บวชชีพราหมณ์ กับ วิปัสนากรรมฐาน เหมือนหรือต่างกันอย่างไรค่ะ

ต่างกันครับ

บวชชีพราหมณ์ หรือจะบวชเณร บวชพระก็ตาม เป็นประเพณี เป็นการเปลี่ยนที่การกินการอยู่ การแต่งกายการดำเนินชีวิต ให้มีความเป็นผู้มักน้อย มีความเป็นอยู่เรียบง่ายมากขึ้น โดยที่จิตใจอาจจะจะเปลี่ยนไป หากผู้บวชตั้งใจปฏิบัติธรรม หรือจิตใจอาจจะยังคงเหมือนสมัยเป็นฆราวาสก็ได้ หากผู้บวชบวชเพื่อเหตุผลอื่น

วิปัสนากรรมฐาน เป็นการปฏิบัติที่จิตใจ ผู้ฝึกอาจจะเป็นนักบวชหรือไม่เป็นก็ได้ เป็นการฝึกพัฒนา สมาธิ สติ ปัญญา ฝึกสังเกตวิเคราะห์ความเป็นจริงของร่างกายจิตใจตนเองเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด รวมถึงความเคยชินต่างๆที่ทำให้เราเป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้

บวชชีพราหมณ์.....คือการไปฝึกหัด ให้ทาน รักษาศีล 8 เจริญสมาธิภาวนา หรือวิปัสนากรรมฐานเบื้องต้น โดยใช้เวลาอันสั้น


วิปัสนากรรมฐาน...เป็นวิชาที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอน เป็นวิชาที่จะพัฒนา สติ สมาธิ ปัญญา
ให้มีความเฉียบแหลมคม จนสามารถเห็นหรือ รู้ธรรมตามความจริง จนไถ่ถอนความเห็นผิด ยึดผิด ออกจากใจได้ อันจะเป็นผลให้เหตุทุกข์คือ อัตตา กิเลส ตัณหา โลภะ โทสะ โมหะ ทั้งหลายหมดสิ้นไปจากจิตใจแล้วทำให้ได้เข้าถึงสุขที่สมบูรณ์ คือ นิพพาน....(นิพพานัง ปรมัง สุขขัง....นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง)

ผู้ฝึกฝนพัฒนาตนด้วยสิกขาบท 8 ประการ (หรือที่เรียกว่าศีล 8) ระยะเวลาสั้นๆ จะ 2/3/5/7 วัน โดยนุ่งห่มขาว ไม่ปลงผม ซึ่งบัญญัติเรียกกันว่า "ชีพราหมณ์" ดูรูปภาพประกอบ

ส่วนวิปัสสนากรรมฐาน พูดให้เข้าใจง่ายๆว่า อุบายหรือวิธีฝึกฝนเจริญปัญญา เรียกตามแบบว่า วิปัสสนากรรมฐาน วิปัสสนาเป็นชื่อหนึ่งของปัญญา

....ถามว่าสองอย่างนี้เหมือนหรือต่างกัน ตอบ ต่างกัน ปัญญาเป็นนามธรรมมองด้วยตาไม่เห็น ส่วนรูปแบบการบวชดังกล่าว เป็นการบวชกาย แลเห็นมองเห็น เป็นรูปธรรม

แต่หากผู้นั้นๆใช้การบวชนั้น ฝึกอบรมปัญญา (ภาวนามยปัญญา หรือ โลกุตรปัญญา) ให้เกิดขึ้น ก็เรียกว่าบวชทั้งกายทั้งใจ

แม้จะบอกเลิกการบวชชีพราหมณ์นั้นกลับมาบ้านเราแล้ว แต่ภาวนามยปัญญาหรือโลกุตรปัญญาก็ยังคงอยู่ อย่างนี้ก็เรียกว่าบวชใจ