วันเวลาปัจจุบัน 13 พ.ย. 2025, 22:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 61 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ขอร้องเพลงให้ฟังหน่อยตื่นเถิดชาวไทยอย่ามัวหลับไหล ลุ่มหลง :b43:
ขอกล่าวอะไรหน่อย คนที่จะตั้งจิตอธิษฐานบารมีแล้วเกิดผล ต้องเป็นคนตั้งจิตอธิษฐานโดย ปราศจากกิเลศ
ถ้าสังเกตุคุนน้องจะไม่อธิษฐานว่าขอให้ตัวเองนิพพาน คุนน้องจะใช้ว่า ขอให้บรรลุธรรม หลุดพ้นจากทุกข์ส่วนคนที่อธิษฐานขอให้ตัวเองชาตินี้ ได้นิพพานสมบัติ มนุษย์สมบัติ จบกันชาตินี้ ไปรออธิษฐานอีกชาติหน้าละกัน การจะอธิษฐานสิ่งที่เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ จิตใจจะต้องปราศจากกิเลศหรือกิเลศเบาบางแล้วเท่านั้น ความโลภ..ความหลง.. ความยินดีพอใจในมนุษย์สมบัติจะต้องไม่มี ไม่อย่างงั้นก็ไม่มีทางนิพพานหรอกชาตินี้
แน่นอนที่สุดครับ!การที่เราปรารถนาพระนิพพานที่ปราศจากความรอบรู้ในอริยสัจแล้วนั้น เป็นไปได้อยากครับที่จะไปถึงฝั่งพระนิพพาน และใครก็ตามที่ได้แต่นั่งคอยนั่งอ้อนวอนให้นิพพานมาหาโดยที่ไม่ได้ออกเดินไปบนทางอริยมรรคสักก้าวก็ไม่มีทางถีงฝังแน่นอน และผมเองปรารถนาพระนิพพานและออกเดินบนเส้นทางนี้โดยปราศจากกลัวว่าจะหิวว่าจะอด ขอถือศิลพรหมจรรย์ตลอดชีวิต ไม่ขอเดินถอยหลังอีกต่อไป ขอสัพสัตว์ทั้งหลายหลุดพ้นเถิด

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 01:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
การปฏิบัติธรรมที่ถึงพระนิพานเร็วและตรงที่สุด
1 อธิฐานขอถึงพระนิพพานอย่างเดียวโดยเร็วที่สุดด้วยจิตที่ตั้งมั่น และขบวนการทั้งหมดของธรรมชาติจะจัดสรรให้ท่านเอง


สร้างภพที่เหมาะกับการเข้าถึงการไม่มีภพ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 01:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
ขอร้องเพลงให้ฟังหน่อยตื่นเถิดชาวไทยอย่ามัวหลับไหล ลุ่มหลง :b43:
ขอกล่าวอะไรหน่อย คนที่จะตั้งจิตอธิษฐานบารมีแล้วเกิดผล ต้องเป็นคนตั้งจิตอธิษฐานโดย ปราศจากกิเลศ
ถ้าสังเกตุคุนน้องจะไม่อธิษฐานว่าขอให้ตัวเองนิพพาน คุนน้องจะใช้ว่า ขอให้บรรลุธรรม หลุดพ้นจากทุกข์ส่วนคนที่อธิษฐานขอให้ตัวเองชาตินี้ ได้นิพพานสมบัติ มนุษย์สมบัติ จบกันชาตินี้ ไปรออธิษฐานอีกชาติหน้าละกัน การจะอธิษฐานสิ่งที่เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ จิตใจจะต้องปราศจากกิเลศหรือกิเลศเบาบางแล้วเท่านั้น ความโลภ..ความหลง.. ความยินดีพอใจในมนุษย์สมบัติจะต้องไม่มี ไม่อย่างงั้นก็ไม่มีทางนิพพานหรอกชาตินี้
แน่นอนที่สุดครับ!การที่เราปรารถนาพระนิพพานที่ปราศจากความรอบรู้ในอริยสัจแล้วนั้น เป็นไปได้อยากครับที่จะไปถึงฝั่งพระนิพพาน และใครก็ตามที่ได้แต่นั่งคอยนั่งอ้อนวอนให้นิพพานมาหาโดยที่ไม่ได้ออกเดินไปบนทางอริยมรรคสักก้าวก็ไม่มีทางถีงฝังแน่นอน และผมเองปรารถนาพระนิพพานและออกเดินบนเส้นทางนี้โดยปราศจากกลัวว่าจะหิวว่าจะอด ขอถือศิลพรหมจรรย์ตลอดชีวิต ไม่ขอเดินถอยหลังอีกต่อไป ขอสัพสัตว์ทั้งหลายหลุดพ้นเถิด


คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวที่เป็นมงคลมาก เท่าที่อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะ พระอริยะสงฆ์ของเมืองไทยกล่าวไว้ก็มาก ขออนุโมทนาในความตั้งมั่นบนทางแห่งความหลุดพ้นครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


จากประสบการณ์การเข้าถึงธรรม บารมี10และสัปปายะ7ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ ท่านใดที่ให้เริ่มปฎิบัติควรเข้าไปศึกษาให้มาก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
จากประสบการณ์การเข้าถึงธรรม บารมี10และสัปปายะ7ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ ท่านใดที่ให้เริ่มปฎิบัติควรเข้าไปศึกษาให้มาก

จขกทครับ ผมว่าไปหัดมีสติซะก่อนดีกว่าครับ
การพูดการจาจะได้ดู มีน้ำมีเนื้อมากกว่านี้
เห็นแต่ผักชีโรยหน้าอยู่บนจานเปล่า
หรือว่ากำลังท่องอาขยานอยู่ครับ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
bigtoo เขียน:
การปฏิบัติธรรมที่ถึงพระนิพานเร็วและตรงที่สุด
1 อธิฐานขอถึงพระนิพพานอย่างเดียวโดยเร็วที่สุดด้วยจิตที่ตั้งมั่น และขบวนการทั้งหมดของธรรมชาติจะจัดสรรให้ท่านเอง


ข้าพเจ้าใช้เวลา กว่า ๕๗ ปี(ห้าสิบเจ็ด) ในการรวบรวมข้อมูลจากประสบการณ์ ความรู้ตามหลักวิชาการต่างๆ วิจัย ค้นคว้า ศึกษา ทดลองปฏิบัติ จึงสำเร็จนิพพาน
อธิษฐาน ให้ถึง พระนิพพาน แล้วจะได้ นิพพานนะเหรอ หลอกเด็กละมั้งขอรับ

จ่าศรีอายุเท่าไรครับ ใช้เวลา๕๗ปี สงสัยนั่งสมาธิตั้งแต่อยู่ในท้อง
พอตกฟากถุงน้ำคร่ำแตก จ่าศรีก็เดินได้เลย แถมมีพรหมแดงมารองรับ

ปุดโถ่เอ้ย! จ่าศรีอาริยาก็ขี้โม้พอกัน
อย่าไปว่าจขกทเลยครับ
:b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนธรรมดาๆ เขียน:
bigtoo เขียน:
การปฏิบัติธรรมที่ถึงพระนิพานเร็วและตรงที่สุด
1 อธิฐานขอถึงพระนิพพานอย่างเดียวโดยเร็วที่สุดด้วยจิตที่ตั้งมั่น และขบวนการทั้งหมดของธรรมชาติจะจัดสรรให้ท่านเอง


สร้างภพที่เหมาะกับการเข้าถึงการไม่มีภพ

:b8: :b8: :b8:

เอาเข้าไป :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
จากประสบการณ์การเข้าถึงธรรม บารมี10และสัปปายะ7ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ ท่านใดที่ให้เริ่มปฎิบัติควรเข้าไปศึกษาให้มาก

จขกทครับ ผมว่าไปหัดมีสติซะก่อนดีกว่าครับ
การพูดการจาจะได้ดู มีน้ำมีเนื้อมากกว่านี้
เห็นแต่ผักชีโรยหน้าอยู่บนจานเปล่า
หรือว่ากำลังท่องอาขยานอยู่ครับ :b32:
คอยๆเริ่มครับไปช้าๆ อย่ารีบร้อน สติในพระพุทธศาสนามันลึกซึ้งมาก และมันก็มีหลานระดับ ตั้งแต่ระดับเด็กๆคือระดับรู้แล้วเอาไว้คุยเล่นกัน และรู้แล้วละเลิกได้ แล้วแต่ใครจะอยู่ระดับไหนเหรอ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
จากประสบการณ์การเข้าถึงธรรม บารมี10และสัปปายะ7ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ ท่านใดที่ให้เริ่มปฎิบัติควรเข้าไปศึกษาให้มาก

จขกทครับ ผมว่าไปหัดมีสติซะก่อนดีกว่าครับ
การพูดการจาจะได้ดู มีน้ำมีเนื้อมากกว่านี้
เห็นแต่ผักชีโรยหน้าอยู่บนจานเปล่า
หรือว่ากำลังท่องอาขยานอยู่ครับ :b32:
คอยๆเริ่มครับไปช้าๆ อย่ารีบร้อน สติในพระพุทธศาสนามันลึกซึ้งมาก และมันก็มีหลานระดับ ตั้งแต่ระดับเด็กๆคือระดับรู้แล้วเอาไว้คุยเล่นกัน และรู้แล้วละเลิกได้ แล้วแต่ใครจะอยู่ระดับไหนเหรอ

แค่เริ่มก็เละแล้วครับ มีอย่างหรือครับปรารถนานิพพาน
นิพพาน เขาให้รู้ เขาไม่ได้ให้ปรารถนา(อยาก)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
จากประสบการณ์การเข้าถึงธรรม บารมี10และสัปปายะ7ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ ท่านใดที่ให้เริ่มปฎิบัติควรเข้าไปศึกษาให้มาก

จขกทครับ ผมว่าไปหัดมีสติซะก่อนดีกว่าครับ
การพูดการจาจะได้ดู มีน้ำมีเนื้อมากกว่านี้
เห็นแต่ผักชีโรยหน้าอยู่บนจานเปล่า
หรือว่ากำลังท่องอาขยานอยู่ครับ :b32:
คอยๆเริ่มครับไปช้าๆ อย่ารีบร้อน สติในพระพุทธศาสนามันลึกซึ้งมาก และมันก็มีหลานระดับ ตั้งแต่ระดับเด็กๆคือระดับรู้แล้วเอาไว้คุยเล่นกัน และรู้แล้วละเลิกได้ แล้วแต่ใครจะอยู่ระดับไหนเหรอ

แค่เริ่มก็เละแล้วครับ มีอย่างหรือครับปรารถนานิพพาน
นิพพาน เขาให้รู้ เขาไม่ได้ให้ปรารถนา(อยาก)
เขาเรียกฉันทะครับซึ่งเป็นธรรมกลางๆและถือว่าการตั้งตนไว้ชอบด้วย คือ ถ้าเป็นคนประกอบด้วยความไม่มีสัทธาเป็นต้นมาก่อน การละความไม่มีสัทธาเหล่านั้นเสียแล้ว ตั้งอยู่ในสัทธาเป็นต้น ชื่อว่า อัตตสัมมาปณิธิ ความตั้งคนไว้ชอบ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
จากประสบการณ์การเข้าถึงธรรม บารมี10และสัปปายะ7ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ ท่านใดที่ให้เริ่มปฎิบัติควรเข้าไปศึกษาให้มาก

จขกทครับ ผมว่าไปหัดมีสติซะก่อนดีกว่าครับ
การพูดการจาจะได้ดู มีน้ำมีเนื้อมากกว่านี้
เห็นแต่ผักชีโรยหน้าอยู่บนจานเปล่า
หรือว่ากำลังท่องอาขยานอยู่ครับ :b32:
คอยๆเริ่มครับไปช้าๆ อย่ารีบร้อน สติในพระพุทธศาสนามันลึกซึ้งมาก และมันก็มีหลานระดับ ตั้งแต่ระดับเด็กๆคือระดับรู้แล้วเอาไว้คุยเล่นกัน และรู้แล้วละเลิกได้ แล้วแต่ใครจะอยู่ระดับไหนเหรอ

แค่เริ่มก็เละแล้วครับ มีอย่างหรือครับปรารถนานิพพาน
นิพพาน เขาให้รู้ เขาไม่ได้ให้ปรารถนา(อยาก)
เขาเรียกฉันทะครับซึ้งเป็นธรรมกลางๆและถือว่าการตั้งตนไว้ชอบด้วย คือ ถ้าเป็นคนประกอบด้วยความไม่มีสัทธาเป็นต้นมาก่อน การละความไม่มีสัทธาเหล่านั้นเสียแล้ว ตั้งอยู่ในสัทธาเป็นต้น ชื่อว่า อัตตสัมมาปณิธิ ความตั้งคนไว้ชอบ.

มาอีกแล้วเจื้อยแจ้ว ฉันทะเป็นอาการที่จิตพอใจที่จะกระทำนั้นก็คือการปฏิบัติ
ในที่นี้ก็คืออริยมรรคมีองค์แปด มรรคมีองค์แปดคือแนวทางปฏิบัติมันเป็นงาน(อิทธิบาท)
ที่คุณพูดมาแต่แรกเขาเรียกโลภะ มีเหตุมาจากตัณหา คืออยากได้ที่เป็นอาการของจิต
ที่ไม่เกี่ยวกับการงานหรือปฏิบัติ หรือที่จิ๊กโก๋บอกว่าเอาไว้ก่อนพ่อสอนไว้ :b13:

เอาสัทธามาอีก ยิ่งพูดยิ่งเลอะครับ :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
จากประสบการณ์การเข้าถึงธรรม บารมี10และสัปปายะ7ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ ท่านใดที่ให้เริ่มปฎิบัติควรเข้าไปศึกษาให้มาก

จขกทครับ ผมว่าไปหัดมีสติซะก่อนดีกว่าครับ
การพูดการจาจะได้ดู มีน้ำมีเนื้อมากกว่านี้
เห็นแต่ผักชีโรยหน้าอยู่บนจานเปล่า
หรือว่ากำลังท่องอาขยานอยู่ครับ :b32:
คอยๆเริ่มครับไปช้าๆ อย่ารีบร้อน สติในพระพุทธศาสนามันลึกซึ้งมาก และมันก็มีหลานระดับ ตั้งแต่ระดับเด็กๆคือระดับรู้แล้วเอาไว้คุยเล่นกัน และรู้แล้วละเลิกได้ แล้วแต่ใครจะอยู่ระดับไหนเหรอ

แค่เริ่มก็เละแล้วครับ มีอย่างหรือครับปรารถนานิพพาน
นิพพาน เขาให้รู้ เขาไม่ได้ให้ปรารถนา(อยาก)
เขาเรียกฉันทะครับซึ้งเป็นธรรมกลางๆและถือว่าการตั้งตนไว้ชอบด้วย คือ ถ้าเป็นคนประกอบด้วยความไม่มีสัทธาเป็นต้นมาก่อน การละความไม่มีสัทธาเหล่านั้นเสียแล้ว ตั้งอยู่ในสัทธาเป็นต้น ชื่อว่า อัตตสัมมาปณิธิ ความตั้งคนไว้ชอบ.

มาอีกแล้วเจื้อยแจ้ว ฉันทะเป็นอาการที่จิตพอใจที่จะกระทำนั้นก็คือการปฏิบัติ
ในที่นี้ก็คืออริยมรรคมีองค์แปด มรรคมีองค์แปดคือแนวทางปฏิบัติมันเป็นงาน(อิทธิบาท)
ที่คุณพูดมาแต่แรกเขาเรียกโลภะ มีเหตุมาจากตัณหา คืออยากได้ที่เป็นอาการของจิต
ที่ไม่เกี่ยวกับการงานหรือปฏิบัติ หรือที่จิ๊กโก๋บอกว่าเอาไว้ก่อนพ่อสอนไว้ :b13:

เอาสัทธามาอีก ยิ่งพูดยิ่งเลอะครับ :b6:
การปรารถนาแบบไม่รู้อะไรเป็นอะไรนั้นก็เป็นแบบที่คุณพูดก็ถูก แต่ถ้าปรารถนาเพราะเข้าใจว่าโลกไม่มีแก่นสารอะไร และตั้งตัวอยู่ในศิลธรรมก็น่าจะเป็นการดีนะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรัทธาพิมแบบนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
จากประสบการณ์การเข้าถึงธรรม บารมี10และสัปปายะ7ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ ท่านใดที่ให้เริ่มปฎิบัติควรเข้าไปศึกษาให้มาก

ท่าน bigtoo :b8: คุนน้องเห็นด้วยอย่างยิ่งเกี่ยวกับบารมี10ทัศ ท่านน่าจะลองไปบอกasokaหน่อยเจ้าค่ะ แกมาแย้งคุนน้องว่า ถ้าเกิดมาไม่พิกลพิการ ก็สามารถปฏิบัติให้เข้าถึงพระนิพพาน เลยไม่กล่าวถึงบารมี10ทัศเท่าไหร่เด่วเอาคำพูดอโสกะมาอ้างอิง
asoka เขียน:
สำหรับเรื่องบารมี 10 ทัศ นั้น asoka ไม่เคยเอามาแสดงสักเท่าไหร่เลย เพราะได้เชื่อไปเสียก่อนแล้วว่า
ใครก็ได้ เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา เพศ วัย การแต่งกาย ระดับการศึกษาใดๆ ที่มีบุญจากศีล 5 อันบริสุทธิ์ดีในอดีตชาติ ส่งมาให้ได้เกิดเป็นคน มีอวัยวะครบ 32 ประการ ไม่บ้าใบ้เสียจริต ทุกคนมีสิทธิและมีบารมีถึงที่จะบรรลุถึงนิพพานได้ในปัจจุบันชาตินี้ ถ้าไม่มีโมหะ อวิชชา และมานะทิฏฐิ

อยากรู้จริงๆอโสกะปฏิบัติยังงัยถึงลด มานะทิฏฐิ ลดโมหะ อวิชชา สงสัยจะนั่งหลับตาสงบจิตสงบใจทั้งวี่ทั้งวัน ไม่ต้องทำมาหากินให้เมียหาเลี้ยง สบายเสียจริง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 14:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
จากประสบการณ์การเข้าถึงธรรม บารมี10และสัปปายะ7ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ ท่านใดที่ให้เริ่มปฎิบัติควรเข้าไปศึกษาให้มาก

ท่าน bigtoo :b8: คุนน้องเห็นด้วยอย่างยิ่งเกี่ยวกับบารมี10ทัศ ท่านน่าจะลองไปบอกasokaหน่อยเจ้าค่ะ แกมาแย้งคุนน้องว่า ถ้าเกิดมาไม่พิกลพิการ ก็สามารถปฏิบัติให้เข้าถึงพระนิพพาน เลยไม่กล่าวถึงบารมี10ทัศเท่าไหร่เด่วเอาคำพูดอโสกะมาอ้างอิง
asoka เขียน:
สำหรับเรื่องบารมี 10 ทัศ นั้น asoka ไม่เคยเอามาแสดงสักเท่าไหร่เลย เพราะได้เชื่อไปเสียก่อนแล้วว่า
ใครก็ได้ เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา เพศ วัย การแต่งกาย ระดับการศึกษาใดๆ ที่มีบุญจากศีล 5 อันบริสุทธิ์ดีในอดีตชาติ ส่งมาให้ได้เกิดเป็นคน มีอวัยวะครบ 32 ประการ ไม่บ้าใบ้เสียจริต ทุกคนมีสิทธิและมีบารมีถึงที่จะบรรลุถึงนิพพานได้ในปัจจุบันชาตินี้ ถ้าไม่มีโมหะ อวิชชา และมานะทิฏฐิ

อยากรู้จริงๆอโสกะปฏิบัติยังงัยถึงลด มานะทิฏฐิ ลดโมหะ อวิชชา สงสัยจะนั่งหลับตาสงบจิตสงบใจทั้งวี่ทั้งวัน ไม่ต้องทำมาหากินให้เมียหาเลี้ยง สบายเสียจริง :b32:

:b12: :b12:
อดเหวี่ยงไม่ได้เลยนะ Nongkong อารมณ์ค้างยาวนานจังเลย........ถ้าเป็นชีวิตโลกย์แล้วคงต้องผิดหวังบ่อยๆ หรือไม่ค่อยสมหวังเอามากเลยทีเดียวนะ
:b10: :b10: :b32: :b32:
เรื่องบารมี หรือบารมี 10 ทัศ นั้นเป็นตัวอย่างการบำเพ็ญบารมีของพระบรมศาสดา........เมื่อมาถึงร ะดับสาวกอย่างเราท่านทั้งหลายนี้ ถ้ายังจะมา เอาอย่างและติดตัวอย่างเรื่องบารมี 10 ก็คงจะต้องข้องค้างกันอยู่อีกนาน แล้วก็มีกันเป็นส่วนมากเมื่อปฏิบัติธรรมไปเจอทุกข์อย่างอุกกฤษ วิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ ไม่เพียงพอเลยมาพาลโทษเรื่องบารมี แล้วถอยการปฏิบัติ ไม่มุ่งมั่นทำนิพพานให้แจ้งในชาตินี้
onion onion
สมัยนี้มีใครบ้างที่มีฤทธิ์ล่วงรู้ถึงบารมีที่สร้างสมมาในอดีตว่าถึงระดับไหนแล้ว .......สมัยพุทธกาลก็เห็นมีหลักฐานก็เพียงแต่พระบรมศาสดาเท่านั้นที่ทรงมีญาณล่วงรู้บารมีของคน
:b41:
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นมนุษย์ทุกคนจึงมีสิทธิที่จะคิดคืบลามเอาเองได้ ทั้ง 2 ฝ่าย 2 ทาง ทั้งด้านลบและบวก
เมื่อเชื่อได้ว่าบารมีตนยังไม่ถึงได้.......ทำไมไม่สร้างความเชื่อว่าคุณความดีที่ส่งมาให้เกิดเป็นคนในชาตินี้ เป็นเครื่องรับรองบารมีไว้กลายๆว่า เป็นผู้มีสิทธิบรรลุธรรมหรือทำให้แจ้งพระนิพพานได้ในชาตินี้ นี่ก็เป็นสิ่งที่มีสิทธิที่จะคิด เห็นและให้กำลังใจตัวเองได้ไม่ใช่หรือ จะยังดีกว่ามาคอยบั่นทอนกำลังใจและความเพียรของตนโดยอ้างเรื่องบารมี
ปัจจุบันนี้ทุกคน ขอแต่เพียงว่าให้ได้พบกัลยาณมิตร ชี้บอกทางที่ถูกต้องให้และเป็นพี่เลี้ยงคอยกำกับส่งให้เดินทางไป สำคัญที่ตัวเจ้าของผู้ปฏิบัติจะต้อง เอาจริง ทำจริง มีสติ ปัญญา สมาธิ วิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ อันเยี่ยมยอด พาตนดำเนินไปบนทางจนถึงที่หมาย สถานีแรก คือ โสดาปัตติผล ทีเหลือก็จะรู้จักค้นหาเอาเองได้ไม่ลำบาก

onion
ติดบารมีอะไรข้อไหน ก็แก้ไขมันทำกันให้เต็มที่เสียเลยในเวลาชีวิตที่เหลือของชาติปัจจุบันนี้
จงเชื่อในพุทธภาษิตที่ทรงตรัสไว้ว่า


บุคคล ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร (วิริเยนะ ทุกขมัจเจติ) :b8: onion onion
Onion_L
คำเขียนของน้องคง......
"อยากรู้จริงๆอโสกะปฏิบัติยังงัยถึงลด มานะทิฏฐิ ลดโมหะ อวิชชา สงสัยจะนั่งหลับตาสงบจิตสงบใจทั้งวี่ทั้งวัน ไม่ต้องทำมาหากินให้เมียหาเลี้ยง สบายเสียจริง"
:b15:
อริยะ หรือผู้ที่เตรียมจะเป็นอริยบุคคล เขารู้กิจอันควรด้วยตัวของเขาเองไม่ต้องไปห่วงเขาหรอกนะ ห่วงตัวเองให้มากๆเข้าไว้ดีกว่านะจ๊ะ แล้วก็พึงทราบไว้เสียด้วยว่า คนที่เขาจะมาสนทนาธรรมได้ทุกวี่ทุกวันนั้นเขาต้องนั่งแท่นทางโลกมาพอสมควรแล้ว เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเลี้ยงแม่ได้ไม่ลำบากแล้ว
.......แท่นทางธรรม ก็ควรจะได้นั่งได้สัมผัสมาพอสมควร จึงจะกล้ามาเอื้อนเอ่ยสนทนาธรรม ประกาศธรรมสู่โลกกว้างอย่างอาจหาญ
.......อโสกะปฏิบัติยังงัยถึงลด มานะทิฏฐิ ลดโมหะ อวิชชา ?
อโศกะ ไม่หมายข้ามขั้นเล็งที่ชั้นทำลายมานะทิฏฐิเป็นอันดับแรกอย่างที่น้องคิดน้องเขียนหรอกนะครับ
:b16:
"ชาตินี้ ขอเพียงแต่ให้ทำลายสักกายทิฏฐิ ความเห็นผิด นี้ได้ ปิดประตูอบายเสียให้สนิทก็พึงพอใจแล้วครับ"
:b55: :b53: :b43: :b44: :b44:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 61 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron