วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 12:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าอยากรู้ว่าคุณมีอะไรอยู่จริงๆบ้างให้หายใจครั้งหนึ่ง แล้วถามตัวเองว่าชัดไหม มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไปทั้งนั้น คำว่า ‘ปัจจุบัน’ ไม่เคยปรากฏต่อใจอย่างแท้จริง ตราบเท่าที่ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับกายใจของเรา ทุกขณะจิตของมนุษย์ ถูกปรุงแต่งด้วยเรื่องในอดีตและอนาคตเป็นส่วนใหญ่ พระพุทธเจ้าจึงทรงให้อาศัยลมหายใจเข้าออก เป็นตัวเหนี่ยวนำมาสู่การปรุงแต่งที่เป็นปัจจุบัน และปัจจุบันนั้นเอง ก็จะแสดงให้เห็นความไม่เที่ยงอยู่ตลอดเวลา ถ้าชัดที่นี่ ตรงนี้ ก็ชัดที่ตรงอื่น รู้ว่าจะดูความไม่เที่ยงของส่วนอื่นอย่างไรด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทรงตัวทางกาย การมาของสุขทุกข์ และการแปรปรวนของสภาพทางใจ ตลอดจนเรื่องราวของสรรพสิ่งนอกตัว ทุกอย่างเหมือนกันหมด มีขึ้นเพื่อหลอกให้นึกว่าจะอยู่จริง อยู่นาน ต่อเมื่อรู้วิธีสังเกต รู้วิธีมองให้เห็น กับทั้งมีสมาธิจิตที่จะช่วยให้ทุกอย่างกระจ่างชัดขึ้น เราก็จะได้ข้อสรุปอันเป็นที่สุดว่าไม่ใช่เลย คำว่า ‘ตัวเรา’ และ ‘ของเรา’ มันก็แค่อุปาทานไปทั้งนั้น

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 15:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
นับถือ คุณ bigtoo และเชื่อว่าคงได้สัมผัสสภาวธรรมจริงๆมาไม่ใช่น้อย
เพราะคนที่จะรู้ซึ้งเข้าถึงความจริงและความลับของลมหายใจ เข้า - ออก ได้ ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆนัก
:b27:
"ลมหายใจ เป็นกุญแจไขความลับของชีวิต"
:b45:
"ถ้าสังเกตพิจารณาลมหายใจเข้า-ออกอย่างใกล้ชิด ความมืดมิดในใจ(อวิชชา)จะมลายพลัน"
:b27:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 15:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
นับถือ คุณ bigtoo และเชื่อว่าคงได้สัมผัสสภาวธรรมจริงๆมาไม่ใช่น้อย


42522.เรามีอะไรกันจริงๆบ้าง?

:b1:

:b13:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
นับถือ คุณ bigtoo และเชื่อว่าคงได้สัมผัสสภาวธรรมจริงๆมาไม่ใช่น้อย
เพราะคนที่จะรู้ซึ้งเข้าถึงความจริงและความลับของลมหายใจ เข้า - ออก ได้ ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆนัก
:b27:
"ลมหายใจ เป็นกุญแจไขความลับของชีวิต"
:b45:
"ถ้าสังเกตพิจารณาลมหายใจเข้า-ออกอย่างใกล้ชิด ความมืดมิดในใจ(อวิชชา)จะมลายพลัน"
:b27:
ใช่แล้วครับลมหายใจเป็นกุญแจสู่ความดับทุกข์

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
asoka เขียน:
:b8:
นับถือ คุณ bigtoo และเชื่อว่าคงได้สัมผัสสภาวธรรมจริงๆมาไม่ใช่น้อย
เพราะคนที่จะรู้ซึ้งเข้าถึงความจริงและความลับของลมหายใจ เข้า - ออก ได้ ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆนัก
:b27:
"ลมหายใจ เป็นกุญแจไขความลับของชีวิต"
:b45:
"ถ้าสังเกตพิจารณาลมหายใจเข้า-ออกอย่างใกล้ชิด ความมืดมิดในใจ(อวิชชา)จะมลายพลัน"
:b27:
ใช่แล้วครับลมหายใจเป็นกุญแจสู่ความดับทุกข์

คุนน้องขอเสริมอีกหน่อย เพื่อนักปฏิบัติใหม่ที่ไม่เข้าถึงสภาวะจริง เขาจะไม่เข้าใจ แล้วจะไปนั่งสังเกตุลมหายใจตัวเองทั้งวันว่าคือการดับทุกข์ คุนน้องว่าเอาแบบนี้ดีกว่า ทำจิตให้เป็นสมาธิตั้งมั่นมีสติอยู่กับหน้าที่ของตน พอจิตมีสมาธิ ปัญญาก็จะเกิดขึ้นเองตามลำดับ :b8:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


บางคนส่องกระจก แต่ไม่ได้เกิดตระหนักรู้ว่า

คนในกระจก ............................ เป็นใคร
สมมุติ ลองหยิบรูปสมัยเด็กมาดู เทียบกับรูปในกระจก

เอ๋ ........ แล้วเราเป็นใครกันแน่

เราเป็นคนในรูปภาพ(ในกระดาษ) หรือเป็นคนในกระจก ............ ดีล่ะ

ถ้าว่า เป็นเราทั้งสองภาพ แล้วเราทำไม ไม่เหมือน กันเป๊ะล่ะ

เรา ... จริงๆ จึง.........................มีแค่ ตอนนี้แหละ

เราพรุ่งนี้ ก็เป็นเราอีกคน

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปมิใช่ตัวตน. ก็หากว่ารูปนี้จักเป็นตัวตนแล้วไซร้ รูปนี้ ก็คงไม่เป็น
ไปเพื่ออาพาธ ทั้งยังจะได้ตามความปรารถนาในรูปว่า ขอรูปของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้
เป็นอย่างนั้นเลย.
ฯลฯ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เวทนา มิใช่ตัวตน.ก็หากเวทนานี้ จักเป็นตัวตนแล้วไซร้ ก็คงไม่เป็นไปเพื่ออาพาธ
ทั้งยังจะได้ตามความปรารถนาว่า ขอเวทนาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
ฯลฯ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สัญญามิใช่ตัวตน. ก็หากสัญญานี้จักเป็นตัวตนแล้วไซร้ ก็คงไม่เป็นไปเพื่ออาพาธ ทั้งยังจะได้
ตามความปรารถนาในสัญญาว่า ขอสัญญาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
ฯลฯ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สังขารมิใช่ตัวตน. ก็หากสังขารนี้ จักเป็นตัวตนแล้วไซร้ ก็คงไม่เป็นไปเพื่ออาพาธ ทั้งยังจะได้
ตามความปรารถนาในสังขารว่า ขอสังขารของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
ฯลฯ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
วิญญาณมิใช่ตัวตน ก็หากวิญญาณนี้ จักเป็นตัวตนแล้วไซร้ ก็คงไม่เป็นไปเพื่ออาพาธ ทั้งยังจะ
ได้ตามความปรารถนาในวิญญาณว่า ขอวิญญาณของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้น
เลย.
ฯลฯ.

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องบังเอิญ ไม่มีในโลก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุ

http://www.dlitemag.com/index.php

ถ้าเป็นคนเขียนบทความเอง ก็แล้วไป

ถ้าไม่ใช่ ควรให้เครดิตกับผู้เขียน


ถึงแม้ว่า จะเป็นธรรมทานก็ตาม เป็นการฝึกจิต ในการ ไม่เอาของใคร หรืออะไร มาเป็นของตัวเอง

นี่แหละ สภาวะ ศิล ที่แท้จริง ไม่ใช่การท่องจำอย่างเดียว


ส่วนที่กล่าวว่า มีเรา หรือ ไม่มีเรา ก็ตาม ล้วนเป็นเพียง สัญญา เพราะจริงๆ ไม่มีทั้ง มีและไม่มี มันแค่รู้ ว่ามีสิ่งเกิดขึ้น เท่านั้นเอง

ถ้ามียึดอยู่ ก็มีเหตุ ไม่มียึด ไม่มีเหตุ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


การดับทุกข์ ในปัจจุบัน มีวิธีสั้นๆ ส่วนจะง่ายหรือยาก บอกไม่ได้ เพราะเหตุแต่ละคน สร้างมาแตกต่างกันไป

การดับทุกข์ ณ ปัจจุบัน ขณะ เพียงหยุดสร้างเหตุ ที่เกิดจาก ความรู้สึก ยินดี ยินร้าย ต่อผัสสะที่เกิดขึ้น ในชีวิต จริงๆนี่แหละ


"มีเรา(เป็นตัวของตัวเอง)" แล้วถึงความดับทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ได้ ก็มี

"ไม่มีเรา(น้อมเอา คิดเอา)" แล้วถึงความดับทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ได้ ก็มี

มีหรือไม่มี ไม่ใช่เรื่องสำคัญ



แนวทางหรือวิธีการ แตกต่างกันไป เกิดจากเหตุปัจจัยของแต่ละคน

ตัวอย่างมีให้เห็นมากมายในสมัยพุทธกาล ให้ขั่วช้าสามานย์แค่ไหน สุดท้าย ถึงความดับทุกข์ เหมือนๆกันหมด

การเกิด ล้วนเป็นทุกข์ ไม่ทุกข์กับชีวิต ก็ทุกข์กับอัตภาพร่างกาย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 29 มิ.ย. 2012, 20:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 19:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
นับถือ คุณ bigtoo และเชื่อว่าคงได้สัมผัสสภาวธรรมจริงๆมาไม่ใช่น้อย


ม่ายยย....เราไม่มีอะไรกัน....จริง ๆ....นะตัวเอง

ที่ชื่นชม..ก็ชมจากใจจริง...ไม่ได้มาหามิตรหาพ้อง...นะ..ตัวเอง

:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 29 มิ.ย. 2012, 21:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 20:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีเราแล้ว...อะไร ๆ ก็มีจริงไปหมดนั้นแหละ...จริงแบบชั่วคราวบ้าง..หรือ..จริงอย่างยั่งยืนบ้าง

แม้ไม่มีเราแล้ว....การที่รู้ว่าเราไม่มี..ก็ยังมีอยู่

แต่ที่ต้องรู้...คือที่ที่เรากำลังยืนอยู่นี้....มันเป็นกองทุกข์...ก็ให้รู้ความจริงว่านี้คือกองทุกข์...

ยืนอยู่บนกองนี้...ทุกข์ก็เป็นทุกข์จริง....เดินลงจากกองนี้ไป...ทุกข์ก็ไม่มีจริงกับเรา

แล้วทำไมถึงไม่พากันลงจากกองนี้กันละ?...ยืนอยู่ทำซากอะไร

ก็มันไม่รู้...ไม่รู้ว่าความอยากได้ชักนำให้ยืนอยู่บนกองทุกข์นี้...ตลอดมา

อยากให้รูปนี้ยั่งยืน..เพราะหลงว่ารูปนี้คือเรา...เราคือรูปนี้


ที่ใจไหลไปในอดีต...ก็เพื่อใช้เป็นบทเรียน..เพราะรักษ์รูป

ที่ใจไหลไปในอนาคต...ก็เพราะรักษ์รูป..

จะเห็นว่า..ที่ใจไหลไปในอดีตก็ดี..ไปในอนาคตก็ดี...ก็เพราะความอยากที่ผิด ๆ

สติปัฏฐาน 4..กาย..เวทนา..จิต..ธรรม...ก็เพื่อให้เห็นความจริงว่า..เหล่านี้ไม่ใช่เรา...มิใช่เพื่อหาว่า...เราไม่มี

ดังนั้น..เมื่อไร้ความอยาก(รักษ์รูป)...อาการไหลไปในอดีตอนาคตก็ไม่มีเพราะไร้เหตุปัจจัย

จะใช้ปัญญา...ก็พิจารณาตัดความอยากเสีย

จะใช้สมถะเพื่อเกิดปัญญา....ก็อยู่นิ่ง ๆ สงบ ๆ เสีย

:b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
:b8:
นับถือ คุณ bigtoo และเชื่อว่าคงได้สัมผัสสภาวธรรมจริงๆมาไม่ใช่น้อย


42522.เรามีอะไรกันจริงๆบ้าง?

:b1:

:b13:


ม่ายยย....เราไม่มีอะไรกัน....จริง ๆ....นะตัวเอง

ที่ชื่นชม..ก็ชมจากใจจริง...ไม่ได้มาหามิตรหาพ้อง...นะ..ตัวเอง

:b32: :b32: :b32:

เอกอนแค่เอาคำถามของเจ้าของกระทู้ มาตอบคำตอบของท่านอโศกะ น่ะ

:b1: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วท่านกบเลิกอยาก... อธิษฐานขอให้ได้มนุษย์สมบัติ นิพพานสมบัติ รึยัง :b32:
คุนน้องเคยผ่านสภาวะช่วงต้นๆที่ละสักกายทิฏฐิใหม่ๆ..พอเบื่อสังขารตนเอง..อารมณ์อยากได้สิ่งของนอกกายก็ลดน้อยลง..วางเฉย.. เพราะมันเป็นสภาวะเริ่มต้นของบุคคลที่เห็นธรรมในอริยสัจ 4 แต่จะเหมือนกันป่าวก็ไม่รู้นะ :b10:
:b44: :b44:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 21:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


มันจะมี ก็ไม่ยึดมั่น
มันจะไม่มี ก็ไม่ยึดมั่น
ไม่ยึดมั่น ก็ไม่ลำเอียงไปทางไหน
ถ้ามันมี ก็รู้ไปตามนั้นว่ามันมี ไม่ต้องคิดว่ามันต้องไม่มี
ถ้ามันไม่มี ก็รู้ไปตามนั้นว่ามันไม่มี ไม่ต้องไปคิดว่ามันต้องมี
ถ้ามันมีก็รู้ ไม่มีก็รู้มันไปตามนั้นแหละ
ไม่ต้องไปสงสัย ว่าจริง ๆ แล้วมันจะต้องมี หรือมันจะต้องไม่มี
เพราะมันจะมี มันก็มีได้ด้วยเหตุปัจจัย
หรือมันจะไม่มี มันก็ไม่มีด้วยเหตุปัจจัย

หากใจมันเป็นอิสระไม่เข้าไปจับในฝากใดฝากหนึ่ง ก็รู้ .. :b12:

ไม่สงสัย
ก็ไม่มีคำถาม
ไม่มีคำถาม
ก็ไม่มีเหตุให้ต้องแสวงหาคำตอบ
ให้คำตอบใด ๆ นั้นกลับมาเป็นความยึดมั่น

:b23: :b23: :b23:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 29 มิ.ย. 2012, 21:57, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 21:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เอกอนแค่เอาคำถามของเจ้าของกระทู้ มาตอบคำตอบของท่านอโศกะ น่ะ

:b1: :b12:

:b32: :b32:

:b32: :b32: อยากบอกว่า...เข้าใจ..

มันเป็นความซุ่กซนของผมเอง....แหละ... :b13: :b13:

เดียวไปแก้ให้...อโสกะจะได้ไม่เข้าใจ..ผิด.. :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร