วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 18:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2012, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


jedrapus เขียน:
ขอบคุณ คุณคนธรรมดาๆที่ comment ครับ
ผมขอเรียนถามคุณคนธรรมดาๆว่า คุณเกิดมาเพื่ออะไร.......หรือมาทำอะไรครับ......
และหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่คุณได้ศึกษามาสอนให้มนุษย์ปฏิบัติเพื่ออะไรครับ......
บางทีผู้มาใหม่หรือผู้ที่ได้อ่านสิ่งที่ผมpostนั้นอาจคิดไม่เหมือนคุณก็ได้
ไม่ควรเอาความคิดของตนเองเป็นบรรทัดฐานว่าผู้อื่นจะคิดเหมือนตนเสมอไป
คำว่าสายกลางในคำสอนพระพุทธเจ้าเขาทำกันอย่างไรหรือครับ....
.


เสียงธรรมขอตอบ

การที่บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ่นและดับลง ย่อมต้องมีเหตุมีปัจจัย หากถามว่าทำไมคนเราจึงต้องเกิดมาด้วย
สิ่งนี้มนุษย์ตอบไม่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีปัจจัยแห่งการเกิด มีปัจจัยแห่งการดับ หากมีคนมาถามว่าทำไมคุณถึงต้องเกิดมาบนโลกด้วยล่ะ คุณจะตอบว่ายังไง อันนี้ก็ต้องไปถามผู้ที่ส่งให้คุณมาเกิด ว่าเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องส่งคุณมาเกิด

แต่ถ้าถามว่าเกิดมาทำไม การที่สรรพสิ่งเกิดขึ้นมานั้นก็ล้วนมีเหตุปัจจัยทำให้เกิด มนุษย์เรานั้นเกิดมาเพื่อต่อสู้กับกรรม เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องสู้กันต่อไปให้ถึงที่สุด เกิดมาเพื่อดำรงเผ่าพันธ์ให้คงอยู่ เพื่อสร้างสมบารมีและคุณงามความดี การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นบุญแล้ว เพราะได้มีโอกาสจะสร้างสมบารมีเป็นหนทางสู่นิพพาน

คำสอนของพระพุทธเจ้า สอนให้มนุษย์รู้จักทางเดินแห่งความพ้นทุกข์ รู้จักความจริงแห่งทุกข์ สอนให้เราหลุดออกจากวัฏจักรแห่งวงเวียนความทุกข์และเห็นทางเดินสู่นิพพาน ที่ไม่มีทั้งทุกข์และสุข ว่างเปล่า

คำว่าทางสายกลางหรือ "มัชฌิมาปฏิปทา" นั้น คือข้อปฏิบัติที่ทำให้บรรลุนิพพานไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป ซึ่งประกอบด้วย "อริยมรรค" แปลว่า หนทางที่ประเสริฐ อริยมรรคนั้นประกอบด้วย 8 ข้อ เราเรียกว่าอริยมรรคมีองค์ 8 คำว่าองค์ 8 นี้ไม่ได้หมายความว่ามี 8 ทาง แต่หมายความว่า องค์ 8 นี้ต้องปฏิบัติควบไปด้วยกันในทิศทางเดียวกัน ปฏิบัติไปพร้อมๆกัน ซึ่งประกอบไปด้วย

สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ
สัมมาวาจา การเจรจาชอบ
สัมมากัมมันตะ การทำงานชอบ
สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ
สัมมาวายามะ เพียรชอบ
สัมมาสติ ระลึกชอบ
สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นชอบ

หรืออธิบายอีกนัยหนึ่งคือ
องค์ประกอบทั้ง 8 นี้ มิใช่ทาง 8 ทาง หรือ หลักการทำต้องยกขึ้นมาปฏิบัติให้เสร็จส้นไปทีละข้อตามลำดับ แต่เป็นส่วนประกอบ ของทางสายเดียวกัน ต้องอาศัยกันและกัน เหมือนเกลียวเชือก 8 เกลียว ที่รวมกันเข้าเป็นเชือกเส้นเดียวกัน และต้องปฏิบัติเคียงข้างกันไปโดยตลอด

ทางสายกลางที่ว่านั้น เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วคิดหาทางไปถึงเป้าหมายนั้นให้ได้ ซึ่งก็พบว่าต้องเริ่มต้นด้วยการทำจิตให้สงบไม่เอนเอียงไปทางข้างตึงหรือข้างหย่อน โดยอาศัยการฝึกสติเป็นตัวนำ พร้อมทั้งเพียรระวังไม่ให้ความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เพียรละให้ได้ในขณะเดียวกัน ก็เพียรให้เกิดความคิดที่ดีและเพียรรักษาความคิดที่ดีที่เกิดขึ้นแล้วให้คงอยู่ และพบต่อไปว่าจิตสงบแล้วพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งทางกายและวาจาก็สงบด้วย เมื่อสงบครบทั้งกาย วาจา และใจแล้ว ก็ได้บรรลุถึงเป้าหมายสูงสุด คือ นิพพาน

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2012, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 17:44
โพสต์: 35

แนวปฏิบัติ: งานหลักคือการโมทนาแก่ทุกดวงจิต
งานอดิเรก: งานรองคือทำงานหลัก
อายุ: 0
ที่อยู่: chiangmai Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว www


หากคนเรามีปัญหาชีวิตทุกๆเรื่องกับทุกๆคนไม่ว่าเราจะผิดหรือถูก
เราแก้ไขที่ตัวเราเอง ทุกอย่างมันก็จบไปด้วยดี ด้วยตัวตนเราเอง
ไม่มีใครแก้ไขตัวตนของเราได้ นอกจากตัวเราเอง
แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ให้ได้แต่คำสอนชี้แนะเท่านั้น
ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตนเองอะไรในโลกนี้ก็เปลี่ยนเราไม่ได้



วิธีการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงตนเอง เป็นวิธีการแก้กรรมของตนเองที่ดีที่สุด
กรรม คือการกระทำที่ติดเป็นนิสัยของคนเรา
ทุกอย่างของมนุษย์ต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอดี
มากหรือน้อยเกินไปมักเกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นทางดีหรือไม่ดี
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงสอนให้เรายืนหยัดอยู่บน ทางสายกลาง

.....................................................
http://www.jitphontook.com
--------------------------


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2012, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษยชาติแล้ว

ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตามกรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต อดีตกรรม ถ้ากรรมดี เสวยอยู่
ปัจจุบันกรรม สร้างกรรมชั่ว ย่อมลบล้าง อดีตกรรม กรรมแห่งอกุศล
วิบากตน ปัจจุบัน สร้างกรรมดี ย่อมผดุง


เรื่องกฎแห่งกรรม ถ้าเป็นชาวพุทธแล้ว เขาถือว่าเป็นกฎแห่งปัจจัตตัง
ผู้ที่ต้องการรู้ ต้องทำเอง รู้เอง ถึงเอง แล้วจึงจะเข้าใจ

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2012, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีอานุภาพใดที่จะเหนืออานุภาพแห่งกรรมดีกรรมชั่วนี้ไปได้


กรรมดีกรรมชั่วก็คือทำบุญทำบาปนั่นแหละ อันนี้มันติดแนบอยู่กับใจ เพราะฉะนั้นท่านจึงให้ปัดออก
อันไหนชั่วมันเป็นภัยต่อเรา ให้ทำกรรมที่ดีขึ้นมาภายในใจตัวเอง
แล้วจิตใจจะค่อยสง่างาม ใจดวงนี้ไม่เคยตายและไม่มีป่าช้า
พวกฝังพวกเผาเหล่านี้มีแต่ฝังร่างกายเผาร่างกายทั้งนั้น ใจนี้ไม่เคยได้เผามัน
พอร่างกายนี้แตกปั๊บ จิตดวงนี้ออกแล้วถ้ามีบาป บาปดึงไปแล้ว ถ้ามีบุญบุญพาไปแล้ว ไม่เคยตาย

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2012, 12:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 17:44
โพสต์: 35

แนวปฏิบัติ: งานหลักคือการโมทนาแก่ทุกดวงจิต
งานอดิเรก: งานรองคือทำงานหลัก
อายุ: 0
ที่อยู่: chiangmai Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว www


ธรรมะคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มนุษย์ไม่ยอมใส่ใจที่จะปฏิบัติตามจึงไม่รู้ถึงประสิทธิภาพว่า
สามารถแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคได้ทุกเรื่อง รู้เท่าทันกรรม
ไม่มีทุกข์ และสามารถตัดกรรมหรือล้างกรรมให้แก่ตนเองได้
การปฏิบัติตนในเส้นทางคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น
เป็นการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองอย่างถาวร และมีประสิทธิภาพที่สุด
เพราะทุกคนสามารถกำหนดชะตาชีวิตตนเองได้
ไม่ต้องพึ่งพาอำนาจใดๆมาช่วยเหลือให้ตนเองพ้นทุกข์ได้เพียงชั่วคราว
แล้วก็กลับมาเป็นทุกข์อีก

.....................................................
http://www.jitphontook.com
--------------------------


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron