ไม่จริง

ถ้าคนที่เป็น โรคติดการพนัน เลวร้ายกว่าผิดศีล5 เจ้าค่ะ คุนน้องเคยได้ยินสำนวนหนึ่งที่บอกว่า ไฟไหม้บ้านก็ยังไม่เท่าติดการพนัน คนประเภทนี้มีบ้านก็ขายบ้าน มีรถก็ขายรถเพื่อเอามาเล่นการพนัน ไม่ใช่พูดลอยๆ แต่เคยเจอคนประเภทนี้ แล้วคนแบบนี้ทำให้ครอบครัวญาติพี่น้องทุกข์ใจมาก สร้างหนี้สินพะรุงพะรัง ให้คนอื่นมารับกรรมกับการกระทำของตน พอร้อนเงินเป็นหนี้ก็ไปยืมหนี้นอกระบบ แต่แทนที่จะเอาไปใช้หนี้กับเอาไปเล่นการพนัน ขโมยแม้กระทั่งของคนในบ้านเพื่อเอาไปขายเพราะติดการพนัน อันนี้เรื่องจริงเจ้าค่ะ

ถ้าประเด็นนี้ไม่ผิดครับ เพียงแต่ผิดประเด็นสนทนา ประเด็นสนทนาคือไม่ผิดศิลห้าครับ

เรื่องสมมุติที่มีเกิดขึ้นจริง มีอาชีพมือปืนรับฆ่าคนฆ่าทุกวัน กับอีกคนมีอาชีพเล่นการพนันเล่นทุกวันมีได้บ้างเสียบ้างเป็รธรรมดา ท่านจะเลือกอาชีพอะไร ลองถามตัวเองดูนะครับ แล้วจะรู้คำตอบเอง ว่าการพนันกับผิดศิลห้าอันไหนมันเลวร้ายกว่ากัน เอาเฉพาะประเด็นนี้นะครับ

พรุ่งนี้หวยออก66น่ะ

"ศีล" คือ ข้อห้ามไม่ให้กระทำ
"อบายมุข" ทางแห่งความเสื่อม ข้อควรระวัง

ถามว่า เล่นการพนัน ผิดศีลไหม ...

ก็ต้องแยกออกเป็นส่วน ๆ
บางคนก็คิดเล่น ๆ ไม่เอาจริงเอาจัง แค่สนุกสนาน
บางคนก็เอาจริงเอาจังหมกหมุ่นจน เกิดความเสียหาย

คนที่คิดล่น ๆ ก็คงจะอยู่ในขั้น "ขอลองดูหน่อย" ไม่จริงจังอะไร
ผู้ที่เอาจริงหมกหมุ่น จนถึงขั้น "ผีพนันเข้าสิง" "ศีล" ก็คงรักษาไว้ไม่ได้
ความผิดก็คงจะชัดเจน มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ..

ความเห็นส่วนตัวอ่ะ ..

สวัสดีครับพี่bigtoo
ผมขอทราบเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้พี่เห็นว่า การพนันไม่จัดอยู่ใน ศีล 5 จะได้มั้ยครับ ขอเว้นเหตุผลที่ว่าเล่นสนุกๆขำๆไว้สักข้อด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

อันดับแรกเราต้องเชื่อพระปัญญาธิคุณของพระพุทธองค์ก่อนครับสิ่งใดพระองค์ไม่ตรัสไว้มันย่อมมีเหตุผล ไม่ควรไปเสริมเติมแต่ง แต่ใครจะตีความหมายอย่างไรเป็นสิทธิแต่ละบุคคล อย่างคุณตีความหมายไปในเชิงบวกถือว่าดี แตยังไม่ดีที่สุด ศิลห้าเป็นศิลที่ทำร้ายผู้อื่โดยตรง อาจจะมีข้อ5เท่านั้นที่ดูว่าจะไม่ทำร้ายคนอื่นโดยตรง แต่ก็เถอะถ้าเราเอาแบบไม่ต้องคิดมากก็ขอให้เชื่อพระองค์ก็แล้วกัน แต่การพนันนั้นเป็นทางแห่งอบาย ทางนั้นหมายถึงอะไรเราต้องตีความดีๆ มันไม่ใช่ว่าจะไปอบายทุกคน คนที่มีสติปัญญาเขาถือเรื่องพวกนี้ว่าเป็นของสนุกสนานกันมาก เพียงแต่ท่านอาจจะเข้าใจว่ามันเป็นการประกอบอาชีพ ที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้นมีมากมาย แต่ถ้ายึดเป็นการประกอบอาชีพ ก็มีคนอีกมากสามารถหารายได้จากการพนันเลี้ยงครอบครัวได้เช่นกันมันมีวิธี แต่คนส่วนมากจะทำใจไม่ได้เพราะความโลภ ฉะนั้นท่านจึง ใช้คำนี้ว่าเป็นทางแห่งไปอบาย และเป็นที่ติเตียนของหมู่ชน ผูชนะย่อมก่อเวร และเป็นเหตุทำให้เสียทรัพย์อื่นตามมา ฉะนั้นการพนันมีทั้งคนมีความสุข และคนมีความทุกข์ แต่การฆ่า การขโมย การผิดลูกผิดเมียเขา การโกหกเพื่อหลอกลวงคนอืน การดิ่มสุรา ทุกข์ทั้งคนดื่ม และคนใกล้ตัว ฉะนั้นการพนันต่างจากศิลห้าเยอะโดยการการกระทำ แต่โดยผลแล้วมีทั้งคุณและโทษ การพนั้นนั้นมันไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันมันเป็นการตกลงของกันและกัน มีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะครับ

พูดมา...มันเรื่องของโลก ๆ ทั้งนั้น..

เรื่องของโลก ๆ....ก็ความเป็นอยู่..การเลี้ยงชีพ...ความสนุกสนาน...ฯลฯ...

โลกจะคิดยังงัย...ทำอะไร....ก็ทำไป...(ถึงห้าม..มันก็ทำ )...มีกฎหมายแล้วนี้

หากจะตามพระพุทธเจ้า...ก็ต้องทำอย่างพระพุทธองค์สั่งสอน
ศีล 5...มันเป็นของสังคมโลก..มีมาก่อน...พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้เสียอีก...

แต่...อบายมุข 6 ....นี้เป็นดำรัสของพระศาสดา...

นักเลงผู้หญิง...นักเลงสุรา...นักเลงการพนัน...คบคนชั่วเป็นมิตร...ชอบท่องเที่ยวรื่นเริ่ง...เกียจคร้านการงาน

นักเลง...นี้คือ...ชอบเป็นนิจสิน

ใครว่าแค่ทดสอบ...แต่ก็ชอบเล่นจัง...หัดถามมันบ้างว่าทำไม(ใจ)

พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้ว่าอย่างไรหรือเจ้าค่ะเกี่ยวกับการพนัน คุนน้องอยากทราบว่าพระพุทธองค์ตรัสเกี่ยวกับอบายมุขว่าอย่างไรบ้าง แล้วทำไมถึงอ้างพระพุทธองค์ในธรรมที่ไม่สมควร คุนน้องให้ท่านไปทำความเข้าใจในพระไตรปิฎกเสียใหม่อย่าอ้างพระพุทธองค์ในสิ่งที่พระพุทธองค์ก็มิทรงโปรดให้กระทำ

แต่หากจะเอาการพนัน....มาเปรียบกับ..ศีล 5..ว่าผิดมั้ย?

ก็ต้องบอกว่า..ผิดศีลข้อ 2...เพราะการได้มาของทรัพย์

หากจะบอกว่า...คนเล่นเขาพอใจเสีย...ลองลงเงินคนเดียวดูซิคนอื่นไม่ต้องลง...ยังพอใจจะเล่นมั้ย?

หากจะบอกว่า...คนได้ก็ไม่คิดอยากได้...ก็เล่นกันแบบ...แพ้กินน้ำ...ชนะกินขนม...อมสเปโตปั่นจิ่งหรีด...ไปซิ...ดูสิยังคิดจะเล่นอีกมั้ย?

เอิ๊ก...เอิ๊ก....เอิ๊ก...

แล้วจะเห็นว่า....ที่พอใจจะเสีย..และ..ไม่คิดอยากได้....มันเป็นเรื่องขี้โม้...

งั้นเวลาเล่นก็ต้องดูใจตัวเองด้วยใช่ป่ะ ว่าเล่นเพราะอยากได้ตังของคนอื่นรึป่าว
ถ้าอยากได้ตังของคนอื่น แบบนี้เค้าเรียกว่าโลภชัดๆ

สวัสดีครับพี่bigtoo
ขอบคุณที่ช่วยบอกเหตุผลนะครับ
จากส่วนที่เป็นสีน้ำเงินนะครับ...ก็อย่าที่พี่เข้าใจนั่นแหละครับถ้าดูที่ความหมายดั้งเดิมในบัญญัติเมื่อสมัยพุทธกาล..การพนันก็ไม่อยู่ในศีลข้อไหนใน 5 ข้อครับ เพียงแต่ถ้าผมจำไม่ผิดพระพุทธเจ้าทรงให้สิทธ์ในการเพิ่มเติมศีลแก่คณะสงฆ์ได้ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์(หรือลดบางข้อเล็กๆน้อยๆได้ถ้ามีมติเห็นสมควร) ในที่นี้ครูบาอาจารย์ในสมัยโบราณจนถึงปัจจุบันจึงสอนเพิ่มลงไปว่ากาารเล่นพนันเที่ยวแหล่งอบายมุข อโคจรผิดศีล5 เพียงแต่ไม่แก้ไขเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น เพราะเคารพบูชาในพระศาสดา...พี่อาจจะไม่คิดเหมือนกับผมก็ได้นะครับนั่นคือสิทธ์ของพี่นะครับ
ส่วนที่เป็นสีแดงนะครับ...สั้นๆครับ มีแค่คนที่ได้ในขณะนั้นเท่านั้นแหละครับที่สนุกสนาน...ถ้าอีก 10 นาทีต่อมากลับกลายเป็นฝ่ายเสีย ณ ตอนนั้นมันก็ไม่สนุกสนานแล้วครับ...ดังนั้นเหตุผลอันนี้จึงดูไม่เข้าทีเท่าไหร่ครับ

คำถามสุดท้ายนะครับพี่...ถ้าคน 10 คน มีเงินคนละพันบาทเข้าไปเล่นไพ่ป้อก โดยตั้งใจก่อนเล่นว่าจะเล่นแค่ 5 ตาแล้วเลิก...เมื่อครบ 5 ตา แล้วปรากฏว่า เสียกันคนละ 100 บาท...พี่คิดว่าทั้ง 10 จะมีสักคนไหมที่จะเลิกเล่นอย่างที่ตั้งใจไว้ทีแรกครับ...พิจารณาจากประสบการณ์เก่าๆของพี่ก็ได้นะครับ

ขอบคุณครับ

คนที่มีสติปัญญาเขาเห็นเรื่องพวกนี้เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธองค์
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
๘. สิงคาลกสูตร (๑๓)
[๑๘๒] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการเหล่านี้ คือ ผู้ชนะย่อมก่อเวร ๑ ผู้แพ้ย่อม
เสียดายทรัพย์ที่เสียไป ๑ ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน ๑ ถ้อยคำของคนเล่นการ
พนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น ๑ ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท ๑ ไม่มีใคร
ประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยง
ภรรยา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/s ... 1&bookZ=11
ปล.คำกล่าวของท่านบิ๊กตู้เห็นได้ชัดว่า บิดเบือนคำสอนของพระพุทธองค์