เคยทำงานกลุ่มมั๊ยครับ หลายครั้งเมื่อเราทำงานกลุ่มแล้วมักเจอกับปัญหาในเรื่องการแสดงความคิด เรามีวิธีในการแก้ปัญหาอย่างไร มาดูกัน

เมื่อเราต้องทำงานกลุ่ม จะต้องมีการระดมความคิดวางแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้งานที่ทำนั้นออกมาดีที่สุด แต่บ่อยครั้งเรามักเจอกับคนที่ชอบเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ อาจเป็นเพราะตนเองมีพักพวกเยอะในกลุ่ม หรือคิดว่าตัวเองแน่อยู่คนเดียว จึงมองข้ามความสำคัญของเพื่อนร่วมกลุ่ม ทำให้งานออกมาไม่ดี หรือไม่ดีเท่าที่ควร อะไรคือดี อะไรคือไม่ดี

คำว่าดี หมายความว่างานที่ทำออกมานั้นทุกคนในกลุ่มพอใจ ผู้ที่ประเมินงานของเราก็พอใจ จึงจะเรียกได้ว่าดี

บ่อยครั้งเมื่อเราแสดงความคิดเห็น แล้วมีคนสองคนในกลุ่มบอกว่าไม่ดี ไม่ควรเป็นอย่างนั้นนะ ไม่เป็นไร ไหนคุณลองเสนอความคิดมาสิ่ เมื่อเขาเสนอมา บางทีเข้าท่าบ้างไม่เข้าท่าบ้าง อ่ะ ไม่เป็นไร แล้วคนอื่นล่ะคิดยังไง มีอะไรเพิ่มเติมมั่ง (เงียบ คือขอให้งานเสร็จก็พอละ พวกนี้เอาเปรียบ ไม่ดีๆ) บางทีมันเยอะไปหรือน้อยไป เราก็ถามว่า เพิ่มตรงนั้นอีกดีมั้ย ตรงนี้มันเยอะไป ลดหน่อยนึงดีมั๊ยเกรงว่าจะเกินเวลา หรือปรับเป็นอย่างนี้คิดว่าเป็นไงบ้าง มันอาจจะดูดีนะ(คือถามความเห็นน่ะ) กลายเป็นว่า อย่ามาจู้จี้กับความคิดของฉัน(คนเดียว) ฉันคิดก่อน เมื่อฉันคิดแล้วทุกคนต้องทำตาม ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ เพราะความคิดฉันถือว่าสุดยอดแล้ว ถ้าจู้จี้มากก็ทำไปคนเดียวแล้วกันนะ หรือไม่ก็แยกกลุ่มไป(คือตัวเองแน่มาก ว่างั้น) เป็นงั้นไป

เจอแบบนี้ทำให้เราเหนื่อยใจไม่น้อยที่จะต้องทำงานกลุ่มกับคนพวกนี้ แต่บางทีก็จำใจนะ เพราะบางครั้งเราเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเลี่ยงไม่ได้แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะที่จะให้งานจบลงด้วยดี ก็คงต้องเออออห่อหมกกับเขาไปก่อน จะทำไรทำไป เรางดออกเสียง เขาใช้ให้เราทำไรให้ เออ ทำให้ไปก่อน คือให้ความร่วมมือกับเขาไปก่อน ผลตอบรับจากงานที่ทำจะออกมาดีก็ดีไป ออกมาไม่ดีก็ทำใจ เพราะเราต้องร่วมงานดับเขานี่นะ เลี่ยงไม่ได้ รอให้งานนี้จบลงด้วยดีก่อน แล้วก็อธิฐานว่า สาธุ คราวหน้าอย่าได้อยู่กลุ่มเดียวกับคนพวกนี้เลย ปลงครับปลง
จริงๆวิธีแก้มันคงมีไม่มากหรืออาจไม่มีนะ สำหรับคนพวกนี้ แต่เมื่อเราต้องประสพพบเจอ ทางแรกก็คือทำใจ ปล่อยเขาๆ

ใครเคยเจอบ้างเอ่ย.....ไม่ว่าจะเป็นงานโรงเรียน งานมหาลัย ทำรายงาน งานเปิดร้าน ออกบูธฯลฯ

http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic=201.0

http://www.oknation.net/blog/knowledge0 ... 13/entry-1


เราควรรู้จักคนแต่ละคนเป็นอย่างดีสมาชิกของทีมมักจะเป็นดังต่อไปนี้

เป็นนักคิด
สมาชิกประเภทนี้อาจเรียกว่าเป็น "คนเจ้าความคิด" เขามักเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่จะต้องกระทำและมักจะมีความคิดความอ่านและมีข้อเสนอแนะต่าง ๆ มากมาย นักคิดมักไม่ค่อยสนใจในรายละเอียดมากนัก โดยปกติแล้วสมาชิกของทีมประเภทนี้จะต้องถูกจัดการอย่างระมัดระวัง ให้เกียรติ ให้กำลังใจและแม้แต่การยกย่องให้เกิดความภาคภูมิใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถอนตัวออกไปจากทีมเสียก่อน

เป็นนักจัดองค์กร
การทำงานร่วมกับนักคิดที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้นซึ่งอาจเป็นนักจัดองค์กร ผู้ซึ่งชอบเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของทีมงานเสมอ เพื่อไปจัดการและจัดสรรงานและหน้าที่ต่าง ๆ เป็นคนเจ้าหลักการและเจ้าระเบียบ แต่ก็เป็นผู้ทำงานที่มีประสิทธิภาพดี นักจัดองค์กรบางครั้งก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีความคิดกว้างไกล แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่นนัก ในการทำงานเขามักจะประสบกับปัญหาสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและและมีความไม่แน่นอน ท่านจะต้องมีแผนการฏิบัติงานที่ชัดเจนเพื่อประสานงานกับเขาอย่างสม่ำเสมอ

เป็นนักปฏิบัติการ
สมาชิกประเภทนี้เป็นนักสร้างงาน และมีทัศนคติที่จะตั้งใจทำงานเพื่อให้มีผลงานเกิดขึ้นเป็นคนเปิดเผยหุนหันพลันแล่น ไม่อดทนหากการตัดสินใจล่าช้าหรือถูกดูแลควบคุมการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด และมักจะผิดหวังเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ ท่านจะต้องใช้ความพยายามควบคุมหน่วงเหนี่ยวเขาไว้เพื่อไม่ให้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกิดขึ้น

เป็นสมาชิกของทีม
ไม่น่าแปลกใจนักที่สมาชิกของทีมจะเป็นผู้ที่กระตือรือร้นในการทำงานเพื่อให้ทีมงานประสบความสำเร็จ และมีการกระทำที่สนับสนุนและสามัคคีกลมเกลียวต่อเพื่อนร่วมทีมเป็นอันดี พยายามที่จะพัฒนาและเสนอแนวความคิดของกลุ่มมากกว่าแนวความคิดของตัวเอง สมาชิกของทีมมักไม่ชอบการเผชิญหน้าและการทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ต้องการต่อต้านใครคนใดคนหนึ่ง บางครั้งสมาชิกของทีมก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควรจึงพยายามปลีกตนเองออกจากคนอื่น ๆ ท่านจะต้องกระตุ้นและชักจูงให้เขาเสนอความคิดเห็น หรือให้ข้อแนะนำและมองในด้านบวกอยู่เสมอ

เป็นนักตรวจสอบ
ก็เป็นไปตามชื่อนั่นแหละ นักตรวจสอบหรือนักตรวจซ้ำ มักชอบจับตาดูว่ามีงานอะไรบ้างที่ก้าวหน้า เขามักคิดว่าตนเองเป็นคนยุติธรรมและมีความพิถีพิถัน แต่คนอื่น ๆ อาจมองว่าเขาเป็นคนชอบใช้อำนาจและและเป็นพวกเผด็จการ นักตรวจสอบมีบทบาทที่ต้องคอยเตือนให้ทีมงานรู้สึกถึงความจำเป็นต้องใช้ความรีบด่วนปฏิบัติงานอย่างจริงจัง เพื่อให้งานก้าวหน้าและบรรลุเป้าหมายทันเวลา ท่านอาจต้องเข้าไปประสานกับนักตรวจสอบหรือทำหน้าที่ประนีประนอมเมื่อเขามีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ

เป็นนักประเมินผล
สมาชิกประเภทนี้เป็นผู้ที่สร้างสมดุลอย่างดียิ่งระหว่างนักคิดและนักปฏิบัติการ ชอบความเป็นอิสระและมักจะแยกตัวออกจากทีม มีความระมัดระวังและรอบคอบในการเข้าไปประเมินหรือวิเคราะห์ข้อมูลหรือสถานการณ์ ถึงแม้ว่านักประเมินผลจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของสมาชิกบางคน แต่ทัศนะของเขาก็ได้รับการยอมรับนับถือจากสมาชิกร่วมทีมคนอื่น ๆ


ตอนเรียนมัธยมเคยตกกระไดพลอยโจรได้เป็นหัวหน้าห้อง โชคดีมีเพื่อนสนิทคอยช่วยในหลายๆเรื่อง ไม่ได้เพื่อนผม นี้ผมคงแย่เลย

โชคดีจัง งานที่คุนน้องทำไม่ต้องใช้ความคิดมาก ใช้ฝีมือและความอดทนต่อความพอใจไม่พอใจของลูกค้าแค่นั้นเอง ขืนให้ใช้ความคิดใครคิดสวนทางกับคุนน้อง สงสัยคนนั้นมันคงซวยทั้งชาติแหงๆ

การแสดงความคิดเห็นในส่วนของการทำงานกลุ่มที่ถูกต้องคือ ต้องมีความเป็นประชาธิปไตย
ยังไงจึงจะเรียกว่าประชาธิปไตย

1.หากมีคนๆนึงในกลุ่มแสดงความคิดเห็นขึ้นมา แล้วทุกคนในกลุ่มไม่มีใครคัดค้านหรือมีข้อเสนอแนะ
เพิ่มเติม(เพราะดีแล้ว)ก็ตกลงเอาตามนั้น เป็นอันว่าทุกคนเห็นด้วย

2.ทุกคนในกลุมควรมีการเสนอความคิดขึ้นมา แล้วเอาความคิดของทุกๆคนมารวมๆกันแล้วดูว่าเราควร
จะผสมผสานอย่างไรให้เข้ากันได้ไปในทางเดียวกัน อาจแยกกันทำคนละส่วนแล้วเอามารวมกัน ช่วย
กันแก้ช่วยกันเกลาจนเป็นเนื้องานเดียวกัน ไม่ใช่เอาเฉพาะความคิดของใครคนใดคนหนึ่งแล้วกีดกัน
ความคิดของอีกคนหนึ่งเพราะมีความคิดแหวกแนว คิดเว่อร์ไปหรือไม่ชอบใจ ขัดใจ ฯลฯ ควรให้โอกาสเขา

3.ใครมีความเห็นว่าต้องแก้ตรงไหน เพิ่มตรงไหน ลดตรงไหน หรือมีอะไรที่ควรเพิ่มเติม ก็ควรรับฟัง
และนำมาปรับปรุงในส่วนที่ควรเพิ่ม ควรลด โดยทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วม ไม่ใช่คนเสนอก็เสนอไป ไม่ทำ
คนทำก็ทำไป เหนื่อยคนเดียว

มนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม อยู่คนเดียวไม่ได้ การทำงานกลุ่ม อาจถูกใจเราบ้าง ไม่ถูกใจบ้างก็หยวนๆกันไป
ยอมรับฟังเพื่อนร่วมกลุ่มบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ที่ตัวเองชอบแต่เกลียดของคนอื่น ไม่เอาของคนอื่น อย่างนี้อยู่
ร่วมกับคนอื่นยาก เพราะมีแต่ข้อติ ติคนอื่นอยู่ร่ำไป เอาตัวเป็นใหญ่ เพราะตัวใหญ่จึงหาที่อยู่ยาก เพราะที่
อยู่สมัยนี้สร้างขนาดกลางๆ ขนาดมาตรฐาน เพราะฉนั้นเราก็ควรจะเดินสายกลาง ทำตัวกลางๆจึงจะมีที่ให้
เราอยู่ คำสอนของพระพุทธเจ้านี่ไม่มีล้าสมัยนะ แม้ว่าจะผ่านมาหลายพันปี แต่คำสอนยังใช้ได้ทุกโอกาส
ไม่มีตกยุคเลยนะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม

ที่คุณจขกท เจอนี่เขาเรียกว่า "อัตตาธิปไตย" หรือเปล่าคะ

โดยความเห็นส่วนตัวคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
วันก่อนฟังนักวิชาการระดับด๊อกเตอร์ท่านหนึ่งท่านใช้ชื่อว่านักวิชาการอิสระท่านบอกว่า
ประชาธิปไตยคือการกระทำหรือแสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฏหมายบ้านเมือง
ซึ่งทุกคนมีสิทธิหน้าที่ที่จะทำได้ภายใต้กรอบของกฏหมาย...แม้แต่ความคิดเห็นที่ท่านแสดง
ออกสู่สายตาประชาชนทางสื่อก็ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความรู้แต่อย่างใด..คือท่านไม่มีความรู้
ทางด้านนั้นเลยแต่ก็แสดงความคิดเห็นไปตามทิฐิของท่าน..เราฟังแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
เอาคนไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นมาแก้ปัญหาและมันจะแก้ไขกันได้อย่างไรมันก็ไม่เกิดประโยชน์
กับส่วนรวมอย่างแท้จริง...มันมีแต่อัตตาของท่านที่จะโตขึ้นทุกวัน...

เห็นเด็กรุ่นใหม่ๆก็มักจะพูดว่าเขามีสิทธิที่จะทำและพูดอย่างเสรีภายใต้กรอบของกฏหมาย...
เขาไม่ได้ผิดอะไร...แต่ไอ้ที่แสดงความเห็นออกมามันไม่มีความรู้ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความรู้
ไม่มีจริยธรรม คุณธรรมแต่ประการใดแล้วอย่างนี้สังคมมันจะพัฒนาไปทางไหนกัน..น่าหนักใจนะ

กำลังจะดึงไปนอกเรื่องแล้วนะครับคุณปลีกวิเวก ขอดึงกลับมาเรื่องเดิมนะครับ

ทุกคนในกลุ่ม เมื่อมาทำงานร่วมกัน ควรต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเดียวกันนะครับ งานจึงจะไปได้
หากเราไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆขอให้เงียบซะ เพราะออกเสียงไปก็จะคอยขัดแข้งขัดขาเพื่อนๆในกลุ่ม
ทำให้กลุ่มไม่เดินหน้า

การแสดงความคิดเห็นที่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ว่าไม่ผิดกฎหมายแล้วก็จะสามารถพาคนอื่น
สะเปะสะปะ แสดงความเห็นอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่เกียวกับเรื่องงาน แสดงออกโดยไม่มีความรู้ในเรื่องที่ทำ
แบบนี้จะเป็นภาระของคนอื่นเปล่าครับ เราควรแสดงความเห็นและออกเสียงในส่วนที่เรารู้จะเป็น
ประโยชน์กว่า

คนไทยส่วนใหญ่ ทำงานคนเดียว หรือทำงานแบบครอบครัวพอไปได้
ถ้าทำงานเป็นกลุ่มมักจะล้มเหลว ..

เพราะมีอัตตา ยึดความเห็นของตน
มีความเป็นปัจเจกบุคคลสูง ..

ความเห็นเฉพาะตนครับ อิอิ ..

จิง ... จิ๊งงงง ..