หนีญาติมาอีกแล้ว บอกจะหาหมอให้คนอื่นมาเป็นเพื่อนด้วย

อ้าว ออกทะเลอีกแระ บอกเขาไปดิ คิกๆๆ

ไม่ยึดถือขันธ์ ๕ แต่บ้าชีวิต อ้าววว ๆ

แล้วชีวิตคืออะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ ไหนบอกหน่อยดิ

อีกดอกหนึ่ง จิต เจตสิก รูป ที่พวกเราพูดกันท่องจำกันถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดงอยู่เนี่ย เป็นอะไร ไม่ใช่ชีวิตหรา

ตากรัชกายจะบอกให้รู้ ถึงแม้การที่จะให้ลุงร้บรู้มันจะยากปานเข็นครกขึ้นภูเขา ผมก็จะพยายาม
ตาลุงเอ๋ย ที่ลุงมาว่าผม ออกทะเลน่ะ เป็นเพราะลุงมันไม่สำเหนียกในสิ่งที่ผมพร่ำสอนลุง
ที่ลุงไม่สำเหนียก มันก็ไม่เท่าไร แต่ที่มันน่าโมโหก็เพราะดันไม่สำนึกด้วยนี่ซิ

มันเป็นตัวลุงเองนั้นแหล่ะ ที่พยายามลากเนื้อหาแก่นธรรมออกทะเล เรื่องขันธ์ห้ามันเป็น
เรื่องที่มุ่งตรงสู่แก่นธรรมแท้ๆ แต่ด้วยความหูหนาตาเร่อของลุง หรืออาจเป็นเพราะยัง
ไม่สร่างจากฤทธิ์เชี่ยงชุน เลยพยายามดึงเนื้อหาของธรรมให้ไกลไปจากแก่นธรรม

เรื่องชืวิตที่ลุงพูดมันเป็นเรื่องของโลกียะ มันเรื่องของทางโลก
ความทุกข์ของชีวิตกับความทุกข์ที่พระพุทธองค์ทรงสอน มันก็คนละเรื่อง
การเอาสมมุติบัญญัติคำว่าชีวิตมากล่าวอ้าง มันเป็นการสอนในคนมีอัตตา
สอนให้คนห่างไกลไปจากความเป็นจริงของธรรมชาติ
ในความเป็นจริงชีวิตมันไม่มี มันมีแต่กระบวนการขันธ์ห้า
แล้วคำว่าชีวิตมันมีได้ไง ก็คือมันเกิดจากการปรุงแต่งของ
จิตสังขาร วจีสังขารและกายสังขาร จนเกิดคำว่าการการกระทำ
ในการดำรงชีวิต

แม้แต่ความหมายในเรื่องทุกข์ คนที่พร่ำพูดแต่เรื่องชีวิต
มันก็คือคนที่ยังติดข้องอยู่กับอวิชา ความไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุแห่งทุกข์
ลุงรู้หรือเปล่าว่า สิ่งที่ทำให้ขันธ์เป็นทุกข์ก็ไอ้คำว่า"ชีวิต"ที่ลุงอ้าง
เป็นเพราะขันธ์ไปปรุงแต่งให้เป็น"ชีวิต"มันเลยเป็นทุกข์
แต่ในความเป็นจริง เหตุแห่งทุกข์ที่แท้ ก็คือตัวขันธ์ที่ชอบไปปรุงแต่งเรื่องต่างๆ
ให้เกิดทุกข์ ดังนั้นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ก็คือขันธ์ห้า เพราะขันธ์ห้าเป็นตัวปรุงแต่ง
พระพุทธองค์จึงกล่าวว่า ...ขันธ์เป็นมาร

ตัวทุกข์ก็คือขันธ์ห้า เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ก็คือขันธ์ห้า
พระพุทธองค์จึงเปรียบขันธ์ห้าเป็นมาร ดังนั้นถ้าไม่อยากทุกข์
ก็ต้องปราบมาร ด้วยการดับไม่ให้เกิดกระบวนการขันธ์ห้า
การดับที่ว่าคือการดับแบบถาวรไม่ใช่เกิดดับ...เกิดดับ

ที่ลุงเอาคำว่า"ชีวิต"มาคุยโขมงโฉงเฉงเนี้ยน่ะ ถามหน่อย นังดอกคูนหมาบ้านผม
มันมีชืวิตหรือเปล่า ไอ้แต้มดำแมวที่บ้านก็เหมือนกัน มันมีชีวิตหรือเปล่า
สัตว์มันก็มีชีวิต พืขมันก็มีชีวิต ดันยกเรื่อง"ชีวิต"มาคุยในเรื่องของแก่นธรรม
ลุงๆเจอเกาะบ้างหรือยัง ถ้ายังไม่เจอลุงก็พายเรือไปเรื่อยเดี๋ยวมันก็กลับมาที่เก่า
แล้วก็มาถามซ้ำถามซาก ตามแบบฉบับของลุงนั้นแหล่ะ

ที่พระพุทธองค์พร่ำสอน เรื่องจิตเจตสิกและรูป ก็เพราะจะเตือนสติคนที่ยังหลง
มัวเมาว่า รูป จิตและเจตสิกเป็นชีวิตไง

แท้จริงแล้ว"ชีวิต" มันเป็นการปรุงแต่งอันเกิดจาก รูป จิตและเจตสิก เข้าใจมั้ย

ชีวิต + จิต เจตสิก รูป เป็นธรรมะไหมนายโฮฮิ

เพ้อเจ้อกถา ฟุ้งซ่านธรรม เวรกรรมแท้ๆนักธรรมประเทศไทย

ขันธ์เป็นชีวิตมั้ยล่ะ

อีกดอกหนึ่ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นชีวิตมั้ย เป็นธรรมะมั้ย ถามนายโฮฮิ นักธรรมยุคหลังกึ่งพุทธกาล นักธรรมยุค 2600 ปี พุทธชยันตี ปีแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพทธเจ้า

แล้วนังตูบกับไอ้เหมียวที่บ้านผม มันเป็นชีวิตหรือเปล่า
เมื่อเช้าไปวิ่งออกกำลังเผอิญ ปวดอุจจาระ แอบเข้าไปถ่ายที่ป่าละเมาะ
พอนั่งลงไป ไอ้หญ้าคามันแทงตูดผม ถามหญ้าคามันเป็นชีวิตหรือเปล่า

ชีวิตกับขันธ์ห้ามันคนละเรื่อง ที่พระพุทธองค์ทรงพูดถึงขันธ์ห้า
ก็เพราะบุคคลมันเข้าใจผิดว่าขันธ์ห้ามันเป็นชีวิต ซึ่งความหมายของคำว่า
ชีวิตมันก็คือความยืดมั่นถือมั่น อันเกิดจากสักกายฐิทิ

ผมอยากแนะนำลุงครับ ระดับความเข้าใจธรรมของลุงยังเป็นอย่างนี้
ผมว่าลุงไปเริ่มต้นด้วยการ ทำบุญใส่บาตร ปล่อยนกปล่อยปลา
ฝังลูกนิมิตดีกว่าครับ

ไอ้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าว่าโดยหรือธรรมชาติ มันเป็นรูปธรรม

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

โฮฮับจังเอ้ยยย

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นรูปธรรม เอาเข้าไปโฮฮับ แม้แต่เรื่องรูปธรรม นามธรรม ยังไม่รู้ยังแยกไม่ออก แล้วจะไปรู้เรื่องชีวิต รู้เรื่องธรรมะยังไง

ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นรูปธรรม (รูป)

ใจ เป็นนามธรรม (นาม)

ฉะนั้น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จึงครบแล้วชีวิตหนึ่งๆ ซึ่งก็แบ่งเป็นรูปธรรม นามธรรม


หลงชีวา บ้าชีวิต แต่บอกไม่ยึดติดขันธ์ ๕ เอาเข้าไป

ถามสรุปดอกใหญ่

ชีวิต ซึ่งจำแนกโดยขันธ์ (หรือกอง) ได้ ๕ ขันธ์ คือ

๑. รูปขันธ์
๒. เวทนาขันธ์
๓. สัญญาขันธ์
๔. สังขารขันธ์
๕. วิญญาณขันธ์

เทียบกับ จิต เจตสิก รูป ตามแนวพระอภิธรรมก็ จิต =วิญญาณขันธ์ เจตสิก=เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และสังขารขันธ์ ส่วนรูป=รูปขันธ์

ข้อ ๑ จัดเป็นรูปธรรม (รูป) ที่เหลือเป็นนามธรรม (นาม)

แล้วยังจำแนกแจกแจงออกเป็น

อายตนะได้ ๑๒
ธาตุได้ ๑๘
อินทรีย์ได้ ๒๒

โฮฮับจัง ว่าเป็นอะไร เป็นชีวิตมั้ยเป็นธรรมมั้ย

โฮฮับจัง ออกทะเลกันป่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=R-Z1a0dp ... re=related

ขอกราบพระศาสดาองค์พระสัมมาสัมพุทธะ


“ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็นของลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก ฯลฯ สำหรับหมู่ประชา ผู้เริงรมย์ รื่นระเริงอยู่ในอาลัย ฐานะอันนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก กล่าวคือ หลักอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยากนัก กล่าวคือ นิพพาน”