วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 145 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 22:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หดหัวในกระดอง.....กลับไม่ยอมรับ..และ..รับไม่ได้...

แต่กลับเทิดทูน...รู้หลบเป็นปีก..รู้หลีกเป็นหาง...ซะงั้น....

อิอิ...

ถ้ารู้ว่าตัวยังอ่อนอยู่.....ก็หัดเงี้ยหูฟัง....คนอื่นดู...ด้วยความสุขุมสะหน่อย...

กร่างยังกับว่าเก่งแล้ว....งั้นแหละ




ตะวัน เขียน:

...............ก็หัดเงี้ยหูฟัง....คนอื่นดู.................
คนอื่นที่ว่านั่น...ใครกันครับท่าน...หมดกิเลสแล้วหรือยัง ถึงจะให้ผมต้องไปเชื่อน่ะ
แต่ฟังนั่นยอมรับว่า ฟังและเอามาพิจารณาอยู่นะ ต้องฟังหูไว้หูครับท่าน
จะไปเชื่อเต็มร้อยเลยเหมือนกับเชื่อที่อ่านโดยตรงจากองค์หลวงตาผู้หมดกิเลสแล้วได้งัย

ก็เพราะผมรู้ตัวว่ายังอ่อนอยู่สิ่ครับ ผมถึงได้เงี่ยหูฟังและปฏิบัติตามปฏิปทาที่หลวงตาท่านพาดำเนิน
ท่านเน้นให้เรานำธรรมะข้อ...สังวรธรรม...มาใช้ให้มากเมื่อรู้ตัวว่า..ยังไม่แกร่ง...อย่าอวดดี
ไปหาดูรูปที่เป็นพิษเป็นภัย เป็นอันตรายต่อจิตใจ

ท่านสอนว่า...สิ่งไม่ควรดูอย่าดู สิ่งไม่ควรฟังอย่าฟัง....แล้วจะให้ผม
ปฏิบัติสุ่มสี่สุ่มห้าไปตามคำแนะนำของคนมีกิเลสเหมือนกัน ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ


ท่านกบฯ จะให้ผมดำเนินตาม...ปฏิปทาของท่านกบฯ...หรือครับ ท่านถึงจะชมผมว่า
ผมเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายท่านกบฯสอนอะไรก็เชื่อ

ผมดำเนินตามผู้ที่ท่านพ้นกิเลสแล้วครับ จะให้มาเชื่อคนมีกิเลสด้วยกันง่ายๆ ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ
ท่านบอกว่าช่วงปฏิบัติใหม่ๆยิ่งกว่าติดคุกติดตะราง บังคับทุกอย่าง อยากดูไม่ให้ดู อยากฟังไม่ให้ฟัง
ไม่งั้นก็เอากิเลสให้อยู่หมัดไม่ได้หรอก ผมก็เลยไม่อวดดี ต้องทำตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอน ไม่ดื้อด้านฝืนคำสอนท่าน

แต่ขอดื้อกับท่านกบฯแทนแล้วกันนะ 55555555555555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 22:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
ผมมองไม่เห็นเทวดา นางฟ้า วิมานอะไรหรอกครับ ไม่เชื่อด้วย ผมมองเห็นแต่จุดดับแห่งจิตเท่านั้นเองไม่เห็นอะไรมากกว่านั้น :b11:




ตะวัน เขียน:
ถึงไม่เชื่อก็เถอะครับ
ถึงตอนนี้จะไม่เห็นก็ตาม
แต่..........
ถ้าเราตายไปแล้วก็จะเห็นเองนั่นแหละ ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า???
ถ้าธรรมในใจเรามีกำลังมากพอ เราก็จะไม่หลงไปเอานางฟ้านางสวรรค์อะไรอีก
แต่ถ้ากำลังไม่พอก็ เสร็จเขาอีกตามเคย

องค์หลวงปู่มั่น ท่านก็บอกเลยนะครับ ว่ามีจริง ในหนังสือ...ประวัติหลวงปู่มั่น....
และเขาได้พากันมาฟังเทศน์ท่านบ่อยมากด้วยในเวลาดึกสงัด
ท่านบอกว่าถ้าท่านอยู่ในป่าลึกๆ พวกเทวดาเขาจะมาบ่อยมาก
แต่ถ้าท่านอยู่ตามหมู่บ้านธรรมดาทั่วๆไป เขาจะไม่ค่อยพากันมาฟังเทศน์ท่านบ่อยมากนัก
เหมือนกับตอนที่อยู่ในป่าลึกๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 22:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หดหัวในกระดอง.....กลับไม่ยอมรับ..และ..รับไม่ได้...

แต่กลับเทิดทูน...รู้หลบเป็นปีก..รู้หลีกเป็นหาง...ซะงั้น....

อิอิ...

ถ้ารู้ว่าตัวยังอ่อนอยู่.....ก็หัดเงี้ยหูฟัง....คนอื่นดู...ด้วยความสุขุมสะหน่อย...

กร่างยังกับว่าเก่งแล้ว....งั้นแหละ



ตะวัน เขียน:

หลักฐานพยานเจอแล้วครับ รับรองท่านกบฯดิ้นไม่หลุดแน่
แต่เอาไว้ก่อนแล้วกัน มีหลักฐานอยู่ในมือแล้วจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
จะได้กินอ่อมกบก็คราวนี้แหละ 555555++++

ตอนนี้เอาเรื่อง รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง กับ หดหัวในกระดองก่อนก็แล้วกัน
ว่าความหมายของ 2 อันนี้มันต่างกันคนละทวีป
ผมเลยรับไม่ได้ต้องให้ท่านกบฯรับไปกินเองไง
เอาเรื่องนี้ก่อนนะท่านกบฯเพราะเรื่องนี้ยังคลุกวงในกันอยู่
อย่าพึ่งข้ามไปเรื่อง....หลวงตากลับมากำหนดอสุภะ....เลย

เอาเรื่อง รู้หลบเป็นปีก กับ เต่าในกระดองก่อน
แล้วค่อยไปต่อเรื่อง...หลวงตากลับมากำหนดอสุภะ...แล้วกันนะ

หดหัวในกระดอง มันมีความหมายว่าไง ท่านกบลองอธิบายมาให้ผมฟังหน่อยสิ่
ผมว่าความหมายมันต่างจาก รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง มากเลยนะ
ให้ท่านกบฯ โชว์พาวเวอร์ทางปัญญา ก่อนแล้วกันว่าสามารถแยกแยะ
ความแตกต่างระหว่าง2 สิ่งนี้ ได้หรือเปล่า????ให้ผมดูก่อนว่าแตกต่างกันยังไง
แล้วผมถึงจะ มาโชว์ออฟบ้างทีหลัง

ท่านกบฯ ลองแจกแจงชี้ให้ผมดูหน่อยซิว่า
2 อย่างนี้แตกต่างกันยังไง
หรือว่าท่านกบฯชี้บอกความต่างของสองอย่างนี้ไม่ได้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ
ถ้าท่านกบฯยอมสารภาพว่า...ท่านกบฯบอกความแตกต่างของ 2 อันนี้ไม่ได้...
เพราะท่านกบคิดว่า...มีความหมายอย่างเดียวกัน...ก็เลยไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง
ผมก็จะมาเฉลยให้ฟังแล้วกัน ว่า 2 อย่างนี้มีความหมายแตกต่างกันอย่างไรให้ฟัง

ตอบผมก่อนนะ
ว่าท่านกบฯเห็นว่ามีความหมายอย่างเดียวกันหรือมีความหมายต่างกัน
ถ้าต่างกัน....ต่างกันตรงไหนอย่างไร ช่วยอธิบายด้วยเน้อ
ให้ท่านกบฯ อธิบายก่อนแล้วกัน แล้วผมถึงจะโชว์ออฟต่อ
ป.ล.1.ผมบอกก่อนไม่ได้ กลัวโดนลอกการบ้านครับ
......2.คุยกับท่านกบฯ มันส์สุดยอดเลยครับท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 22:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมศึกษาแนวท่านพุทธทาส หลวงปู่ชา หลวงพ่อเทียนท่านไม่กล่าวเน้นสิ่งนี้ ผมก็ไม่ปรุงแต่งสิ่งนี้เช่นกันขอว่าง :b16:เห็นแต่เทวดา นางฟ้า และสวรรค์ในอก นรกในใจ

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แก้ไขล่าสุดโดย ขณะจิต เมื่อ 12 ส.ค. 2012, 23:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 22:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:

ตะวัน เขียน:

......ผมแน่ใจครับ ว่าจำมาถูกแน่นอน......

อยู่ๆท่านกบฯก็มาขี้ตู่ผม
ตามที่ท่านกบฯคิดเอาเองได้ยังไง ว่าผมไม่แน่ใจ


.........แน่ใจครับท่านว่าจำมาไม่ผิดแน่นอน.........
แต่จะพูดรับรองเองได้ไงเดี๋ยวก็โดนท่านว่าผมจำมาผิดอีกแหละ
ต้องเอาหลักฐานพยานมาแสดงสิ่ครับท่าน
ถึงจะจับได้คาหนังคาเขาว่า...ใครมั่วกันแน่.....

แต่ตอนนี้...ไปว่ากันเรื่อง รู้หลบเป็นปีก กับ เต่าในกระดอง ก่อนแล้วกันนะท่าน
แล้วค่อยว่าเรื่องนี้กันทีหลัง


ทำไมหายากจัง.....ให้หามาให้...เอามั้ย?
หุหุ... :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 22:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:
[

เอาเรื่อง รู้หลบเป็นปีก กับ เต่าในกระดองก่อน
แล้วค่อยไปต่อเรื่อง...หลวงตากลับมากำหนดอสุภะ...แล้วกันนะ

หดหัวในกระดอง มันมีความหมายว่าไง ท่านกบลองอธิบายมาให้ผมฟังหน่อยสิ่
ผมว่าความหมายมันต่างจาก รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง มากเลยนะ
ให้ท่านกบฯ โชว์พาวเวอร์ทางปัญญา ก่อนแล้วกันว่าสามารถแยกแยะ
ความแตกต่างระหว่าง2 สิ่งนี้ ได้หรือเปล่า????ให้ผมดูก่อนว่าแตกต่างกันยังไง
แล้วผมถึงจะ มาโชว์ออฟบ้างทีหลัง

ท่านกบฯ ลองแจกแจงชี้ให้ผมดูหน่อยซิว่า
2 อย่างนี้แตกต่างกันยังไง
หรือว่าท่านกบฯชี้บอกความต่างของสองอย่างนี้ไม่ได้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ
ถ้าท่านกบฯยอมสารภาพว่า...ท่านกบฯบอกความแตกต่างของ 2 อันนี้ไม่ได้...
เพราะท่านกบคิดว่า...มีความหมายอย่างเดียวกัน...ก็เลยไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง
ผมก็จะมาเฉลยให้ฟังแล้วกัน ว่า 2 อย่างนี้มีความหมายแตกต่างกันอย่างไรให้ฟัง

ตอบผมก่อนนะ
ว่าท่านกบฯเห็นว่ามีความหมายอย่างเดียวกันหรือมีความหมายต่างกัน
ถ้าต่างกัน....ต่างกันตรงไหนอย่างไร ช่วยอธิบายด้วยเน้อ
ให้ท่านกบฯ อธิบายก่อนแล้วกัน แล้วผมถึงจะโชว์ออฟต่อ
ป.ล.1.ผมบอกก่อนไม่ได้ กลัวโดนลอกการบ้านครับ
......2.คุยกับท่านกบฯ มันส์สุดยอดเลยครับท่าน[/size]

อิอิ...แค่อยากจะถามความเห็นว่า....สองคำนี้ผมเข้าใจความหมายเหมือนกัน...หรือต่างกันอย่างไร....ก็ไม่เห็นต้อง...ฝอยซะน้ำท่วมทุ่งเลยนิ...

ผมเห็นว่าสองคำนี้....เหมือนกัน..เพราะบทสรุปสุดท้าย..คือ...ต้นเหตุของปัญหา...ยังไม่ได้รับการแก้ไข


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 12 ส.ค. 2012, 23:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 23:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
ผมศึกษาแนวท่านพุทธทาส หลวงปู่ชา หลวงพ่อเทียนท่านไม่กล่าวเน้นสิ่งนี้ ผมก็ไม่ปรุงแต่งสิ่งนี้เช่นกันขอว่าง :b16:



ตะวัน เขียน:
จะแนวไหน ก็ต้องเน้นให้ละ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่ใจยังติดข้องอยู่ให้ได้
ถึงจะพ้นทุกข์ได้ครับ เรื่องเทวดา เรื่องนางฟ้า เขาก็มีอยู่ตามหลักธรรมชาติของเขาเองอยู่แล้ว
ผู้ที่มีสัมผัสทิพย์เท่านั้นถึงจะสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้
ถ้านักปฏิบัติท่านใดไม่ได้เคยสร้างบารมีทางนี้มาก็มองไม่เห็นเหมือนกัน
แต่ถ้าใครได้เคยสร้างบารมีทางนี้มา เช่น หลวงปู่มั่น ท่านจะรู้เห็นได้ในสิ่งเหล่านี้

แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำให้ได้ก็คือ ต้องละ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ให้ได้
ส่วนเรื่องเทวดานั้น จะเห็นหรือไม่เห็นตอนยังเป็นคนอยู่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ
เพราะถ้าเราตายไปแล้วก็ได้เห็นเองแหละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 23:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
<ตะวัน> เขียน:
[

เอาเรื่อง รู้หลบเป็นปีก กับ เต่าในกระดองก่อน
แล้วค่อยไปต่อเรื่อง...หลวงตากลับมากำหนดอสุภะ...แล้วกันนะ

หดหัวในกระดอง มันมีความหมายว่าไง ท่านกบลองอธิบายมาให้ผมฟังหน่อยสิ่
ผมว่าความหมายมันต่างจาก รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง มากเลยนะ
ให้ท่านกบฯ โชว์พาวเวอร์ทางปัญญา ก่อนแล้วกันว่าสามารถแยกแยะ
ความแตกต่างระหว่าง2 สิ่งนี้ ได้หรือเปล่า????ให้ผมดูก่อนว่าแตกต่างกันยังไง
แล้วผมถึงจะ มาโชว์ออฟบ้างทีหลัง

ท่านกบฯ ลองแจกแจงชี้ให้ผมดูหน่อยซิว่า
2 อย่างนี้แตกต่างกันยังไง
หรือว่าท่านกบฯชี้บอกความต่างของสองอย่างนี้ไม่ได้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ
ถ้าท่านกบฯยอมสารภาพว่า...ท่านกบฯบอกความแตกต่างของ 2 อันนี้ไม่ได้...
เพราะท่านกบคิดว่า...มีความหมายอย่างเดียวกัน...ก็เลยไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง
ผมก็จะมาเฉลยให้ฟังแล้วกัน ว่า 2 อย่างนี้มีความหมายแตกต่างกันอย่างไรให้ฟัง

ตอบผมก่อนนะ
ว่าท่านกบฯเห็นว่ามีความหมายอย่างเดียวกันหรือมีความหมายต่างกัน
ถ้าต่างกัน....ต่างกันตรงไหนอย่างไร ช่วยอธิบายด้วยเน้อ
ให้ท่านกบฯ อธิบายก่อนแล้วกัน แล้วผมถึงจะโชว์ออฟต่อ
ป.ล.1.ผมบอกก่อนไม่ได้ กลัวโดนลอกการบ้านครับ
......2.คุยกับท่านกบฯ มันส์สุดยอดเลยครับท่าน[/size]


กบในกะลา เขียน:
อิอิ...แค่อยากจะถามความเห็นว่า....สองคำนี้ผมเข้าใจความหมายเหมือนกัน...หรือต่างกันอย่างไร....ก็ไม่เห็นต้อง...ฝอยซะน้ำท่วมทุ่งเลยนิ...

ผมเห็นว่าสองคำนี้....เหมือนกัน..เพราะบทสรุปสุดท้าย..คือ...ต้นเหตุของปัญหา...ยังไม่ได้รับการแก้ไข



ตะวัน เขียน:
แถ...ไปอีกแล้ว อุตส่าห์อธิบายตั้งยืดยาวก็ยังแกล้งไม่เข้าใจ แล้วทำตัวเป็นปลาไหลได้หน้าเป็นๆเลย
จะจับอยู่หรือเปล่าน๊อ??เนี่ย?? ผมอธิบายยาวๆขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกหรือท่าน แล้วยังมาเกทับกันว่า...ฝอยน้ำท่วมทุ่งอีก...อย่าแกล้งไม่รู้เรื่องเลยท่าน
ไม่งั้น...ท่านจะ...มืดบอด...ทางด้านปัญญานะถ้าแกล้งโง่นี่

แถ...ไปเรื่อง....ต้นเหตุของปัญหา...ยังไม่ได้รับการแก้ไข....ได้งัยครับ
เข้าใจที่ผมถามหรือเปล่า???????
คือผมแค่ต้องการรู้ความหมายของประโยค 2 ประโยคนี้แค่นั้นว่าท่านกบฯให้ความหมายแต่ละประโยคว่ายังงัย
...หดหัวอยู่ในกระดอง...ท่านกบฯให้ความหมายว่า..........จุดจุดจุด....ก็ว่าไปสิ่ครับ
...รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง...ท่านกบฯให้ความหมายว่า.......จุดจุดจุด....ก็ว่าไปสิ่ครับ
ตอบให้ตรงคำถามด้วยครับ ไม่ใช่ผมถามว่า ไปไหนมา แล้ว ท่านกบฯ แถไปว่า สามวาสองศอก
แบบนั้นก็คุยไม่รู้เรื่องกันพอดี
เอาตอบตรงคำถามพอครับว่า
แต่ละประโยคท่านกบฯให้ความหมายว่ายังงัย
อย่าให้ผมต้องได้อธิบายอีกเลยนะครับ
เท่านี้คนขับสามล้อแถวบ้านผมเขาก็เข้าใจแล้วแหละครับท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2012, 23:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:

เท่านี้คนขับสามล้อแถวบ้านผมเขาก็เข้าใจแล้วแหละครับท่าน
[/size]



คนขับสามล้อแถวบ้านคุณ...เป็นคนฉลาด...นะ

คุณตะวัน...ก็ไปหาประโยชน์จากคนฉลาด...ซะ...

การขับสามล้อ....ไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกว่าคนนั้น..ฉลาดมาก...หรือฉลาดน้อย...นะ...คุณตะวันอย่าเอาอาชีพมาปรุงแต่ง...ซะละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 00:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
<ตะวัน> เขียน:

เท่านี้คนขับสามล้อแถวบ้านผมเขาก็เข้าใจแล้วแหละครับท่าน
[/size]



คนขับสามล้อแถวบ้านคุณ...เป็นคนฉลาด...นะ

คุณตะวัน...ก็ไปหาประโยชน์จากคนฉลาด...ซะ...

การขับสามล้อ....ไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกว่าคนนั้น..ฉลาดมาก...หรือฉลาดน้อย...นะ...คุณตะวันอย่าเอาอาชีพมาปรุงแต่ง...ซะละ



ตะวัน เขียน:

ท่านใดที่ขับสามล้ออยู่ แล้วผ่านมาอ่านเจอที่ผมเขียนนี้เข้า
ผมขอโทษขออภัยมากๆเน้อ ที่ได้ล่วงเกินท่านไป

โหสิ โหสิ นะครับท่าน
เคยตอกเขาไปหมากนี้เหมือนกันครับ ท่านกบฯ ตอนโต้กันกับเขา เขาเทียบว่าผมเป็น...แม่ค้าปากตลาด...
เขาว่า...เขากำลังเถียงกับแม่ค้าอยู่...ผมก็เลยตอกกลับไปว่า...อย่าไปดูถูกแม่ค้าเน้อ...
แม่ค้าที่เป็นคนดีมีมากนะ
เอาไปเอามาเลยเจอหมากที่ตัวเองเคยใช้กลับมาย้อนคืนซะเอง
ครับเรื่องสามล้อผมยอมรับว่า...พูดไม่ถูก...ที่ไปเอาท่านที่ขับสามล้อมายุ่งด้วย
แล้วทีนี้จะตอบผมได้ยังครับท่าน ตอบให้ตรงคำถามด้วยนะ ถ้าจะตอบ แต่ถ้าไม่ตอบเดี๋ยวผมจะเฉลยให้ก็ได้
อย่าไปซีเรียสอะไรมากเลย คุยสนุกๆ กัน ไม่ได้จะเอาเป็นเอาตายอะไรนี่นา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 01:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
หดหัวในกระดอง.....กลับไม่ยอมรับ..และ..รับไม่ได้...

แต่กลับเทิดทูน...รู้หลบเป็นปีก..รู้หลีกเป็นหาง...ซะงั้น....

อิอิ...

ถ้ารู้ว่าตัวยังอ่อนอยู่.....ก็หัดเงี้ยหูฟัง....คนอื่นดู...ด้วยความสุขุมสะหน่อย...

กร่างยังกับว่าเก่งแล้ว....งั้นแหละ



ตะวัน เขียน:

หลักฐานพยานเจอแล้วครับ รับรองท่านกบฯดิ้นไม่หลุดแน่
แต่เอาไว้ก่อนแล้วกัน มีหลักฐานอยู่ในมือแล้วจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
จะได้กินอ่อมกบก็คราวนี้แหละ 555555++++

ตอนนี้เอาเรื่อง รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง กับ หดหัวในกระดองก่อนก็แล้วกัน
ว่าความหมายของ 2 อันนี้มันต่างกันคนละทวีป
ผมเลยรับไม่ได้ต้องให้ท่านกบฯรับไปกินเองไง
เอาเรื่องนี้ก่อนนะท่านกบฯเพราะเรื่องนี้ยังคลุกวงในกันอยู่
อย่าพึ่งข้ามไปเรื่อง....หลวงตากลับมากำหนดอสุภะ....เลย

เอาเรื่อง รู้หลบเป็นปีก กับ เต่าในกระดองก่อน
แล้วค่อยไปต่อเรื่อง...หลวงตากลับมากำหนดอสุภะ...แล้วกันนะ

หดหัวในกระดอง มันมีความหมายว่าไง ท่านกบลองอธิบายมาให้ผมฟังหน่อยสิ่
ผมว่าความหมายมันต่างจาก รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง มากเลยนะ
ให้ท่านกบฯ โชว์พาวเวอร์ทางปัญญา ก่อนแล้วกันว่าสามารถแยกแยะ
ความแตกต่างระหว่าง2 สิ่งนี้ ได้หรือเปล่า????ให้ผมดูก่อนว่าแตกต่างกันยังไง
แล้วผมถึงจะ มาโชว์ออฟบ้างทีหลัง

ท่านกบฯ ลองแจกแจงชี้ให้ผมดูหน่อยซิว่า
2 อย่างนี้แตกต่างกันยังไง
หรือว่าท่านกบฯชี้บอกความต่างของสองอย่างนี้ไม่ได้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ
ถ้าท่านกบฯยอมสารภาพว่า...ท่านกบฯบอกความแตกต่างของ 2 อันนี้ไม่ได้...
เพราะท่านกบคิดว่า...มีความหมายอย่างเดียวกัน...ก็เลยไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง
ผมก็จะมาเฉลยให้ฟังแล้วกัน ว่า 2 อย่างนี้มีความหมายแตกต่างกันอย่างไรให้ฟัง

ตอบผมก่อนนะ
ว่าท่านกบฯเห็นว่ามีความหมายอย่างเดียวกันหรือมีความหมายต่างกัน
ถ้าต่างกัน....ต่างกันตรงไหนอย่างไร ช่วยอธิบายด้วยเน้อ
ให้ท่านกบฯ อธิบายก่อนแล้วกัน แล้วผมถึงจะโชว์ออฟต่อ
ป.ล.1.ผมบอกก่อนไม่ได้ กลัวโดนลอกการบ้านครับ
......2.คุยกับท่านกบฯ มันส์สุดยอดเลยครับท่าน




ตะวัน เขียน:

เอ้าถามเองตอบเองก็ได้ครับท่าน จะมาเฉลยให้ฟังก็แล้วกัน

หดหัวในกระดอง มันมีความหมายถึงว่า ขี้ขลาด ไม่กล้าต่อสู้
ก็เลยเอาแต่หลบอยู่ในรู ไม่คิดจะออกมาต่อสู้ทำลายข้าศึกศัตรูให้สิ้นซากเพื่อจะได้ไม่ต้องหนีอีกต่อไป
เคยหนีเคยหลบอยู่ยังไงก็ยังหนียังหลบอยู่ยังงั้นตลอดไป
เหมือนกับเต่า เมื่อมันเจออะไรที่มันกลัวมันก็จะมีแต่หดหัวอยู่ในกระดองอยู่ร่ำไป
ไม่เคยคิดที่จะมาต่อสู้เอาชนะศัตรูที่มันเคยสู้ไม่ได้ เคยแพ้ยังไง ก็ยังแพ้อยู่ตลอดไป

แต่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง จะหมายถึงว่า
ตอนนี้หลบไปซ่องสุมกำลังก่อน
เอาไว้ให้มีกำลังแก่กล้าเมื่อไรแล้ว จะมา...เอาคืน...แน่ๆ

เหมือนกับ พระเจ้าตากสิน ตอนที่ท่านพาลูกน้องท่านหักตีแหกด่านหลบหนีพม่าที่มาล้อม
กรุงศรีอยุธยาไว้ เพื่อหนีไปตั้งหลักซ่องสุมกำลังทัพของท่านให้มากขึ้นให้แกร่งขึ้นเสียก่อน
แล้วก็ค่อยมา...เอาคืน...มาฆ่าทำลายศัตรูทีหลัง จนสามารถ...กอบกู้เอกราชของชาติไทยคืนมาได้
อย่างที่พระเจ้าตากสินทำ ผมเรียกว่า รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง ครับท่าน
หรือ ท่านกบฯ จะเรียกสิ่งที่พระเจ้าตากสินท่านทำว่า เป็นการหดหัวในกระดองล่ะ
ท่านกบฯจะกล้าเรียกสิ่งที่พระเจ้าตากสิน ท่านทำอย่างนี้ว่าเป็นการหดหัวในกระดองอยู่อีกเหรอ???
สำหรับผมไม่กล้าแน่นอน เพราะท่านไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เมื่อรู้ว่ากำลังของตัวเองยังสู้มันไม่ได้
ในตอนนี้ก็ต้อง...รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง...เอาไว้ก่อน หลบไปสร้างกำลังของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นก่อน
แล้วค่อยมา...เช็คบิลเอาคืน...ทีหลังแบบถอนรากถอนโคนข้าศึกศัตรูให้มันสิ้นซากไปเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 01:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กุมมสูตร
ว่าด้วยการคุ้มครองทวารในอินทรีย์
[๓๒๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว มีเต่าตัวหนึ่ง
เที่ยวหากินอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำน้อยแห่งหนึ่งในเวลาเย็น สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง
ก็ได้เที่ยวหากิน อยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำน้อยแห่งหนึ่งในเวลาเย็น เต่าได้แลเห็น
สุนัขจิ้งจอกซึ่งเที่ยวหากินอยู่แต่ไกลแล้ว ก็หดอวัยวะ ๕ ทั้งหัว ( หดขาทั้ง ๔
มีคอเป็นที่ ๕ ) เข้าอยู่ในกระดองของตนเสีย มีความขวนขวายน้อย นิ่งอยู่
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายสุนัขจิ้งจอกก็ได้แลเห็นเต่าซึ่งเที่ยวหากินอยู่แต่
ไกลแล้ว เข้าไปหาเต่าถึงที่แล้ว ได้ยืนอยู่ใกล้เต่าด้วยคิดว่า เวลาใดเต่าตัวนี้
จักเหยียดคอหรือขาข้างใดข้างหนึ่งออกมา เวลานั้น เราจักงับมันฟาดแล้ว
กัดกินเสีย เวลาใด เต่าไม่เหยียดคอหรือขาข้างใดข้างหนึ่งออกมา เวลานั้น


สุนัขจิ้งจอกก็หมดความอาลัย ไม่ได้โอกาส จึงหลีกไปจากเต่า ฉันใด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มารผู้ใจบาปผู้ปรากฏอยู่ใกล้พวกท่านเสมอ ๆ แล้ว
คิดว่า บางทีเราจะพึงได้โอกาสทางจักษุ หู จมูก ลิ้น กายหรือใจ ของ
ภิกษุเหล่านี้บ้าง เพราะฉะนั้นแล ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้คุ้มครองทวารใน
อินทรีย์ทั้งหลายอยู่ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว อย่าถือนิมิต อย่าถืออนุพยัญชนะ
จงปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะพึงเป็นเหตุให้
อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ ชื่อว่ารักษา
จักขุนทรีย์ ชื่อว่าถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์ ฟังเสียงด้วยหู ดมกลิ่น
ด้วยจมูก ลิ้มรสด้วยลิ้น ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วย
ใจแล้ว อย่าถือนิมิต อย่าถืออนุพยัญชนะ จงปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์
ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะพึงเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌา
และโทมนัสครอบงำได้ ชื่อว่ารักษามนินทรีย์ ชื่อว่าถึงความสำรวมใน
มนินทรีย์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เวลาในท่านทั้งหลายจักเป็นผู้คุ้มครอง
ทวารในอินทรีย์ทั้งหลายอยู่ เวลานั้นมารผู้ใจบาปก็จักหมดความอาลัย ไม่
ได้โอกาส หลีกจากท่านทั้งหลายไป ดุจสุนัขจิ้งจอกหมดความอาลัยหลีก
จากเต่า ก็ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๓๒๑] ภิกษุผู้มีใจตั้งมั่นในมโนวิตก อันตัณหามานะ
และทิฏฐิไม่อิงอาศัยไม่เบียดเบียน ผู้อื่นดับกิเลสได้
แล้ว ไม่ติเตียนผู้ใดผู้หนึ่ง เหมือนเต่าหดคอและ
ขาอยู่ในกระดองของตน ฉะนั้น.
จบ กุมมสูตรที่ ๓


อรรถกถากุมมสูตรที่ ๓
ในกุมมสูตรที่ ๓ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ .
บทว่า กุมฺโม แปลว่า เต่ามีกระดอง. บทว่า กจฺฉโป นี้ เป็น
ไวพจน์แห่งบทว่า กุมฺโม นั้นแล. บทว่า อนุนทีตีเร แปลว่า ที่ริมฝั่งแห่ง
แม่น้ำ. บทว่า โคจรปสุโต ความว่า เต่าคิดว่าถ้าเราจักได้ผลไม้น้อยใหญ่
ก็จักกิน จึงขยัน คือขวนขวาย สืบกันมาตามประเพณี. บทว่า สโมทหิตฺวา
ได้แก่ เหมือนใส่เข้าในกล่อง. บทว่า สงฺกสายติ แปลว่าย่อมปรารถนา
บทว่า สโมทหํ ได้แก่ ตั้งไว้ คือวางไว้. ท่านกล่าวอธิบายไว้ดังนี้ ว่า
เต่า ตั้งอวัยวะทั้งหลายไว้ในกระดองของตน ไม่ให้โอกาสแก่สุนัขจิ้งจอก
และสุนัขจิ้งจอกก็ทำร้ายเต่าไม่ได้ฉันใด ภิกษุตั้งมโนวิตก ( ความตรึก
ทางใจ ) ของตนไว้ นกระดอง คืออารมณ์ของตน ไม่ให้โอกาสแก่กิเลสมาร
มารก็ทำร้ายภิกษุนั้นไม่ได้ฉันนั้น.
บทว่า อนิสฺสิโต ได้แก่ ผู้อันนิสสัย คือตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัย
แล้ว. บทว่า อญฺ?มเห€ยาโน ได้แก่ ไม่เบียดเบียนบุคคลไร ๆ อื่น
บทว่า ปรินิพฺพุโต ได้แก่ ดับสนิท ด้วยการดับกิเลสได้สนิท. บทว่า
น อุปวทเยฺย กญฺจิ ความว่า ไม่พึงว่าร้ายบุคคลไร ๆ อื่น ด้วยศีลวิบัติ
หรือด้วยอาจารวิบัติ ด้วยประสงค์จะยกตน หรือด้วยประสงค์จะข่มผู้อื่น
โดยที่แท้ ภิกษุตั้งธรรม ๕ เข้าไว้ในตน อยู่ด้วยทั้งจิตที่ตั้งอยู่ในสภาวะ
อันยกขึ้นพูดอย่างนี้ว่า เราจะกล่าวตามกาล จะไม่กล่าวโดยมิใช่กาล
กล่าวด้วยคำเป็นจริง ไม่กล่าวด้วยคำไม่เป็นจริง กล่าวด้วยคำอ่อนหวาน
ไม่กล่าวด้วยคำหยาบ กล่าวด้วยคำอันประกอบด้วยประโยชน์ ไม่กล่าวคุณ
ที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์. มีเมตตาจิต ไม่มากด้วยโทสจิตกล่าว
จบ อรรถกถากุมมสูตรที่ ๓


http://www.palungjit.com/tripitaka/defa ... at=2800359

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 13 ส.ค. 2012, 01:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 01:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:

ตะวัน เขียน:

เอ้าถามเองตอบเองก็ได้ครับท่าน จะมาเฉลยให้ฟังก็แล้วกัน

หดหัวในกระดอง มันมีความหมายถึงว่า ขี้ขลาด ไม่กล้าต่อสู้
ก็เลยเอาแต่หลบอยู่ในรู ไม่คิดจะออกมาต่อสู้ทำลายข้าศึกศัตรูให้สิ้นซากเพื่อจะได้ไม่ต้องหนีอีกต่อไป
เคยหนีเคยหลบอยู่ยังไงก็ยังหนียังหลบอยู่ยังงั้นตลอดไป
เหมือนกับเต่า เมื่อมันเจออะไรที่มันกลัวมันก็จะมีแต่หดหัวอยู่ในกระดองอยู่ร่ำไป
ไม่เคยคิดที่จะมาต่อสู้เอาชนะศัตรูที่มันเคยสู้ไม่ได้ เคยแพ้ยังไง ก็ยังแพ้อยู่ตลอดไป


ความคิดปรุงแต่ง... ทั้งนั้น...

ปรุงแต่งว่าเต่าหดหัว...เพราะมันขี้ขลาด ...ไม่กล้าต่อสู้...
:b6:
<ตะวัน> เขียน:

แต่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง จะหมายถึงว่า
ตอนนี้หลบไปซ่องสุมกำลังก่อน
เอาไว้ให้มีกำลังแก่กล้าเมื่อไรแล้ว จะมา...เอาคืน...แน่ๆ

....


ความคิดปรุงแต่ง......ทั้งนั้น...
ปรุงแต่งว่า...รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง.....เป็นความกล้าหาญ
:b6:

ข้าม ๆ ไปเถอะ.....มันไร้สาระ

เอามาได้แล้ว....หมัดเด็ดนะ....หากเป็นสาระ...ผมจะได้บุญด้วย(ที่ได้เห็นสาระ)

พูดอย่างนี้เข้าใจรึเปล่า....

:b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 02:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
<ตะวัน> เขียน:

ตะวัน เขียน:

เอ้าถามเองตอบเองก็ได้ครับท่าน จะมาเฉลยให้ฟังก็แล้วกัน

หดหัวในกระดอง มันมีความหมายถึงว่า ขี้ขลาด ไม่กล้าต่อสู้
ก็เลยเอาแต่หลบอยู่ในรู ไม่คิดจะออกมาต่อสู้ทำลายข้าศึกศัตรูให้สิ้นซากเพื่อจะได้ไม่ต้องหนีอีกต่อไป
เคยหนีเคยหลบอยู่ยังไงก็ยังหนียังหลบอยู่ยังงั้นตลอดไป
เหมือนกับเต่า เมื่อมันเจออะไรที่มันกลัวมันก็จะมีแต่หดหัวอยู่ในกระดองอยู่ร่ำไป
ไม่เคยคิดที่จะมาต่อสู้เอาชนะศัตรูที่มันเคยสู้ไม่ได้ เคยแพ้ยังไง ก็ยังแพ้อยู่ตลอดไป


กบนอกกะลา เขียน:

ความคิดปรุงแต่ง... ทั้งนั้น...

ปรุงแต่งว่าเต่าหดหัว...เพราะมันขี้ขลาด ...ไม่กล้าต่อสู้...
:b6:
<ตะวัน> เขียน:

แต่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง จะหมายถึงว่า
ตอนนี้หลบไปซ่องสุมกำลังก่อน
เอาไว้ให้มีกำลังแก่กล้าเมื่อไรแล้ว จะมา...เอาคืน...แน่ๆ

....


กบนอกกะลา เขียน:

ความคิดปรุงแต่ง......ทั้งนั้น...
ปรุงแต่งว่า...รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง.....เป็นความกล้าหาญ
:b6:

ข้าม ๆ ไปเถอะ.....มันไร้สาระ

เอามาได้แล้ว....หมัดเด็ดนะ....หากเป็นสาระ...ผมจะได้บุญด้วย(ที่ได้เห็นสาระ)

พูดอย่างนี้เข้าใจรึเปล่า....

:b6:



กบในกะลา เขียน:
ปรุงแต่งว่าเต่าหดหัว...เพราะมันขี้ขลาด ...ไม่กล้าต่อสู้...

ตะวัน เขียน:
แล้วมันจริงอย่างที่ผมว่าหรือเปล่าเล่า?????
หรือท่านกบฯยังคิดว่าเต่ามันจะโผล่หัวออกมาสู้อยู่อีกเหรอ??? 555555555+++++
ไม่ยอมรับความจริงซะบ้างเลยนะท่าน
แถมโบ้ยไปอีกว่า...ไร้สาระไปโน่นเลย....งั้นข้ามเรื่องนี้ไปแล้วกันนะ
เพราะผมพูดอธิบายได้...เคลียร์แล้วแหละ...
ไม่ว่าใครที่ได้เข้ามาอ่านที่ผมเขียนอธิบายแม้แต่...เด็กน้อยป.6...เขาก็คงเข้าใจหมดแหละ
ว่า....รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง...ต่างกับ....หดหัวในกระดอง...ยังงัย


เอ้า ผ่านไป ผ่านไป เริ่มเรื่องที่ค้างไว้ก็แล้วกัน
แต่ขอเริ่มพรุ่งนี้แล้วกันนะท่าน
เพราะวันนี้ผมเมื่อยแล้ว
จะรีบไปไหน จะรีบไปไหนกันครับ
เหนื่อยนักก็พักก่อนสิ่ครับท่าน
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อแล้วกัน
ขอตัวไปนอนก่อนครับ
ราตรีสวัสดิ์ครับท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 02:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ตะวัน เขียน:

แล้วมันจริงอย่างที่ผมว่าหรือเปล่าเล่า?????
หรือท่านกบฯยังคิดว่าเต่ามันจะโผล่หัวออกมาสู้อยู่อีกเหรอ??? 555555555+++++


ยัง....

ยัง....ไม่ยอมฉลาดก่อนนอน...อีกแหนะ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 145 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร