วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 15:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แบบนี้จะวางอุเบกขายังไงครับ


อ้างคำพูด:
ขอถามหน่อยค่ะว่า เวลาที่นั่งสมาธิสักพัก จิตเริ่มสงบแล้ว ก็เกิดนิมิตเห็นคนหรือวิญญาณไม่แน่ใจค่ะ นั่งก้มหน้าสงบนิ่งอยู่ข้างๆเรา เจอหลายครั้งค่ะ บางทีก็มากันหลายคน มีอยู่ครั้งหนึ่งชัดเจนมาก มาด้วยกัน 4 คนค่ะ ผู้ชาย 2 คน หญิงอุ้มลูกเล็กๆอีกหนึ่ง เกิดจากอะไรคะ และทำอย่างไรคะหากเจอแบบนี้ แค่แผ่เมตตาพอหรือเปล่า
ตรงนี่นั้นถ้าผู้ปฎิบัติยังไม่มีปัญญาที่แท้จริงก็จะใส่ใจเรื่องอย่างนี้มาก ถ้าเข้าใจคำว่าอนิจจัง ทุกข์ อนัตตาแล้ว จะไม่มีคำถามเพราะเขาจะมีคำตอบในใจเองว่า มันไม่มีสาระมันเกิดขึ้นและดับไป ตรงนี้ข้ามกันไม่ค่อยได้จะนึกว่าเราวิเศษเห็นโน้นเห็นนี่ มันเป็นเพียงมายา ผมเจอมาเยอะครับ เจอแบบๆตั้งสติเลยล่ะแสงสวยงามมากๆชัดเจน แต่เราไม่เข้าไปยึดเพียงเข้าใจว่าไม่มีสาระแก่นสารสู้ดูกิเลสตัวหนเราลดไ้ด้สุดยอดกว่าครับ พวกนั้นมันของหรอกลวง แม้แต่ขั้นพรหมเราอย่าไปปรารถนาเลย ในวัฎฎะมันก็ไร้สาระอีกนั้นแหล่ะ ปรารถนาความพ้นทุกข์หมดจากกิเลสดีกว่าครับ ที่ถามมาไม่ต้องสนใจจบเรื่องครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
อานาปานสติ


อานาปานสติ ดังกล่าว มีวิธีทำยังไงครับ :b10: :b1:
ดูลมหายใจเข้าออกธรรมดา ว่าเข้าสั้น หรือเข้ายาว เข้าข้างเดียวหรือเข้าสองข้างดูไปเรื่อยๆ ต่อไปก็ดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น กับลมหายใจเราว่ากระทบส่วนไหนช่องจูกทางเข้าช่องจมูก เมื่อเริ่มรู้สึกรับรู้ความรู้สึกได้ก็แสดงว่าจิตเราเริ่มละเอียดขึ้นสามารถรับความรู้สึกถึงความร้อนของลมหายใจออกได้ก็ถือว่าจิตเริ่มพัฒนารับรู้วามจริงได้บ้างแล้ว เราต้องเริ่งจากหยาบไปหาความละเอียดขึ้น ระเอียดขึ้นจนถึงละเอียดที่สุด เท่าที่จิตเราจะรับรู้ได้เท่ากับรับรู้ได้ทั่วร่างกายเรียกว่าสัมปชัญญะเรียกว่ารู้ตัวทั่วพร้อม สติลึกถึงความเป็นอนิจจังการเกิดดับเป็นปัญญา เพราะสติเกิดทุกครั้งจะต้องร่วมกับปัญญา รูปกับนามเชื่อมโยงกันตลอดอะไรที่เกิดกับร่างกายเราจิตใจจะต้องรับรู้ทั้นที่ จิตใจที่ละเอียดอ่อนและว่องไวเท่านั้นที่จะรับรู้ถึงสิ่งที่มันเกิดดับอยู่ตลอดทั่วร่างกายของเรา เป็นภาวนามยปัญญา่ ทุกคนจะต้องได้รับถึงความรู้สึกจริงเป็นรูปธรรมทางกาย รูปธรรมทางกายก็เชื่อมถึงจิต

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 12 ก.ย. 2012, 18:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 18:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สอนว่า ให้อุเบกขาๆ อุเบกขายังไง นี่เขาก็อุเบกขาๆนะน่ะ


อ้างคำพูด:
ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิ วิปัสสนา แนวทาง....คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา 10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกาย ทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะ เหมือนมีเข็มเป็นร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์ แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ
อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะหลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร
อาการเป็นตลอดเวลา 2 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมีตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจ ไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง
ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สอนว่า ให้อุเบกขาๆ อุเบกขายังไง นี่เขาก็อุเบกขาๆนะน่ะ


อ้างคำพูด:
ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิ วิปัสสนา แนวทาง....คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา 10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกาย ทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะ เหมือนมีเข็มเป็นร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์ แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ
อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะหลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บางอาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร
อาการเป็นตลอดเวลา 2 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมีตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจ ไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง
ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี
อย่างที่บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ คนเรานั้นสะสมสังขารมาไม่เหมือนกัน ก้ที่มีอาการอะไรเกิดนั้นแหละครับ ความจริงที่มันซ้อนอยู่ในร่างกายในจิตใจเรา พี่เคยเห็นคนอยู่ดีๆทำมั้ยป่วย บางครังแบบหนักหนาสาหัสเลยก็ไม่ใช้เพราะเขาสะสมสังขารกรรมเก่าของเขาหรอกเหรอครับ

ทางนี้เข้าไปเจาลึกลงไปถึงสังขารเก่าๆที่เขาทำไว้ มันก็พลุดขึ้นมาตามที่เขาได้สะสมมา สักพักถ้าเขาปฎิบัติไป ว่างใจเป็นกลางกับสิ่งที่เขาเป็นสังขารเก่าๆเขาก็จะหลุดลอกออกไปต้องใช้เวลาบางคนน้อย บางคนมาก และถ้าเขาไม่ไปสร้างสังขารใหม่มาเขาก้จะค่อยๆหมดกิเลสลงได้ในที่สุดทางสายผมอยู่กับธรรมชาติล้วนๆ มีตัวอย่างมากมาย ก็ผ่านได้ครับ ผมเองก็มีอการอย่างนี้ แฟนผมก็มีแต่ก็ผ่านได้ครับไมเกรนที่เป็นหนักมากแฟนผมก็หาย

บางคนหนักกว่านี้อีกเคยมีนักวิทยาศาสต์จากสหรัฐอเมริกามาปฎิบัติเขามีอาการมากกว่านี้ตั้งหลายเท่าสุดท้ายเขาก็ผ่านได้ แล้วเขาก็เข้าใจในหลักของการกำจัดกิเลสที่แท้จริง ผมเองไม่หลับทั้งคืน ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา มีอาการสั่นสะเทือนทั่วร่างกาย ทุกวันนี้ก็เป็นอยู่ไม่เห็นมีอะไร มีแต่กิเลสจะหมดไปหมดไป ความรู้สึกทางเพศ แทบหายไปแล้ว

ร่างกายจิตใจมนุษย์เรานั้นมีแต่กิเลส จะเปลี่ยนอริยนะมันต้องมีการเปลี่ยนแปลงธาตุขันบ้างครับ มันคงธรรมดาไม่ได้หรอกถ้าธรรมดามันก็เป็นปุถุชนธรรมดานั้นแหล่ะครับ แต่ท่านนี้น่าจะแบบกลัวๆกล้าอะไรสักอย่างสมัยก่อนผมก็เป็น ก้คิดเหมือนกัน แต่มันแก่ไม่ได้ทำยังไงได้ก้ต้องเดินหน้าต่อ

สุดท้ายบอกตรงๆครับมันสุดยอด ทางกลับมองไม่เห็นแล้ว ใครจะว่าอย่างไรก็สุดแล้วแต่ ทำไมผมไม่มีอารมณ์อื่นเลย มีแ่่ต่เรื่อธรรมะในหัวตลอด กิเลสมีอยู่ก็เห็นตลอดตอนมันโผล่หัวมา ตอนนี้เห็นแต่ความเลวของตัวเอง อย่างนี้ซิมันถึงแจ๋วครับพี่ บางคนยังไม่เห็นความเลวของตัวเอง อันนี้ไม่ได้ว่าพี่นะ เพราะมนุษยืมีความเลวทุกคน ถ้ามองไม่เห็นแสดงว่า ยังอีกไกลมากพี่

ผมมีพวกเดียวที่ปฎิบัติสายเดียวกันนี้ คบกันอยู่มากครับ ไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้เลยเพราะเราเข้าใจว่า มันเกิดขึ้นก็ต้องดับไปเป็นธรรมดา มันเป็นบทพิสูจน์ใจอะไรบางอย่างเท่านั้นครับ จะผ่านไปได้ไม่ได้ก็ตรงเครื่องพิสูจน์นี่แหล่ะครับ ไม่ใช่สบายๆแล้วก็ว่าใช่ ข้าวัฎฎะนะครับ ข้ามภูเายังเหนื่อยเลย อันนี้ข้ามสังสารวัฎ จะไปง่ายๆได้อย่างไร

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเขาประสบกับอนิฏฐารมณ์ (ทุกขเวทนา) ดังนั้นแล้วเนีย สอน-แนะนำให้เค้าอุเบกขายังไง พูด-บอกให้เห็นภาพของอุเบกขาหน่อย เพื่อที่...นำไปปฏิบัติเป็นอุเบกขาได้ :b10:

อุเบกขา แปลว่าไงครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


และบางคนที่เขาไม่ได้สะสมของไม่ดีมามากเขาปฎิบัติสบายๆเลยมีเยอะมาก แต่ละคอร์สเดือนหนึ่งมีคนเข้าปฎบัติมากมาย ในประเทศไทยน่าจะมีเป็นแสนคนแล้วละ่ครับ พระเข้าปฎิบัติปีหนึ่งเป็นพันๆรูปเลย วัดป่าบางวัดทั้งวัดเลยก็มี ที่นี่เปิดมาเกือบ30ปีแล้วครับ ได้รับการแต่งตั้งจากพระสังฆราช ภายใต้การดูแลของพระราชูปถัมภ์ น่าจะไม่ต้องห่วงหรอกครับ ที่นี่มีแต่คนมีความรู้ทั้งนั้นส่วนมาก ชาวบ้านน้อยมากครับ แต่ผมไม่ได้ว่าชาวบ้านนะครับ ไม่ได้ยึดติดตรงนี้หรอกครับ ใครๆก็มาได้ไม่เสียเงิน แต่ชาวบ้านมันน้อยจริงๆเพราะชาวบ้านชอบเข้าวัดนะครับ ที่นี้ผมเจอแต่ระดับบิ๊กเลยทั้งนั้น โดยเฉพาะด็อกเตอร์นี้เพียบเลย เราก็เลยมีเพื่อนเป้นด็อกเตอร์บานเลย อย่าว่าผมยึดติดนะ ผมนะมีเพื่อนตั้งแต่ติดดินเพราะผมตอนนี้ก็ติดดินครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 12 ก.ย. 2012, 19:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เมื่อเขาประสบกับอนิฏฐารมณ์ (ทุกขเวทนา) ดังนั้นแล้วเนีย สอน-แนะนำให้เค้าอุเบกขายังไง พูด-บอกให้เห็นภาพของอุเบกขาหน่อย เพื่อที่...นำไปปฏิบัติเป็นอุเบกขาได้ :b10:

อุเบกขา แปลว่าไงครับ :b10:
ก็ต้องยอมรับให้ได้นะครับก็เท่านั้น ที่นี้ใครล่ะจะบอกเขา ถ้าเขาไม่กล้าหรือกลัวที่จะเรียนรู้ต่อ ยังไงก็ต้องผ่านได้อยู่ดี เพียงดูเวทนาที่มันเกิดขึ้นด้วยใจเป็นกลางๆ ก้ทำได้แค่นั้นและทุกคนก็ควรจะทำอย่างนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอในชีวิตจริง มันก็ต้องเกิดเรื่องพวกนี้ตลอด จะเอาแต่ความสุขได้อย่างไร ในเมื่อความจริงมันไม่ได้มีสุขอย่างเดียว เนี่ยบทพิสูจน์ยามทุกข์เข้ามา ต่อไปเขาอาจจะเข้าใจและขอบคุณทุกข์ในขณะนี้ก็ได้ครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เมื่อเขาประสบกับอนิฏฐารมณ์ (ทุกขเวทนา) ดังนั้นแล้วเนีย สอน-แนะนำให้เค้าอุเบกขายังไง พูด-บอกให้เห็นภาพของอุเบกขาหน่อย เพื่อที่...นำไปปฏิบัติเป็นอุเบกขาได้ :b10:

อุเบกขา แปลว่าไงครับ :b10:


ก็ต้องยอมรับให้ได้นะครับก็เท่านั้น ที่นี้ใครล่ะจะบอกเขา ถ้าเขาไม่กล้าหรือกลัวที่จะเรียนรู้ต่อ ยังไงก็ต้องผ่านได้อยู่ดี เพียงดูเวทนาที่มันเกิดขึ้นด้วยใจเป็นกลางๆ ก้ทำได้แค่นั้นและทุกคนก็ควรจะทำอย่างนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอในชีวิตจริง มันก็ต้องเกิดเรื่องพวกนี้ตลอด จะเอาแต่ความสุขได้อย่างไร ในเมื่อความจริงมันไม่ได้มีสุขอย่างเดียว เนี่ยบทพิสูจน์ยามทุกข์เข้ามา ต่อไปเขาอาจจะเข้าใจและขอบคุณทุกข์ในขณะนี้ก็ได้ครับ



ก็ต้องยอมรับให้ได้นะครับก็เท่านั้น ที่นี้ใครล่ะจะบอกเขา ถ้าเขาไม่กล้าหรือกลัวที่จะเรียนรู้ต่อ ยังไงก็ต้องผ่านได้อยู่ดี เพียงดูเวทนาที่มันเกิดขึ้นด้วยใจเป็นกลางๆ

นั่นคือคำตอบตามอริยสัจข้อที่ 4 ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา คือดู...ด้วยใจเป็นกลางๆ กลางๆๆๆๆๆๆๆๆ อุเบกขาๆๆๆๆๆ :b1:

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=135.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เมื่อเขาประสบกับอนิฏฐารมณ์ (ทุกขเวทนา) ดังนั้นแล้วเนีย สอน-แนะนำให้เค้าอุเบกขายังไง พูด-บอกให้เห็นภาพของอุเบกขาหน่อย เพื่อที่...นำไปปฏิบัติเป็นอุเบกขาได้ :b10:

อุเบกขา แปลว่าไงครับ :b10:


ก็ต้องยอมรับให้ได้นะครับก็เท่านั้น ที่นี้ใครล่ะจะบอกเขา ถ้าเขาไม่กล้าหรือกลัวที่จะเรียนรู้ต่อ ยังไงก็ต้องผ่านได้อยู่ดี เพียงดูเวทนาที่มันเกิดขึ้นด้วยใจเป็นกลางๆ ก้ทำได้แค่นั้นและทุกคนก็ควรจะทำอย่างนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอในชีวิตจริง มันก็ต้องเกิดเรื่องพวกนี้ตลอด จะเอาแต่ความสุขได้อย่างไร ในเมื่อความจริงมันไม่ได้มีสุขอย่างเดียว เนี่ยบทพิสูจน์ยามทุกข์เข้ามา ต่อไปเขาอาจจะเข้าใจและขอบคุณทุกข์ในขณะนี้ก็ได้ครับ



ก็ต้องยอมรับให้ได้นะครับก็เท่านั้น ที่นี้ใครล่ะจะบอกเขา ถ้าเขาไม่กล้าหรือกลัวที่จะเรียนรู้ต่อ ยังไงก็ต้องผ่านได้อยู่ดี เพียงดูเวทนาที่มันเกิดขึ้นด้วยใจเป็นกลางๆ

นั่นคือคำตอบตามอริยสัจข้อที่ 4 ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา คือดู...ด้วยใจเป็นกลางๆ กลางๆๆๆๆๆๆๆๆ อุเบกขาๆๆๆๆๆ :b1:

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=135.0
ในแหละครับวิธีทำใจที่ดีที่สุด ไม่ว่าทุกข์เหรือสุขเข้ามาในชีวิต ในระหว่างทางกว่าจะเข้าใจได้ทุกข์คนจะต้องเจอกับตัวเองทางเวทนาทั้งสุขและทุกข์เป็นบทพิสูจน์พระพุทธองเจอมากับตัวเองมากมายถึงเข้าใจสัจจธรรมที่แท้จริง คนที่ไปปฎิบัตินั้นก็ส่วนมากจะไปเอา ไปเอา ไปเอาแต่ความสุข ก็เลยได้ทุกข์มาพิสูจน์ก่อน เดี่ยวเขาก็ผ่านได้เชื่อผมเถอะ ผมเองก็กว่าจะผ่านได้ก็มีอะไรให้คิดเยอะครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
และบางคนที่เขาไม่ได้สะสมของไม่ดีมามากเขาปฎิบัติสบายๆเลยมีเยอะมาก แต่ละคอร์สเดือนหนึ่งมีคนเข้าปฎบัติมากมาย ในประเทศไทยน่าจะมีเป็นแสนคนแล้วละ่ครับ พระเข้าปฎิบัติปีหนึ่งเป็นพันๆรูปเลย วัดป่าบางวัดทั้งวัดเลยก็มี ที่นี่เปิดมาเกือบ30ปีแล้วครับ ได้รับการแต่งตั้งจากพระสังฆราช ภายใต้การดูแลของพระราชูปถัมภ์ น่าจะไม่ต้องห่วงหรอกครับ ที่นี่มีแต่คนมีความรู้ทั้งนั้นส่วนมาก ชาวบ้านน้อยมากครับ แต่ผมไม่ได้ว่าชาวบ้านนะครับ ไม่ได้ยึดติดตรงนี้หรอกครับ ใครๆก็มาได้ไม่เสียเงิน แต่ชาวบ้านมันน้อยจริงๆเพราะชาวบ้านชอบเข้าวัดนะครับ ที่นี้ผมเจอแต่ระดับบิ๊กเลยทั้งนั้น โดยเฉพาะด็อกเตอร์นี้เพียบเลย เราก็เลยมีเพื่อนเป้นด็อกเตอร์บานเลย อย่าว่าผมยึดติดนะ ผมนะมีเพื่อนตั้งแต่ติดดินเพราะผมตอนนี้ก็ติดดินครับ


มันไม่เกี่ยวกับด๊อกเตอร์ด๊อกแต้อะไรหรอก :b9:

เคยเห็น ดร.ฟังคำทำนายเรื่องโลกแตกหนีขึ้นเขาไหม :b1:

การฝึกฝนพัฒนาจิต ถ้าทำไม่จริงไม่จังก็ไม่เกิดสภาวะดังตัวอย่างนั่นหรอก :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
คนเรานั้นสะสมสังขารมาไม่เหมือนกัน ก้ที่มีอาการอะไรเกิดนั้นแหละครับ ความจริงที่มันซ้อนอยู่ในร่างกายในจิตใจเรา

พี่เคยเห็นคนอยู่ดีๆทำมั้ยป่วย บางครังแบบหนักหนาสาหัสเลยก็ไม่ใช้เพราะเขาสะสมสังขารกรรมเก่าของเขาหรอกเหรอครับ





สังขาร ที่ว่าหมายถึงอะไรครับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
คนเรานั้นสะสมสังขารมาไม่เหมือนกัน ก้ที่มีอาการอะไรเกิดนั้นแหละครับ ความจริงที่มันซ้อนอยู่ในร่างกายในจิตใจเรา

พี่เคยเห็นคนอยู่ดีๆทำมั้ยป่วย บางครังแบบหนักหนาสาหัสเลยก็ไม่ใช้เพราะเขาสะสมสังขารกรรมเก่าของเขาหรอกเหรอครับ





สังขาร ที่ว่าหมายถึงอะไรครับ :b10:
จิตคนเราก็ปรุแต่งไปทั้งกุศลและอกุศล จนสะสมออกมาเป็นการกระทำดีบ้างไม่ดีบ้างทั้งทางกาย วาจา ใจ จนเกิดกรรมส่งเป็นผลคือวิบากที่ได้รับ ทั้งดีและไม่ดี
ถ้าเราเจาะลึกลงไปในอนุสัย เท่ากับเราไปเขย่ากิเลส หรือสังขารเก่าๆของเรามันก้จะผลุดขึ้นมาเป็นความรู้สึกทางกายหยาบบ้างละเอียดอ่อนบ้างตามที่ใครๆได้สะสมไว้แตกต่างกัน ไม่มีใครที่จะมีความรู้สึกอย่างเดียวกัน หรือความรู้สึกอย่างเดียวกันก็ไม่เหมือนกัน

ฉะนั้นเราไม่ต้องไปสนใจมัน มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุปัจจัย ใครสะสมอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลของการกระทำนั้นไม่ว่าช้าหรือเร็ว ความรู้สึกสบายๆเป็นผลของกุศลกรรม ความรู้สึกไม่น่ายินดีนั้นเป็นผลของอกุศลกรรม ถ้ามองดีๆ ท่านที่มีอาการอย่างที่ว่า เหตุปัจจัยอะไรที่เขาถึงได้รับความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจ คงไม่ใช่การมานั่งเพียงอย่างเดียวหรอก ต้องมาเหตุปัจจัยอื่นซึ่งเป็นกฎธรรมชาติอยู่แล้ว ว่าอกุศลนำสิ่งไม่น่าพอใจมาให้ กุศลนำสิ่งที่น่าพอใจมาให้ เพราะคนมานั่งมาปฎิบัติที่นี้มีมากมายเป็นแสนๆคนใช่ว่าจะได้รับความรู้สึกอย่างนี้ทุกคน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
และบางคนที่เขาไม่ได้สะสมของไม่ดีมามากเขาปฎิบัติสบายๆเลยมีเยอะมาก แต่ละคอร์สเดือนหนึ่งมีคนเข้าปฎบัติมากมาย ในประเทศไทยน่าจะมีเป็นแสนคนแล้วละ่ครับ พระเข้าปฎิบัติปีหนึ่งเป็นพันๆรูปเลย วัดป่าบางวัดทั้งวัดเลยก็มี ที่นี่เปิดมาเกือบ30ปีแล้วครับ ได้รับการแต่งตั้งจากพระสังฆราช ภายใต้การดูแลของพระราชูปถัมภ์ น่าจะไม่ต้องห่วงหรอกครับ ที่นี่มีแต่คนมีความรู้ทั้งนั้นส่วนมาก ชาวบ้านน้อยมากครับ แต่ผมไม่ได้ว่าชาวบ้านนะครับ ไม่ได้ยึดติดตรงนี้หรอกครับ ใครๆก็มาได้ไม่เสียเงิน แต่ชาวบ้านมันน้อยจริงๆเพราะชาวบ้านชอบเข้าวัดนะครับ ที่นี้ผมเจอแต่ระดับบิ๊กเลยทั้งนั้น โดยเฉพาะด็อกเตอร์นี้เพียบเลย เราก็เลยมีเพื่อนเป้นด็อกเตอร์บานเลย อย่าว่าผมยึดติดนะ ผมนะมีเพื่อนตั้งแต่ติดดินเพราะผมตอนนี้ก็ติดดินครับ


มันไม่เกี่ยวกับด๊อกเตอร์ด๊อกแต้อะไรหรอก :b9:

เคยเห็น ดร.ฟังคำทำนายเรื่องโลกแตกหนีขึ้นเขาไหม :b1:

การฝึกฝนพัฒนาจิต ถ้าทำไม่จริงไม่จังก็ไม่เกิดสภาวะดังตัวอย่างนั่นหรอก :b32:
ผมมีเพื่อนแบบนี้เยอะพวกดีกรีสูงๆพวกนี้นะครับเขาสะสมปัญญามามากทีเดียว เขาฉลาดปัญญาเขาไวมากสมองเขารองรับพุทธธรรมได้สบายเลยล่ะ พวกนี้แต่วิบากบางตัวยังกั้นเขาอยู่ไม่ให้เขาเข้าถึงธรรม เมื่อใดโอกาสจังหวะมาเมื่อใดเข้าก็ไม่ธรรมดาเลยนะครับ

แต่ในตัวเขาเองก็มีมานะมากก็เพราะว่าเขาได้เรียนมาสูงๆนั้นเอง ในแวดวงนักปฎิบัติที่เข้าใจเรื่องธรรมะพวกนี้ดีกรีสูงมีเยอะมากนะครับ เขาสะสมบุญมามากเขาถึงสมองดี ครอบตรัวมีฐานะดี เขามีบุญสะสมมามาก ทำให้เขาไม่ต้องกังวนอะไรมาก เข้าถึงธรรมได้เร็ว เมื่อไม่กี่เดือนมานี้รู้จักอาจารย์มหาลัยคนหนึ่งแกจบด็อกเตอร์ แกนั่ง8ชั่วโมงติดต่อกันไม่ลุกเลย

คนพวกนี้ทำอะไรก้ทำจริงนะครับ คนเราไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ล้วนมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไปจริงเนาะเห็นในปัจจุบันยู่แล้วเป็นธรรมดาของโลกอย่าไปยุ่งเลย เอาตัวเราให้หลุดพ้นก่อนดีกว่าอิๆ :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
คนเรานั้นสะสมสังขารมาไม่เหมือนกัน ก้ที่มีอาการอะไรเกิดนั้นแหละครับ ความจริงที่มันซ้อนอยู่ในร่างกายในจิตใจเรา

พี่เคยเห็นคนอยู่ดีๆทำมั้ยป่วย บางครังแบบหนักหนาสาหัสเลยก็ไม่ใช้เพราะเขาสะสมสังขารกรรมเก่าของเขาหรอกเหรอครับ





สังขาร ที่ว่าหมายถึงอะไรครับ :b10:



จิตคนเราก็ปรุแต่งไปทั้งกุศลและอกุศล จนสะสมออกมาเป็นการกระทำดีบ้างไม่ดีบ้างทั้งทางกาย วาจา ใจ จนเกิดกรรมส่งเป็นผลคือวิบากที่ได้รับ ทั้งดีและไม่ดี
ถ้าเราเจาะลึกลงไปในอนุสัย เท่ากับเราไปเขย่ากิเลส หรือสังขารเก่าๆของเรามันก้จะผลุดขึ้นมาเป็นความรู้สึกทางกายหยาบบ้างละเอียดอ่อนบ้างตามที่ใครๆได้สะสมไว้แตกต่างกัน ไม่มีใครที่จะมีความรู้สึกอย่างเดียวกัน หรือความรู้สึกอย่างเดียวกันก็ไม่เหมือนกัน

ฉะนั้นเราไม่ต้องไปสนใจมัน มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุปัจจัย ใครสะสมอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลของการกระทำนั้นไม่ว่าช้าหรือเร็ว ความรู้สึกสบายๆเป็นผลของกุศลกรรม ความรู้สึกไม่น่ายินดีนั้นเป็นผลของอกุศลกรรม ถ้ามองดีๆ ท่านที่มีอาการอย่างที่ว่า เหตุปัจจัยอะไรที่เขาถึงได้รับความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจ คงไม่ใช่การมานั่งเพียงอย่างเดียวหรอก ต้องมาเหตุปัจจัยอื่นซึ่งเป็นกฎธรรมชาติอยู่แล้ว ว่าอกุศลนำสิ่งไม่น่าพอใจมาให้ กุศลนำสิ่งที่น่าพอใจมาให้ เพราะคนมานั่งมาปฎิบัติที่นี้มีมากมายเป็นแสนๆคนใช่ว่าจะได้รับความรู้สึกอย่างนี้ทุกคน



ที่ว่านั่นคือคำตอบคำว่า "สังขาร" นะครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2012, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
กรัชกาย เขียน:
bigtoo เขียน:
คนเรานั้นสะสมสังขารมาไม่เหมือนกัน ก้ที่มีอาการอะไรเกิดนั้นแหละครับ ความจริงที่มันซ้อนอยู่ในร่างกายในจิตใจเรา

พี่เคยเห็นคนอยู่ดีๆทำมั้ยป่วย บางครังแบบหนักหนาสาหัสเลยก็ไม่ใช้เพราะเขาสะสมสังขารกรรมเก่าของเขาหรอกเหรอครับ





สังขาร ที่ว่าหมายถึงอะไรครับ :b10:



จิตคนเราก็ปรุแต่งไปทั้งกุศลและอกุศล จนสะสมออกมาเป็นการกระทำดีบ้างไม่ดีบ้างทั้งทางกาย วาจา ใจ จนเกิดกรรมส่งเป็นผลคือวิบากที่ได้รับ ทั้งดีและไม่ดี
ถ้าเราเจาะลึกลงไปในอนุสัย เท่ากับเราไปเขย่ากิเลส หรือสังขารเก่าๆของเรามันก้จะผลุดขึ้นมาเป็นความรู้สึกทางกายหยาบบ้างละเอียดอ่อนบ้างตามที่ใครๆได้สะสมไว้แตกต่างกัน ไม่มีใครที่จะมีความรู้สึกอย่างเดียวกัน หรือความรู้สึกอย่างเดียวกันก็ไม่เหมือนกัน

ฉะนั้นเราไม่ต้องไปสนใจมัน มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุปัจจัย ใครสะสมอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลของการกระทำนั้นไม่ว่าช้าหรือเร็ว ความรู้สึกสบายๆเป็นผลของกุศลกรรม ความรู้สึกไม่น่ายินดีนั้นเป็นผลของอกุศลกรรม ถ้ามองดีๆ ท่านที่มีอาการอย่างที่ว่า เหตุปัจจัยอะไรที่เขาถึงได้รับความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจ คงไม่ใช่การมานั่งเพียงอย่างเดียวหรอก ต้องมาเหตุปัจจัยอื่นซึ่งเป็นกฎธรรมชาติอยู่แล้ว ว่าอกุศลนำสิ่งไม่น่าพอใจมาให้ กุศลนำสิ่งที่น่าพอใจมาให้ เพราะคนมานั่งมาปฎิบัติที่นี้มีมากมายเป็นแสนๆคนใช่ว่าจะได้รับความรู้สึกอย่างนี้ทุกคน



ที่ว่านั่นคือคำตอบคำว่า "สังขาร" นะครับ
สังเกตุเาลาเราเอาเหล็กเส้นแข็งกกรีดลงไปในน้ำเราจะเห็นรอยกรีดน้ำแป๊บเดียวมันก็หายไป แต่ถ้าเรากรีดลงไปในเนื้อหินรอยกรีดนั้นก็คงอยู่นาน ฉันใดฉันนั้น การที่เราสร้างสังขารไว้แต่อดีตชาติปางก่อน เราไม่รู้เลยว่าอะไรเราได้กรีดลงไปในหินบ้าง ถ้ามันเป็นความไม่ดีเราคงได้รับผลมากพอสมควรกว่ามันจะลบลอยนั้นให้ออกไปได้ แตถ้าเราได้กรีดไว้บนพิ้นน้ำไม่นานผลของมันก็จะจางหายไปได้รวดเร็ว ไม่ว่าสังขารนั้นจะดีหรือเลวให้ผลตามเหตุปัจจัย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร