัญชี โครงการสร้างพระมหาธาตุเจดีย์วัดกัลยาณธัมโม จ.สกลนคร ธ. ไทยพาณิชย์ 667-280592-1 สาขา มช. ธ. กสิกรไทย 557-2-07148-2 สาขา มช.


กล่องละ 400 บาท กระเบื้องปูฐานพระพุทธรูป/ฐานพระแม่กวนอิม ณ.วัดวังขอน
086-371-6914


ขอเชิญร่วมสร้างบุญหล่อพระราหุลเถรเจ้าและสมเด็จพระสังฆราช(สุก ไก่เถื่อน)29 นิ้ว
โทร.084-651-7023,084-454-9891 หรือโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ เลขที่067-2-83847-9 ธ.กสิกรไทย สาขาโพธิ์สามต้น ในนามพระวีระ สุขมีทรัพย์


ด่วน..เชิญเป็นเจ้าภาพกระเบื้องมุงหลังคา "วิหารพระพุทธเจ้า3 กาล" ยังขาดอีกมาก
โทร ๐๘๖-๘๐๓๒๐๐๑


เชิญร่วมบุญด่วนทันใจปิดทองพระสิงห์หลวงล้านนา
โทร.081-9981552


ร่วมบุญใหญ่สร้างหอปฎิบัติธรรมถาวร (เตโชวิปัสสนาสถาน)
02 634 7461-3


เนื่องด้วยวัดป่าเอกจอมไตรนันท์ราม บ้านนาคอย ต.ยอดชาด อ.วังยาง จ. นครพนม
ได้ดำเนินการสร้างศาลาหอฉันมาได้ 70% แล้วขณะนี้ต้องการรวบรวมปัจจัยเพื่อปูพื้นด้วย..หินแกรนิต


ขอเชิญร่วมเททองหล่อพระร่วงโรจนฤิทธิ์และพระประจำวัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
พระอธิการวันชัย ชยานนฺโท (เจ้าอาวาส วัดเนินมะคึก)
โทร 081-6757631 , 090-6159601


ผู้ที่ต้องการส่งแผ่นทองเหลืองหล่อพระ ส่งมาได้ที่
เธียร รอดกนก
314/14 ม.4 ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65000


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระพุทธรัตนมณีสรี๋องค์ปฐมต้นพุทธวงค์(พระเจ้าหยกเขียวโขง)
โทร 089 -8355136

ร่วมสมทบสร้าศาลาถวายหลวงปู่เรือง
โทร 091-025-9998



ร่วมทำบุญสร้างวิหารสัมพุทเธ พุทธอุทยานปางประทีป รับเหรียญครูบาชัยยะวงศา
0801234219


เชิญร่วมทำบุญ ทอดกฐินสามัคคี
ณ วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ. เชียงใหม่
วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศล เพื่อสมทบทุนสร้างโรงครัว ทอดถวายวันพ่อ 5 ธันวาคม 55
โทร 08-9420-0133



กำหนดการงานวันทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี ๒๕๕๕
ณ วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) หลวงปู่ศรี มหาวีโร
ต.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด

ระหว่าง วันที่ ๒๗ - ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
๐-๔๓๕๐-๘๑๘๓



ร่วมจาริกธุงดงค์เฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ 17 ณ จังหวัดชัยภูมิวันที่ 4 - 13 ธันวาคม 2555



กฐินที่ิ Kolkata ประเทศอินเดีย ดินแดนพุทธภูมิ
084-700-7752



ร่วมทำบุญกฐินสามัคคี บูชาคุณพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ณ.วัดคลองพระเจ้า( 5พระองค์) อ.เขาชะเมา จ.ระยอง วันที่ 25 พ.ย. 2555


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดกประยุกต์ ๒ ธรรมาสน์ ๑๓ กัณฑ์ ๑,๐๐๐ พระคาถา
ณ. วัดลาดกระทิง ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา
ในวันเสาร์ที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ตรงกับวันแรม ๕ ค่ำเดือน ๓
โทร.081-0027915


ขอเชิญส่ง สคส ปี 2556 ด้วยธรรมะ ซีดีเสียงอ่านหนังสือ 45 พรรษาของพระพุทธเจ้า (30 พ.ย. 55)
โทร. 081-8696068


ขอเชิญลงชื่อรับซีดี ชุด ธรรมะคีตะ สำนึกวันเกิด ฟรี 100 ชุด
http://www.phrasomrak.com/index.php?opt ... &Itemid=26


เชิญดาวน์โหลดได้ฟรี โครงการภาพยนตร์ พระพุทธเจ้า
http://www.buddha-thushaveiheard.com/



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือเรื่องราวปฏิปทาของหลวงพ่อชา สุภัทโท
โทร. 089-793 9253

อาตมาภาพ มีความประสงค์จะช่วยเหลือ กุลบุตรผู้ต้องการบวชในร่มเงาพระพุทธศาสนา หากผู้ใดต้องการบวชอาตมาจะรับเป็นเจ้าภาพให้ทั้งเรื่องอัฐบริขาร และปัจจัย ขอเพียงผู้บวชมีความตั้งใจเท่านั้น เงื่อนไข หลักๆ มี ๓ ประการ คือ

๑. ต้องอยู่วัด ถือศีล ๘ อย่างน้อยเป็นเวลา ๗ - ๑๕ วันก่อนบวช เพื่อเป็นการดูใจและปรับสภาพความเป็นอยู่

๒.เมื่อบวชแล้วต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน โดยจะมีพระอาจารย์คอยชี้แนะ และกวดขัน

๓.ต้องบวชเป็นเวลาอย่างน้อย ๑ เดือน

สำหรับข้อมูลเพิ่มติดต่อ สอบถามได้ที่ พระพิเชฐ 0846260822



ไฟไหม้กุฏิสงฆ์ พระสงฆ์เดือนร้อนลำบากมากๆ โปรดร่วมบุญช่วยกันสร้างกุฏิสงฆ์ทดแทน
080 6789916

ประชาสัมพันธ์งานบุญวัดตึก นนทบุรี
089 521 6203


ขอเชิญร่วมอุปถัมภ์โครงการซื้อที่ดินขยายศูนย์ปฏิบัติธรรม วัดหนองก๋าย www.watnonggai.com


ขอเชิญร่วมบุญถวายปัจจัยแด่พระสงฆจำนวน 86 รูป เฉลิมพระเกียรติ
โทร.081-2775174


ขอเชิญร่วมช่วยภัยหนาวพระป่ากรรมฐาน
080-066-1829



โครงการ "ผ้าห่มกันหนาวรวมใจ ถวายพระสงฆ์ไทยทั่วหล้า" (รับบริจาคถึง 31 ธ.ค.55)
08-7613-3999


บอกบุญกฐิน ปี 55 เพื่อสร้างอุโบสถ ณ วัดป่าพรหมประชานิมิต จ.ขอนแก่น วันที่ 24 -25 พ.ย. 55
โทร. 081 306 3969


ร่วมบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือ 'วันพ่อแห่งชาติ'ครบรอบ ๘๐ พรรษาของในหลวง
โทร.๐๘-๓๑๔๐-๒๒๘๕


ขอเชิญร่วมทำบุญจัดหาเครื่องกรองน้ำ
088-330-6499


เชิญร่วมบุญจุดประทีปเป็นพุทธบูชา ดวงละ ๑ บาท จำนวน ๘๔,๐๐๐ ดวง
โทร. 089-8523498


4 ธค.55 ตักบาตร ฟังธรรมถวายในหลวง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
0833031254


ขอเชิญร่วมถวายหนังสือสวดมนต์ และพัดลม เพื่อถวายไว้ในศาลาเทพ
ผู้ใจบุญที่ต้องการร่วมถวาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือสวดมนต์หรือพัดลม
สามารถถวายได้โดยช่องทางแรก

สามารถส่งไปได้ที่วัดโดยตรง ตามที่อยู่นี้
พระอาจารย์จาตุรงค์ รักขิตตธัมโม
ไปรษณีย์รอจ่าย อำเภอจัตุรัส จ.ชัยภูมิ 36130



ชวนสร้างศาลาพร้อมบรรจุชื่อใต้ฐานพระกัน
http://goo.gl/JPktj



ขอรับบริจาคถุงเท้าคนละคู่สองคู่ก็ได้ให้กับน้องๆนักเรียนที่แม่ฮ่องสอนที่ไม่มีถุงเท้าใส่ไปเรียนหน้าหนาว

ส่งไปที่คุณ

สาโรจน์ บัวศรี
91/3 ม.8 ต. บ้านกาศ
อ. แม่สะเรียง จ. แม่ฮ่องสอน
58110

รับบริจาคถึงวันที่ 3 มกราคม 2556



ร่วมบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือ 'วันพ่อแห่งชาติ'ครบรอบ ๘๐ พรรษาของในหลวง
โทร.๐๘-๓๑๔๐-๒๒๘๕


ขอเชิญทุกๆท่านร่วมสร้างกุฏิพระสงฆ์
082 119 6716


อาตมาภาพพระครูปลัดบวรศิลป์ ฉนฺทสีโล รักษาการเจ้าอาวาสวัดลาดกระทิงขอเชิญท่านร่วมเป็นเจ้าภาพชุดกี๋น้ำชาถวายพระเถระเจริญพระพุทธมนต์งานเทศน์มหาชาติในวันเสาร์ที่๒มีนาคม๒๕๕๖ และสร้างเก็บไว้ใช้ที่วัด โทร.๐๘๑-๐๐๒๗๙๑๕


ขอเชิญ ร่วมกันเททองหล่อพระพุทธเจ้าน้อย(ปางประสูติ)วันที่ 1-2 ธันวาคม 2555
084-755-8836



ผู้ใจบุญท่านใดที่ต้องการร่วมบริจาคหนังสือสวดมนต์ สามารถร่วมถวายพระอาจารย์จาตุรงค์ได้เลย
โดยสามารถจัดส่งไปที่วัดได้โดยตรง ตามที่อยู่
พระอาจารย์จาตุรงค์ รักขิตตธัมโม
ไปรษณีย์รอจ่าย อำเภอจัตุรัส จ.ชัยภูมิ 36130


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2012, 13:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6299 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ยํ หิ กิจจํ ตทปวิทฺธํ
อกิจจํ ปน กยีรติ
อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ
เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา ฯ ๒๙๒ ฯ

สิ่งที่ควรทำไม่ทำ
กลับทำสิ่งที่ไม่ควรทำ
อาสวะย่อมเจริญแก่พวกเขา
ผู้ถือตัวและมัวเมาประมาท

What ought to be done is left undone;
What ought not to be done is done,
For those who are naughty and heedless
Corruptions greatly progress.

พุทธวจนะในธรรมบท หมวดเบ็ดเตล็ด (MISCELLANEOUS)

"บิดา-มารดา คือ พระประจำบ้าน"

...คู่ควรอย่างยิ่งใหญ่แก่บุตร ที่สมควรจะกราบไหว้บูชา
..ให้เสมือนหนึ่งแห่งการไปทำบุญไหว้พระ
..บุตร ทั้งหลาย..ความกตัญญูนั้น..
เราทุกท่านควรมีจงจำไว้เถิด...
เพราะหากเราไม่มี"บิดา-มารดา"

ซึ่งเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่แก่บุตรนี้แล้ว..
เราทั้งหลายคงไม่มีโอกาสที่จะได้กำเนิด
เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์โลกใบนี้ได้
อย่างสมบูรณ์และสวยงามได้ดั่งใจปรารถนาเป็นแน่แท้

..บุตรทั้งหลายใครคือผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของท่าน
..ให้โดยไม่หวังสิ่งใดๆตอบแทนนอกจาก..
ความปรารถนาดีที่อยากให้ลูกๆมีความสุข
ความเจริญรุ่งเรืองและเป็นคนดีของโลกใบนี้สืบตลอดไป

...บุตรทั้งหลาย..เราคือ ทายาทของพระในบ้านไม่ใช่หรือ
ท่านอย่าช้าอยู่อีกเลย..สมควรอย่างยิ่งแก่การที่จะมอบความรักและความกตัญญู ดูแลเอาใจใส่ใน คุณบิดา-มารดา..
อย่างรักใคร่และศรัทธาอย่างซาบซึ้งใจและ"อิ่มบุญ"

ในความดีที่บุตรได้ทำหน้าที่ ที่ดีที่สุดของตน..
บุตรทั้งหลาย..พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า
"คุณบิดา-มารดา"นั้นคือเจ้าชีวิตที่แท้จริงของบุตร
ซึ่งไม่ว่าท่านจะกระทำต่อบุตรเช่นไร
ไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่บุตรจะถือโทษโกรธ
"บิดา-มารดา"แห่งตนเลยแม้แต่น้อย

ดุจดั่งคำที่ว่า"บิดา-มารดา"นั้นท่านจะทำสิ่งใด
ล้วนไม่เป็นความผิดต่อบุตร..พึงระลึกไว้เถิด..
บุตรทั้งหลายจงหมั่นกราบไหว้บูชา..
ต่อคุณบิดา-มารดา..ปรนนิบัติต่อท่าน
ให้เสมือนกับที่เราเพียรบูชากราบไหว้
และถวายอาหารปลาข้าว ของกำนัลปัจจัย
ทั้งหลายต่อพระพุทธองค์นั้นเถิด..
จงดูแล"บิดา-มารดา"ของท่านเถิด
นั่นคือ บุญอันยิ่งใหญ่แก่บุตรทายาทธรรม..


ลาภและยศเป็น "เหยื่อของโลก..."
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย….
ลาภและยศนั้นเป็น “เหยื่อของโลก” ที่น้อยคนนักจะสละและวางได้ จึงแย่งลาภแย่งยศกันอยู่เสมอ
เหมือนปลาที่แย่งเหยื่อกันกิน แต่หารู้ไม่ว่า เหยื่อนั้น มีเบ็ดเกี่ยวอยู่ด้วย หรือเหมือนไก่ ที่แย่งไส้เดือนกัน จิกตีกัน ทำลายกัน จนพินาถกันไปทั้งสองฝ่าย น่าสังเวชสลดจิตยิ่งนัก ถ้ามนุษย์ในโลกนี้ ลดความโลภลง มีการเผื่อแผ่ เจือจาน โอบอ้อมอารี ถ้าเขาลดโทสะลง มีความเห็นอกเห็นใจกัน มีความเมตตากรุณาต่อกัน และลดโมหะลง ไม่หลงงมงาย ใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหาและดำเนินชีวิต “โลกนี้จะน่าอยู่อีกมาก...”
แต่ช่างเขาเถิด...!
หน้าที่โดยตรงและเร่งด่วนของเธอ คือ ลดความโลภ ความโกรธ และความหลงของเธอเอง ให้น้อยลง “แล้วจะประสบความสุข ความเยือกเย็นขึ้นมาก” เหมือนคนลดไข้ได้มากเท่าใด ความสบายกายก็มีมากขึ้นเท่านั้น... (พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน)


ปัจฉิมโอวาท...
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...
บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแห่งเราแล้ว เราขอเตือนเธอทั้งหลายให้จำมั่นไว้ว่า “สิ่งทั้งปวงมีความเสื่อม และสิ้นไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลาย จงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด....” (พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน)


การพ้นจาก "มาร" และ "บ่วงแห่งมาร"
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...
บรรดาทางทั้งหลาย “มรรคมีองค์ ๘” ประเสริฐที่สุด
บรรดาบททั้งหลาย บท ๔ คือ “อริยสัจ” ประเสริฐที่สุด
บรรดาธรรมทั้งหลาย “วิราคะ” คือการปราศจากความกำหนดยินดี ประเสริฐที่สุด
บรรดาสัตว์สองเท้า “พระตถาคตเจ้า” ประเสริฐที่สุด
มรรคมีองค์ ๘ นี้แล... เป็นไปเพื่อทัศนะอันบริสุทธิ์ หาใช่ทางอื่นไม่ เธอทั้งหลายจงเดินไปตามทางมรรคมีองค์ ๘ นี้ อันเป็นทางที่ทำมารให้หลงติดตามมิได้
เธอทั้งหลายจงตั้งใจปฏิบัติ เพื่อทำทุกข์ให้สิ้นไป
ความเพียรพยายามเธอทั้งหลายต้องทำเอง ตถาคตเป็นเพียงแต่ผู้บอกทางเท่านั้น...
เมื่อปฏิบัติตนดังนี้ พวกเธอจะพ้นจาก “มาร” และ “บ่วงแห่งมาร”


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
คนในโลกส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความกลับกลอก และหลอกลวง หาความจริงไม่ค่อยได้ แม้แต่ในการนับถือศาสนา
ด้วยอาการดังกล่าวนี้ โลกจึงเป็นเหมือนระงมอยู่ด้วยพิษไข้อันเรื้อรังตลอดเวลา ภายในอาคารมหึมา ประดุจปราสาทแห่งกษัตริย์ มีลมพัดเย็นสบาย แต่สถานที่เหล่านั้น มักบรรจุเต็มไปด้วยคนซึ่งจิตใจเร่าร้อนเป็นไฟอยู่เป็นอันมาก ภาวะอย่างนั้นจะมีความสุขสู้ผู้มีใจสงบอยู่โคนต้นไม้ได้อย่างไร...

ความอดทนที่ "สูงสุด"
ภิกษุทั้งหลาย... จิตใจที่ไม่หวั่นด้วยโลกธรรมคือนินทาสรรเสริญนั้น เป็นจิตที่ประเสริฐยิ่ง
ภิกษุทั้งหลาย... ในหมู่มนุษย์นี้ ผู้ใดฝึกตนให้เป็นคนอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ จัดว่าเป็นผู้ประเสริฐสุด ม้าอัศนัย ม้าสินทก พญาช้างตระกูลมหาราชที่ได้รับการฝึกดีแล้ว จัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ แต่บุคคลที่ฝึกตนดีแล้ว ยังประเสริฐกว่าสัตว์เหล่านั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย... ผู้อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้สูงกว่าก็เพราะความกลัว อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้เสมอกันเพราะเห็นว่าพอสู้กันได้ แต่ผู้ใดอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้ซึ่งด้อยกว่าตนได้ เราเรียกความอดทนนั้นว่า “สูงสุด”
ผู้มีความอดทน มีเมตตา ย่อมเป็นผู้มีลาภ มียศอยู่เป็นสุข เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เปิดประตูแห่งความสุข ความสงบได้โดยง่าย สามารถปิดมูลเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทเสียได้ คุณธรรมทั้งมวลมีศีลและสมาธิเป็นต้นย่อมเจริญงอกงามแก่ผู้มีความอดทนทั้งสิ้น...

เครื่องฟอกจิต…..
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...
อันว่าจิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใสอยู่โดยปกติ แต่เศร้าหมองไปเพราะคลุกเคล้าด้วยกิเลสนานาชนิด
ศีล สมาธิ และปัญญา เป็นเครื่องฟอกจิตให้ขาวสะอาดดังเดิม
จิตที่ฟอกแล้วด้วยศีล สมาธิ และปัญญา ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง....

สังคม...เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นเครื่องจองจำของ "ชีวิต"?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...ทำไมมนุษย์จึงยอมตัวอยู่ภายใต้ “การจองจำของสังคม” ซึ่งมีแต่ความหลอกหลอน สับปรับ และแปรผัน ทำไมมนุษย์จึงยอมตัวเป็น “ทาษของสังคม” จนแทบจะกระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้ จะทำอะไร จะคิดอะไร ก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของสังคมไปเสียหมด “สังคมจึงกลายเป็นเครื่องจองจำชีวิต” ที่มนุษย์ซึ่งสำคัญตัวว่าเจริญแล้วช่วยการสร้างขึ้นเพื่อผูกมัดตัวเองให้อึดอัด รำคาญ มนุษย์ยิ่งเจริญขึ้นก็ดูเหมือนจะมีเสรีภาพน้อยลงทั้งทางกายและทางใจดู ๆ แล้วความสะดวกสบายและเสรีภาพของมนุษย์จะสู้สัตว์เดรัจฉานบางประเภทไม่ได้ ที่มันมีเสรีภาพที่จะทำอะไรตามใจชอบอยู่เสมอ ดูอย่างเช่นฝูงวิหคนกกา มนุษย์เราเจริญกว่าสัตว์ตามที่มนุษย์เราเองชอบพูดกัน แต่ดูเหมือนพวกเราจะมีความสุขน้อยกว่าสัตว์ ภาระใหญ่ที่ต้องแบกไว้คือ เรื่องกาม เรื่องกิน และเรื่องเกียรติ “มันเป็นภาระหนักยิ่งของมนุษยชาติ” สัตว์เดรัจฉานตัดไปได้อย่างหนึ่งคือ เรื่องเกียรติ คงเหลือแต่เรื่องกามและเรื่องกิน นักพรตอย่างพวกเธอนี้ ตัดไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องกาม คงเหลือแต่เรื่องกินอย่างเดียว ปลดภาระไปได้อีกมาก แต่การกินอย่างนักพรตกับการกินของผู้บริโภคกาม ก็ดูเหมือนจะบริโภคแตกต่างกันอยู่ ผู้บริโภคกามและยังหนาแน่นอยู่ด้วยโลกีย์วิสัย “บริโภคเพื่อยุกามให้กำเริบ” จะต้องกินอย่างมีเกียรติ กินให้สมเกียรติ มิใช่กินเพียงเพื่อให้ร่างกายนี้ดำรงอยู่ได้อย่างสมณะ ความจริงร่างกายคนเรามิได้ต้องการอาหารอะไรมากนัก เมื่อหิวร่างกายก็ต้องการอาหารเพียงเพื่อบำบัดความหิวเท่านั้น แต่เมื่อมีเกียรติเข้ามาบวกด้วย จึงกลายเป็นเรื่อง “กินอย่างเกียรติยศ” และแล้วก็มีภาระตามมาอย่างหนักหน่วง คนจำนวนมากเบื่อเรื่องนี้ แต่จำต้องทำเหมือนโคหรือควายที่เหนื่อยหน่ายต่อแอกและไถ แต่จำใจต้องลากมันไป ลากมันไป อนิจจา...(พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน)

ของบางอย่าง ซื้อไม่ได้ ด้วยเงินทอง
เพราะเป็นของ ไม่มี ราคาขาย
เช่นความรัก ความปราณี มีน้ำใจ
ปลูกฝังให้ คิดชอบ ประกอบกัน
สิ่งเหล่านี้ มีค่า แก่ชีวิต
แต่ว่าเงิน ไม่มีสิทธิ มาจัดสรร
เพียงแต่เรา มอบให้แก่ กันและกัน
ส่วนผู้ให้ ได้รางวัล คืออิ่มใจ





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 22:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6251 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2012, 10:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


"รู้ผิด รู้ถูก
รู้ดี รู้ชั่ว
แต่ถ้าไม่"รู้ตัว"
ก็ไม่เกิดประโยชน์"

การบำรุงรักษาสิ่งใดๆ ในโลก
การบำรุงรักษาตน คือ ใจ เป็นเยี่ยม
จุดที่เยี่ยมยอดของโลก คือ ใจ
ควรบำรุงรักษาด้วยดี ....

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต



พึงชนะความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ
พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี...!!!


ของขวัญ จากความเจ็บปวด คือ บทเรียนอันล้ำค่า
ของขวัญ จากหยดน้ำตา คือ หัวใจที่เติบโตและเข้มแข็ง
ของขวัญจากความเปลี่ยนแปลงคือ ได้เห็นสัจธรรมของชีวิต
ของขวัญจากความยึดติดคือ ได้เรียนรู้ถึงการปล่อยวาง...!


สุทสฺสํ วชฺชมญฺเญสํ
อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ
ปเรสํ หิ โส วชฺชานิ
โอปุนาติ ยถา ภุสํ
อตฺตโน ปน ฉาเทติ
กลึว กิตวา สโฐ ฯ ๒๕๒ ฯ

โทษคนอื่นเห็นได้ง่าย
โทษตนเห็นได้ยาก
คนเรามักเปิดเผยโทษคนอื่น
เหมือนโปรยแกลบ
แต่ปิดบังโทษของตน
เหมือนนักเลงเต๋าโกงซ่อนลูกเต๋า

Easy to perceive are others' faults,
One's own, however,are hard to see.
Like chaff one winnows others' faults,
But conceals one's own
Just as a cheating gambler hides
An ill-thrown dice.

พุทธวจนะในธรรมบท หมวดมลทิน (IMPURITY)
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

กิเลสทั้งหมดเกิดรวมอยู่ที่จิต
ให้เพ่งมองดูที่จิต
อันไหนเกิดก่อน
ให้ละอันนั้นเกิด ...


ทำให้พ่อแม่เสียใจ

ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ การทำให้พ่อแม่เสียใจนี่บาปไหมคะ ?

หลวงพ่อ : เราทำให้ท่านเสียใจ บางครั้งก็ทำด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บางทีอารมณ์ต่ำไปนิดหนึ่ง ทว่าจิตสบายก็ไปขอขมาท่าน

ผู้ถาม : ถ้าท่านตายละค่ะ

หลวงพ่อ : ตายแล้วก็ไม่เป็นไร ! เราตั้งใจขอขมาท่าน คือว่าตามธรรมดา ตราบใดที่เรายังไม่ใช่พระอริยะ เราก็อดสร้างความกระทบกระทั่งกระเทือนใจไม่ได้ แต่เจตนาน่ะจะร้ายมากเท่าไร

ถ้าไม่มีโมโหโทโสก็ต้องเป็นพระอนาคามี ถ้าเรายังมีกิเลสอยู่ ก็ยังมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา


ดูกร ภิกษุทั้งหลาย
เธอเห็นคนทำการลากกิ่งไม่นั้นไปเผาหรือเปล่า
ภิกษุ "เห็นอยู่พระเจ้าข้า"
ทรงตรัส "แล้วเธอรู้สึกอย่างไร"
ภิกษุ "รู้สึกเฉยๆพระเจ้าข้า"

พุทธองค์จึงตรัสสอนว่า
"นั้น เป็นเพราะเธอเห็นว่า
กิ่งไม้นั้นไม่ใช่ของเรา
ไม่ใช่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา"


หลักธรรมชาติอีกอย่างก็คือ เมื่อไหร่ที่ทำเหมือนเดิมซ้ำๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใหม่ๆ สิ่งนั้นย่อมจืดชืด และขาดความสนใจในที่สุด

แค่ ” คิดดี ทำดี พูดดี “
ไม่ต้องไปขอพรที่ไหน
ชีวิตเรา ก็จะมีแต่ “ความสุข”


บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดกก็ต้องหมั่นบำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้อง ทำเอาเอง.

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


หญิงก็ดี ชายก็ดี ถ้าอยากให้วงศ์ตระกูลของตนสูงขึ้น
ต้องการให้คนมากขึ้นมีพวกพ้องวงศ์วานมากขึ้น
ก็อย่าเป็นคนตระหนี่ จงแก้ไขด้วยปัญญาของตน
ถึงคราวให้อาหารก็ให้อาหาร
ถึงคราวให้ผ้าก็ให้ผ้า
ถึงคราวให้ที่หลับนอนก็ให้ที่หลับนอน
ถึงคราวให้ยารักษาโรคก็ให้ยารักษาโรค
ให้ไปตามกาลเวลาอย่างนั้น
ให้เขาเป็นสุขเบิกบานสำราญใจ
หากเราให้อย่างนี้แล้ว วงศ์ตระกูลของเราย่อมสูงขึ้นเป็นลำดับ
เป็นที่สรรเสริญของคนทั่วไป ฯ


สุราพาย่อยยับ
สุรามันเกิดขึ้นในประเทศใด ประเทศนั้นย่อยยับหนา สุรา
มันไปติดอยู่กับคนใดละ คนนั้นย่อยยับหนา หญิงก็ดีชายก็ดีติด
สุราดื่มสุราละก็ย่อยยับหนาเอาตัวรอดไม่ได้ เพราะเหตุใด
เพราะสุราเมื่อดื่มเข้าไปแล้วนะ……….

ทำคนดี ๆ ให้เป็นคนเสีย
ทำคนมีสติให้เป็นไม่มีสติเสีย
ทำคนมีอารมณ์ดีให้เป็นคนมีอารมณ์ฉุนเฉียว
ให้อารมณ์ลอกแลกไปเสียแล้ว
สติดี ๆ ทำให้เผลอตัวไปเสียแล้ว ไม่รู้จักบิดามารดา
ไม่รู้จักสมณพรหามณ์ ไม่รู้จำผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่

ดื่มสุราเข้าไปแล้วเห็นช้างเท่าหมูทีเดียว นี่ร้ายนัก เขา
เรียกว่าฆ่าตัวเองทั้งเป็น ทำลายตัวเองอย่างดื้อ ๆ ฆ่าตัวเองทั้ง
เป็นนะเพราะอะไร ตัวเองดี ๆ ทำให้เป็นคนเสีย ตัวเองบริสุทธิ์
บริบูรณ์ ทำให้ไม่บริสุทธิ์บริบูรณ์ กลายเป็นคนบ้าเสียแล้วนี่
แหละเรียกว่า ดื่มสุราละมีโทษ มากเหลือที่จะคณานับทีเดียว
ควรเว้นขาดจากใจ ฯ

การไม่ประมาท

การไม่ประมาทนั้นจบพระไตรปิฏก
คือ วินัยปิฏก สุตตันตปิฎก ปรมัตถ์ปิฎก
ความดีมีมากน้อยเท่าใดรวมอยู่ในความไม่ประมาททั้งสิ้น
ความชั่วมีมากน้อยเท่าใดรวมอยู่ในความประมาททั้งสิ้น
คำว่าไม่ประมาทคำเดียวเท่านั้นจบสกลพุทธศาสนา ฯ

เหตุนี้ความไม่ประมาทน่ะ ไม่ประมาทในอะไร ไม่ประมาท
ในการรักษาสุจิตและทุจริตเสีย ทำสุจริตให้เกิดมีเสมอไป ไม่
ประมาท ในกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต มีเป็นเนืองนิตย์ไม่
ขาดสาย ไม่ประมาทในกายบริสุทธิ์ ไม่ประมาทเหล่านี้เป็น
ความไม่ประมาทเผิน ๆ เป็นความไม่ประมาทของคนมีปัญญา
ไม่ละเอียดนัก มีปัญญาหยาบ ถ้าว่าไม่ประมาทโดยการทำใจให้
หยุดนิ่ง ทำใจให้หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกาย
มนุษย์ใสบริสุทธิ์ ทำใจให้หยุดนิ่งจนกระทั่งเห็นดวงใสเท่าดวง
จันทร์เท่าดวงอาทิตย์ ถ้าเห็นแล้วไม่ปล่อยละทีนี้ นั่ง นอน กิน
ดื่ม ทำ พูด คิด อุจจาระ ปัสสาวะ ชำเลืองไว้เสมอ มองอยู่
เสมอ ใจจรดอยู่เสมอไม่เผลอกันละ ไม่ให้ใจหลุดทีเดียว ติดที
เดียวถ้าติดได้ขนาดนั้นไม่ให้หลุดเลย นั่ง นอน เดิน ยืน เว้นไว้
แต่หลับ นั่นประพฤติตนเขาเรียกว่า ........

สาตติกา นิจจํ ทฬหปรกกมา
ผู้มีความเพียรก้าวหน้าเป็นนิตย์

มีผลเจริญไปหน้าไม่มีถอยหลังเลย ดังนั้นเรียกว่า คน
ฉลาด นั้นเรียกว่าฉลาดจริง ๆ นะ ไม่เผลอจริง ๆ ละ การไม่
เผลอเช่นนั้นละ จะเข้าถึงดวงธรรมเป็นลำดับไป ฯ


"บุคคลผู้ประสงค์จะแก้บาปนั้น
นอกจากการนั้งสมาธิภาวนาแล้ว
ไม่มีวิธีอย่างอื่นที่จะแก้ได้
...เพราะมีอานิสงส์มาก
เป็นวิธีแก้จิตที่เป็นบาปให้กลับมาเป็นบุญได้
แก้จิตที่เป็นโลกีย์ให้เป็นโลกุตระได้
เมื่อแก้จิตให้บริสุทธิ์ดีแล้ว
บาปอกุศลก็หลุดหายไปเอง
พึงเห็นองคุลิมาลเป็นตัวอย่าง"

-หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม-

อย่าทะนงตน คิดว่าเราเป็นคนดี ถ้าคิดว่าดีเป็นผู้วิเศษเมื่อไร เมื่อนั้นแหละกรรมใหญ่ อันตรายใหญ่จะมาถึงท่าน ที่เราเรียกกันว่าความประมาท .
...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ...


มะลิ เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักบริสุทธิ์
ความกตัญญูรู้คุณ พ่อ-แม่ มะลิจึงถูกจัดเป็น
ไม้มงคลประจำบ้าน เป็นเวลาช้านานมาแล้ว
ปลูกเลี้ยงมะลิไว้ในอาณาบริเวณบ้านจะเสริมสิริมงคล
ดลจิตใจให้สงบสุข ให้คุณค่าทาง ความรัก และความดีงาม

ต้นมะลิเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก
สูงได้เกินกว่า 1 เมตร ใบมน ปลายแหลม สีเขียวสด
ดอกสีขาวออกเป็นช่อสวย มีกลิ่นหอมกลุ่น

มะลิที่ถือเป็นไม้มงคล คือ มะลิธรรมดา
มะลิวัลย์ มะลิซ้อน มะลิฉัตร และ มะลิพวง

ควรปลูกเลี้ยงด้วยดินร่วนซุ่ย
ให้ปุ๋ยทุกเดือนครึ่ง รดน้ำทุก 2-3 วัน มะลิถูกแดดได้
แต่ต้องคอยดูแลพุ่มอย่า ให้ทึบจนถูกหนอนเจาะได้ง่าย


เกิดมาทั้งที มีรางวัล คือ "ความแก่" กับวันเกิดของมนุษย์เรา...
..... สิ่งที่มีค่าที่สุดในวันเกิด... คือ
"ประสบการณ์ที่สอนเรามาตลอดชั่วระยะเวลาดำเนินไป"...
..... สิ่งที่ไม่มีค่าที่สุดในวันเกิด... คือ
... "การเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากหายใจ"...
.... ในโอกาสครบวันคล้ายวันเกิดหรืออยากทำวันนี้ให้มีความหมาย...
พีเจว่ามีข้อคิดสะกิดใจมาให้คิดกัน... ดังนี้ คือ
๑.) ๓ สิ่งที่ควรเกลียด คือ
..... ความดุร้าย ความหยิ่ง ความอกตัญญู...
๒.) ๓ สิ่งที่ควรเคารพ คือ
..... ศาสนา ความยุติธรรม ความประพฤติตนเป็นประโยชน์...
๓.) ๓ สิ่งที่ควรหวงแหน คือ
..... ชื่อเสียงยศศักดิ์ บ้านเมืองของตน มิตรสหาย...
. พระมหานวพล กลฺยาณเมธี

ไม่ว่าจะทำสิ่งใดในชีวิต การรู้จักพิจารณาอย่างแยบคายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อเป็นเครื่องมือตรวจตราชีวิต ให้มีแนวทางที่จะนำปสู่ความสุขที่สมดุล เพราะคราใดที่เราใส่ใจด้วยความรัก ชีวิตที่หงอยเหงาย่อมเปลี่ยนเป็นความสดใส และกล้าที่จะลุกขึ้นสู้กับปัญหาต่าง ๆ ที่มารุมเร้า จนทำให้เราไม่ต้องกลัวที่จะอยู่กับมัน แม้สิ่งนั้น ๆ จะทำให้เราเจ็บตัวบ้างก็ตาม..(ที่มา : ชุติปัญโญ)


"ลองลดความคาดหวังดูบ้าง
ยอมรับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
คุณจะพบว่าจิตนิ่งขึ้นและดิ้นน้อยลง
จะว่าไปแล้วความทุกข์นั้นมิได้มาจากไหน
แต่มาจากใจที่ดิ้นรนขัดขืนเพราะไม่ยอมรับ
...ความจริงนั่นเอง"

- พระไพศาล วิสาโล


ความเป็นพระอยู่ที่การละกิเลส
ความเป็นคนอยู่ที่การทำดี
มิใช่อื่นใดเลย....

ในทางอภิธรรม...ขณะที่เห็นสิ่งใด ขณะนั้น"จิต"เห็น หลังจากนั้น ชอบหรือไม่ชอบ เป็น"เจตสิก"เกิดพร้อมจิตดับพร้อมจิต สติระลึกได้ผู้ค้นพบคือ"พุทธะ"


ราตั้งใจแบบเดียวกับพระพุทธเจ้า ท่านตั้งอย่างไร ท่านทำอย่างไร ท่านสอนอย่างไร ท่านก็สอนว่า ท่านสอนพวกเราให้อดใจ ให้อดทนคืออดใจ อดใจเวลาโลภหรืออภิชฌาเกิดขึ้น หยุดนิ่งเสีย รู้นี่รสชาติอภิชฌา อยากจะได้สมบัติของคนอื่นเป็นของ ๆ ตน อยากกว้างขวาง ใหญ่โตไปข้างหน้า ต้องหยุดเสีย อดทนหรืออดใจเสีย ประเดี๋ยวก็ดับไป ดับไปด้วยอะไร ด้วยความอดทน คืออดใจนั่นแหละ ความโกรธประทุษร้ายเกิดขึ้น นิ่งเสีย อดเสีย ไม่ให้คนได้ยิน ไม่ให้คนอื่นรู้กิริยาท่าทางทีเดียว ไม่แสดงกิริยามารยาทให้ทะเลิกทะลัก แปลกประหลาดอย่างผีเข้าทีเดียว ไม่รู้ทีเดียว นิ่งเสีย ประเดี๋ยวหนึ่ง ความโกรธประทุษร้ายหายไป ดับไป พยาบาทนั้นหายไป มิจฉาทิฏฐิเกิดขึ้น มิจฉาทิฏฐินั้นแปลว่าเห็นผิดละ รู้อะไรไม่จริงสักอย่าง เลอะ ๆ เทอะ ๆ เกิดขึ้น หยุดเสีย ไม่ช้าประเดี๋ยวดับไป


การพิจารณาธรรมมี 2 ระดับ

เรื่องการพิจารณานั้นมันมี 2 ระดับ

ระดับแรก เป็นขั้นที่เราจงใจพิจารณา เป็นการน้อมนึกเอา
เช่นน้อมนึกพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม เป็นไตรลักษณ์
หรือพิจารณาลงไปที่สิ่งที่เรายึดถือ ว่าเป็นไตรลักษณ์
ขั้นนี้เป็นอุบายวิธีอบรมจิต ให้รู้จักวางเสียบ้างชั่วขณะ
เพื่อรวมสงบเข้ามาภายใน (เป็นการทำสมถะ)
เมื่อจิตรวมลงแล้ว หากจิตพอใจจะสงบ
มันจะไปสงบตัวอยู่เฉยๆ เป็นการพักผ่อนในภูมิของสมถะ
หรือมันอาจจะดำเนินวิปัสสนาอันเป็นระดับถัดไปก็ได้
แต่หากมันรวมแล้ว ไปค้างคานิ่งเฉยอยู่เพียงนั้นทุกที
ไม่ใช่การพักผ่อนในภูมิสมถะเป็นครั้งคราว
ก็อาจจะต้องพิจารณาจิตและอารมณ์ภายในต่อไปอีก
เพื่อไม่ให้ไปติดอยู่เพียงแค่นั้น

ระดับที่ 2 เป็นการดำเนินเองของจิตที่รวมลงเป็นสัมมาสมาธิแล้ว
คือจิตเขาจะพิจารณาแยกรูปนาม หรืออารมณ์ที่จิตไปรู้ไปเห็นโดยอัตโนมัติ
เหมือนที่จิตผมวิ่งออกไปพิจารณามูลสุนัขจนกระจายออกเป็นอนัตตา
หรือบางครั้งจิตก็รู้อารมณ์ภายใน พิจารณาแยกแยะอารมณ์ภายในลงเป็นไตรลักษณ์
ขอย้ำตรงที่ว่า จิตเขาดำเนินเอง ไม่ใช่เราจงใจพิจารณา
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านจึงสอนว่า
“วิปัสสนาแท้เริ่มที่หมดความจงใจ”
ในขั้นนี้ เราไม่สามารถจงใจกระทำอะไรต่อไปได้หรอก


สติมา..ปัญญาเกิด..ประเสริฐแท้
พุทธวจนะแผ่..แพร่คำสอน
มวลมนุษย์..หลุดพ้นได้..ต้องไถ่ถอน
ละวางก่อน..ถอนหมดสิ้น..จินต์คลายคืน*

เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2012, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6232 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2012, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ ขือยืมไปแบ่งปันนะครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2012, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


คำด่าlสอนธรรมะอะไรให้เราบ้าง ?..@

(๑) คำด่า คือ กระจกเงาสะท้อน
ความบกพร่องของงานที่เราทำ

(๒) คำด่า มักแฝงคำแนะนำมาด้วยเสมอ

(๓) คำด่า บอกเราว่า สิ่งที่เราทำอยู่
นั้นหากมีคนที่คิดไม่เหมือนเราเขามองดูอยู่
เขาเห็นอะไรในสิ่งที่เรามองไม่เห็นบ้าง

(๔) คำด่า คือ กระดาษทรายอย่างดี
ที่คอยขัดสีฉวีวรรณให้เรามีความกลมกล่อมลงตัว
เหมือนพระประธานที่ต้องถูกกระดาษทราย
ขัดสีฉวีวรรณจนผุดผ่อง

(๕) คำด่า ทำให้เราไม่ประมาทผลีผลาม
ทำอะไรด้วยความเชื่อมั่นมากเกินไป

(๖) คำด่า ทำให้รู้ว่า มีคนรักหรือ
เกลียดเรามากน้อยแค่ไหน

(๗) คำด่า ทำให้รู้ว่า อย่างน้อยก็มีคนสนใจ
ในสิ่งที่เราทำ หรืออย่างน้อย สิ่งที่เราทำ
มันกำลังส่งผลอย่างใดอย่างหนึ่ง
จึงมีคนอุทิศตนมาสนใจและด่าอย่างเป็นงานเป็นการ

(๘) คำด่า จะทำให้เราได้หันกลับมาดู
ภูมิธรรมของตนเองว่า เข้มแข็งมากน้อยแค่ไหน
เมื่อทุกข์กระทบแล้วธรรมกระเทือน
หรือกิเลสกระเทือน ถ้า ธรรมกระเทือน
แสดงว่าเราฝึกตนเองมาดี
แต่ถ้ากิเลสกระเทือนแสดงว่า
ต้องกลับไปฝึกจิตตัวเองใหม่ให้เข้มแข็งกว่านี้

(๙) คำด่า ทำให้เราได้รู้ว่า
ในโลกนี้ไม่มีใครหนีโลกธรรม ๘ ได้

(ได้ลาภ เสื่อมลาภ,ได้ยศ เสื่อมยศ,
มีสรรเสริญ นินทา,สุข ทุกข์) เป็นธรรมดาของคู่กัน


กรรมใดเคยก่อสร้าง ... ปางบรรพ์
ดีชั่วผลตามทัน ... ส่งให้
เกิดตายมลายขันธ์ ... หลีกหลบ ได้ฤา
ดีชั่วตัวทำไว้ ... สิ่งนั้นตามสนอง

เขมจิตฺตภิกขุ ...

ลด อะไรไม่สำคัญเท่ากับลด อัตตา
พบ อะไรไม่สำคัญเท่ากับพบ ธัมมา
เห็น อะไรไม่สำคัญเท่ากับเห็น ไตรลักษณ์
ถึง อะไรไม่สำคัญเท่ากับเข้าถึง แก่นธรรม ...


พระสารีบุตร พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญท่านไว้เป็นอันมาก ดังเช่นที่พระองค์ตรัส

ไว้ว่า สารีบุตรอยู่ที่ทิศหรือสถานที่ใด ทิศหรือสถานที่นั้นก็เหมือนมีพระพุทธเจ้าเพราะ

พระสารีบุตรมีปัญญามาก และพระสารีบุตรยังมีพระคุณที่ทำให้เราได้มีโอกาสศึกษาพระ

ธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วย ในพระธรรมที่มี 84000 พระธรรมขันธ์ 2000 พระ-

ธรรมขันธ์ เป็นคำที่พระสารีบุตรกล่าวไว้

พระอานนท์กล่าวไว้ว่า

ธรรมเหล่าใด ที่ขึ้นปากขึ้นใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้า

เรียนธรรมเหล่านั้นจากพระพุทธเจ้า ๘๒,๐๐๐ พระ

ธรรมขันธ์ เรียนจากภิกษุ ๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

รวม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์.

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 426

อรรถกถาจุนทสูตร

พระธรรมเสนาบดี สารีบุตร แสดงวัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ไปที่พัก

กลางวัน. เพื่อนเหล่าอันเตวาสิกในที่นั้นแสดงวัตรหลีกไปแล้ว ท่านจึงกวาดที่

พักกลางวัน ปูแผ่นหนัง ล้างเท้าแล้วนั่งคู้บัลลังก์เข้าผลสมาบัติ. ลำดับนั้น

เมื่อท่านออกจากผลสมาบัตินั้น ตามกำหนดแล้ว เกิดความปริวิตกนี้ว่า พระ

พุทธเจ้าทั้งหลาย จักปรินิพพานก่อนหรือหนอ หรือว่าพระอัครสาวกปรินิพพาน

ก่อน. แต่นั้นรู้แล้วว่า พระอัครสาวกปรินิพพานก่อน แล้วจึงตรวจดูอายุ

สังขารของตน รู้แล้วว่า อายุสังขารของเราจักเป็นไปได้เพียง ๗ วัน เท่านั้น

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 429

พระเถระได้เหยียดมือมีสีดังครั่งสด แล้วจีบที่ข้อพระบาท เช่นกับลายเต่าทอง

ของพระศาสดา พลางกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์บำเพ็ญ

บารมีมาหนึ่งอสงไขยกำไรแสนกัป ก็เพื่อถวายบังคมพระบาททั้งสองนี้ของ

พระองค์ มโนรถของข้าพระองค์ถึงที่สุดแล้ว บัดนี้ แต่นี้ไปการประชุมกันใน

ที่เดียวกันด้วยอำนาจปฏิสนธิจะมิได้มีอีกแล้ว สมาคมก็จะมิได้มี ความคุ้นเคย

กันได้ขาดแล้ว ข้าพระองค์จักเข้าเมือง คือ พระนิพพาน ที่ไม่แก่ ไม่ตาย เกษม

มีสุข เย็นสนิทไม่มีภัย ที่พระพุทธเจ้าหลายแสนพระองค์เข้าไปแล้ว


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 429

ถ้าว่า พระองค์ไม่ทรงชอบพระทัย โทษไร ๆ ของข้าพระองค์ ที่เป็นไปทาง

กายหรือทางวาจา ขอพระองค์ทรงอดโทษนั้นด้วย ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า

นี้เป็นการไปของข้าพระองค์แล้ว.

พ. สารีบุตร เราอดโทษต่อเธอ ก็โทษไร ๆ ขอเธอที่เป็นไปทาง

กาย หรือทางวาจา ที่ไม่ชอบใจเราไม่มีเลย สารีบุตร บัดนี้เธอจงสำคัญ

กาลอันควรเถิด.

เมื่อท่านพระสารีบุตรพถวายบังคมพระบาทพระศาสดา ลุกขึ้นใน

ลำดับที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตแล้ว แผ่นดินใหญ่แม้ที่กำหนดนับด้วย

ภูเขาสิเนรุ ภูเขาจักรวาล ภูเขาหิมพานต์ และภูเขาบริภัณฑ์ ร้องขึ้นพร้อม

กันดุจกล่าวว่า เราไม่อาจจะทรงกองแห่งพระคุณนี้ไว้ได้ในวันนี้ ได้ไหวแล้ว

จนถึงน้ำเป็นที่สุด

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 430

พระเถระทำประทักษิณ ๓ ครั้งแล้ว ถวายบังคมในที่ ๔ แห่ง กราบทูล

แล้วว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าเลยไปหนึ่งอสงไขย กำไรแสนกัปแต่กัปนี้ไป

ข้าพระองค์หมอบลงที่ใกล้พระบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า

อโนมทัสสี ปรารถนาเห็นพระองค์ ความปรารถนาของข้าพระองค์นั้นสำเร็จแล้ว

ข้าพระองค์เห็นพระองค์แล้ว เป็นการเห็นครั้งแรก นี้เป็นการเห็นครั้งสุดท้าย

การได้เห็น พระองค์ไม่ได้มีอีกแล้ว ดังนี้ แล้วประคองอัญชลี ซึ่งรุ่งเรื่องด้วยการ

ประชุมแห่งนิ้วทั้งสิบ หันหน้าเฉพาะตราบเท่าที่ที่จะเห็นได้ ถอยกลับแล้วถวาย

บังคมแล้วหลีกไป. มหาปฐพีไม่อาจจะทรงไว้ได้ ไหวจนถึงน้ำรองรับแผ่นดิน.

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 432

เมื่อนางพราหมณี เห็นพวกเทวดา เทวดาเหล่านี้ ไหว้บุตรของเราแล้วก็ไป

.....................

ม. พ่อยังใหญ่กว่ามหาพรหมพระเจ้าของโยมหรือ.

ส. ใช่ อุบาสิกา เล่ากันมาว่า ชื่อว่ามหาพรหม ๔ เหล่านั้น วันที่

พระศาสดาของพวกเราประสูติ เอาข่ายทองรองรับพระมหาบุรุษ.

ขณะนั้น เมื่อนางพราหมณีคิดว่า เพียงลูกของเรายังมีอานุภาพเท่า

นี้ พระศาสดาซึ่งเป็นพระเจ้าของลูกเราจักมีอานุภาพขนาดไหนหนอ พลันปีติ

ห้าอย่างเกิดขึ้นแผ่ไปทั่วสรีระ. พระเถระคิดว่า ปีติโสมนัสเกิดขึ้นแล้วแก่มารดา

เที่ยว. บัดนี้เป็นเวลาสมควรแสดงธรรม จึงกล่าวว่า มหาอุบาสิกา ท่านกำลัง

ม. พ่อ แม่กำลังคิดถึงเห็นว่า เพียงลูกเรายังมีคุณถึงเพียงนี้ แล้ว

ศาสดาของลูกนั้นจะขนาดไหน.

ส. มหาอุบาสิกา ในขณะที่พระศาสดาของอาตมาประสูติ ในขณะเสด็จ

ออกผนวช ในขณะตรัสรู้ และในขณะประกาศธรรมจักร หมื่นโลกธาตุหวั่น

ไหวแล้ว ขึ้นชื่อว่าผู้ที่เสมอด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติและวิมุตติญาณทัส-

สนะไม่มี แล้วก็แสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับพระคุณของพระพุทธเจ้า ที่ขยาย

ให้พิสดารว่า แม้เพราะเหตุนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ดังนี้ เป็นต้น.

เวลาจบธรรมเทศนาของลูกรัก นางพราหมณี ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล

แล้ว จึงกล่าวกับลูกว่า พ่ออุปติสสะ ทำไม พ่อจึงทำอย่างนั้น พ่อไม่ได้ให้

อมตธรรมเห็นปานนี้แก่แม่ตลอดกาลเท่านี้. พระเถระคิดว่า บัดนี้เราให้

เท่านี้ก็ควรแก่มารดาแล้ว ค่าเลี้ยงดู สำหรับแม่พราหมณีสารี จักควรด้วย

เหตุเท่านี้

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 435

ลำดับนั้น พระเถระดึงมหาจีวรมาปิดหน้า นอนโดยข้างขวา เข้า

สมาบัติ ๙ ตามลำดับสมาบัติทั้งโดยอนุโลมและปฏิโลม เหมือนพระศาสดา

แต่ว่าเข้าต้นแต่ปฐมฌานจนถึงจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานนั้นแล้ว ให้

มหาปฐพีสั่นสะเทือนในทันใดนั้นเอง ปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน

ธาตุ.

อุบาสิกาคิดว่า ลูกของเราไม่กล่าวอะไรเลยหรือหนอ ลุกขึ้นนวดหลัง

เท้ารู้ว่าปรินิพพานแล้ว เปล่งเสียงดังหมอบที่เท้า กล่าวว่า พ่อ พวกเราไม่รู้

คุณของพ่อ ก่อนแต่นี้ ก็บัดนี้แม่ไม่ได้เพื่อนิมนต์ภิกษุร้อยหลายพัน หลายแสน

ตั้งต้นแต่พ่อให้นั่งฉันในนิเวศน์นี้ ไม่ได้เพื่อให้นุ่งห่มด้วยจีวร ได้เพื่อให้สร้าง

วิหารเป็นพัน ดังนี้ คร่ำครวญอยู่แล้ว จนถึงอรุณขึ้น.


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2012, 22:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6193 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2012, 17:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ถาม สวดมนต์แต่ไม่รู้ความหมายหรือคำแปล จะได้ประโยชน์อย่างไร

ตอบ ก่อนอื่นขอแยกคำตอบเป็นประเด็นหลักสี่ประเด็นคือ ศีล สมาธิ สติ ปัญญา การสวดมนต์หากสวดด้วยจิตเป็นสมาธิ มีอารมณ์เดียวอยู่ที่คำสวด ภาวนา (เรียกว่า วิตก วิจาร)
ในประเด็นศีล ย่อมยังศีลให้บริบูรณ์ชั่วขณะนั้น เพราะขณะเราสวดมนต์ ย่อมไม่มีจิตคิดเบียดเบียนทำร้ายใคร

ในประเด็นสมาธิ จิตที่สวดเป็นอารมณ์เดียว แม้ไม่เข้าใจความหมาย แต่เกิดปิติ สุข ได้ ก็สามารถบรรลุปฐมฌานได้ ได้บุญเพราะจิตผ่องใส ไม่เช่นนั้นในนิทานธรรมบท กบก็ดี ค้างคาวก็ดี ที่ตายในขณะดื่มด่ำกับเสียงธรรมเทศนาคงไม่มีที่หมายเป็นสวรรค์แน่ๆ

ในประเด็นสติ การสวดมนต์ยังจิตให้ผ่องใส สัมมาสติเกิดในจิตที่ผ่องใสเสมอ เมื่อเราสวดมนต์ย่อมรู้ชัดอยู่ในกิริยาที่สวด ในคำสวด สติย่อมมีแก่เราในขณะนั้น

ในประเด็นปัญญา การสวดที่ไม่รู้คำแปลหรือความหมายย่อมไม่อาจยังปัญญาให้เกิดได้ แต่อย่างไรก็ดี ย่อมสั่งสมเป็นสัญญาคือความจำได้หมายรู้ เมื่อวันหนึ่งที่องค์ความรู้เรามากขึ้น วิญญาณจะทำหน้าที่รู้แจ้งในสัญญาที่จำมา ปัญญาจะทำหน้าที่รู้ชัด แทงตลอดในคำสอนที่อยู่ในบทสวดนั้น


อย่าไปข่มความรู้สึก อย่าไปบังคับจิตให้สงบ นึกพุทโธๆๆเอาไว้ อย่าไปนึกว่าเมื่อใดจิตจะสงบ เมื่อใดจิตจะรู้ เมื่อใดจิตจะสว่าง ให้กำหนดรู้ลงที่จิตอย่างเดียว

นึกพุทโธๆๆ พุทโธก็อยู่กับจิต จิตก็อยู่กับพุทโธ เมื่อมีการตั้งใจนึกพุทโธ สติสัมปชัญญะจะมาเอง หน้าที่เพียงนึกพุทโธๆๆไว้จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร จิตจะสงบหรือไม่สงบไม่สำคัญ ให้เรานึกพุทโธไว้โดยไม่ขาดระยะเป็นเวลานานๆ จนกระทั่งจิตมันคล่องตัวต่อการนึกพุทโธ

ในที่สุดจิตจะนึกพุทโธๆๆเองโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อจิตนึกพุทโธเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แสดงว่าการภาวนาของเรากำลังจะได้ผลแล้ว

ในเมื่อจิตนึกอยู่ที่พุทโธๆๆ พุทโธก็เป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติ เมื่อจิตมีเครื่องรู้ สติมีเครื่องระลึก ผู้ปฏิบัติตั้งใจปฏิบัติให้มากๆ กระทำให้มากๆในที่สุดจิตจะเกิดความสงบ

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


"เห็นเสือหมอบ อย่าเชื่อ ว่าเสือไหว้
เผลอเมื่อไร เสือกิน สิ้นทั้งขน
คนต้องเกรง เยงยำ น้ำใจคน
เขาถ่อมตน อย่าเหมา ว่าเขากลัว



ความสุขที่แท้จริง ย่อมเกิดจาก บุญกุศล คือ ความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ
ใจที่พ้นจากทุกข์โทษความดิ้นรน ไม่มีกระสับกระส่ายเดือดร้อนกระวนกระวาย
ถ้าใครมานั่งหลงโลกติดโลก ว่ามันเป็นของดีวิเศษวิโสอยู่นั่น
มิใช่นิสัยของบัณฑิตผู้ใฝ่ใจในธรรมของพระพุทธเจ้า

เพราะฉะนั้นเราจงพากันตั้งอกตั้งใจประกอบบุญกุศล
เพื่อจะให้เป็นทางที่พ้นไปจากโลกนี้
นั่นแหละ่จะเป็นหนทางที่ถูกต้อง

โอวาทธรรม
ของพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจารย์
(พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ



ประเพณี...ลอยกระทง...มีมานาน
เพื่อกราบกราน...สิ่งศักดิ์สิทธิ์...ที่เราเชื่อ
ต่อแม่พระ...คงคา...ที่จุนเจือ
ต่อพระนารายณ์...ที่เอื้อเฟื้อ...เสมอมา

เพื่อต้อนรับ...พระสัมมา...สัมพุทธเจ้า
จากสวรรค์...ชั้นดาวดึงส์นี่หนา

เพื่อแสดง...พระธรรม...ต่อมารดา
เพื่อบูชา...รอยพระบาท...ที่เกิดมี

เพื่อบูชา...เกศา...พระพุทธองค์
เพื่อน้อมส่ง...ท้าวพกาพรหม...พรหมโลกนี้
เพื่อบูชา...พระอุปคุตตะ...เถระบารมี
อยู่ยังที่...สะดือทะเล...น้อมบูชา


เมตตาอภัย ให้ใจปล่อยวาง
โกรธ คือ กรรม
เกลียด คือ เวร
ทุกข์ คือ เจ็บ
ปลง คือ จบ
สงบ คือ ดี
โกรธเขา ก็สร้างกรรม
เกลียดเขา ก็สร้างเวร
มีทุกข์มันก็เจ็บ
ปลงเสียมันก็จบ
สงบได้มันจะดี ..


พระศาสดาตรัสว่า

"คนตระหนี่ไปเทวโลกไม่ได้ คนพาลไม่สรรเสริญทาน ส่วนนักปราชญ์อนุโมทนาทานอยู่ จึงเป็นผู้มีความสุขในโลกหน้า เพราะการอนุโมทนานั้น"


ผู้รู้จริงจะไม่พูด ของจริงนั้นเป็นใบ้
ธรรมะแท้นั้นมีคุณค่าในตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องออกไปคุยโว
โม้แล้วจึงมีค่า ไม่จำเป็นต้อง
ให้คนอื่น มาให้รางวัลแล้วจึงมีค่า
ทองแท้ไม่ต้องการคำชม ....


ใครมีปาก อยากพูด ก็พูดไป
เรื่องอะไร ก็ช่าง อย่าฟังขาน
เราอย่าต่อ ก่อก้าว ให้ร้าวราน
ความรำคาญ ก็จะหาย สบายใจ"



เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงทรงเบื่อหน่ายโลก?
ก็เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า คนเราที่เกิดมาในโลกนี้
มีอะไรบ้างที่เป็นสิ่งสมใจของเรา? พ่อแม่หรือ?
ญาติพี่น้องหรือ? ข้าทาสบริวารหรือ? เพื่อนฝูงมิตรสหายหรือ?
เงินทองทรัพย์สมบัติหรือ? สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่จะสมใจเราสักอย่างเดียว


ใครบอกทำดี...ไม่ได้ดี
ทำดี ได้ดีเดี๋ยวนี้เลยนะ " ดีที่ใจ"
ใครไม่รู้ ใครไม่เห็น ช่างเขา
ใจเรารู้ ใจเราเห็น ... ใจเราดี เป็นสุขแล้ว


โลกนี้มิใช่ของเรา
แล้วเราจะมานั่งเฝ้าโลกกันอยู่อย่างนี้ละหรือ?
ไม่ช้าเราก็จะต้องจากมันไปอย่างแน่ๆ ดังนั้นเราจึงไม่น่าหลงติดอะไรอยู่

เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2012, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ถาม สวดมนต์แต่ไม่รู้ความหมายหรือคำแปล จะได้ประโยชน์อย่างไร

ตอบ ก่อนอื่นขอแยกคำตอบเป็นประเด็นหลักสี่ประเด็นคือ ศีล สมาธิ สติ ปัญญา การสวดมนต์หากสวดด้วยจิตเป็นสมาธิ มีอารมณ์เดียวอยู่ที่คำสวด ภาวนา (เรียกว่า วิตก วิจาร)
ในประเด็นศีล ย่อมยังศีลให้บริบูรณ์ชั่วขณะนั้น เพราะขณะเราสวดมนต์ ย่อมไม่มีจิตคิดเบียดเบียนทำร้ายใคร

ในประเด็นสมาธิ จิตที่สวดเป็นอารมณ์เดียว แม้ไม่เข้าใจความหมาย แต่เกิดปิติ สุข ได้ ก็สามารถบรรลุปฐมฌานได้ ได้บุญเพราะจิตผ่องใส ไม่เช่นนั้นในนิทานธรรมบท กบก็ดี ค้างคาวก็ดี ที่ตายในขณะดื่มด่ำกับเสียงธรรมเทศนาคงไม่มีที่หมายเป็นสวรรค์แน่ๆ

ในประเด็นสติ การสวดมนต์ยังจิตให้ผ่องใส สัมมาสติเกิดในจิตที่ผ่องใสเสมอ เมื่อเราสวดมนต์ย่อมรู้ชัดอยู่ในกิริยาที่สวด ในคำสวด สติย่อมมีแก่เราในขณะนั้น

ในประเด็นปัญญา การสวดที่ไม่รู้คำแปลหรือความหมายย่อมไม่อาจยังปัญญาให้เกิดได้ แต่อย่างไรก็ดี ย่อมสั่งสมเป็นสัญญาคือความจำได้หมายรู้ เมื่อวันหนึ่งที่องค์ความรู้เรามากขึ้น วิญญาณจะทำหน้าที่รู้แจ้งในสัญญาที่จำมา ปัญญาจะทำหน้าที่รู้ชัด แทงตลอดในคำสอนที่อยู่ในบทสวดนั้น


อย่าไปข่มความรู้สึก อย่าไปบังคับจิตให้สงบ นึกพุทโธๆๆเอาไว้ อย่าไปนึกว่าเมื่อใดจิตจะสงบ เมื่อใดจิตจะรู้ เมื่อใดจิตจะสว่าง ให้กำหนดรู้ลงที่จิตอย่างเดียว

นึกพุทโธๆๆ พุทโธก็อยู่กับจิต จิตก็อยู่กับพุทโธ เมื่อมีการตั้งใจนึกพุทโธ สติสัมปชัญญะจะมาเอง หน้าที่เพียงนึกพุทโธๆๆไว้จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร จิตจะสงบหรือไม่สงบไม่สำคัญ ให้เรานึกพุทโธไว้โดยไม่ขาดระยะเป็นเวลานานๆ จนกระทั่งจิตมันคล่องตัวต่อการนึกพุทโธ

ในที่สุดจิตจะนึกพุทโธๆๆเองโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อจิตนึกพุทโธเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แสดงว่าการภาวนาของเรากำลังจะได้ผลแล้ว

ในเมื่อจิตนึกอยู่ที่พุทโธๆๆ พุทโธก็เป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติ เมื่อจิตมีเครื่องรู้ สติมีเครื่องระลึก ผู้ปฏิบัติตั้งใจปฏิบัติให้มากๆ กระทำให้มากๆในที่สุดจิตจะเกิดความสงบ

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


"เห็นเสือหมอบ อย่าเชื่อ ว่าเสือไหว้
เผลอเมื่อไร เสือกิน สิ้นทั้งขน
คนต้องเกรง เยงยำ น้ำใจคน
เขาถ่อมตน อย่าเหมา ว่าเขากลัว



ความสุขที่แท้จริง ย่อมเกิดจาก บุญกุศล คือ ความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ
ใจที่พ้นจากทุกข์โทษความดิ้นรน ไม่มีกระสับกระส่ายเดือดร้อนกระวนกระวาย
ถ้าใครมานั่งหลงโลกติดโลก ว่ามันเป็นของดีวิเศษวิโสอยู่นั่น
มิใช่นิสัยของบัณฑิตผู้ใฝ่ใจในธรรมของพระพุทธเจ้า

เพราะฉะนั้นเราจงพากันตั้งอกตั้งใจประกอบบุญกุศล
เพื่อจะให้เป็นทางที่พ้นไปจากโลกนี้
นั่นแหละ่จะเป็นหนทางที่ถูกต้อง

โอวาทธรรม
ของพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจารย์
(พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ



ประเพณี...ลอยกระทง...มีมานาน
เพื่อกราบกราน...สิ่งศักดิ์สิทธิ์...ที่เราเชื่อ
ต่อแม่พระ...คงคา...ที่จุนเจือ
ต่อพระนารายณ์...ที่เอื้อเฟื้อ...เสมอมา

เพื่อต้อนรับ...พระสัมมา...สัมพุทธเจ้า
จากสวรรค์...ชั้นดาวดึงส์นี่หนา

เพื่อแสดง...พระธรรม...ต่อมารดา
เพื่อบูชา...รอยพระบาท...ที่เกิดมี

เพื่อบูชา...เกศา...พระพุทธองค์
เพื่อน้อมส่ง...ท้าวพกาพรหม...พรหมโลกนี้
เพื่อบูชา...พระอุปคุตตะ...เถระบารมี
อยู่ยังที่...สะดือทะเล...น้อมบูชา


เมตตาอภัย ให้ใจปล่อยวาง
โกรธ คือ กรรม
เกลียด คือ เวร
ทุกข์ คือ เจ็บ
ปลง คือ จบ
สงบ คือ ดี
โกรธเขา ก็สร้างกรรม
เกลียดเขา ก็สร้างเวร
มีทุกข์มันก็เจ็บ
ปลงเสียมันก็จบ
สงบได้มันจะดี ..


พระศาสดาตรัสว่า

"คนตระหนี่ไปเทวโลกไม่ได้ คนพาลไม่สรรเสริญทาน ส่วนนักปราชญ์อนุโมทนาทานอยู่ จึงเป็นผู้มีความสุขในโลกหน้า เพราะการอนุโมทนานั้น"


ผู้รู้จริงจะไม่พูด ของจริงนั้นเป็นใบ้
ธรรมะแท้นั้นมีคุณค่าในตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องออกไปคุยโว
โม้แล้วจึงมีค่า ไม่จำเป็นต้อง
ให้คนอื่น มาให้รางวัลแล้วจึงมีค่า
ทองแท้ไม่ต้องการคำชม ....


ใครมีปาก อยากพูด ก็พูดไป
เรื่องอะไร ก็ช่าง อย่าฟังขาน
เราอย่าต่อ ก่อก้าว ให้ร้าวราน
ความรำคาญ ก็จะหาย สบายใจ"



เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงทรงเบื่อหน่ายโลก?
ก็เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า คนเราที่เกิดมาในโลกนี้
มีอะไรบ้างที่เป็นสิ่งสมใจของเรา? พ่อแม่หรือ?
ญาติพี่น้องหรือ? ข้าทาสบริวารหรือ? เพื่อนฝูงมิตรสหายหรือ?
เงินทองทรัพย์สมบัติหรือ? สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่จะสมใจเราสักอย่างเดียว


ใครบอกทำดี...ไม่ได้ดี
ทำดี ได้ดีเดี๋ยวนี้เลยนะ " ดีที่ใจ"
ใครไม่รู้ ใครไม่เห็น ช่างเขา
ใจเรารู้ ใจเราเห็น ... ใจเราดี เป็นสุขแล้ว


โลกนี้มิใช่ของเรา
แล้วเราจะมานั่งเฝ้าโลกกันอยู่อย่างนี้ละหรือ?
ไม่ช้าเราก็จะต้องจากมันไปอย่างแน่ๆ ดังนั้นเราจึงไม่น่าหลงติดอะไรอยู่

เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2012, 22:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 6169 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2012, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องสัมพหุลภิกขุ

ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภการสนทนา

ของภิกษุมากรูปด้วยกัน ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "สุโข พุทฺธาน-

มุปฺปาโท " เป็นต้น.

ความเห็นในปัญหาต่าง ๆ กัน

ความพิสดารว่า วันหนึ่ง ภิกษุ ๕๐๐ รูปนั่งในศาลาเป็นที่บำรุง

สนทนากันว่า "ผู้มีอายุทั้งหลาย อะไรหนอแล เป็นสุขในโลกนี้ ?"

บรรดาภิกษุเหล่านั้น บางพวกกล่าวว่า "ชื่อว่าสุข เช่นกับด้วยสุข

ในราชสมบัติ ย่อมไม่มี" บางพวกกล่าวว่า " ชื่อว่าสุข เช่นกับด้วยสุข

ในกาม ย่อมไม่มี" บางพวกกล่าวว่า " ชื่อว่าสุข เช่นกับด้วยสุขอันเกิด

แต่การบริโภคข้าวสาลีและเนื้อ ย่อมไม่มี. "

พระศาสดาทรงแก้ปัญหานั้น

พระศาสดา เสด็จมาสู่ที่ ๆ ภิกษุเหล่านั้นนั่งแล้ว ตรัสถามว่า

"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมกัน ด้วยถ้อยคำอะไรหนอ?"

เมื่อภิกษุเหล่านั้น กราบทูลว่า "ด้วยถ้อยคำชื่อนี้" จึงตรัสว่า "ดูกร ภิกษุ

ทั้งหลาย พวกเธอกล่าวอะไร ? ก็ความสุขนี้แม้ทั้งหมด นับเนื่องด้วยทุกข์

ในวัฏฏะทั้งนั้น แต่เหตุนี้เท่านั้น คือ ความเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้า การ

ฟังธรรม ความพร้อมเพรียงของหมู่ ความเป็นผู้ปรองดองกัน เป็นสุขใน

โลกนี้ " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-

สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท สุขา สทฺธมฺมเทสนา

สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานํ ตโป สุโข.

คำแปล

"ความเกิดขึ้นเเห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นเหตุ

นำสุขมา, การแสดงธรรมของสัตบุรุษ เป็นเหตุ

นำสุขมา, ความพร้อมเพรียงของหมู่ เป็นเหตุนำสุข

มา, ความเพียรของชนผู้พร้อมเพรียงกัน เป็นเหตุนำ

สุขมา."

แก้อรรถ

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า พุทฺธานมุปฺปาโท ความว่า พระ-

พุทธเจ้าทั้งหลาย เมื่อทรงอุบัติขึ้น ย่อมยังมหาชนให้ข้ามจากความกันดาร

ทั้งหลาย มีความกันดารคือราคะเป็นต้น เหตุใด เหตุนั้น ความเกิดขึ้น

แห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จึงชื่อว่าเป็นเหตุนำสุขมา

สัตว์ทั้งหลายผู้มีทุกข์มีชาติเป็นต้นเป็นธรรม อาศัยการแสดงธรรมของ

สัตบุรุษ ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งหลาย มีชาติเป็นต้น เหตุใด เหตุนั้น การแสดง

ธรรมของสัตบุรุษจึงชื่อว่าเป็นเหตุนำสุขมา

ความเป็นผู้มีจิตเสมอกัน ชื่อว่า สามัคคี. แม้สามัคคีนั้น ก็ชื่อว่าเป็นเหตุ

นำสุขมาโดยแท้

อนึ่ง การเรียนพระพุทธพจน์ก็ดี การรักษาธุดงค์ทั้งหลายก็ดี การทำสมณ

ธรรมก็ดี ของเหล่าชนผู้พร้อมเพรียงกัน คือผู้มีจิตเป็นอันเดียวกัน เป็นเหตุนำ

สุขมา เหตุใด,เหตุนั้น พระศาสดาจึงตรัสว่า "สมคฺคานํ ตโป สุโข" เพราะเหตุ

นั้นนั่นแหละ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้ว่า "ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็พวกภิกษุ

จักพร้อมเพรียงกันประชุม, จักพร้อมเพรียงกันเลิก (ประชุม), จักพร้อมเพรียง

กันทำกิจที่ควรทำของหมู่, ตลอดกาลเพียงใด; ภิกษุทั้งหลายความเจริญฝ่าย

เดียว อันภิกษุทั้งหลายพึงหวังได้, ความเสื่อมอันภิกษุทั้งหลายไม่พึงหวังได้

ตลอดกาลเพียงนั้น"

ในกาลจบเทศนา ภิกษุเป็นอันมากตั้งอยู่ในอรหัตผลแล้ว. เทศนาได้มี

ประโยชน์แม้แก่มหาชนแล้ว ดังนี้แล.





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2012, 23:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 6133 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโืืมทนาแล้วๆๆ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2012, 01:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร