วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 06:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 220 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
สมาธิก็เกิดแบบปกติอย่างต่อเนื่อง รู้ตัวตลอดเวลา สักพักกำลังของสมาธิเปลี่ยนไป แรกๆยังไม่คงที่ ขึ้นๆลง จำได้เกิดภวังค์จิต แต่ไม่ได้นับว่ากี่ครั้ง

เพราะทุกครั้งที่เกิดภวังค์จิต สมาธิจะมีกำลังแรงขึ้นกว่าเดิม โอภาสจะสว่างมากๆ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

สมาธิเริ่มแรงขึ้นๆๆๆเรื่อยๆ โอภาสสว่างมากๆ สว่างไปหมด ความรู้สึกตอนนั้นบอกไม่ถูก เหมือนถูกดูดเข้าไปในอะไรสักอย่างมันสว่างมากๆ

รู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะขาดใจ นี่เองกระมังอาการของคนที่กำลังจะขาดใจตาย มีภาพต่างๆผุดขึ้นมา เกิด-ดับๆๆๆ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร

ช่วงเสี้ยววินาทีสุดท้ายที่เรารู้สึกว่ามันจะขาดใจแล้ว คือมันรู้ แค่รู้ บอกไม่ถูก เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเวลาไว้ ดังขึ้น กำลังของสมาธิลดลง หลุดออดมาจากสภาวะตรงนั้น

ดูสิ เสี้ยววินาทีสุดท้ายจริงๆ ก็ไม่เสียดายอะไรนะ มันรู้สึกเฉยๆ คือ แบบว่า ถ้าถึงเวลามันก็ผ่านไปได้เอง ถ้ายังไม่ถึงเวลามันก็ต้องมีเหตุน่ะแหละ

ตอนที่หลุดออกมาจากสภาวะนั้นใหม่ๆ ความรู้สึกที่รู้สึกตอนนั้นคือ ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างว่างเปล่าเสียจริงๆ เหมือนไม่มีอะไรเลย สมองกลวงๆ ไม่มีความคิด มันว่างไปหมด ความคิดสักนิดก็ไม่มี

ความรู้สึกต่างๆไม่มี ไม่ว่าจะความสุข ความอิ่มเอิบ ฯลฯ แม้แต่ร่างกายของตัวเองแท้ ยังรู้สึกเหมือนอะไรสักอย่าง ที่ไม่ใช่ร่างกาย เหมือนเราเพียงแค่อาศัยอยู่ประมาณนี้ …

เพิ่งรู้นะว่าความว่าง ว่างที่แท้จริงน่ะมันเป็นยังไง ขนาดหลุดออกมาแล้ว ไม่ได้เข้าไปเต็มตัว .. สติ นี่สำคัญมากๆเลยนะ ถ้าขาดสติเพียงนิดเดียว เป็นบ้าได้เลย เพราะตอนที่เกิดสภาวะตรงนั้น พลังของสมาธิมีกำลังแรงมากๆแบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อนเลย


ก็รอดูตอนเช้าละกัน ว่าจะเป็นยังไง … ยังงงๆ กับสภาวะนั้นอยู่ เกี่ยวกับความว่าง มันว่างจริงๆนะ มันไม่มีอะไรเลย เหมือนไม่มีใคร ไม่มีอะไรทั้งสิ้น มันว่างไปหมด

ลืมตาตื่นขึ้นมา .. ความรู้แรกที่กระทบในจิตเรา เหมือนมันแปลกๆ อธิบายไม่ถูก … เหมือนใจไม่มีสลับกับมี แบบว่า ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี มันเหมือนอยู่ตรงกลางๆ เอ้อ … แปลกดีเรา ทำไมมันรู้สึกอะไรแบบนั้น สลับไปสลับมา กลับไปกลับมา

จะว่ารู้สึกก็ไม่ใช่ ไม่รู้สึกก็ไม่ใช่ จะว่าดีใจก็ไม่ใช่ จะว่าเฉยๆก็ไม่ใช่ คือว่า เหมือนจะดีใจแค่จิ๊ด จิ๊ดเดียงแบบน้อยมากๆ แล้วมันก็ดับ

นี่ก็แปลกอีก กระต่าย คือเราสงสัยตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มันแค่จิ๊ดเดียวเหมือนกันแล้วมันก็ดับ คำว่า กอดน่ะ มันไม่มีแล้วจริงๆหรือ เจ้าความรู้สึกนั้นนะ


ลองกอดดู นี่ก็แปลกอีก พอจับกระต่ายขึ้นมา เหมือนเราจับอะไรบางอย่าง ไม่ใช่จับกระต่าย แต่เป็นแค่อะไรบางอย่าง พอเราลองเอามากอดดู ทุกทีถ้าเรากอดมัน เราจะรู้สึกเคลิ้มๆเหมือนจะหลับ นี่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย

มันแค่รู้สึกว่า กอดอะไรอย่างหนึ่ง สมองเราเพี้ยนไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ แค่รู้ว่ามันแปลกๆ .. เดี๋ยวดูว่าวันนี้จะเป็นยังไง แล้วก็เมื่อคืนเรามีอาการปวดหัวมากๆ เหมือนหัวเราจะระเบิด

คืนนี้ไม่ได้ปฏิบัติ หลับสนิท เพราะมันรู้สึกแปลกๆ มันบอกไม่ถูก รู้แต่ว่า มีความกลัวกับความเฉยๆมันสลับกัน

มันบอกไม่ถูก รู้แต่ว่า มีความกลัวกับความเฉยๆมันสลับกัน คือ เหมือนจะจำสภาวะตรงนั้นได้ จำได้ว่าเรากลัว กลัวมากๆ กลัวตอนช่วงที่มีความรู้สึกว่าถูกดูดเข้าไป สมาธิตอนนั้นแรงมากๆ เหมือนลมบ้าหมู บอกไม่ถูก

แต่ตอนที่ว่ากลัวมากๆ แต่มันกลับมามีสติ สัมปชัญญะรู้ตัวดี เรารู้แล้ว ที่เราคิดว่า เรากำลังจะตายมาหลายวันนี่คืออะไร เจอสภาวะเมื่อวานนี้ถึงได้เข้าใจ นี่เราเหมือนตายไปแล้วแค่ครึ่งชีวิต แล้วหลุดออกมาได้


ใช่ตอนที่เรากลัวมากๆ คือเราคิดว่าเรากำลังจะตาย แล้วภาพต่างๆก็ผุดขึ้นมา เกิด-ดับ เร็วมากๆ จับไม่ได้ ว่าคือภาพอะไร รู้แต่ว่าช่วงนั้นใจมันจะขาด แว่บแรกคือกลัวตาย แต่ก็มีสติบอกว่า ตายเป็นตาย ถ้าตายไปตอนนี้มันก็คุ้ม

เพราะรู้ว่าจะไปเกิดที่ไหน เลยปล่อยเลย อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิด มันเลยกลายเป็นแค่รู้ แค่รู้อย่างเดียว ช่วงวินาทีสุดท้าย ที่กำลังถูกดูดเข้าไปเต็มตัว เสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้ดังขึ้น เรารู้สึกว่าหลุดออกมาเลย กำลังของสมาธิผ่อนแรงลง จิตนี่มันชั่งมหัศจรรย์จริงๆ เหมือนอีกมิติหนึ่งที่ซ่อนอยู่

นี่ลองทานข้าว ว่ายังรู้รสชาติเหมือนเดิมไม๊ ยังคงรู้รสชาติอาหารเหมือนเดิม
แต่ใจนี่สิที่เปลี่ยนไป แปลกๆในตัวเองบอกไม่ถูกแฮะ …

ไม่เป็นไร ไม่หาคำตอบ เดี๋ยวได้คำตอบเอง ปฏิบัติไปก่อน
เหมือนมีชีวิตใหม่เลยแฮะ เหมือนไม่ใช่เราที่เคยเป็นเรา ไม่ใช่เรา อธิบายไม่ถูก …

ตอนนี้เราเหมือนคนที่ได้เกิดใหม่อีกครั้ง ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์ 100% ก็ตาม

นี่ จิตกำลังยิ้ม คือ ยิ้มเมื่อตากระทบหลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง ไม่มีความดีใจ ไม่มีความสุขใจ แค่รู้ว่า ยิ้ม ..

ในตัว .. ตอนนี้ เหมือนมีสิ่งที่แสดงลักษณะ 3 ลักษณะด้วยกัน กลวงๆ หนา และเรา .. มันจะสลับกันอยู่ตลอดเวลา ..

เวลากลวงๆเกิดขึ้น เราจะรู้แค่ว่า มันกลวงๆไปหมด กายที่เรียกว่ากาย มันก็กลวงๆ สมองกลวงๆ ลมหายใจจับไม่ได้ มันจะกลวงๆไปหมด

เราเห็นว่ากายนี้กลวง ลมหายใจไม่มี มันว่างไปหมด แต่ปากมันพูดขยับๆ จิตมันทำงานเอง แล้วเราดูอยู่ เรานี้ไม่มีตัวตน มันแค่รู้


เวลากลวงๆเกิด ไม่รู้ความรู้มาจากไหนมากมาย
ทั้งๆที่เรานั้นไม่เคยจะรู้เรื่องในสิ่งที่กำลังพูดอยู่เลย แม้แต่สักนิดเดียว

เวลาทุกสิ่งที่มากระทบ กระทบแล้วก็หายไป เหมือนหายไปในอากาศ

ยิ่งเวลาทำสมาธิด้วย จะมีแต่โอภาสที่สว่างเจิดจ้ามากๆ
เหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลาที่จะเกิดเท่านั้นเอง

ไม่มีเวทนา ไม่มีอะไรเลย สักแต่ว่ากลวงๆเท่านั้นเอง

แต่หูได้ยินเสียง รับรู้สิ่งภายนอกทั้งหมด แต่ไม่กระทบถึงภายใน

เวลากลวงๆเกิดขึ้น เราคิดว่า 5 นาที ที่ไหนได้ เป็นเวลาเกือบชม.

หรือถ้าไม่ได้ทำสมาธิ เวลาที่กลวงๆเกิดขึ้น กายนี้สักแต่ว่ากาย รู้แค่ว่าไอ้นั่น ไอ้นี่ขยับ

วันนี้เกือบไป เกิดกลวงๆขณะที่ขับมอไซค์ ไม่จอดรถนะ แต่ขับช้าลง แล้วดู ..

สิ่งๆรอบๆตัวเปลี่ยนไปในความรู้สึก เหมือนแค่รู้ ว่าอวัยวะต่างๆกำลังทำงานร่วมกัน
โดยไม่ต้องมีอะไรมากำกับว่าต้องทำอะไรบ้าง ทุกอย่างทำงานตามระบบของมันเอง

เกิดกลวงๆขึ้นชั่วขณะหนึ่ง แล้วถึงเกิดเราขึ้น เกิดหนาๆขึ้น สลับกันอยู่แบบนี้ จนถึงบ้าน

ตัวหนาๆ .. ตัวหนาๆนี่เป็นอีกแบบหนึ่ง อันนี้เริ่มมีความรู้สึกมากขึ้น แต่ยังไม่มีเราเข้ามาเกี่ยวข้อง เริ่มมีการรับรู้เวลาอะไรมากระทบ แต่มีผลถึงภายในเล็กน้อย แล้วก็ดับไป


เวลานั่งสมาธิ มดกัด เวลาเป็นกลวงๆ เป็นหนาๆ จะไม่รับรู้ พอเกิดมีเราขึ้นเมื่อไหร่ รู้ทันที ถ้าเกิดเรานานเมื่อไหร่ เริ่มทนไม่ได้ ทุกขเวทนา ..



เวลากลวงๆเกิดจะรู้ทันที สมาธิแรงมากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้นั่งสมาธิก็ตาม
หลับตาลงนี่ โอภาสสว่างมากๆ ช่วงนี้กำลังปรับตัว กำลังเรียนรู้สภาวะ ..
แต่ที่รู้ๆตอนนี้คือ จิตสว่างมากๆ ไม่ขุ่นมัวเหมือนเมื่อก่อน …


เช่นเดียวกับเวลาที่กลวงๆเกิด เวลาเราคุยกับใคร เราฟังเขารู้เรื่องแต่ไร้ความรู้สึก แบบว่าอธิบายไม่ถูก คือมันไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแต่เหมือนอะไรสักอย่างกำลังทำงานโดยอัตโนมัติ

เราควบคุมตัวเองไม่ได้ 3 สภาวะ เกิดๆดับๆ สลับกันอยู่ในตัวเรา เหมือนครึ่งผีครึ่งคน


ถ้าเราคุยเมื่อไร กลวงๆจะเกิดบ่อยมาก

ถ้าอยู่ตัวคนเดียว ตัวเราจะเกิด แต่เราจะปวดหัวตลอดเวลา นี่ก็ปวดอยู่ งงๆกับสภาวะของตัวเองเหลือเกิน

เวลากลวงๆเกิด ข้าวปลาอาหารนี่ไม่หิวเลย ไม่มีอิ่ม ไม่มีอะไรเลย อยู่ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องทานอะไร แม้แต่น้ำก็ไม่หิว ปกติทานน้ำวันละ 2 ลิตรอย่างต่ำ มันไม่รู้สึกอะไร เหมือนไม่ใช่เรา ว่างเปล่าไปหมด


แล้วภาพที่เราบอกว่าเราเห็นแว๊บๆระหว่างที่ถูกดูดเข้าไปนั้น เป็นภาพแต่ละชาติของเรา แต่ความที่ว่ามันไวมากๆ มันเหมือนเราวิ่งผ่านภาพเหล่านั้นด้วยความเร็วสูง ดูไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเกิดมาแล้วกี่ชาติ

ตัวสุขใจหายไป ไม่รู้หายไปไหน ระหว่างความสบายใจกับความสดชื่น เราว่าต่างกันนะ สบายใจมันจะมีสุขแฝงอยู่ แต่สดชื่นคือสดชื่นไม่มีสุขแฝงอยู่ อธิบายไม่ถูก เพราะถ้าสุขใจ มันต้องมีความอิ่มเอิบใจตามมา

นี่มันไม่ใช่แบบนั้น เหมือนเราเดินในทุ่งหญ้าแล้วสูดอากาศ สดชื่นแบบนั้นน่ะ

เวลากลวงๆเกิด แม้แต่ลมหายใจยังจับไม่ได้เลย กลวงไปหมดจริงๆ


เดี๋ยวนี้จิตไวมากๆ ในการเป็นสมาธิ แค่นั่งคิดอะไรบางอย่างก็เป็นสมาธิทันที

ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้เท่าไรนัก บางทีก็ถามตัวเองว่า ใจเราหายไปไหน ความรู้สึกเราหายไปไหน

บางครั้งมีกระทบว่าดูเหมือนจะเศร้า แต่ไม่ทันจะได้สะกดคำว่าเศร้า มันหายไปภายในพริบตา เราก็งงๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วมันหายไปได้ยังไง

ตกลงตอนนี้เราเป็นคนหรือเป็นอะไรสักอย่างกันแน่ บางครั้งเหมือนเรายังมีตัวตน แต่ส่วนมากรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นไม่มี ไม่มีตัวตน


ความรู้สึกต่างๆมันหายไปไหน มันไปอยู่ตรงไหน แล้วความสดชื่นที่มีอยู่ตอนนี้มันดีตรงไหน ความรู้สึกแบบทั่วๆไปทำไมมันอยู่ไม่นาน มันมาแป๊บเดียว มันก็หายไปภายในพริบตา แล้วนี่คืออะไร แล้วควรทำยังไงกับตัวเอง สับสนมากๆเลยตอนนี้


เหมือนหุ่นยนต์ไซเบอร์ ที่เพียงแค่เลียนแบบคนเท่านั้นเอง บางครั้งมีจิตใจเหมือนคนเมื่อบางขณะเกิดการรับรู้

เช้านี้ ตื่นขึ้นมาด้วยความสับสน ถามตัวเองว่า ตัวตนเราหายไปไหน ความรู้สึกต่างๆที่เราเคยมีมันหายไปไหน มันมีเหลือไม่กี่ตัวที่เหลืออยู่ ฟุ้งจริงๆเลยเช้านี้

ลืมตาตื่นขึ้นมาก็คิดแล้ว เฮ้ย …. นี่มันตัวฉันคือใครกันแน่ ใจฉันหายไปไหน …. ครึ่งผีครึ่งคน ….


มีบางครั้งได้เป็นตัวของตัวเอง ดีใจซะไม่มี แว๊บเดียว ความดีใจหายไปแล้ว ทำไมหนอ … ให้แค่คิด ให้แค่พูด แต่ทำไมไม่ให้ความรู้สึกให้มันยาวนานขึ้นมาหน่อย

ทำเหมือนท่องขยาน ปากอ้าพะงาบๆ แต่ใจไม่มี …. ปากหัวเราะ แค่แว๊บเดียวกลายเป็นความว่างเปล่า มีอีกตัวคอยดูอยู่ มันอะไรกันแน่


จะต้องอยู่ในสภาวะแบบนี้อีกนานไม๊เนี่ย … เราได้แต่ดู ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเลย ยังไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับสภาวะนี้เท่าไรนัก





นี่เป็นเพียง ส่วนเล็กๆ ในการปฏิบัติของวลัยพรเอง นำมาเป็นบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ว่ามา จิต ยังไม่มีแววที่จะ วิเวก เรยนะ

ถ้านั่นที่คุณแจกแจงมา คุณคิดว่าใช่

นั่นคือ คุณยังไม่รู้จักสภาวะที่ จิตวิเวก จริง ๆ เรยนะ

คุณยังไม่เคยเห็น จิตวิเวก เรย

:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 27 ก.ค. 2012, 13:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
วันนี้ ระหว่างเดินจงกรม เกิดเวทนาสุดๆ อยู่ๆมีอาการเหมือนกล้ามเนื้อหลังจะเป็นตะคริว มันเป็นกลุ่มเป็นก้อนๆขึ้นมา แต่ยังไม่ถึงขั้นตะคริว แว่บแรก …

ความคิดอันดับแรกที่เกิดก็คือ กลัวสุดๆ กลัวเป็นอัมพาต เพราะหลังนี่สำคัญมากๆ

หายใจยาวๆ กำหนดรู้หนอๆๆแล้วหยุดเดิน เปลี่ยนอารมณ์มาจับตรงเวทนาแทน ค่อยๆเอามือออกจากการที่จับไว้ตรงกระเบนเหน็บ หายใจยาวๆ กำหนดรู้ไปเรื่อยๆ เปลี่ยนเอามือมากุมไว้ข้างหน้า


แต่ยกมือขึ้นไม่ได้ หลังมันจะเป็นตะคริว ความรู้สึกยังกลัวอยู่แบบบอกไม่ถูก แต่ใจก็คิด ถ้าจะเป็นอะไรไปเพราะการปฏิบัติ ก็ให้มันเป็นไป ยังกำหนดรู้อยู่อย่างนั้น


หายใจยาวๆ ค่อยๆลองยกแขนมากุมไว้ข้างหน้า ยังหายใจยาวๆ ใช้สติจับอยู่ที่อาการทุกขณะ พอยกมือมากุมไว้ข้างหน้าได้แล้ว ก็เริ่มยกมือไปกุมไว้ข้างหลัง พอกุมมือได้ สักพัก มีอาการเหมือน แผ่นหลังมันแตกออกเป็นส่วนๆ

เหมือนกายมันแยกออกจากกัน มันดังเปรี๊ยะในความรู้สึก แล้วมันก็รู้สึกว่าในหัวสมองมันโล่งไปหมดเลย มันโล่งแบบบอกไม่ถูก ทั้งตัวนี่เบาไปหมด

แล้วพอมานั่งสมาธิต่อ แค่หย่อนตัวนั่งลง ยังไม่ทันจะหายใจเข้าเลย มันเข้าสู่สมาธิทันที ไม่ได้คิดว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นมันคืออะไร เพียงแต่มองว่า เวทนาแต่ละครั้งนี่ มันช่างสุดๆจริงๆ


ครั้งที่ ๑ ที่จำได้คือ เวทนาที่เกิดตอนนั่งสมาธิ อันนี้เกิดที่ขา แต่ที่เหมือนกันคือมันหฤโหดสุดๆเหมือนๆกัน เหมือนกายมันระเบิดแยกออกจากกันเหมือนกัน แต่ตรงนี้พอมันแตกออกมา มันกลับมีตัวรู้เกิดขึ้น


ตั้งแต่ผ่านตรงนั้นมา พลังของสมาธิเปลี่ยนไป มันมีพลังมากๆ เหมือนเราพร้อมที่จะเกิดสมาธิได้ตลอดเวลา แค่กลืนน้ำลายก็จะเข้าสมาธิละ บอกไม่ถูก นี่ก็รู้สึกนะ มันหมุนติ้วๆอยู่ในตัว




นี่ก็สภาวะเก่าของวลัยพร เก่ายิ่งกว่าเมื่อกี้ คือ ยังคงทำต่อเนื่อง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ที่ว่ามา จิต ยังไม่มีแววที่จะ วิเวก เรยนะ




จิตวิเวก ในความหมายของคุณ คืออะไร?

แล้วคุณรู้จักสภาวะ สัมมาสมาธิไหม?

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
eragon_joe เขียน:
ที่ว่ามา จิต ยังไม่มีแววที่จะ วิเวก เรยนะ




จิตวิเวก ในความหมายของคุณ คืออะไร?


คุณไปค้นหาเอาเองเถอะ ใน google

เรื่องบางเรื่อง เราก็ขี้เกียจฟื้นฝอยหาตะเข็บน่ะ

รู้ ก็ ทำ จบ ...

:b13:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 27 ก.ค. 2012, 13:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

ถ้านั่นที่คุณแจกแจงมา คุณคิดว่าใช่



ใช่ของคุณคืออะไร

สำหรับวลัยพร อย่างที่เขียนไว้ คือยังไม่รู้่า มันคืออะไร รู้แค่ว่า มันคือสภาวะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
eragon_joe เขียน:

ถ้านั่นที่คุณแจกแจงมา คุณคิดว่าใช่



ใช่ของคุณคืออะไร

สำหรับวลัยพร อย่างที่เขียนไว้ คือยังไม่รู้่า มันคืออะไร รู้แค่ว่า มันคือสภาวะ


คุณเคย หยุดพูด หยุดเขียน หยุดคิด อะไร ๆ ได้สักวันมั๊ย

ถ้าคุณยังพบว่าตัวเองยังไม่เคย หยุดพูด หยุดเขียน หยุดคิด อะไร ๆ ได้สักวัน
นั่นคือ คุณยังไม่ได้เฉียดเข้าสู่สภาวะที่ กายวิเวก จิตวิเวก เรย ...

:b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


หุหุ คิดว่าอะไร จิตวิเวก

ผู้ไม่ประกอบด้วยกาล ไม่มีเวลากลางวันและกลางคืน เพราะ จิตเป็นสมาธิเนืองๆ จึงไม่มีทั้งกลางวันและกลางคืน


อาจจะเรียกต่างกัน แต่สภาวะที่เกิดขึ้น เหมือนๆกัน

กายมันไประงับเฉยๆ จิตนี้ตื่นอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน
ตื่นอยู่ทุกกาลเวลา ไม่ได้นอน มันเป็นของมันอยู่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 27 ก.ค. 2012, 13:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

คุณเคย หยุดพูด หยุดเขียน หยุดคิด อะไร ๆ ได้สักวันมั๊ย

ถ้าคุณยังพบว่าตัวเองยังไม่เคย หยุดพูด หยุดเขียน หยุดคิด อะไร ๆ ได้สักวัน
นั่นคือ คุณยังไม่ได้เฉียดเข้าสู่สภาวะที่ กายวิเวก จิตวิเวก เรย ...

:b48: :b48: :b48:




sorry ชีวิตวลัยพร ก็มีแบบปกตินี่แหละ แค่รู้ว่า กำลังทำอะไรอยู่ รู้แค่นั้น

ยิ่งให้หยุดคิดด้วยนะ ไม่ต้องไปห้ามหรอก มันหยุดของมันเอง ไม่ต้องไปบังคัอะไรหรอก มันเกิดๆดับๆ อยู่แบบนั้น เรื่องปกติ

ยกเว้น เข้าสมาธิ ขาดความรู้สึกตัว นั่นแหละ ความคิดจึงเกิดขึ้นไม่ได้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่คุณเล่ามา ประสบการณ์ของคุณ

มีแต่ แสดงจิตที่มีพฤติกรรม ตลอด...
พฤติกรรมของมัน ที่แสดงไปต่าง ๆ นานา ไม่เคยหยุด...

และคุณก็ตามรู้พฤติกรรมต่าง ๆ นานานั้น ตามที่มันเป็นไป
มันเป็นอาการที่เข้าไปตั้งอยู่ในสมาธิบ้าง หลุดออกจากสมาธิบ้าง
อุเบกขาบ้าง นั่นบ้าง โนน่บ้าง นี่บ้าง

คุณจะรู้จักสภาวะอะไรอื่นนอกจากสภาวะอาการเหล่านี้

:b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
eragon_joe เขียน:

คุณเคย หยุดพูด หยุดเขียน หยุดคิด อะไร ๆ ได้สักวันมั๊ย

ถ้าคุณยังพบว่าตัวเองยังไม่เคย หยุดพูด หยุดเขียน หยุดคิด อะไร ๆ ได้สักวัน
นั่นคือ คุณยังไม่ได้เฉียดเข้าสู่สภาวะที่ กายวิเวก จิตวิเวก เรย ...

:b48: :b48: :b48:




sorry ชีวิตวลัยพร ก็มีแบบปกตินี่แหละ แค่รู้ว่า กำลังทำอะไรอยู่ รู้แค่นั้น

ยิ่งให้หยุดคิดด้วยนะ ไม่ต้องไปห้ามหรอก มันหยุดของมันเอง ไม่ต้องไปบังคัอะไรหรอก มันเกิดๆดับๆ อยู่แบบนั้น เรื่องปกติ

ยกเว้น เข้าสมาธิ ขาดความรู้สึกตัว นั่นแหละ ความคิดจึงเกิดขึ้นไม่ได้


ใช่ ยังไม่เข้าสู่ จิตวิเวก เรยไง :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
หุหุ คิดว่าอะไร จิตวิเวก

ผู้ไม่ประกอบด้วยกาล ไม่มีเวลากลางวันและกลางคืน เพราะ จิตเป็นสมาธิเนืองๆ จึงไม่มีทั้งกลางวันและกลางคืน


:b32: อ่านแล้วเข้าถึงง่ายมั๊ยล่ะ ...

:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
walaiporn เขียน:
หุหุ คิดว่าอะไร จิตวิเวก

ผู้ไม่ประกอบด้วยกาล ไม่มีเวลากลางวันและกลางคืน เพราะ จิตเป็นสมาธิเนืองๆ จึงไม่มีทั้งกลางวันและกลางคืน


:b32: อ่านแล้วเข้าถึงง่ายมั๊ยล่ะ ...

:b13:



ตลกอ่ะ นั่นแหละ สิ่งที่วลัยพรเป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็เขียนตามลักษณะอาการที่เกิดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่า มันมีคำเรียก

เลยไปหาในกูเกิ้ล แบบที่คุณบอก ไปเจอที่หลวงพ่อชาพูด ก็เอาสิ่งที่ท่านพูดมาแบบท้ายไว้อีกที ที่เข้าไปแก้ไขข้อความ


คุณน่ะแหละ ไม่เข้าใจ ไม่แปลกหรอก นั่นแหละคุณ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

คุณเคย หยุดพูด หยุดเขียน หยุดคิด อะไร ๆ ได้สักวันมั๊ย

ถ้าคุณยังพบว่าตัวเองยังไม่เคย หยุดพูด หยุดเขียน หยุดคิด อะไร ๆ ได้สักวัน
นั่นคือ คุณยังไม่ได้เฉียดเข้าสู่สภาวะที่ กายวิเวก จิตวิเวก เรย ...

:b48: :b48: :b48:


กิจวัตรประจำวันของคุณมีอะไรบ้าง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2012, 13:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
eragon_joe เขียน:
walaiporn เขียน:
หุหุ คิดว่าอะไร จิตวิเวก

ผู้ไม่ประกอบด้วยกาล ไม่มีเวลากลางวันและกลางคืน เพราะ จิตเป็นสมาธิเนืองๆ จึงไม่มีทั้งกลางวันและกลางคืน


:b32: อ่านแล้วเข้าถึงง่ายมั๊ยล่ะ ...

:b13:



ตลกอ่ะ นั่นแหละ สิ่งที่วลัยพรเป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็เขียนตามลักษณะอาการที่เกิดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่า มันมีคำเรียก

เลยไปหาในกูเกิ้ล แบบที่คุณบอก ไปเจอที่หลวงพ่อชาพูด ก็เอาสิ่งที่ท่านพูดมาแบบท้ายไว้อีกที ที่เข้าไปแก้ไขข้อความ


คุณน่ะแหละ ไม่เข้าใจ ไม่แปลกหรอก นั่นแหละคุณ


แค่คิดว่า วิเวก ก็ไม่ วิเวก แร๊ว :b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 220 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร