วันเวลาปัจจุบัน 01 ส.ค. 2025, 02:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 10:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน



นี่ครับจุดเริ่มต้นของสมาธิ ของสุขและของวิปัสสนา :b1:



เป็นผลสมาธิครับ เป็นความสุขที่ละเอียดขึ้นเท่านั้นเองต้องปล่อยวาง หรือจะเสพเพื่อความคุ้นเคยเรียกว่าเอาเป็นเครื่องอยู่ในปัจจุบันก็ได้ดีกว่าไม่มีเครื่องอยู่ปล่อยจิตวิ่งไปในกามาวจรครับ แต่หาใครจะทำได้ง่ายๆต้องพยายามทำเหมือนเราหาเงินนะครับต้องพยายาม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติชนิตหนึ่งต้องแสวงหาสร้างให้เกิดได้ครับ ก็มีโทษเหมือนกันถ้าไม่ได้เรียนรู้อริยสัจมาก่อน แต่คนที่เรียนรู้อริยสัจเขาตัดได้ในเวลาสมควรตัด และเสพได้ในเวลาสมควรเสพครับ พระองค์ทรงสรรเสริญเรื่องฌาณมากมีหลายพระสูตรครับ


นั่นเป็นจุดสตาร์ต ยังต้องเดินอีกไกลนัก อริยสัจมันก็อยู่ที่นั่นที่ขณะเดินทางทางจิตนั่นแหละมันจะบอกหมด อยู่ที่ผู้ปฏิบัติจะตามมันทันหรือไม่ ตามไม่ทันก็หลง คิกๆๆ ว่ามันเป็นอยางที่เราต้องการแล้วไชโย้ แป๊ก :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน



นี่ครับจุดเริ่มต้นของสมาธิ ของสุขและของวิปัสสนา :b1:



เป็นผลสมาธิครับ เป็นความสุขที่ละเอียดขึ้นเท่านั้นเองต้องปล่อยวาง หรือจะเสพเพื่อความคุ้นเคยเรียกว่าเอาเป็นเครื่องอยู่ในปัจจุบันก็ได้ดีกว่าไม่มีเครื่องอยู่ปล่อยจิตวิ่งไปในกามาวจรครับ แต่หาใครจะทำได้ง่ายๆต้องพยายามทำเหมือนเราหาเงินนะครับต้องพยายาม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติชนิตหนึ่งต้องแสวงหาสร้างให้เกิดได้ครับ ก็มีโทษเหมือนกันถ้าไม่ได้เรียนรู้อริยสัจมาก่อน แต่คนที่เรียนรู้อริยสัจเขาตัดได้ในเวลาสมควรตัด และเสพได้ในเวลาสมควรเสพครับ พระองค์ทรงสรรเสริญเรื่องฌาณมากมีหลายพระสูตรครับ


นั่นเป็นจุดสตาร์ต ยังต้องเดินอีกไกลนัก อริยสัจมันก็อยู่ที่นั่นที่ขณะเดินทางทางจิตนั่นแหละมันจะบอกหมด อยู่ที่ผู้ปฏิบัติจะตามมันทันหรือไม่ ตามไม่ทันก็หลง คิกๆๆ ว่ามันเป็นอยางที่เราต้องการแล้วไชโย้ แป๊ก :b1:
เมื่ออกเิดินก็ต้องถึงเป้าหมายสักวัน เพียงต้องมีศรัทธาที่แรงกล้าเท่านั้นเองเป็นตัวนำพา เพราะทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน



นี่ครับจุดเริ่มต้นของสมาธิ ของสุขและของวิปัสสนา :b1:



เป็นผลสมาธิครับ เป็นความสุขที่ละเอียดขึ้นเท่านั้นเองต้องปล่อยวาง หรือจะเสพเพื่อความคุ้นเคยเรียกว่าเอาเป็นเครื่องอยู่ในปัจจุบันก็ได้ดีกว่าไม่มีเครื่องอยู่ปล่อยจิตวิ่งไปในกามาวจรครับ แต่หาใครจะทำได้ง่ายๆต้องพยายามทำเหมือนเราหาเงินนะครับต้องพยายาม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติชนิตหนึ่งต้องแสวงหาสร้างให้เกิดได้ครับ ก็มีโทษเหมือนกันถ้าไม่ได้เรียนรู้อริยสัจมาก่อน แต่คนที่เรียนรู้อริยสัจเขาตัดได้ในเวลาสมควรตัด และเสพได้ในเวลาสมควรเสพครับ พระองค์ทรงสรรเสริญเรื่องฌาณมากมีหลายพระสูตรครับ


นั่นเป็นจุดสตาร์ต ยังต้องเดินอีกไกลนัก อริยสัจมันก็อยู่ที่นั่นที่ขณะเดินทางทางจิตนั่นแหละมันจะบอกหมด อยู่ที่ผู้ปฏิบัติจะตามมันทันหรือไม่ ตามไม่ทันก็หลง คิกๆๆ ว่ามันเป็นอยางที่เราต้องการแล้วไชโย้ แป๊ก :b1:



เมื่ออกเิดินก็ต้องถึงเป้าหมายสักวัน เพียงต้องมีศรัทธาที่แรงกล้าเท่านั้นเองเป็นตัวนำพา เพราะทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ



จะไปไหนๆ จะเดินไปไหน จุดหมายปลายทางอยู่ไหน ออกเดินๆท่อมๆไปน่ะ

สมมตินะว่า พี่กายเห็นน้อง big กำลังเดินดุ่มๆๆสวนทางมา พี่ถามว่า จะไปไหนจ๊ะน้อง big ? ตอบ...ไม่รู้เหมือนกันพี่กาย เดินไปเรื่อยๆเดี๋ยวถึงเองแหละ

น้องจะให้พี่คิดยังไง :b10: อย่างนี้เดินเลยไปแล้วก็ต้องหันกลับมาดู เอ๊ะ เขาจะไปไหนล่ะนั่น :b32: เดี๋ยวตกหน้าผาหรอกน่า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 17:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน



นี่ครับจุดเริ่มต้นของสมาธิ ของสุขและของวิปัสสนา :b1:



เป็นผลสมาธิครับ เป็นความสุขที่ละเอียดขึ้นเท่านั้นเองต้องปล่อยวาง หรือจะเสพเพื่อความคุ้นเคยเรียกว่าเอาเป็นเครื่องอยู่ในปัจจุบันก็ได้ดีกว่าไม่มีเครื่องอยู่ปล่อยจิตวิ่งไปในกามาวจรครับ แต่หาใครจะทำได้ง่ายๆต้องพยายามทำเหมือนเราหาเงินนะครับต้องพยายาม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติชนิตหนึ่งต้องแสวงหาสร้างให้เกิดได้ครับ ก็มีโทษเหมือนกันถ้าไม่ได้เรียนรู้อริยสัจมาก่อน แต่คนที่เรียนรู้อริยสัจเขาตัดได้ในเวลาสมควรตัด และเสพได้ในเวลาสมควรเสพครับ พระองค์ทรงสรรเสริญเรื่องฌาณมากมีหลายพระสูตรครับ


นั่นเป็นจุดสตาร์ต ยังต้องเดินอีกไกลนัก อริยสัจมันก็อยู่ที่นั่นที่ขณะเดินทางทางจิตนั่นแหละมันจะบอกหมด อยู่ที่ผู้ปฏิบัติจะตามมันทันหรือไม่ ตามไม่ทันก็หลง คิกๆๆ ว่ามันเป็นอยางที่เราต้องการแล้วไชโย้ แป๊ก :b1:



เมื่ออกเิดินก็ต้องถึงเป้าหมายสักวัน เพียงต้องมีศรัทธาที่แรงกล้าเท่านั้นเองเป็นตัวนำพา เพราะทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ



จะไปไหนๆ จะเดินไปไหน จุดหมายปลายทางอยู่ไหน ออกเดินๆท่อมๆไปน่ะ

สมมตินะว่า พี่กายเห็นน้อง big กำลังเดินดุ่มๆๆสวนทางมา พี่ถามว่า จะไปไหนจ๊ะน้อง big ? ตอบ...ไม่รู้เหมือนกันพี่กาย เดินไปเรื่อยๆเดี๋ยวถึงเองแหละ

น้องจะให้พี่คิดยังไง :b10: อย่างนี้เดินเลยไปแล้วก็ต้องหันกลับมาดู เอ๊ะ เขาจะไปไหนล่ะนั่น :b32: เดี๋ยวตกหน้าผาหรอกน่า :b1:
การเดินทางของผมมีอยู่สองอย่าง เดินทางภายในรูปและนาม การเดินทางที่สองการใช้ชีวิตที่ลงตัว

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น้องไปต้องไปไหนหรอก อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั่นแหละ เริ่มต้นให้ถูกดังตัวอย่างที่นำมาให้ดู :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
น้องไปต้องไปไหนหรอก อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั่นแหละ เริ่มต้นให้ถูกดังตัวอย่างที่นำมาให้ดู :b1:
พี่กายตามสบาย ผมไม่เอาด้วยหรอก ผมกิเลสเยอะ ต้องหาที่เหมาะสมเดี๋ยวพลาด นานๆจะมีโอกาสฉลาดกับเขาบาง(โง่น้อย)สักที่ต้องรอบครอบครับ เดี๋ยวแย่ อย่างน้อยขอใกล้พระศาสดาหน่อยก็ดี ทำไมพี่กลัวที่จะบวชในเมื่อไม่ต่างอะไรกันไม่ใช่เหรอ กลัวอะไรไหนบอกว่าอยู่ตรงไหนก็ได้ ลองไปอยู่ตรงนี้ซิจริงมั้ย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
น้องไปต้องไปไหนหรอก อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั่นแหละ เริ่มต้นให้ถูกดังตัวอย่างที่นำมาให้ดู :b1:
พี่กายตามสบาย ผมไม่เอาด้วยหรอก ผมกิเลสเยอะ ต้องหาที่เหมาะสมเดี๋ยวพลาด นานๆจะมีโอกาสฉลาดกับเขาบาง(โง่น้อย)สักที่ต้องรอบครอบครับ เดี๋ยวแย่ อย่างน้อยขอใกล้พระศาสดาหน่อยก็ดี ทำไมพี่กลัวที่จะบวชในเมื่อไม่ต่างอะไรกันไม่ใช่เหรอ กลัวอะไรไหนบอกว่าอยู่ตรงไหนก็ได้ ลองไปอยู่ตรงนี้ซิจริงมั้ย


มันต้องรู้ทาง รู้วิธี นี่สำคัญ นึกหรือว่าบวชแล้วจะรู้วิธีเองรู้ทางเอง ห่มจีวรแล้วสำเร็จรูปเหมือนแก้วสารพัดนึก

ไม่ใช่มั้งน้อง จีวรเป็นเครื่องนุ่งห่มของบรรพชิตหรือนักบวช ก็เหมือนกับเสื้อกางเกง...เป็นเครื่องนุ่งห่มของคฤหัสถ์

ถ้าห่มจีวรแล้วสำเร็จรูปหมดรู้หมด งี้นักบวชก็เป็นอรหันต์หมดแล้วดิ ถูกไหม :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2012, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
น้องไปต้องไปไหนหรอก อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั่นแหละ เริ่มต้นให้ถูกดังตัวอย่างที่นำมาให้ดู :b1:
พี่กายตามสบาย ผมไม่เอาด้วยหรอก ผมกิเลสเยอะ ต้องหาที่เหมาะสมเดี๋ยวพลาด นานๆจะมีโอกาสฉลาดกับเขาบาง(โง่น้อย)สักที่ต้องรอบครอบครับ เดี๋ยวแย่ อย่างน้อยขอใกล้พระศาสดาหน่อยก็ดี ทำไมพี่กลัวที่จะบวชในเมื่อไม่ต่างอะไรกันไม่ใช่เหรอ กลัวอะไรไหนบอกว่าอยู่ตรงไหนก็ได้ ลองไปอยู่ตรงนี้ซิจริงมั้ย


มันต้องรู้ทาง รู้วิธี นี่สำคัญ นึกหรือว่าบวชแล้วจะรู้วิธีเองรู้ทางเอง ห่มจีวรแล้วสำเร็จรูปเหมือนแก้วสารพัดนึก

ไม่ใช่มั้งน้อง จีวรเป็นเครื่องนุ่งห่มของบรรพชิตหรือนักบวช ก็เหมือนกับเสื้อกางเกง...เป็นเครื่องนุ่งห่มของคฤหัสถ์

ถ้าห่มจีวรแล้วสำเร็จรูปหมดรู้หมด งี้นักบวชก็เป็นอรหันต์หมดแล้วดิ ถูกไหม :b10:
มันไม่เกี่ยวกับชุดอะไรหรอก มันอยู่ที่ใครมองเห็นประโยชน์ของเพศบรรพชิตมากกว่าครับ มันวัดใจอะไรๆคนได้ ดี คนที่บอกว่าอะไรก็ได้ ถ้าอะไรก็ได้ ขอถามสักข้อซิ ถ้าอะไรก็ได้ มาบวชกันมั้ยล่ะ ถามใจตัวเองดูซิอะไรก็ได้นะมันจริงมั้ย กลัวอะไร ยึดกับสิ่งเดิมอยู่หรือเปล่า คำตอบมันจะบ่งบอกตัวตนได้ดีครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะชี้ให้ดูพระจันทร์อีก แต่อย่าดูนิ้วที่ชี้นะขอรับ ดูพระจันทร์ :b1:

ความหมายคำว่า ทิฐิ V

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทิฏฐิ หรือ เขียนลดรูปเป็น ทิฐิ แปลว่า ความเห็น หมายรวมถึงความเชื่อถือ ลัทธิ ทฤษฎี ความเข้าใจตามนัยเหตุผล ข้อที่เข้ากับความเข้าใจของตน หลักการที่เห็นสม ข้อที่ถูกใจ ข้อที่เชิดชูเอาไว้ ความใฝ่นิยม หรือ ที่ปัจจุบันเรียกว่า ค่านิยม รวมไปถึงอุดมการณ์ แนวทัศนะในการมองโลกและชีวิต ที่เรียกกันว่า โลกทัศน์และชีวิทัศน์ต่างๆ ตลอดจนทัศนคติพื้นฐาน ที่สืบเนื่องจากความเห็นความเข้าใจ และความใฝ่นิยมเหล่านั้น
ถ้าจะจัดเข้าเป็นพวกๆ ทิฐิ ก็คงมี ๒ ระดับ คือ ความเห็น ความเข้าใจ เกี่ยวกับคุณค่า ว่าดี ไม่ดี ควรจะเป็น ไม่ควรจะเป็น เป็นต้น อย่างหนึ่ง
ความเห็น ความเข้าใจ เกี่ยวกับความจริงว่า คืออะไร เป็นอย่างไร เพราะเหตุไร เป็นต้น อย่างหนึ่ง ดังจะเห็นได้ในเรื่องสัมมาทิฐิ ๒ ประเภท (โลกียสัมมาทิฐิ กับ โลกุตรสัมมาทิฐิ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 10:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ

ทิฏฐิ หรือ เขียนลดรูปเป็น ทิฐิ แปลว่า ความเห็น หมายรวมถึงความเชื่อถือ ลัทธิ ทฤษฎี ความเข้าใจตามนัยเหตุผล ข้อที่เข้ากับความเข้าใจของตน หลักการที่เห็นสม ข้อที่ถูกใจ ข้อที่เชิดชูเอาไว้ ความใฝ่นิยม หรือ ที่ปัจจุบันเรียกว่า ค่านิยม รวมไปถึงอุดมการณ์ แนวทัศนะในการมองโลกและชีวิต ที่เรียกกันว่า โลกทัศน์และชีวิทัศน์ต่างๆ ตลอดจนทัศนคติพื้นฐาน ที่สืบเนื่องจากความเห็นความเข้าใจ และความใฝ่นิยมเหล่านั้น

ถ้าจะจัดเข้าเป็นพวกๆ ทิฐิ ก็คงมี ๒ ระดับ คือ ความเห็น ความเข้าใจ เกี่ยวกับคุณค่า ว่าดี ไม่ดี ควรจะเป็น ไม่ควรจะเป็น เป็นต้น อย่างหนึ่ง
ความเห็น ความเข้าใจ เกี่ยวกับความจริงว่า คืออะไร เป็นอย่างไร เพราะเหตุไร เป็นต้น อย่างหนึ่ง ดังจะเห็นได้ในเรื่องสัมมาทิฐิ ๒ ประเภท (โลกียสัมมาทิฐิ กับ โลกุตรสัมมาทิฐิ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ


ทิฐิ ความเห็น ความเข้าใจ ความใฝ่นิยมยึดถือต่างๆ นั้น มีอิทธิพลครอบงำ และมีบทบาทในการกำหนดวิถีชีวิต และสังคมของมนุษย์เป็นอย่างมาก
ในกรรมบถ ท่านจัดทิฐิเข้าเป็นมโนกรรม ซึ่งเป็นกรรมที่สำคัญ มีผลมากมายร้ายแรงที่สุด ยิ่งกว่ากายกรรม และวจีกรรม เพราะเป็นตัวบันดาลกายกรรม และวจีกรรมอยู่เบื้องหลังอีกชั้นหนึ่ง
สามารถนำชีวิต สังคม หรือมนุษยชาติทั้งหมดไปสู่ความเจริญงอกงามรุ่งเรื่องหลุดพ้น หรือ นำไปสู่ความเสื่อม ความพินาศก็ได้


ดังจะมองได้ในชีวิตของบุคคล ทิฐิเป็นตัวชักจูง และกำหนดวิถีชีวิต ทั้งในด้านรับเข้า และในด้านแสดงออก กล่าวคือ จะมองเห็นโลก และชีวิตเป็นอย่างไร และจะปฏิบัติต่อโลก และชีวิตนั้นอย่างไร
เริ่มตั้งแต่จะแปลความหมายของประสบการณ์ที่รับรู้เข้ามาใหม่อย่างไร จะดีค่า จะตัดสินวินิจฉัยว่าอย่างไร
จะหันไปหาหรือเลือกรับสิ่งใด ส่วนใด ในแง่ใด จะเห็นด้วยหรือไม่ จะอยู่ฝ่ายใด
แล้วชักนำแนวความคิด การพูดการกระทำที่จะสนองตอบโต้ แสดงปฏิกิริยาออกไปว่าจะเอาอย่างไร พูดหรือทำอย่างไร กับบุคคล สิ่ง สภาพแวดล้อม หรือสถานการณ์นั้นๆ พร้อมทั้งสร้างเหตุผลประกอบสำหรับการที่จะพูดจะทำเช่นนั้น


กล่าวสั้นๆด้วยศัพท์ธรรมว่า ทิฐิ ปรุงแต่งชักนำองค์ธรรมต่างๆ ตั้งแต่สังกัปปะ คือ ความคิด หรือ ความดำริเป็นต้นไป ให้เป็นมิจฉา หรือเป็นสัมมา ตามทิฐินั้นๆ
ความเห็นที่ผิด เรียกว่า มิจฉาทิฐิ
ความเห็นถูกต้อง เรียกว่า สัมมาทิฐิ

ปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฐิ ได้แก่ ปรโตโตโฆสะที่ไม่ดีไม่งาม สภาพแวดล้อมทางสังคมที่ชั่วร้าย เฉพาะอย่างยิ่งปาปมิตร และอโยนิโสมนสิการ คือไม่รู้จักคิด คิดไม่เป็น คิดไม่ถูกวิธี หรือทำในใจโดยไม่แยบคาย

ส่วนปัจจัยของสัมมาทิฐิ ได้แก่ ปรโตโตโฆสะที่ดีงาม การหล่อหลอมกล่อมเกลาในทางที่ถูกต้องจากสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ดี เฉพาะอย่างยิ่งกัลยาณมิตร หรือการเสวนาสัตบุรุษ และโยนิโสมนสิการ คือรู้จักคิด คิดเป็น คิดถูกวิธี หรือทำในใจโดยแยบคาย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ทิฎฐินั้นแหละครับคือความเห็น แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีความเห็นถูกกับสิ่งที่เราทำอยู่ ว่ามันถูกที่สุดแล้วหรือยัง เพราะเราก็มักจะเข้าใจว่าสิ่งที่เราทำถูก ถ้าคนทั่วๆไปเขาก็คงจะเลืกทางตามที่เขาชอบ เขาคงเลือกที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ในทางธรรมะเพื่อความหลุดพ้นแล้วทิฎฐิเรื่องการที่จะพยายามทำตัวเองให้หลุดพ้นนั้นเป็นเรื่องที่ควรตั้งเป้าหมายชัดเจน คือความหลุดพ้น และอะไรเป็นวิถีชีวิตของการดำเนินการเพื่อความหลุดพ้น ไม่ใชสัมมาอาชีพด้วยเหรอที่เป็นหนึ่งในมรรคมีองค์แปด

และบรรพชิตก็ได้ยึดการเลี้ยงชีพด้วยการขออาหรเขาเพื่อเลี้ยงชีพ และพระองค์ก็ทรงเลือกการเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้ นั้นก็หมายความว่าพระองค์ผู้ทรงปรีชาญาณเข้าใจว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และผมก็พยายามจะทำสิ่งที่ดีที่สุดมันแปลกตรงไหน และดูเหมือนว่าพี่พยายามบอกว่าไม่จำเป็นต้องบวช ในทางกลับกันผมชวนมาร่วมในทางกลับมองว่าไม่จำเป็น อยู่ตรงไหนก็ได้ ไม่ปฎิเสธหรอกครับว่าอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่นั้นหมายความว่า พี่มองในจุดว่าพี่เป็นอยู่ทำอยู่นั้นดีที่สุดแล้วใช้มั้ยครับ มันก็ทิฎฐฺนั้นแหล่ะที่พี่คิดว่าดีที่สุด แต่รับประกันได้เลยว่าไม่ใช่ในสิ่งที่ดีที่สุดแน่นอนครับ


ถ้ามันเป็นความเห็นพี่เพราะพี่เข้าใจอย่างนั้นมันก็โอเค แต่พี่อย่ามองเลยว่าผู้อื่นกำลังหลงทาง เพราะผมอาจจะมองได้ไกลกว่าพี่ เพราะผมเคยบวชมาผมย่อมรู้ว่ามันคืออะไร ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าใครเคยบวชหรือไม่เคยบวช หรือแม้ว่าจะเคยบวชมาก็ใช่ว่าจะมีความรู้สึกอย่างผม เขาอาจจะเบื่อไปเลยก็ว่าได้เพราะเขาอาจจะเห็นควา่มลำบาก

แต่ผมมองเห็นทางหลุดพ้นที่แท้จริงอยู่ตรงนั้น ผมถึงเฝ้ารอวันเวลาที่เหมาะสมมาถึงผมเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีคือประมาณ สองปีกว่าๆ ผมก็จะหมดหน้าที่ที่ผมกระทำความโง้ไว้ก่อนหน้านี้ที่ผมจะมาพบธรรมะ แต่นั้นแหล่ะครับ มันเป็นครูสอนที่ดีที่สุด ทำให้ผมเข้าใจครบทุกรสชาติ ไม่มีอะไรให้เหลือต้องสงสัย ในโลกียะอีกต่อไป มุ่งมั่นเดินตามรอยพระพุทธองค์สมความเป็นบุรุทผู้ฝึกได้อย่างไม่หวั่นไหวในเส้นทางเดิน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


และการเป็นอยู่แบบฆราวาสนั้น เกือบมองไม่เห็นเห็นเลยว่ากิเลสนั้นมันปนอยู่กับการใช่ชีวิตเกือบแยกไม่ออก บางทีเป็นพวกเดียวกับมันเลยโดยไม่รู้ตัว อย่ายกตัวอย่างนางวิสาขามานะเดียวจะปนกันอีก ผมกำลังจะอธิบายว่า ชีวิตฆราวาสนั้นวันๆต้องพจญกับสิ่งที่ทำ สิ่งที่ทำนั้นทำเพื่ออะไร นั้นแหล่ะครับจะมีคำตอบอยู่ในนั้น อะไร อะไร อะไร มันมีอะไรในนั้นเยอะ มองกันไม่ค่อยออกหรอก ต่างคนต่างหาเหตุผลกันดีๆมาทั้งนั้น พระองค์ตอบว่าอย่างไรครับในเรื่องนีา "ที่สุดแล้วไม่ว่าอาชีพอะไรก็ทำไปเพื่อเลี้ยงชีพเท่นนั้นเอง" ไม่ได้ทำเพื่อความหลุดพ้น และจะมีคนถามว่าก็ต้องต้องเลี้ยงชีพนี่ครับ ก็ถูก" งั้นก็ไปช้าหน่อยจะเป็นไรไปจะมาร้องโวยวายทำไม" ทำให้เห็นแล้วว่าเลี้ยงชีพอย่างไร ดำเนินชีวิตอย่างไร ก็ยัง...ก็ยัง....อ้างโน้นอ้างนี่อีก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ก็ทิฎฐินั้นแหละครับคือความเห็น แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีความเห็นถูกกับสิ่งที่เราทำอยู่ ว่ามันถูกที่สุดแล้วหรือยัง เพราะเราก็มักจะเข้าใจว่าสิ่งที่เราทำถูก ถ้าคนทั่วๆไปเขาก็คงจะเลืกทางตามที่เขาชอบ เขาคงเลือกที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ในทางธรรมะเพื่อความหลุดพ้นแล้วทิฎฐิเรื่องการที่จะพยายามทำตัวเองให้หลุดพ้นนั้นเป็นเรื่องที่ควรตั้งเป้าหมายชัดเจน คือความหลุดพ้น และอะไรเป็นวิถีชีวิตของการดำเนินการเพื่อความหลุดพ้น ไม่ใชสัมมาอาชีพด้วยเหรอที่เป็นหนึ่งในมรรคมีองค์แปด

และบรรพชิตก็ได้ยึดการเลี้ยงชีพด้วยการขออาหรเขาเพื่อเลี้ยงชีพ และพระองค์ก็ทรงเลือกการเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้ นั้นก็หมายความว่าพระองค์ผู้ทรงปรีชาญาณเข้าใจว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และผมก็พยายามจะทำสิ่งที่ดีที่สุดมันแปลกตรงไหน และดูเหมือนว่าพี่พยายามบอกว่าไม่จำเป็นต้องบวช ในทางกลับกันผมชวนมาร่วมในทางกลับมองว่าไม่จำเป็น อยู่ตรงไหนก็ได้ ไม่ปฎิเสธหรอกครับว่าอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่นั้นหมายความว่า พี่มองในจุดว่าพี่เป็นอยู่ทำอยู่นั้นดีที่สุดแล้วใช้มั้ยครับ มันก็ทิฎฐฺนั้นแหล่ะที่พี่คิดว่าดีที่สุด แต่รับประกันได้เลยว่าไม่ใช่ในสิ่งที่ดีที่สุดแน่นอนครับ


ถ้ามันเป็นความเห็นพี่เพราะพี่เข้าใจอย่างนั้นมันก็โอเค แต่พี่อย่ามองเลยว่าผู้อื่นกำลังหลงทาง เพราะผมอาจจะมองได้ไกลกว่าพี่ เพราะผมเคยบวชมาผมย่อมรู้ว่ามันคืออะไร ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าใครเคยบวชหรือไม่เคยบวช หรือแม้ว่าจะเคยบวชมาก็ใช่ว่าจะมีความรู้สึกอย่างผม เขาอาจจะเบื่อไปเลยก็ว่าได้เพราะเขาอาจจะเห็นควา่มลำบาก

แต่ผมมองเห็นทางหลุดพ้นที่แท้จริงอยู่ตรงนั้น ผมถึงเฝ้ารอวันเวลาที่เหมาะสมมาถึงผมเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีคือประมาณ สองปีกว่าๆ ผมก็จะหมดหน้าที่ที่ผมกระทำความโง้ไว้ก่อนหน้านี้ที่ผมจะมาพบธรรมะ แต่นั้นแหล่ะครับ มันเป็นครูสอนที่ดีที่สุด ทำให้ผมเข้าใจครบทุกรสชาติ ไม่มีอะไรให้เหลือต้องสงสัย ในโลกียะอีกต่อไป มุ่งมั่นเดินตามรอยพระพุทธองค์สมความเป็นบุรุทผู้ฝึกได้อย่างไม่หวั่นไหวในเส้นทางเดิน


ไม่ได้ห้ามให้บวช แต่เราต้องรู้ความมุ่งหมายของการกระทำนั้นๆทุกอย่างว่า เราทำเพื่ออะไร เป้าหมายแห่งการกระทำคืออะไร เราจะทำยังไง ให้งานนั้นๆสำเร็จ เมื่อรู้วิธีรู้ทางแน่แล้วก็โอเค จะไปไหนก็ไป

วันบวชถ้ายังอยู่ตรงก็ส่งข่าวบ้างนะ จะไปช่วยสะพายบาตร :b12: แห่รอบอุโบสถสามรอบ


ครอบครัวลูกเมียทรัพย์สมบัติ...ไม่ต้องห่วง พี่จะช่วยดูแลให้ พอใจไหมแบบนี้ :b15: :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร